“ตั้งสติหน่อยพิชญนรี” พิชญนรีบอกกับตัวเองแล้วลองเดินไปเขย่าประตู มันล็อกจากด้านนอก ไม่กี่นาทีต่อมา ร่างกายเธอก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ มันผ่าวร้อนและทำให้เธอไร้เรี่ยวแรงจนทรุดไปนั้งกับพื้น เธอมองรอบตัวอีกครั้ง อย่างไรก็ไม่ยอมเป็นเหยื่อง่ายๆ เด็ดขาด! เสี่ยกำธรเดินเข้ามาในห้องรับแขก เขากระตุกยิ้มเมื่อเห็นปรินทรนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แม้จะสวมเสื้อยืดทับด้วยแจ็ตเก็ตสูทเรียบๆ แต่ก็ดูโดดเด่นไม่เหมือนผู้ชายที่จะมาเที่ยวซ่องเท่าไหร่นัก“ลมอะไรหอบเสี่ยมังกรมาถึงที่นี่ละครับเนี้ย” เสี่ยกำธรพูดราวอายุเท่านั้น ทั้งที่อีกฝ่ายรุ่นลูกด้วยซ้ำไป“ผมมาซื้อของ” ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ“ของแบบไหนที่คนระดับเสี่ยมังกรต้องมาซื้อเองแบบนี้ครับ”“ผู้หญิง”“ผู้หญิง?” เสี่ยกำธรถึงหัวเราะออกมา“ผู้หญิงคนที่นายนิพัฒน์เอามาขายนั้นแหละ” เขาพูดตรงไปตรงมา ต้องการปิดเกมให้เร็วที่สุด เธอถูกจับตัวมาตั้งแต่เมื่อวาน ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง“เสี่ยมังกรหูไวตาไวไม่เบา ของเพิ่งมาถึงผมมือก็รู้ไปถึงหูเสี่ยมังกรแล้ว”ปรินทรส่ายหน้าไปมา “เสี่ยจะเอายังไงก็ว่ามาเถอะ ผมอยากเห็นของชิ้นนั้นแล้ว”“แสดงว่าสำคัญมากถึงข
เมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้านก็เกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ปรินทรแกะมือของเธอที่หนึบหนับอย่างกับหนวดปลาหมึกออกจากร่างตนเองแล้วลงจากรถ เขาไม่ให้ใครเข้ามาช่วย รีบอุ้มร่างที่เปียกชื้นจนเหมือนจะเปลือยเปล่าแล้วเดินเข้ามาในบ้าน“พ่อล่ะ” เขาถามเด็กรับใช้ที่รอเปิดประตูให้“คุณท่านเข้าห้องนอนแล้วเจ้าคะ”เขาเหลือบตามองเด็กรับใช้ประเมินด้วยสายตา เล่นเอาเด็กสาวเขินอายจนหน้าแดงจัด“เอาเสื้อผ้าเธอมาให้ฉันชุดนึง”“อะไรนะคะ?”“ได้ยินแล้วนี่”“ค่ะๆ”ปรินทรอุ้มร่างของพิชญ์นรีไปที่ห้องนอนของเขา หญิงสาวหอบหายใจแรง ใบหน้าหวานแดงจัด เธอแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง รู้สึกลำคอแห้งผากไปหมด และเนื้อตัวก็คันยุบยิบเหมือนมีอะไรไต่ เธอถอดเสื้อผ้าตัวเองออกอย่างรวดเร็ว“เฮ้ย!” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง มองหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางห้องที่บนตัวเหลือเพียงชุดชั้นในลูกไม้สีหวานเท่านั้น“มันคัน คันยุบยิบไปทั้งตัว” เธอลูบเนื้อตัวของตนเอง“รู้แล้ว” ปรินทรส่ายหน้าไปมา ไปโดนยาเม็ดไหนเข้าไปนะ เขาหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าไปหาแต่เธอกลับยื่นมือไปประคองใบหน้าเขาไว้แล้วเขย่งปลายเท้าจูบริมฝีปากเขา ชายหนุ่มถึงกับตกใจไปอึดใจ ลิ้นเล็กๆ ตวัดเลียริมฝ
เปลือกตาที่ปิดอยู่ค่อยๆกะพริบตา หญิงสาวปรับสายตากับความมืดในรอบกายจนพอมองเห็นทุกสิ่งในห้องได้ชัดขึ้น ห้องนอนที่ค่อนข้างกว้าง ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ผิดกับที่เธอเจอมาก่อนหน้านี้ พิชญนรีไม่อยากคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเจออะไรมา ทำไมเธอต้องมาเจอเคราะห์กรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เหมือนน้ำตาจะรื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธอพยายามกลั้นมันไว้ เปล่าประโยชน์ที่จะมาร้องไห้ในเวลาแบบนี้ร่างบางรู้สึกถึงวงแขนที่กระชับรั้งเธอกอดแนบแน่นขึ้น หญิงสาวตัวเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อนึกได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ตามลำพังบนเตียงนุ่มนี้ มือเรียวกอดผ้าห่มไว้ราวกับเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจะขยับตัวหนีแต่มือแข็งแกร่งกอดเธอแน่นขึ้นจนเธอไม่กล้าหันกลับไปมอง“ยังไม่เช้าหรอก นอนต่ออีกสักนิดเถอะ”น้ำเสียงที่พูดแผ่วๆ อยู่ข้างหูทำให้พิชญ์นรีต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น สมองยังสับสนไม่รู้ว่าต้นสายปลายเหตุเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่เหมือนคนตัวใหญ่ที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลังจะรับรู้ เขาเพียงกอดเธอแน่นขึ้นอย่างหวงแหน แรงสั่นสะเทือนน้อยๆ นั้นปลุกให้เขาตื่นนานแล้ว“ที่นี่...ที่ไหนคะ” “บ้านพ่อของผมเอง” เขาพึมพำแล้วลูบผมเธอเบาๆ “นี่ห้องนอนผม”
ปรินทรไม่รู้ว่าทำไมตัวเองหงุดหงิด โมโห น้อยใจ อีกสารพัดความรู้สึกที่เกิดขึ้น เขาเดินตัวเปล่าไปหยิบเสื้อผ้าที่เด็กรับใช้เอามาให้หญิงสาวแล้วคลี่ออกดู มันเป็นเพียงเสื้อยืดกับผ้านุ่งสีพื้น เสื้อผ้าที่เธอใส่มาสภาพมันก็แทบกลายเป็นผ้าขี้ริ้ว เขาถอนหายใจเบาๆ เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าตัวเอง หยิบเสื้อยืดตัวใหญ่ของเขาออกมาจากตู้ ตัวนี้คงพอให้เธอใส่ไปก่อน แล้วค่อยให้เด็กไปหาซื้อเสื้อผ้าดีๆให้เธอใส่สักชุดเขาเดินกลับมาจะเอาเสื้อมาให้ แต่พอเห็นก้อนผ้าห่มบนเตียงก็ทำหน้าไม่ถูก ทั้งที่เมื่อครู่โกรธเธอจะแย่ แต่เห็นแบบนี้แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เขานั่งลงที่เตียงข้างก้อนผ้าห่มแล้วโน้นหน้าลงไปค่อยๆ ดึงผ้าห่มออกจากศีรษะของเธอ“เดี๋ยวก็ขาดอากาศหายใจหรอก ผมไม่อยากให้ใครมาตายบนที่นอนผมนะ”“คุณ...คุณ...คุณไม่ใส่เสื้อผ้า”“ฮืม คุณก็ไม่ได้ใส่นี่จะอายทำไม เราเสมอกันนะ” เขากลั้นหัวเราะหญิงสาวโผล่หน้าออกมาแล้วจ้องมองใบหน้าของเขาก่อนค่อยๆไล่สายตาไปที่แผงอกกว้างและ..ท่อนล่างของเขากับบางสิ่งที่มันทำให้เธออ้าปากค้างแล้วมุดกลับเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง“คุณช่วยนุ่งอะไรหน่อยได้ไหม” เธอส่งเสียงมาจากใต้ผ้าห่มผู้หญิงคนนี้ประ
“คุณแพ้กุ้งไหม?”“อะไรนะคะ” เธอถามกลับเมื่อตั้งสติได้“ในครัวทำข้าวต้มกุ้ง”“อ้อ พั้นซ์ทานได้ค่ะ ไม่ได้แพ้กุ้ง” หญิงสาวตอบแล้วก็มองเห็นเดินมานั่งที่ขอบเตียง ตบที่ว่างข้างๆเหมือนเรียกลูกแมวและเธอก็เดินเข้าไปอย่างแสนเชื่อง มือใหญ่รั้งให้เธอนั่งลงบนตักแล้วลูบผมเธอเบาๆ“ตกใจ?”“ค่ะ” เธอเริ่มชินกับวิธีการพูดของเขา สั้นๆ ได้ใจความ เป็นทั้งคำบอกเล่าและประโยคคำถามในคราวเดียว“อย่าห่วงเลย ผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นกับคุณอีก” “ไม่เป็นไรคะ พั้นซ์จะพยายามช่วยตัวเองให้ได้” หญิงสาวขมวดคิ้ว เขาจะได้อะไรกับการช่วยเธอ เสียงหัวเราะในลำคอของเขาทำให้เธอหน้ามุย แต่ก็ยังยืนว่าจะดูแลตัวเองให้ได้“ถ้าเมื่อวานผมไปไม่ทัน ป่านนี้คุณจะเป็นยังไง” ปลายนิ้วเกี่ยวพันเส้นผมเธอแล้วดึงเล่นเบาๆ“จริงๆแล้ว พั้นซ์ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยค่ะ” เธอสารภาพไปตามตรง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่“คุณพร้อมจะฟังหรือยังล่ะ” เขาถามแล้วกอดเธอไว้ราวกับกลัวเธอจะรับความจริงไม่ได้ แต่เมื่อหญิงสาวพยักหน้า เขาก็เอ่ยปากเล่า“นายนิพัฒน์เป็นหนี้พนันในคาสิโน่ของพ่อผมอยู่สองแสนห้า เขาเสนอให้คุณเป็นสินค้าใช้แทนหนี้เค้าบอกใครต่
ปรินทรเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องทำอะไรมากเพียงนี้ เพราะคราบเลือดจางๆ บนที่นอนเขานะหรือ? สงสารหรือเห็นใจล่ะ? คนอย่างนายปรินทรเคยรู้สึกอะไรแบบนี้ด้วยหรือไง ชายหนุ่มหงุดหงิดตัวเอง ไม่อยากคิดใคร่ครวญหาคำตอบในเวลานี้ เขาสั่งให้คนขับรถจอดที่ร้านขายเสื้อผ้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง จำได้ว่าเคยมากับแม่ตอนที่แม่ยังอยู่ แต่ก็นานมากแล้วจริงๆ เดินเข้าไปในร้านแล้วก็ชี้ๆ เอาเสื้อผ้าสองสามชุดเผื่อให้หญิงสาว รวมทั้งชุดชั้นในด้วย สีหน้าเรียบนิ่งเล่นเอาพนักงานเองก็ไม่กล้าชวนคุยอะไร“เอ่อ...ใช่คุณมังกร ลูกชายคุณจำปาหรือเปล่าจ๊ะ”“ครับ”ปรินทรพยักหน้ารับ แปลกใจที่มีคนจำแม่ของเขาได้อยู่ ไม่ค่อยมีใครทักเขาแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่จะทักเขาว่าใช่ลูกกำนันทรงชัยหรือเปล่า“ไม่เจอกันนาน โตเป็นหนุ่มขนาดนี้เชียว” เจ้าของร้านเป็นหญิงวัยห้าสิบกว่าๆ “ป้ามารศรีจ๊ะ หลานคงจำไม่ได้แล้วมั้ง”“ป้ามารศรีที่ย้อมผ้าไหมหรือเปล่าครับ” เขาถามกลับอย่างไม่แน่ใจ“ใช่ๆ ป้าเองจ๊ะ แก่แล้วไม่มีแรงย้อมผ้าเองแล้ว เลยมาช่วยงานหน้าร้านแทน มาเยี่ยมพ่อหรือจ๊ะ”“ครับ” เขาโกหก มาเพราะโดนพ่อตามตัวมากกว่า“มีลูกมีเมียหรือยังละ”“ผมยังไ
พิชญนรีคิดว่าเขาไม่ได้พูดเกินจริงไปเลยสักนิด บ้านของเขาหรือของพ่อเขานั้นมันกว้างขวางใหญ่โตเสียเหลือเกิน แถมเป็นบ้านไม้สักทั้งหลังแลดูสง่างามไม่เหมือนบ้านคนธรรมดาทั่วไป ชายหนุ่มกระชับมือเธอไว้แน่นแล้วพาเดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร ดูท่าพ่อจะ “จัดเต็ม” เพราปกติจะใช้ห้องนี้แค่รับแขกเท่านั้น ส่วนเวลาธรรมดาก็กินข้าวในห้องเล็กมากกว่า หญิงสาวเห็นชายวัยกลางคนนั่งที่เก้าอี้หัวโต๊ะ ปรินทรพาเข้าไปใกล้ เลื่อนเก้าอี้ให้ แต่หญิงสาวยกมือไหว้ออย่างมีมารยาทก่อนจะนั่งลง กำนันทรงชัยมองอย่างพิเคราะห์แล้วก็แอบพอใจอยู่ไม่น้อย ไม่แปลกใจเลยที่ลูกชายจะยอมอยู่บ้านนี้เพียงเพื่อดูแลผู้หญิงคนเดียว เพราะไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดานี่เอง “เป็นยังไง เมื่อคืนหลับสบายไหม?”“หลับสบายดีค่ะ ขอบพระคุณค่ะ”“พ่อ” ปรินทรเรียกไว้ไม่อยากให้พ่อซักอะไรมากนัก “อะไร” กำนันทรงชัยเสียงขุ่นที่ถูกดักคอ“เปล่าแค่จะแนะนำให้รู้จัก นี่พิชญนรี, พั้นซ์ครับนี่พ่อผม รู้จักกันในชื่อกำนันทรงชัย”“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้อีกครั้ง“ไหว้พระเถอะ หน้าตาน่าเอ็นดู เป็นอะไรกับไอ้มังกรมันล่ะ” “เอ่อ...” หญิงสาวอึกอักพูดอะไรไม่ออก
ใบหน้าคมเข้มก้มลงทาบริมฝีปากกับริมฝีปากของหญิงสาว ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ เพียงริมฝีปากนั่นขมเม้มริมฝีปากเธอเบาๆ อย่างหยอกล้อก็ทำเอาหญิงสาวแทบเข่าอ่อน เขาถอนจูบแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์“แบบนี้สนุกกว่า”เขาตอบ จะชวนเธอกลับไปห้องเขาก็กระไรอยู่ เลยดึงมือให้มาไปเดินเล่นที่นอกบ้าน มีมุมนั่งเล่นที่แม่เขาเป็นคนทำไว้ โต๊ะรับแขกและเก้าอี้แบบชิงช้าดูเข้ากับบรรยากาศ ยามบ่ายไม่ร้อนจัดเพราะมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา เขาหันไปเรียกเด็กรับใช้ที่ยืนรอรับคำสั่ง“ไปเอาเครื่องดื่มกับของว่างมาหน่อย”“เจ้าคะ”พิชญ์นรีรอจนเด็กรับใช้ออกไปแล้วค่อยพูดกับเขา “เราเพิ่งกินข้าวไปนะคะ อิ่มมากด้วย”“เอาเถอะ แค่น้ำกับขนม” เธอนี่มักน้อยเสียจริง เขาส่ายหน้าไปมา “ผมต้องคุยกับคุณ”“ค่ะ” หญิงสาวสูดลมหายใจแล้วตั้งสติ “นายนิพัฒน์แอบหนีไปได้ ตอนนี้ลูกน้องผมตามตัวอยู่ ระหว่างนี้เพื่อความปลอดภัยของคุณ คุณต้องอยู่กับผมก่อน”“อยู่กับคุณ? ในฐานะอะไรคะ? ลูกหนี้เหรอ?”ปรินทรขมวดคิ้ว “เป็นเมียผมไง”“มะ..เมีย...คุณ” เธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า“ผู้หญิงที่ไหนก็อยากเป็นเมียผมทั้งนั้นแหละ” เขาพูดหน้าตาเฉย แต่ไม่ได้พูดทั้งหมด
ปรินทรพาพิชญนรีกลับกรุงเทพฯ ด้วยรถตู้ส่วนตัว หญิงสาวได้แต่นั่งนิ่งในรถตลอดทาง ส่วนชายหนุ่มก็นั่งทำงานผ่านโน้ตบุ๊คแทบตลอดเวลา เธอเหลือบมองเขานิดๆไม่ให้เขารู้ตัว แม้จะสวมเสื้อเชิ้ตสบายๆ แต่ก็ยังดูเรียบหรู ดูดีตลอดเวลา รถจอดแวะบ้าง แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันจนรถเคลื่อนเข้ามาสู่เขตกรุงเทพฯ แล้ว“เอ่อ...”“มีอะไร” เขาถามทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าจากจอโน้ตบุ๊ค“พั้นซ์ต้องอยู่กับคุณใช่ไหมคะ”“ฮืม” เขาตอบรับเป็นเพียงเสียงในลำคอ“ถ้าอย่างนั้น พั้นซ์อยากแวะไปเก็บของที่บ้านก่อนได้ไหมคะ”ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองหญิงสาวที่นั่งนิ่งเงียบมาตลอดทาง พิชญนรีไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่ก็หลบสายตาคู่คมที่หากจ้องนานเกินไป เธอต้องหวั่นไหวแน่ๆ“พรุ่งนี้ผมจะให้คนไปส่งก็แล้วกัน”“ไม่เป็นไรคะ พั้นซ์ไปคนเดียวก็ได้”“ไม่ได้” เขาตวัดเสียงตอบจนหญิงสาวสะดุ้ง พอรู้ตัวว่าทำให้เธอตกใจเขาก็แอบถอนหายใจเบาๆ “หากนายนิพัฒน์ไปดักทำร้ายคุณจะทำยังไง”“เอ่อ...”“คุณยังเป็นหนี้ผมอยู่นะ อย่าลืมซิ”“ค่ะ”พิชญนรีเม้มปากแน่นจนเรียบตึงแล้วจมดิ่งกับความเงียบของตัวเอง เตือนตัวเองว่าเผลอใจไปกับเขาเพราะเขามองเธอเป็นสินค้าที่
ใบหน้าคมเข้มก้มลงทาบริมฝีปากกับริมฝีปากของหญิงสาว ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ เพียงริมฝีปากนั่นขมเม้มริมฝีปากเธอเบาๆ อย่างหยอกล้อก็ทำเอาหญิงสาวแทบเข่าอ่อน เขาถอนจูบแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์“แบบนี้สนุกกว่า”เขาตอบ จะชวนเธอกลับไปห้องเขาก็กระไรอยู่ เลยดึงมือให้มาไปเดินเล่นที่นอกบ้าน มีมุมนั่งเล่นที่แม่เขาเป็นคนทำไว้ โต๊ะรับแขกและเก้าอี้แบบชิงช้าดูเข้ากับบรรยากาศ ยามบ่ายไม่ร้อนจัดเพราะมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา เขาหันไปเรียกเด็กรับใช้ที่ยืนรอรับคำสั่ง“ไปเอาเครื่องดื่มกับของว่างมาหน่อย”“เจ้าคะ”พิชญ์นรีรอจนเด็กรับใช้ออกไปแล้วค่อยพูดกับเขา “เราเพิ่งกินข้าวไปนะคะ อิ่มมากด้วย”“เอาเถอะ แค่น้ำกับขนม” เธอนี่มักน้อยเสียจริง เขาส่ายหน้าไปมา “ผมต้องคุยกับคุณ”“ค่ะ” หญิงสาวสูดลมหายใจแล้วตั้งสติ “นายนิพัฒน์แอบหนีไปได้ ตอนนี้ลูกน้องผมตามตัวอยู่ ระหว่างนี้เพื่อความปลอดภัยของคุณ คุณต้องอยู่กับผมก่อน”“อยู่กับคุณ? ในฐานะอะไรคะ? ลูกหนี้เหรอ?”ปรินทรขมวดคิ้ว “เป็นเมียผมไง”“มะ..เมีย...คุณ” เธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า“ผู้หญิงที่ไหนก็อยากเป็นเมียผมทั้งนั้นแหละ” เขาพูดหน้าตาเฉย แต่ไม่ได้พูดทั้งหมด
พิชญนรีคิดว่าเขาไม่ได้พูดเกินจริงไปเลยสักนิด บ้านของเขาหรือของพ่อเขานั้นมันกว้างขวางใหญ่โตเสียเหลือเกิน แถมเป็นบ้านไม้สักทั้งหลังแลดูสง่างามไม่เหมือนบ้านคนธรรมดาทั่วไป ชายหนุ่มกระชับมือเธอไว้แน่นแล้วพาเดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร ดูท่าพ่อจะ “จัดเต็ม” เพราปกติจะใช้ห้องนี้แค่รับแขกเท่านั้น ส่วนเวลาธรรมดาก็กินข้าวในห้องเล็กมากกว่า หญิงสาวเห็นชายวัยกลางคนนั่งที่เก้าอี้หัวโต๊ะ ปรินทรพาเข้าไปใกล้ เลื่อนเก้าอี้ให้ แต่หญิงสาวยกมือไหว้ออย่างมีมารยาทก่อนจะนั่งลง กำนันทรงชัยมองอย่างพิเคราะห์แล้วก็แอบพอใจอยู่ไม่น้อย ไม่แปลกใจเลยที่ลูกชายจะยอมอยู่บ้านนี้เพียงเพื่อดูแลผู้หญิงคนเดียว เพราะไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดานี่เอง “เป็นยังไง เมื่อคืนหลับสบายไหม?”“หลับสบายดีค่ะ ขอบพระคุณค่ะ”“พ่อ” ปรินทรเรียกไว้ไม่อยากให้พ่อซักอะไรมากนัก “อะไร” กำนันทรงชัยเสียงขุ่นที่ถูกดักคอ“เปล่าแค่จะแนะนำให้รู้จัก นี่พิชญนรี, พั้นซ์ครับนี่พ่อผม รู้จักกันในชื่อกำนันทรงชัย”“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้อีกครั้ง“ไหว้พระเถอะ หน้าตาน่าเอ็นดู เป็นอะไรกับไอ้มังกรมันล่ะ” “เอ่อ...” หญิงสาวอึกอักพูดอะไรไม่ออก
ปรินทรเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องทำอะไรมากเพียงนี้ เพราะคราบเลือดจางๆ บนที่นอนเขานะหรือ? สงสารหรือเห็นใจล่ะ? คนอย่างนายปรินทรเคยรู้สึกอะไรแบบนี้ด้วยหรือไง ชายหนุ่มหงุดหงิดตัวเอง ไม่อยากคิดใคร่ครวญหาคำตอบในเวลานี้ เขาสั่งให้คนขับรถจอดที่ร้านขายเสื้อผ้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง จำได้ว่าเคยมากับแม่ตอนที่แม่ยังอยู่ แต่ก็นานมากแล้วจริงๆ เดินเข้าไปในร้านแล้วก็ชี้ๆ เอาเสื้อผ้าสองสามชุดเผื่อให้หญิงสาว รวมทั้งชุดชั้นในด้วย สีหน้าเรียบนิ่งเล่นเอาพนักงานเองก็ไม่กล้าชวนคุยอะไร“เอ่อ...ใช่คุณมังกร ลูกชายคุณจำปาหรือเปล่าจ๊ะ”“ครับ”ปรินทรพยักหน้ารับ แปลกใจที่มีคนจำแม่ของเขาได้อยู่ ไม่ค่อยมีใครทักเขาแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่จะทักเขาว่าใช่ลูกกำนันทรงชัยหรือเปล่า“ไม่เจอกันนาน โตเป็นหนุ่มขนาดนี้เชียว” เจ้าของร้านเป็นหญิงวัยห้าสิบกว่าๆ “ป้ามารศรีจ๊ะ หลานคงจำไม่ได้แล้วมั้ง”“ป้ามารศรีที่ย้อมผ้าไหมหรือเปล่าครับ” เขาถามกลับอย่างไม่แน่ใจ“ใช่ๆ ป้าเองจ๊ะ แก่แล้วไม่มีแรงย้อมผ้าเองแล้ว เลยมาช่วยงานหน้าร้านแทน มาเยี่ยมพ่อหรือจ๊ะ”“ครับ” เขาโกหก มาเพราะโดนพ่อตามตัวมากกว่า“มีลูกมีเมียหรือยังละ”“ผมยังไ
“คุณแพ้กุ้งไหม?”“อะไรนะคะ” เธอถามกลับเมื่อตั้งสติได้“ในครัวทำข้าวต้มกุ้ง”“อ้อ พั้นซ์ทานได้ค่ะ ไม่ได้แพ้กุ้ง” หญิงสาวตอบแล้วก็มองเห็นเดินมานั่งที่ขอบเตียง ตบที่ว่างข้างๆเหมือนเรียกลูกแมวและเธอก็เดินเข้าไปอย่างแสนเชื่อง มือใหญ่รั้งให้เธอนั่งลงบนตักแล้วลูบผมเธอเบาๆ“ตกใจ?”“ค่ะ” เธอเริ่มชินกับวิธีการพูดของเขา สั้นๆ ได้ใจความ เป็นทั้งคำบอกเล่าและประโยคคำถามในคราวเดียว“อย่าห่วงเลย ผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นกับคุณอีก” “ไม่เป็นไรคะ พั้นซ์จะพยายามช่วยตัวเองให้ได้” หญิงสาวขมวดคิ้ว เขาจะได้อะไรกับการช่วยเธอ เสียงหัวเราะในลำคอของเขาทำให้เธอหน้ามุย แต่ก็ยังยืนว่าจะดูแลตัวเองให้ได้“ถ้าเมื่อวานผมไปไม่ทัน ป่านนี้คุณจะเป็นยังไง” ปลายนิ้วเกี่ยวพันเส้นผมเธอแล้วดึงเล่นเบาๆ“จริงๆแล้ว พั้นซ์ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยค่ะ” เธอสารภาพไปตามตรง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่“คุณพร้อมจะฟังหรือยังล่ะ” เขาถามแล้วกอดเธอไว้ราวกับกลัวเธอจะรับความจริงไม่ได้ แต่เมื่อหญิงสาวพยักหน้า เขาก็เอ่ยปากเล่า“นายนิพัฒน์เป็นหนี้พนันในคาสิโน่ของพ่อผมอยู่สองแสนห้า เขาเสนอให้คุณเป็นสินค้าใช้แทนหนี้เค้าบอกใครต่
ปรินทรไม่รู้ว่าทำไมตัวเองหงุดหงิด โมโห น้อยใจ อีกสารพัดความรู้สึกที่เกิดขึ้น เขาเดินตัวเปล่าไปหยิบเสื้อผ้าที่เด็กรับใช้เอามาให้หญิงสาวแล้วคลี่ออกดู มันเป็นเพียงเสื้อยืดกับผ้านุ่งสีพื้น เสื้อผ้าที่เธอใส่มาสภาพมันก็แทบกลายเป็นผ้าขี้ริ้ว เขาถอนหายใจเบาๆ เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าตัวเอง หยิบเสื้อยืดตัวใหญ่ของเขาออกมาจากตู้ ตัวนี้คงพอให้เธอใส่ไปก่อน แล้วค่อยให้เด็กไปหาซื้อเสื้อผ้าดีๆให้เธอใส่สักชุดเขาเดินกลับมาจะเอาเสื้อมาให้ แต่พอเห็นก้อนผ้าห่มบนเตียงก็ทำหน้าไม่ถูก ทั้งที่เมื่อครู่โกรธเธอจะแย่ แต่เห็นแบบนี้แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เขานั่งลงที่เตียงข้างก้อนผ้าห่มแล้วโน้นหน้าลงไปค่อยๆ ดึงผ้าห่มออกจากศีรษะของเธอ“เดี๋ยวก็ขาดอากาศหายใจหรอก ผมไม่อยากให้ใครมาตายบนที่นอนผมนะ”“คุณ...คุณ...คุณไม่ใส่เสื้อผ้า”“ฮืม คุณก็ไม่ได้ใส่นี่จะอายทำไม เราเสมอกันนะ” เขากลั้นหัวเราะหญิงสาวโผล่หน้าออกมาแล้วจ้องมองใบหน้าของเขาก่อนค่อยๆไล่สายตาไปที่แผงอกกว้างและ..ท่อนล่างของเขากับบางสิ่งที่มันทำให้เธออ้าปากค้างแล้วมุดกลับเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง“คุณช่วยนุ่งอะไรหน่อยได้ไหม” เธอส่งเสียงมาจากใต้ผ้าห่มผู้หญิงคนนี้ประ
เปลือกตาที่ปิดอยู่ค่อยๆกะพริบตา หญิงสาวปรับสายตากับความมืดในรอบกายจนพอมองเห็นทุกสิ่งในห้องได้ชัดขึ้น ห้องนอนที่ค่อนข้างกว้าง ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ผิดกับที่เธอเจอมาก่อนหน้านี้ พิชญนรีไม่อยากคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเจออะไรมา ทำไมเธอต้องมาเจอเคราะห์กรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เหมือนน้ำตาจะรื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธอพยายามกลั้นมันไว้ เปล่าประโยชน์ที่จะมาร้องไห้ในเวลาแบบนี้ร่างบางรู้สึกถึงวงแขนที่กระชับรั้งเธอกอดแนบแน่นขึ้น หญิงสาวตัวเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อนึกได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ตามลำพังบนเตียงนุ่มนี้ มือเรียวกอดผ้าห่มไว้ราวกับเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจะขยับตัวหนีแต่มือแข็งแกร่งกอดเธอแน่นขึ้นจนเธอไม่กล้าหันกลับไปมอง“ยังไม่เช้าหรอก นอนต่ออีกสักนิดเถอะ”น้ำเสียงที่พูดแผ่วๆ อยู่ข้างหูทำให้พิชญ์นรีต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น สมองยังสับสนไม่รู้ว่าต้นสายปลายเหตุเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่เหมือนคนตัวใหญ่ที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลังจะรับรู้ เขาเพียงกอดเธอแน่นขึ้นอย่างหวงแหน แรงสั่นสะเทือนน้อยๆ นั้นปลุกให้เขาตื่นนานแล้ว“ที่นี่...ที่ไหนคะ” “บ้านพ่อของผมเอง” เขาพึมพำแล้วลูบผมเธอเบาๆ “นี่ห้องนอนผม”
เมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้านก็เกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ปรินทรแกะมือของเธอที่หนึบหนับอย่างกับหนวดปลาหมึกออกจากร่างตนเองแล้วลงจากรถ เขาไม่ให้ใครเข้ามาช่วย รีบอุ้มร่างที่เปียกชื้นจนเหมือนจะเปลือยเปล่าแล้วเดินเข้ามาในบ้าน“พ่อล่ะ” เขาถามเด็กรับใช้ที่รอเปิดประตูให้“คุณท่านเข้าห้องนอนแล้วเจ้าคะ”เขาเหลือบตามองเด็กรับใช้ประเมินด้วยสายตา เล่นเอาเด็กสาวเขินอายจนหน้าแดงจัด“เอาเสื้อผ้าเธอมาให้ฉันชุดนึง”“อะไรนะคะ?”“ได้ยินแล้วนี่”“ค่ะๆ”ปรินทรอุ้มร่างของพิชญ์นรีไปที่ห้องนอนของเขา หญิงสาวหอบหายใจแรง ใบหน้าหวานแดงจัด เธอแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง รู้สึกลำคอแห้งผากไปหมด และเนื้อตัวก็คันยุบยิบเหมือนมีอะไรไต่ เธอถอดเสื้อผ้าตัวเองออกอย่างรวดเร็ว“เฮ้ย!” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง มองหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางห้องที่บนตัวเหลือเพียงชุดชั้นในลูกไม้สีหวานเท่านั้น“มันคัน คันยุบยิบไปทั้งตัว” เธอลูบเนื้อตัวของตนเอง“รู้แล้ว” ปรินทรส่ายหน้าไปมา ไปโดนยาเม็ดไหนเข้าไปนะ เขาหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าไปหาแต่เธอกลับยื่นมือไปประคองใบหน้าเขาไว้แล้วเขย่งปลายเท้าจูบริมฝีปากเขา ชายหนุ่มถึงกับตกใจไปอึดใจ ลิ้นเล็กๆ ตวัดเลียริมฝ
“ตั้งสติหน่อยพิชญนรี” พิชญนรีบอกกับตัวเองแล้วลองเดินไปเขย่าประตู มันล็อกจากด้านนอก ไม่กี่นาทีต่อมา ร่างกายเธอก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ มันผ่าวร้อนและทำให้เธอไร้เรี่ยวแรงจนทรุดไปนั้งกับพื้น เธอมองรอบตัวอีกครั้ง อย่างไรก็ไม่ยอมเป็นเหยื่อง่ายๆ เด็ดขาด! เสี่ยกำธรเดินเข้ามาในห้องรับแขก เขากระตุกยิ้มเมื่อเห็นปรินทรนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แม้จะสวมเสื้อยืดทับด้วยแจ็ตเก็ตสูทเรียบๆ แต่ก็ดูโดดเด่นไม่เหมือนผู้ชายที่จะมาเที่ยวซ่องเท่าไหร่นัก“ลมอะไรหอบเสี่ยมังกรมาถึงที่นี่ละครับเนี้ย” เสี่ยกำธรพูดราวอายุเท่านั้น ทั้งที่อีกฝ่ายรุ่นลูกด้วยซ้ำไป“ผมมาซื้อของ” ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ“ของแบบไหนที่คนระดับเสี่ยมังกรต้องมาซื้อเองแบบนี้ครับ”“ผู้หญิง”“ผู้หญิง?” เสี่ยกำธรถึงหัวเราะออกมา“ผู้หญิงคนที่นายนิพัฒน์เอามาขายนั้นแหละ” เขาพูดตรงไปตรงมา ต้องการปิดเกมให้เร็วที่สุด เธอถูกจับตัวมาตั้งแต่เมื่อวาน ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง“เสี่ยมังกรหูไวตาไวไม่เบา ของเพิ่งมาถึงผมมือก็รู้ไปถึงหูเสี่ยมังกรแล้ว”ปรินทรส่ายหน้าไปมา “เสี่ยจะเอายังไงก็ว่ามาเถอะ ผมอยากเห็นของชิ้นนั้นแล้ว”“แสดงว่าสำคัญมากถึงข