ไปรยามีชีวิตที่สงบสุขมาตลอดยี่สิบสี่ปีที่ผ่านมา พ่อกับแม่จากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสิบปีก่อน ทำให้ไปรยาอยู่ในการอุปการะของคุณอาธงชัย หลังจากเรียนจบในระดับปริญญาตรีเธอก็ได้ทำงานที่เธอใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก นั้นคือการเป็นครูประถมที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ชีวิตของไปรยาควรเต็มไปด้วยความสงบสุขหากไม่จู่ๆ อาธงชัยพาเธอมาที่ร้านอาหารในโรงแรมหรู เพื่อจะขายเธอเป็นนางบำเรอใช้หนี้การพนันห้าล้านบาท แม้จะหญิงสาวจะถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีในฐานะลูกคนหนึ่ง แต่ให้ขายตัวใช้หนี้แบบนี้ เธอต้องหนีสถานเดียวเท่านั้น!
View Moreณ โรงแรมแห่งหนึ่ง“อยากได้แม่บ้านไปดูแลบ้าน ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า”
ภูมิพยัตโวยวายหัวเสียอยู่ในห้องพักของโรงแรม จากโรงงานมาในเมืองไกลร่วมร้อยกิโลเมตร หากได้เข้าเมืองมาทำธุระอะไรก็ตามแล้วเย็นย่ำนักเขาก็มักจะนอนค้างที่โรงแรม ไม่มีความจำเป็นต้องฝืนขับรถกลับแบบเมื่อยๆให้เหนื่อยเกินความจำเป็น ก็เขาเป็นเจ้าของ “โรงงานแปรรูปไม้ภูมิพยัต” เงินทุนจดทะเบียนมากกว่า 36 ล้านบาทนี่ เขาจะนอนไหนจะทำอะไรก็ได้ เหมือนกับที่เขากำลังเสียงดังใส่เจนนี่ สาวประเภทสองที่ยืนหน้าซีดเผือดอยู่ในห้องพักของเขา
“เจนนี่ขอโทษค่ะคุณพยัต”
เสียงแหลมพูดขึ้นทั้งที่ปากคอสั่น ผู้ชายคนนี้แม้จะอายุเพียงสามสิบต้นๆ แต่ดูน่าเกรงขาม และชื่อเสียงความโหดเหี้ยมเอาแต่ใจก็ดังกระฉ่อนพอๆ กับความร่ำรวยของเขาเองด้วย
“ไม่อยากได้คำขอโทษ อยากได้แม่บ้าน ทำความสะอาดบ้าน ทำกับข้าว โทรมาสั่งแล้วว่าให้หาไว้ให้ ผมจะกลับโรงงานเย็นนี้แล้วจะได้ไหม?”
ภูมิพยัตพูดน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาดุดันทำให้หญิงสาวอรชรในชุดรัดรูปเน้นสัดสวนไม่กล้าสบตาด้วย ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจ
ใช่! เขาเคยใช้บริการเจนนี่ ให้จัดหาคู่นอนมาปรนเปรอเป็นครั้งคราว แต่ที่เขาโทรศัพท์สั่งเจนนี่ไว้ตั้งแต่สองวันก่อนว่า จะเข้ามาทำธุระในเมือง และอยากให้เจนนี่ช่วยหาแม่บ้านไปทำงานบ้านนั้น กลับกลายเป็นว่าเจนนี่หาคู่ขาให้เขาเสียนี่ ป้าประนอมก็ลาออกไปเลี้ยงหลานแล้ว ตอนนี้ที่บ้านไม่มีใครคอยดูแลเรื่องทำความสะอาด จะหาแบบไปกลับก็คงไม่ได้เพราะบ้านไกลผู้ไกลผู้คนนัก ไอ้ตอนที่โทรมาก็รับปากเสียดิบดีว่าจะจัดการให้ แต่พอเอาเข้าจริงกลับได้คนละอย่างที่ต้องการ
“อีกสักสองสามวันได้ไหมคะคุณพยัต เจนนี่หาแม่บ้านจริงๆให้”
“จะกลับคืนนี้ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เอาแล้ว แล้วก็อย่าหวังว่าจะได้เงินจากผมอีกไม่ว่ากรณีใดก็ตาม”
“อย่านะคะคุณพยัต ให้โอกาสเจนนี่แก้ตัวอีกหน่อยนะคะ”
“เสียเวลาเปล่า ผมให้อีกชั่วโมงเดียว ผมอาบน้ำเสร็จจะเช็กเอ้าท์ออกแล้ว คุณก็รู้ว่าผมพูดคำไหนคำนั้น ออกไปได้แล้ว ไป!”
“ค่ะๆ” เจนนี่รีบคว้าผู้หญิงที่พามาให้ภูมิพยัตออกจากห้องไปทันที
ชายหนุ่มได้แต่เสยผมอย่างหงุดหงิด มาคุยกับลูกหนี้ก็ไม่ได้เรื่องได้ราว เสียเวลาขับรถมาแท้ๆ ไปกลับก็สองร้อยกว่ากิโลเมตรเข้าไปแล้ว อยากได้แม่บ้านแม่ครัวก็ไม่ได้ หายากหาเย็นเสียจริง เขาโคลงศีรษะไปมาแล้วถอดเสื้อยืดคอวีออกโยนไปบนเตียงนอน ตามด้วยกางเกงยีนที่สวมอยู่ เหลือเพียงกางเกงชั้นในตัวเดียวเดินเข้าห้องอาบน้ำไป ขากลับแวะซื้อไม้ถูพื้นก็แล้วกัน นี่คงถึงคราวที่ต้องกวาดบ้านถูบ้านแล้วล่ะมั้ง
ร่างกายเปลือยเปล่ายืนใต้ฝักบัว ผิวสีเข้มแบบหนุ่มลูกทุ่งกับความสูง185เซนติเมตร มันดึงดูดสายตาสาวๆนัก แต่หลายคนเมื่อเห็นรอยแผลเป็นตามร่างกายของเขามักหวาดกลัว เขาอายุเพียง32ปีเป็นเจ้าของโรงงานแปรรูปไม้ภูมิพยัต เขาสืบทอดกิจการต่อจากบิดาที่เดิมที่เป็นเพียงโรงงานแปรรูปไม้เล็กๆ มีโต๊ะเลื่อยไม้แต่โต๊ะเดียว แต่เดี๋ยวนี้เนื้อนี่เกือบหกไร่ เครื่องจักรเต็มรูปแบบ แปรรูปไม้ยางพาราเป็นไม้แผ่นแบบต่างๆ ตามแต่โรงงานฟอร์นิเจอร์สั่งทำ บางส่วนส่งขายต่างประเทศ และเขากำลังขยายตลาดไปญี่ปุ่นและโซนยุโรป
หลังจากที่เขาตัดสินใจสืบทอดกิจการของพ่อ เขาทำงานหนัก เรียนรู้งานตั้งแต่วัยรุ่น ไม่ได้เที่ยวเล่นเหมือนคนอื่น แต่มันก็คุ้มค่ากับตัวเลขในบัญชีธนาคาร เมื่อการเงินคงที่เขาปลูกบ้านใหม่ให้พ่อกับแม่ ส่วนบ้านของเขาอยู่ห่างกันราวยี่สิบเมตร เขาไม่ใช่เด็ก ไม่ได้อยากได้แค่ห้องส่วนตัว แต่การพื้นที่ของตัวเอง แน่นอนว่าอายุขนาดนี้แล้วแม่มักเคี่ยวเข็ญถามเรื่องผู้หญิงที่จะมาอยู่เป็นคู่ชีวิตเสมอ
แม่คงลืมไปว่าผู้หญิงมีเยอะ แต่คนที่จะอยู่ด้วยนั้นมันไม่ง่ายเอาเสียเลย ใครจะอยากอยู่ไกลแสงสี ไม่มีห้างสรรพสินค้า ไม่มีโรงภาพยนตร์ คนอย่างภูมิพยัตไม่ขาดแคลนผู้หญิง แต่คนที่อยู่กับเขาโดยไม่หวังเงินนะ เขาอยู่จนอายุ 32 แล้วยังไม่เจอเลย
ภูมิพยัตสระผมแล้วปิดน้ำ เขารู้สึกได้ยินเสียงประตูห้องของเขาเปิดหรือปิดลง ไม่แน่ใจว่าตัวเองล็อกห้องก่อนเข้าห้องน้ำหรือเปล่า เขาหยิบผ้าขนหนูพับท่อนล่างที่เปลือยเปล่า และหยิบอีกผืนเช็ดผมสั้นรองทรงของตัวเองแล้วเดินออกมา แล้วเขาก็ต้องขมวดคิ้วที่เห็นด้านหญิงสาวร่างเล็กยืนแอบที่ประตู โดยที่ยังแง้มหน้าโผล่ดูด้านนอก
“ทำอะไรนะ”
“ว้าย!” หญิงสาวร้องอย่างตกใจ รีบหมุนตัวมาดู แต่พอเห็นอีกฝ่ายอยู่ในชุดผ้าขนหนูผืนเดียวก็ก้มหน้างุดทันที
“เป็นอะไรของคุณ”
ภูมิพยัตกอดอก ก้มมองตัวเองด้วยความแปลกใจ ปกติผู้หญิงคนไหนเห็นเขาในสภาพนี้ก็มีแต่อ่อนระทวยทั้งนั้น เพิ่งจะมียัยเด็กผอมกะหร่องคนนี้ที่เอาแต่ก้มหน้า ดวงตาคมกริบจ้องมองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เธอสวมชุดกระโปรงดูน่ารักเหมือนเด็กสาว ยืนกอดกระเป๋าเหมือนกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อม เขารู้สึกถึงคนที่วิ่งผ่านหน้าห้องของเขาไปพร้อมเสียงพูดคุยที่ฟังไม่ถนัดนัก แต่กลับทำให้ผู้หญิงคนนั้นกระเถิบกายเข้ามาในห้องมากขึ้น ราวกับกลัวคนอื่นจะรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้
“เจนนี่ส่งมาใช่ไหม” เขาถามทำลายความเงียบตรงหน้าทิ้ง
“อ่ะ...เอ่อ...” เธอเงยหน้ามองเขา อึกอักพูดไม่ออกเหมือนคนติดอ่าง
“ที่จะมาทำงานเป็นแม่บ้านใช่ไหม”
“ค่ะ ทำงานค่ะ เป็นแม่บ้านค่ะ” แล้วเธอก็พูดออกมาจนได้ “ฉันทำอาหารได้ ทำความสะอาดบ้าน ซักเสื้อผ้าหรือรดน้ำพราดดินต้นไม้ก็ได้ค่ะ”
“โอเค อยากได้แค่คนทำความสะอาดบ้านกับทำอาหาร เสื้อผ้านี่มีเครื่องซักผ้าคิดว่าคงไม่หนักหน้ากับเด็กอย่างเธอ” เขาประเมินด้วยสายตา
“อายุเท่าไหร่แล้ว ฉันจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์หรือเปล่า”
“ยี่สิบสี่แล้วค่ะ” เธอทำตาดุใส่ แต่ประโยคของหญิงสาวทำให้เขาหัวเราะพรืดออกมา
“ตัวเล็กเหมือนเด็กขาดสารอาหาร”
“ก็คุณมันตัวโตเป็นยักษ์เองนี่” เธอเถียงเขา แต่พอรู้ตัวก็หุบปาก
ภูมิพยัตรู้สึกชอบใจ ไม่ค่อยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเขาบ่อยนัก เอาเถอะ ตัวเล็กๆแบบนี้ทำงานบ้านคงพอไหว ไม่ได้ให้ไปทำงานในโรงงานนี่คงไม่เป็นอะไร เอาไว้ถ้าทำไม่ไหวค่อยส่งกลับละกัน ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว
“อยู่กินที่บ้านผม ส่วนเงินเดือนนี่ผมให้ได้เดือนล่ะเก้าพัน กินอยู่ที่บ้านพร้อม ถ้าทำงานดีค่อยเพิ่มให้แต่ถ้าไม่ไหวส่งกลับอย่างเดียว”
“ได้ค่ะได้”
“คุณเอาเสื้อผ้ามาแล้วใช่ไหม” เขามองไปที่กระเป๋าใบย่อมของเธอ
“ค่ะ ไปได้เลยค่ะ” เธอรีบพูดเหมือนกลัวเขาจะเปลี่ยนใจ
“ดี ผมก็ไม่อยากขับรถกลางคืน” เขาพยักหน้า “ช่วยเก็บกระเป๋าให้ผมด้วย ขอใส่เสื้อผ้าเดี๋ยว จะได้เช็กเอ้าท์ออกไปเลย”
“ค่ะๆ ได้ค่ะ”
สั่งอะไรก็ทำ ภูมิพยัตนึกในใจเมื่อเห็นหญิงสาววางกระเป๋าตัวเองแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเป้ของเขาออกมากับเสื้อผ้าที่แขวนไว้สองสามตัวมาพับ เขามองเพลินจนลืมไปว่าตัวเองต้องไปนุ่งผ้าให้เรียบร้อย
“อ้อ! คุณชื่ออะไร”
“ไปรยาค่ะ เรียกปรายก็ได้” หญิงสาวหันมายิ้มให้ “แล้วคุณละคะ ต้องเรียกเจ้านายหรือคุณผู้ชายไหม?”
ปรินทรเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องทำอะไรมากเพียงนี้ เพราะคราบเลือดจางๆ บนที่นอนเขานะหรือ? สงสารหรือเห็นใจล่ะ? คนอย่างนายปรินทรเคยรู้สึกอะไรแบบนี้ด้วยหรือไง ชายหนุ่มหงุดหงิดตัวเอง ไม่อยากคิดใคร่ครวญหาคำตอบในเวลานี้ เขาสั่งให้คนขับรถจอดที่ร้านขายเสื้อผ้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง จำได้ว่าเคยมากับแม่ตอนที่แม่ยังอยู่ แต่ก็นานมากแล้วจริงๆ เดินเข้าไปในร้านแล้วก็ชี้ๆ เอาเสื้อผ้าสองสามชุดเผื่อให้หญิงสาว รวมทั้งชุดชั้นในด้วย สีหน้าเรียบนิ่งเล่นเอาพนักงานเองก็ไม่กล้าชวนคุยอะไร“เอ่อ...ใช่คุณมังกร ลูกชายคุณจำปาหรือเปล่าจ๊ะ”“ครับ”ปรินทรพยักหน้ารับ แปลกใจที่มีคนจำแม่ของเขาได้อยู่ ไม่ค่อยมีใครทักเขาแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่จะทักเขาว่าใช่ลูกกำนันทรงชัยหรือเปล่า“ไม่เจอกันนาน โตเป็นหนุ่มขนาดนี้เชียว” เจ้าของร้านเป็นหญิงวัยห้าสิบกว่าๆ “ป้ามารศรีจ๊ะ หลานคงจำไม่ได้แล้วมั้ง”“ป้ามารศรีที่ย้อมผ้าไหมหรือเปล่าครับ” เขาถามกลับอย่างไม่แน่ใจ“ใช่ๆ ป้าเองจ๊ะ แก่แล้วไม่มีแรงย้อมผ้าเองแล้ว เลยมาช่วยงานหน้าร้านแทน มาเยี่ยมพ่อหรือจ๊ะ”“ครับ” เขาโกหก มาเพราะโดนพ่อตามตัวมากกว่า“มีลูกมีเมียหรือยังละ”“ผมยังไ
“คุณแพ้กุ้งไหม?”“อะไรนะคะ” เธอถามกลับเมื่อตั้งสติได้“ในครัวทำข้าวต้มกุ้ง”“อ้อ พั้นซ์ทานได้ค่ะ ไม่ได้แพ้กุ้ง” หญิงสาวตอบแล้วก็มองเห็นเดินมานั่งที่ขอบเตียง ตบที่ว่างข้างๆเหมือนเรียกลูกแมวและเธอก็เดินเข้าไปอย่างแสนเชื่อง มือใหญ่รั้งให้เธอนั่งลงบนตักแล้วลูบผมเธอเบาๆ“ตกใจ?”“ค่ะ” เธอเริ่มชินกับวิธีการพูดของเขา สั้นๆ ได้ใจความ เป็นทั้งคำบอกเล่าและประโยคคำถามในคราวเดียว“อย่าห่วงเลย ผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นกับคุณอีก” “ไม่เป็นไรคะ พั้นซ์จะพยายามช่วยตัวเองให้ได้” หญิงสาวขมวดคิ้ว เขาจะได้อะไรกับการช่วยเธอ เสียงหัวเราะในลำคอของเขาทำให้เธอหน้ามุย แต่ก็ยังยืนว่าจะดูแลตัวเองให้ได้“ถ้าเมื่อวานผมไปไม่ทัน ป่านนี้คุณจะเป็นยังไง” ปลายนิ้วเกี่ยวพันเส้นผมเธอแล้วดึงเล่นเบาๆ“จริงๆแล้ว พั้นซ์ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยค่ะ” เธอสารภาพไปตามตรง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่“คุณพร้อมจะฟังหรือยังล่ะ” เขาถามแล้วกอดเธอไว้ราวกับกลัวเธอจะรับความจริงไม่ได้ แต่เมื่อหญิงสาวพยักหน้า เขาก็เอ่ยปากเล่า“นายนิพัฒน์เป็นหนี้พนันในคาสิโน่ของพ่อผมอยู่สองแสนห้า เขาเสนอให้คุณเป็นสินค้าใช้แทนหนี้เค้าบอกใครต่
ปรินทรไม่รู้ว่าทำไมตัวเองหงุดหงิด โมโห น้อยใจ อีกสารพัดความรู้สึกที่เกิดขึ้น เขาเดินตัวเปล่าไปหยิบเสื้อผ้าที่เด็กรับใช้เอามาให้หญิงสาวแล้วคลี่ออกดู มันเป็นเพียงเสื้อยืดกับผ้านุ่งสีพื้น เสื้อผ้าที่เธอใส่มาสภาพมันก็แทบกลายเป็นผ้าขี้ริ้ว เขาถอนหายใจเบาๆ เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าตัวเอง หยิบเสื้อยืดตัวใหญ่ของเขาออกมาจากตู้ ตัวนี้คงพอให้เธอใส่ไปก่อน แล้วค่อยให้เด็กไปหาซื้อเสื้อผ้าดีๆให้เธอใส่สักชุดเขาเดินกลับมาจะเอาเสื้อมาให้ แต่พอเห็นก้อนผ้าห่มบนเตียงก็ทำหน้าไม่ถูก ทั้งที่เมื่อครู่โกรธเธอจะแย่ แต่เห็นแบบนี้แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เขานั่งลงที่เตียงข้างก้อนผ้าห่มแล้วโน้นหน้าลงไปค่อยๆ ดึงผ้าห่มออกจากศีรษะของเธอ“เดี๋ยวก็ขาดอากาศหายใจหรอก ผมไม่อยากให้ใครมาตายบนที่นอนผมนะ”“คุณ...คุณ...คุณไม่ใส่เสื้อผ้า”“ฮืม คุณก็ไม่ได้ใส่นี่จะอายทำไม เราเสมอกันนะ” เขากลั้นหัวเราะหญิงสาวโผล่หน้าออกมาแล้วจ้องมองใบหน้าของเขาก่อนค่อยๆไล่สายตาไปที่แผงอกกว้างและ..ท่อนล่างของเขากับบางสิ่งที่มันทำให้เธออ้าปากค้างแล้วมุดกลับเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง“คุณช่วยนุ่งอะไรหน่อยได้ไหม” เธอส่งเสียงมาจากใต้ผ้าห่มผู้หญิงคนนี้ประ
เปลือกตาที่ปิดอยู่ค่อยๆกะพริบตา หญิงสาวปรับสายตากับความมืดในรอบกายจนพอมองเห็นทุกสิ่งในห้องได้ชัดขึ้น ห้องนอนที่ค่อนข้างกว้าง ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ผิดกับที่เธอเจอมาก่อนหน้านี้ พิชญนรีไม่อยากคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเจออะไรมา ทำไมเธอต้องมาเจอเคราะห์กรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เหมือนน้ำตาจะรื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธอพยายามกลั้นมันไว้ เปล่าประโยชน์ที่จะมาร้องไห้ในเวลาแบบนี้ร่างบางรู้สึกถึงวงแขนที่กระชับรั้งเธอกอดแนบแน่นขึ้น หญิงสาวตัวเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อนึกได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ตามลำพังบนเตียงนุ่มนี้ มือเรียวกอดผ้าห่มไว้ราวกับเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจะขยับตัวหนีแต่มือแข็งแกร่งกอดเธอแน่นขึ้นจนเธอไม่กล้าหันกลับไปมอง“ยังไม่เช้าหรอก นอนต่ออีกสักนิดเถอะ”น้ำเสียงที่พูดแผ่วๆ อยู่ข้างหูทำให้พิชญ์นรีต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น สมองยังสับสนไม่รู้ว่าต้นสายปลายเหตุเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่เหมือนคนตัวใหญ่ที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลังจะรับรู้ เขาเพียงกอดเธอแน่นขึ้นอย่างหวงแหน แรงสั่นสะเทือนน้อยๆ นั้นปลุกให้เขาตื่นนานแล้ว“ที่นี่...ที่ไหนคะ” “บ้านพ่อของผมเอง” เขาพึมพำแล้วลูบผมเธอเบาๆ “นี่ห้องนอนผม”
เมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้านก็เกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ปรินทรแกะมือของเธอที่หนึบหนับอย่างกับหนวดปลาหมึกออกจากร่างตนเองแล้วลงจากรถ เขาไม่ให้ใครเข้ามาช่วย รีบอุ้มร่างที่เปียกชื้นจนเหมือนจะเปลือยเปล่าแล้วเดินเข้ามาในบ้าน“พ่อล่ะ” เขาถามเด็กรับใช้ที่รอเปิดประตูให้“คุณท่านเข้าห้องนอนแล้วเจ้าคะ”เขาเหลือบตามองเด็กรับใช้ประเมินด้วยสายตา เล่นเอาเด็กสาวเขินอายจนหน้าแดงจัด“เอาเสื้อผ้าเธอมาให้ฉันชุดนึง”“อะไรนะคะ?”“ได้ยินแล้วนี่”“ค่ะๆ”ปรินทรอุ้มร่างของพิชญ์นรีไปที่ห้องนอนของเขา หญิงสาวหอบหายใจแรง ใบหน้าหวานแดงจัด เธอแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง รู้สึกลำคอแห้งผากไปหมด และเนื้อตัวก็คันยุบยิบเหมือนมีอะไรไต่ เธอถอดเสื้อผ้าตัวเองออกอย่างรวดเร็ว“เฮ้ย!” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง มองหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางห้องที่บนตัวเหลือเพียงชุดชั้นในลูกไม้สีหวานเท่านั้น“มันคัน คันยุบยิบไปทั้งตัว” เธอลูบเนื้อตัวของตนเอง“รู้แล้ว” ปรินทรส่ายหน้าไปมา ไปโดนยาเม็ดไหนเข้าไปนะ เขาหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าไปหาแต่เธอกลับยื่นมือไปประคองใบหน้าเขาไว้แล้วเขย่งปลายเท้าจูบริมฝีปากเขา ชายหนุ่มถึงกับตกใจไปอึดใจ ลิ้นเล็กๆ ตวัดเลียริมฝ
“ตั้งสติหน่อยพิชญนรี” พิชญนรีบอกกับตัวเองแล้วลองเดินไปเขย่าประตู มันล็อกจากด้านนอก ไม่กี่นาทีต่อมา ร่างกายเธอก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ มันผ่าวร้อนและทำให้เธอไร้เรี่ยวแรงจนทรุดไปนั้งกับพื้น เธอมองรอบตัวอีกครั้ง อย่างไรก็ไม่ยอมเป็นเหยื่อง่ายๆ เด็ดขาด! เสี่ยกำธรเดินเข้ามาในห้องรับแขก เขากระตุกยิ้มเมื่อเห็นปรินทรนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แม้จะสวมเสื้อยืดทับด้วยแจ็ตเก็ตสูทเรียบๆ แต่ก็ดูโดดเด่นไม่เหมือนผู้ชายที่จะมาเที่ยวซ่องเท่าไหร่นัก“ลมอะไรหอบเสี่ยมังกรมาถึงที่นี่ละครับเนี้ย” เสี่ยกำธรพูดราวอายุเท่านั้น ทั้งที่อีกฝ่ายรุ่นลูกด้วยซ้ำไป“ผมมาซื้อของ” ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ“ของแบบไหนที่คนระดับเสี่ยมังกรต้องมาซื้อเองแบบนี้ครับ”“ผู้หญิง”“ผู้หญิง?” เสี่ยกำธรถึงหัวเราะออกมา“ผู้หญิงคนที่นายนิพัฒน์เอามาขายนั้นแหละ” เขาพูดตรงไปตรงมา ต้องการปิดเกมให้เร็วที่สุด เธอถูกจับตัวมาตั้งแต่เมื่อวาน ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง“เสี่ยมังกรหูไวตาไวไม่เบา ของเพิ่งมาถึงผมมือก็รู้ไปถึงหูเสี่ยมังกรแล้ว”ปรินทรส่ายหน้าไปมา “เสี่ยจะเอายังไงก็ว่ามาเถอะ ผมอยากเห็นของชิ้นนั้นแล้ว”“แสดงว่าสำคัญมากถึงข
“ครับ ผมทราบว่าคุณปรินทรเองก็มีธุรกิจมากมาย โดยเฉพาะธนาคารของคุณ ซึ่งคุณคงไม่ยอมให้ตัวเองแปดเปื้อนเพราะเรื่องพวกนี้แน่ๆ”“ครับ” ปรินทรประเมินสถานการณ์ด้วยสายตา“ผมอยากได้ข้อมูล เพื่อให้คนของผมแทรกตัวเข้าไปได้โดยไม่ถูกจับได้เสียก่อน”ปรินทรพยักหน้ารับ “เรื่องนั้นผมพอช่วยได้”“ยังไงก็ขอรบกวนด้วยก็แล้วกัน”“ครับ ผมยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่”ทั้งสามพูดคุยหารือกันอยู่พักใหญ่ ปรินทรก็ขอตัวเดินออกมาหน้าบ้าน สารวัตรวรดรเดินตามมาด้วย“ยังไงก็ต้องขอบคุณล่วงหน้าที่ให้ความร่วมมือนะครับ”“ไม่เป็นไรครับ คนเยอะ ดูแลลำบาก แถมยังมีช่องทางให้ไปประเทศเพื่อนบ้านได้ง่ายๆอีก” ปรินทรพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “และทางที่ดีคุณสารวัตรไม่ต้องแวะมาบ้านผมบ่อยจะดีที่สุด”“อ้าว ทำไมละครับ” สารวัตรวรดรหัวเราะร่วนทั้งที่รู้คำตอบดี“พ่อผมจะกลายเป็นเป้าได้ง่ายๆ” เขาพูดตามตรงไม่เห็นเป็นเรื่องตลก “ถ้าพวกมันระแคะระคายเมื่อไหร่ ก็เดาได้ไม่ยากว่ามันจะเล่นงานใครก่อน”“เรื่องนั้นผมพอเข้าใจ จะให้คนมาคอยดูแล”“ไม่จำเป็น ลูกน้องมือดีของพ่อยังมีที่ไว้ใจได้” ปรินทรปรายตามองไปด้านข้าง คนสนิทเดินเข้ามาใกล้แล้วหยุดยืนไ
“ไม่ล่ะ ข้ารีบพูด พูดจบเอ็งก็เผ่นกลับกรุงเทพฯ ซิ”“พ่อก็รู้แล้วจะเอาอะไรอีกล่ะ”“บ่ะ ไม่น่ารักเลยไอ้ลูกคนนี้”ปรินทรขมวดคิ้ว “ผมเคยน่ารักด้วยหรือไงกัน”พ่อเริ่มคร้านจะต่อปากต่อคำด้วย “พ่อแก่แล้ว ใส่ใจพ่อหน่อย”“รู้ตัวด้วยเหรอ”“อุวะ! เอ็งนี่เลิกทำน้ำเสียงแบบนี้เสียทีเถอะ ไอ้พูดน้ำเสียงโทนเดียวไม่น่าคุยด้วยเลย” กำนันทรงชัยส่ายหน้าไปมา ไม่น่าเชื่อเลยว่าท่าทางแบบนี้ นิสัยแบบนี้ จะกลายเป็นนักธุรกิจพันล้านได้ทั้งที่อายุเพิ่งจะ35เท่านั้น“เอ็งอายุขนาดนี้แล้ว เมื่อไหร่จะมีเมียมีลูกเสียที มันจะโตไม่ทันใช้เอาน่า”“หือ” ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหรี่ตามองพ่ออย่างจับผิด “ใครเสนอตัวเป็นลูกสะใภ้ล่ะ แล้วพ่อเป็นนายหน้าเท่าไหร่”“ไอ้ลูกบ้า ข้ารู้ว่าเอ็งมันหล่อเลือกได้ แต่เห็นอายุสามสิบห้าแล้วยังไม่มีครอบครัวอีก ข้ากับแม่เอ็งได้เสียกันก็ตั้งแต่อายุยี่สิบเอง”“แล้วไง ผมต้องเดินตามรอยเท้าพ่อเหรอ”“โธ่! ที่พูดเพราะเป็นห่วง”“ครับแล้วไงต่อ เรียกมาแค่นี้ โทรศัพท์มาก็ได้ เสียเวลามา จากกรุงเทพฯมาสุรินทร์ไม่ได้ไกลนะพ่อ”“นั่งนี่ตูดยังไม่ทันร้อนก็บ่นจะกลับกรุงเทพฯ แล้วเรอะ เออ หรือมีเมียอยู่กรุงเท
ชีวิตของเธอควรเป็นปกติอย่างที่ผ่านมา แน่นอนว่าเธอยอมรับว่าลึกๆ แล้ว แต่ละวันของเธอเต็มไปด้วยความหวาดระแวง จนวันนี้ได้เห็นหน้านิพัฒน์อีกครั้ง วันนี้ปาจรีย์หยุดจึงไม่มีใครกันไม่ให้พิพัฒน์มาเจอกับเธอได้“ขอคุยด้วยหน่อยซิ” “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” เธอพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ ไม่ให้เขารู้ว่าเธอกลัวเขา“ไม่ได้คุยเรื่องของฉันหรอกน่า เรื่องแม่ของเธอต่างหากล่ะ”“แม่เหรอ แม่เป็นอะไร” คราวนี้พิชญนรีตื่นตกใจ“ฉันจะรอเธอเลิกงานแล้วค่อยคุยกัน”“บอกตอนนี้ไม่ได้หรือไง” “เรื่องมันยาว รายละเอียดมันเยอะ”“ก็ได้ แต่วันนี้พั้นซ์เลิกงานสี่ทุ่ม”“ได้ แล้วจะแวะมาอีกที เธอก็รู้นะว่าแม่ของเธอเป็นคนปากหนัก มีอะไรไม่ค่อยพูดไม่ค่อยบอกใครหรอก”“ฮืม”นิพัฒน์พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป ถ้าไม่อ้างเรื่องแม่ ยัยน้ำพั้นซ์ไม่มีวันยอมให้เขาคุยด้วยหรอก เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หนี้สองแสนห้าที่ดอกเบี้ยงอกงามจะกลายเป็นสามแสนอยู่ร่อมร่อแล้ว ยิ่งโดนเจ้าหนี้เอาลูกน้องมาประกบเป็นเงาตามตัวด้วย เขายิ่งแทบทำอะไรไม่ได้ ที่สำคัญยังไม่ได้คำตอบรับว่าตกลงเขาอยากได้พิชญนรีหรือไม่ เขาร้อนเงินอยากได้เงินมาหมุนใจแทบขาดตายอ
Comments