"แม่จ๋าเครื่องประดับชุดนี้สวยไหมคะ" หนูจ๋าสวมเครื่องประดับที่คุณย่าเพิ่งส่งมาให้ หญิงสาวเดินออกจากห้องมาอวดผู้เป็นแม่ แม่ปันปันจึงถอนสายตาจากสามีและลูกชาย หันกลับมามองลูกสาว
"สวยจ้ะ สวยมาก แล้วของแม่ที่เอามาให้เมื่อวันก่อนล่ะ หนูไม่ใส่แล้วหรือ"
"ใส่สิคะ เพียงแต่หนูอยากใส่ให้ครบทุกอันที่มี เดี๋ยวคุณย่าจะน้อยใจหาว่าส่งมาให้แล้วหนูไม่ใส่"
แม่ปันปันยื่นมือไปลูบศีรษะลูกสาว ท่านหลุบตามองหน้าท้องของลูกอย่างหนักใจ แม้ลูกยังไม่ปริปากบอกว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร แต่ท่านมั่นใจเหลือเกินว่า ป่านนี้สามีน่าจะรู้แล้วว่าพ่อของเด็กในท้องลูกสาวคือใคร และถ้าป๋าฟ้ารู้แล้ว ชีวิตของผู้ชายคนนั้นก็อาจอยู่ไม่เป็นสุข
เนื่องจากวันนี้เจ้าสี่กุมารไปโรงเรียนทั้งหมด หน้าที่การนำส่งปิ่นโตให้สามีตอนเที่ยงเลยตกเป็นของแม่ปันปัน ท่านปั่นจักรยานเข้าไปหาสามีที่โดมหลังใหญ่ แต่ป๋าฟ้าไม่อยู่ที่นั่น สอบถามจากคนงานก็ได้ความว่า ป๋าฟ้าขับรถไปที่ท้ายไร่ นั่นยิ่งทำให้แม่ปันปันสงสัยว่า ช่วงเวลานี้สามีจะไปที่นั่นทำไม แต่เพราะท่านปั่นจักรยานมา แล้วตอนนี้เป็นช่วงเวลาเที่ยงที่แดดร้อนมาก ท่านจึง
“ป๋าคะ ค่อยๆพูดค่อยๆคุยกันค่ะ เกรงใจผู้หลักผู้ใหญ่นะคะ” ป๋าฟ้ามองหน้าเมียแล้วถอนหายใจแรง“กระต่ายมานั่งที่เดิมก่อน รอผู้ใหญ่คุยกันก่อนลูก” แม่กระแตกลัวว่าป๋าฟ้าอารมณ์ร้อนจะยกเท้าถีบหน้าลูกชายเสียก่อนที่จะได้เจรจาอะไร จึงรีบบอกให้ลูกชายถอยออกมาก่อนพ่อเพชรมองคนหวงลูกด้วยสายตาหมั่นไส้เล็กน้อย แต่ก็พอเข้าใจอารมณ์ห่วงหวงลูกอยู่หรอก เพราะขนาดกระติ๊บบรรลุนิติภาวะแล้วตอนที่ท้องกับพบรักก่อนจะแต่งงานกันนั้น เขาก็ยังโกรธจนอยากจะฆ่าลูกเขยทิ้ง แต่นี่หนูจ๋าเพิ่งสิบเก้า ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ ก็น่าโกรธน่าเคือง น่ากระทืบไอ้กระต่ายน้อยให้ตายคาตีนอยู่หรอก แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ควรต้องให้ความร่วมมือช่วยกันคิดหาทางออก ให้ทุกอย่างมันลงตัวลงเอยด้วยดี ดีกว่าจะตั้งแง่เอะอะมะเทิ่งกันอยู่แบบนี้“ฟ้าอยากให้ทางเรารับผิดชอบอย่างไรว่ามาได้เลยนะ ขออย่างเดียวขออย่าได้ปฏิเสธความรับผิดชอบในครั้งนี้ อาจะไม่สบายใจเลยถ้าฟ้าไม่ยอมรับความรับผิดชอบจากทางเรา”“ผมไม่ต้องการความรับผิดชอบอะไรทั้งนั้นครับคุณอา สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ก็ปล่อยให้มันผ่านเลยไป แต่ผมจ
“ครับๆ พี่จะไปบอกเขาเดี๋ยวนี้ล่ะครับ แต่น้ำฝนต้องปล่อยมือออกก่อนนะครับ หนีบไว้แบบนี้พี่ไปไหนไม่ได้” เพลิงตะวันบอกภรรยาแล้วยิ้มแหยให้เธอ น้ำฝนมองค้อนสามีก่อนจะดึงมือกลับทุกคนมองตามร่างสูงที่เดินไปบอกรถฉุกเฉิน แล้วพากันส่ายหน้ากับความคิดที่พิเรนทร์ของเพลิงตะวันไปตามๆกันรถตู้สองคันแล่นออกจากไร่ภูอิงฟ้ามุ่งหน้าสู่บ้านไร่ปันรัก คันที่นำหน้าเป็นคันของทีมเจรจาสู่ขอ มีพ่อเพชร แม่กระแต พ่อนนท์ แม่พราว เพชรนิล และบุคคลสำคัญที่ทุกคนคิดว่าป๋าฟ้าจะต้องเกรงใจคือ คุณปู่ประภาส คุณย่าแพรวพรรณ ซึ่งทั้งสองท่านรู้จักมักคุ้นกับคุณพ่อคุณแม่ของป๋าฟ้าเป็นอย่างดีส่วนรถตู้ที่ตามหลังคันที่สองนั้นเรียกว่าทีมกำลังใจ บนรถประกอบด้วยเพลิงตะวัน น้ำฝน วาโย กระเต็น พบรัก กระติ๊บ กวีและหนูพรรณ เรียกว่าอัดกำลังใจแน่นมาเต็มคันรถ และพร้อมนำกระต่ายน้อยส่งโรงพยาบาลทันทีหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น“อื้อฮือ! พ่อตาไอ้กระต่ายน้อย เตรียมปืนไว้ยิงฉลองเปิดงานการเจรจาสู่ขอแน่ๆ” เพลิงตะวันว่าติดตลกแต่ทั้งรถไม่มีใครตลกด้วย เพราะเมื่อมองตรงไปยังเฉลียงหน้าบ้านที่รถกำลังเคลื่อนเข้าไปใกล้ก็เห็นว่า ป๋าฟ้าประทับกระบอกป
คนถูกกล่าวหาว่าเป็นสมภารหน้าหงิก หันไปมองซ้าย ไอ้พี่วีก็เงยหน้าหัวเราะลั่นอย่างสะใจ หันไปทางขวา พี่ชายไก่วัดที่ถูกเขาจับกินก็หันมาสบตาเขาทั้งยิ้มเยาะ เออ...ก็แค่เอาน้องมาทำเมีย มันผิดตรงไหนเล่า น้องก็น้องคนละสายเลือด อีกอย่างลุงเพชรเต็มใจยกน้องให้เขาเองด้วย และที่สำคัญ เขาไม่ได้ทำน้องป่องทั้งที่ยังเรียนไม่จบเหมือนไอ้กระต่ายน้อยสักหน่อยเพลิงตะวันถอนหายใจหงุดหงิด เมื่อเถียงไม่ออก เขาก็เลิกคุยกับพวกชอบรุม หันไปหาน้องชายที่ตากำลังจะปิดมิปิดแหล่อยู่“สรุปว่ามึงรักจริงหวังแต่ง แต่เพราะน้องน่ารักเลยอดใจไม่ไหวใช่ไหม” สามหนุ่มใหญ่ที่นั่งฟังเพลิงตะวันเค้นคนเมาพากันส่ายหน้า เรื่องชาวบ้านนี่วุ่นวายกับเขาจริงๆ ไอ้เพลิงเอ๊ย!“ผมพยายามอดใจแล้วนะโว้ย! พี่รู้ไหม ตอนแรกผมไม่กล้าทำอะไรหนูจ๋า ผมกลัวน้องตื่นตกใจ กลัวน้องไม่รัก กลัวน้องไม่มาหา ผมต้องอดทนอดกลั้น ผมโคตรทรมานเลย พี่เพลิงเข้าใจใช่ไหม เข้าใจความทรมานของผมใช่ไหม เข้าใจใช่ไหม” กระต่ายน้อยว่าเสียงอ้อแอ้ พร้อมทั้งใช้กำปั้นตบอกตัวเองดังปึ้กๆเพลิงตะวันยื่นมือไปตบบ่าคนเมาเบาๆ“เออ...พี่เข้าใจ”“พี่เป็นพี่ท
พบรักและกระติ๊บมากับลูกชายวัยสามขวบ และมีเจ้าตัวน้อยอีกคนในท้องเจ็ดเดือน แต่กระติ๊บก็ยังเดินทางมา เพราะเธอเป็นห่วงพี่ชายกวีเดินทางมากับหนูพรรณ พี่พร้อม น้องพริ้ง รวมถึงเจ้าแฝดชายหญิงวัยสี่ขวบเพลิงตะวันและน้ำฝน เจ้าน้ำพุวัยหกขวบ พ่อนนท์ แม่พราวเป็นเจ้าภาพต้อนรับญาติๆที่ไร่ภูอิงฟ้าเมื่ออยู่กันครบองค์ประชุม แม่กระแตจึงบอกกับทุกคนว่าตอนนี้ได้หมั้นหมายหนูจ๋าไว้แล้ว แต่จะต้องมีการไปพูดคุยเจรจาตกลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแม่กระแตนัดไว้เป็นวันพรุ่งนี้พอได้ยินแม่ว่ามาเช่นนั้น กระต่ายน้อยก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจ เขาตื่นเต้นตั้งแต่ได้เห็นรูปหนูจ๋าที่เพลิงตะวันส่งมาให้ดูแล้ว ที่จริงเขาอยากขับรถไปหาเธอ อยากจูบ อยากหอม อยากกอดประคองเธอไว้แนบอก แต่เพราะมารดาห้ามไว้ว่าให้รออยู่เฉยๆก่อน ห้ามเสนอหน้าไปให้พ่อจ๋าของหนูจ๋าเห็นก่อนถึงเวลาอันควร เพราะหากเขาเข้าไปที่นั่นอีกครั้ง ครั้งนี้อาจจะไม่แค่นอนโรงพยาบาลก็ได้ แต่อาจจะต้องจองศาลา จองวัดไว้ให้นอนกันเลยทีเดียว แล้วก็เป็นการนอนแบบหลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้นด้วยณ ไร่ภูอิงฟ้ายามค่ำ...หลังจาก
หนูจ๋าเปิดกล่องโน้นกล่องนี้ จับชิ้นนั้นชิ้นนี้มาทาบลอง มือเรียวบางจับเครื่องประดับแต่ละชิ้นอย่างทะนุถนอม เธอชื่นชมด้วยสายตาและการสัมผัสอย่างมีความสุข เธอทำราวกับโลกนี้มีแค่เธอกับกองเครื่องเพชรเครื่องพลอยมูลค่าพันล้านตรงหน้าเพลิงตะวันนั่งมองน้องสะใภ้แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า ช่างแพ้ท้องได้สมฐานะลูกสะใภ้พ่อเพชรและแม่กระแตเหลือเกิน ชายหนุ่มมองซ้ายขวา ก่อนล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เหลือบมองคนโน้นคนนี้ดูท่าทีลาดเลา เมื่อไม่มีใครมองมาทางเขา เขาจึงกดถ่ายรูปหนูจ๋าหลายๆรูปแล้วส่งไปให้น้องชายหนูจ๋าเลือกเครื่องเพชรอยู่นาน เธอรู้สึกว่าชิ้นโน้นก็สวยชิ้นนี้ก็ดี เธอตัดสินใจเลือกไม่ถูก ใจเธออยากเก็บเอาไว้ทั้งหมด แต่มันมากเกินไป แม่กระแตจะมองเธอว่าโลภมากหรือเปล่า เมื่อเลือกไม่ได้ เพราะว่าอยากเก็บไว้ทั้งหมด หนูจ๋าจึงทำหน้าหงอยคิดหนัก แม่กระแตเห็นดังนั้นจึงแย้มยิ้มก่อนเอ่ยถามว่า“ไม่ถูกใจซักชิ้นหรือจ๊ะ ถ้างั้นเดี๋ยวแม่ให้คนเอามาให้เลือกใหม่นะ”หนูจ๋าเงยหน้าสบตาผู้สูงวัย เธอส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนบอกเสียงเบาว่า“หนูชอบทุกชิ้นเลยค่ะคุณแม่ สวยทุกชิ้นเลยค่ะ แต่หนูคงไม่กล
เมื่อได้เข้ามานั่งอยู่ในห้องรับแขกของบ้าน แม่กระแต แม่พราว และเพลิงตะวันก็พอจะหายใจได้โล่งคอหน่อย เพราะไม่มีหน้าโหดๆตาดุๆของป๋าฟ้าคอยจับตามอง แม่กระแตนั่งโซฟายาวตัวเดียวกับแม่ปันปัน เพลิงตะวันนั่งข้างแม่พราว “พี่จะไม่อ้อมค้อมนะปันปัน ที่พี่มาวันนี้ก็เพราะอยากมาคุยเรื่องหนูจ๋ากับกระต่ายลูกชายของพี่” แม่กระแตพูดพร้อมกับกุมมือของแม่ปันปันไว้ ทั้งสองมองตากันแล้วต่างถอนหายใจ “พี่ขอโทษแทนลูกชายด้วย ที่เขาทำให้หนูจ๋าต้องเสื่อมเสีย กระต่ายต้องรับผิดชอบหนูจ๋า และพี่เองในฐานะที่เป็นแม่ก็ขอรับผิดชอบทุกอย่าง ปันปันอยากให้พี่ทำอะไร ยังไง จะให้ยกขันหมากมาสู่ขอเลยหรือต้องการสินสอดเท่าไหร่ว่ามาได้เลยพี่ไม่ขัดข้อง” แม่ปันปันตบหลังมือแม่กระแตเบาๆ ยิ้มน้อยๆก่อนตอบว่า “เรื่องนี้หนูตัดสินใจคนเดียวไม่ได้หรอกค่ะพี่กระแต คงต้องปรึกษาป๋าฟ้าก่อนค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นเรียกคุณฟ้ามาคุยด้วยกันตอนนี้เลยได้ไหม มาพูดคุยกันเบื้องต้นก่อน แล้วเราค่อยนัดวันมาพูดคุยกันอย่างเป็นท