“อื้อ อ๊าส อี๊ อ่ะ อ่ะ”
เสียงครวญครางของผู้หญิงที่อยู่ในจอทีวีขนาดใหญ่พร้อมท่าทางของเธอที่ทำราวกับตัวเองจะขาดใจตาย เมื่อโดนปรนเปรอจากชายหนุ่มคู่แสดง ปลายฝนนอนดูคลิปแบบนี้ตั้งแต่กลับจากมหาลัยด้วยท่าทางปกติ เธอเป็นผู้หญิงที่ชอบดูคลิปอย่างว่า ไม่แน่ใจนักว่าเป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ แม้กระทั่งเพื่อนสนิทสองคนของเธอ คือทั้งมิลลิและคาเทียร์ ภายนอกเธอดูเป็นเด็กเรียน ถึงจะไม่ได้ใส่แว่นหนาเตอะ แต่บุคลิกและท่าทางของเธอทำให้คนที่เห็นและได้สัมผัสคิดว่าเธอเป็นคนแบบนั้น แต่ทว่าแท้จริงแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่มีความต้องการเรื่องแบบนี้มากกว่าปกติ เพราะเมื่อเธอดูคลิปโป๊ไปได้สักพัก เธอก็จะเริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกและช่วยตัวเองทันที อย่างตอนนี้เธอเริ่มปลดชุดคลุมอาบน้ำออกจากร่างกาย อ้าขาออกกว้าง ใช้มือเล็กข้างหนึ่งบีบเค้นอกอวบใหญ่ของตัวเองอย่างแรง จนจุกยอดสีชมพูของเธอเริ่มแข็ง เพราะอารมณ์กระสันที่เริ่มพุ่งสูง ใบหน้าสวยหวานเหยเก ริมฝีปากอวบอิ่มเริ่มส่งเสียงครางออกมา นิ้วเรียวเลื่อนลงไปสัมผัสตรงร่องรักที่เริ่มชื้นแฉะ ปาดขึ้นลงตรงร่องที่ปิดสนิท จนความเสียวซ่านแผ่ขยายไปทั่วทั้งร่างกาย “อื้อ~”นิ้วเรียวสอดเข้าไปในร่องรัก ขยับเข้าออกเบา ๆ ช้า ๆ ดวงตากลมโตจ้องมองหน้าจอทีวี เห็นภาพชายหนุ่มกำลังใช้ลิ้นปาดเลียตรงร่องรักของนักแสดงหญิง ในหัวของปลายฝนจินตนาการไปถึงชายหนุ่มใครสักคนทำแบบนั้นกับเธอ พลันใบหน้าของเพื่อนร่วมคณะที่เธอแสนเกลียดชังก็โผล่เข้ามาในความคิด “ธะ ธาม”เสียงหวานเรียกชื่อคาสโนว่าหนุ่มหล่อ เพื่อนร่วมคณะของเธอ ใบหน้าหล่อเหลากำลังก้มลงตรงหว่างขาของเธอ กระดกลิ้นร้อนออกมาปาดเลียตรงร่องรักเธอเบา ๆ “อ๊าสส เสียว อื้อ~”นิ้วเรียวยังคงขยับเข้าออกในร่องรัก เพิ่มระดับความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ในหัวก็ยังจินตนาการถึงใบหน้าหล่อเหลาของธาม กริ๊ง! กริ๊ง! เสียงออดหน้าห้องดังขึ้น แต่เธอไม่ได้สนใจ กลับยิ่งเร่งขยับนิ้วเร็วขึ้น เพื่อให้ตัวเองเสร็จสม “มันนอนหลับหรือเปล่า”มิลลิกับคาเทียร์ยืนกดออดหน้าห้องปลายฝนแต่ไร้เสียงตอบรับของเพื่อนสนิท พวกเธอสามคนนัดกันจะมาทำรายงาน แต่เหมือนเจ้าของห้องจะเหนื่อยจนหลับไปก่อนแล้ว “มันนัดพวกเราเองนะ”คาเทียร์กดโทรศัพท์หาเจ้าของห้อง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย “เอาไงดีว่ะ หรือค่อยทำ” “หึ กูรู้มึงอ่ะอีมิล จะไปหาพี่ยีนส์อีกแล้ว” คาเทียร์หรี่ตาจับผิดคนมีแฟนคนเดียวในกลุ่ม และตอนนี้หลงแฟนหนักมาก จนพวกเธอสองคนอิจฉา “อะไรของมึงอีเทียร์ กูยังไม่คิดอะไรเลย” “กดอีกที ถ้ามันไม่เปิดค่อยว่ากันใหม่พรุ่งนี้”มิลลิยกมือขึ้นเตรียมกดออดอีกครั้ง แต่ทว่าประตูถูกเปิดออกเสียก่อนจากเจ้าของห้องที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ ใบหน้าสวยเปียกปอนเหมือนคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ “กูนึกว่ามึงหลับ” “กูเหนียวตัวอ่ะ เลยอาบน้ำก่อน”เพื่อนสองคนพยักหน้าเข้าใจ เดินเข้ามานั่งตรงโซฟารับแขก ส่วนปลายฝนก็รีบเข้าไปแต่งตัวในห้องนอนให้เรียบร้อย ก่อนจะมานั่งสมทบกับเพื่อนสองคนที่ยังนั่งเม้าส์กันอยู่ ไม่ได้เริ่มทำรายงานอย่างปากว่า “พวกมึงหิวหรือเปล่า” “เออ...สั่งไรมากินกันดีกว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” “ถ้าสั่งมากินแล้วมึงหลับ กูจะตบให้อีเทียร์ กองทัพเดินด้วยท้อง พอกินเสร็จมึงก็จะบอกหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน”มิลลิดักทางคาเทียร์อย่างรู้ทัน จนปลายฝนหัวเราะออกมา เพราะมันคือเรื่องจริง “กูสัญญาว่าจะไม่หลับ” ปลายฝนเป็นคนกดสั่งอาหารให้ทุกคน มันเป็นเหมือนหน้าที่ของเธอไปแล้ว อีกอย่างเธอรู้ใจเพื่อนสองคนว่าชอบกินอะไร อยู่กับเพื่อนเธอจะเป็นเหมือนพี่สาวของสองคนนี้เสียมากกว่า ทั้งที่เราสามคนอายุเท่ากัน วันต่อมา เช้านี้มีเรียนสิบโมง จากเมื่อคืนที่นั่งทำรายงานกันจนดึก ทำให้เช้านี้ปลายฝนตื่นสายกว่าที่ตั้งใจไว้ เลยไม่ทันไปเรียนพร้อมกับคาเทียร์ ส่วนมิลลิรายนั้นแฟนหนุ่มมารับไปเรียนทุกวัน เธอเลยต้องขับรถไปเอง กว่าจะฝ่ารถติดจนถึงมหาลัยได้ ก็เกือบเวลาเข้าเรียน แต่ทว่าในช่วงที่กำลังรีบ ก็ต้องวนหาที่จอดรถที่แน่นขนัดในเวลานี้ ก่อนจะต้องจำใจไปจอดตรงลานจอดรถเก่าของคณะ ที่อยู่ด้านหลังตึก ตรงนี้ค่อนข้างห่างจากตึกที่เธอมีเรียน ทำให้ลานจอดรถค่อนข้างโล่ง เมื่อได้ที่จอดเรียบร้อยก็ลงจากรถ จัดการล็อครถ เตรียมจะเดินไปเรียน แต่ทว่าระหว่างกำลังเดิน เธอก็เจอกับรถคันหนึ่งที่หลบมุมจอดตรงที่ลับตา มองจากข้างนอก เห็นรถขยับโยกอย่างรุนแรง ถึงแม้จะไม่อยากสนใจ แต่เธอไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รู้ว่ากิจกรรมอะไรที่ทำให้รถขยับขึ้นลงได้แบบนั้น และเมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ ๆ เจ้าของรถก็เปิดประตูออกมา พรึ่บ!!! ปลายฝนรีบเร่งเดินให้เร็วที่สุดเมื่อเห็นเจ้าของรถคันนั้น เดินลงมาด้วยสภาพเสื้อหลุดลุ่ยออกนอกกางเกง และผู้หญิงที่ลงมาด้วยก็มีสภาพผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้ายับยู่ยี่ไม่ต่างกัน "ไปพร้อมกันสิ" อยู่ ๆ เจ้าของรถคันที่ว่าก็เดินมาขนาบข้างเธอด้วยแววตากรุ่มกริ่ม เขารู้ว่าเธอเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง และรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในรถเมื่อกี้ เขายังเห็นเธอยืนมองอยู่ตั้งนาน "นายก็เดินไปเองสิ" "มันทางเดียวกันอยู่แล้ว มีฉันเดินไปเป็นเพื่อนไม่ดีหรือไง" ธาม คาสโนว่าหนุ่มหล่อคณะบริหาร เป็นที่รู้จักในหมู่สาว ๆ ทุกคณะ แค่เขากระดิกนิ้ว ผู้หญิงทุกคนก็พร้อมจะเข้ามาหา อันนี้คือสโลแกนที่สาว ๆ ตั้งให้ "ฉันเดินไปคนเดียวยังปลอดภัยกว่า" ปลายฝนเดินห่างจากคนตัวสูงที่ขยับเข้ามาใกล้เธอเรื่อย ๆ เธอรู้ว่าเขาจงใจ"อย่ามาใกล้นักได้ไหม" "นี่...เธอเกลียดอะไรฉันหนักหนา ฉันว่าฉันไม่เคยทำอะไรให้เธอนะ" "ฉันไม่ชอบผู้ชายแบบนาย เจ้าชู้แล้วก็กินไม่เลือก" "ใครบอกว่าฉันกินไม่เลือก แล้วคำว่าเจ้าชู้ใช้กับผู้ชายที่มีแฟนแล้ว แต่ยังไปมั่วผู้หญิงคนอื่น แต่ฉันโสด จะทำอะไรก็ได้" คนตัวเล็กเหลือบตาไปมองเขาอย่างไม่พอใจ ขาสั้น ๆ ของเธอก็พยายามก้าวเร็ว ๆ เพื่อถอยห่างจากเขา เพราะยิ่งใกล้อาคารเรียนมากเท่าไหร่ สายตาของบรรดานักศึกษาหญิงก็ยิ่งมองมาที่เธอมากขึ้น "เดินกับนายแบบนี้ ไม่รู้ฉันจะโดนผู้หญิงของนายตบหรือเปล่า ขยับออกไปหน่อยสิ"มือเล็กผลักแขนแกร่งแรง ๆ แต่ทว่าตนตัวโตกว่าแทบไม่ขยับ เป็นเธอเองที่เซจนเกือบล้ม จนเขาต้องมาคว้าเอวเธอเอาไว้ หมับ!!! นัยน์ตาคมมองสบดวงตากลมโตของเธอ ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย"เธอหน้าแดง รู้ตัวหรือเปล่า" ปลายฝนรีบสะบัดตัวจากการเกาะกุมของเขา เอามือจับใบหน้าของตัวเองที่รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา นี่เธอเป็นอะไร ทำไมถึงไปจินตนาการเรื่องแบบนั้นกับเขาได้ เพียงแต่สบตากับผู้ชายคนนี้ ร่างกายของเธอก็เหมือนจะร้อนรุ่มไปหมดทุกส่วน ส่วนธามที่เห็นคนตัวเล็กเดินเร็ว ๆ หนีเขาก็หัวเราะออกมา เขาว่าเขามองไม่ผิด เธอต้องคิดอะไรบางอย่างกับเขาแน่ ไม่งั้นทำไมหน้าเธอถึงได้แดงขนาดนั้น อีกอย่างเรียนคณะเดียวกันมาเกือบสามปี ทำไมเขาเพิ่งรู้ว่าเธอเป็นคนสวยคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ใบหน้าเธอที่เขาเห็นคือใสมาก ใสจนเขามองเห็นเส้นเลือด แต่เสียดายตัวเล็กไปหน่อย เขาชอบผู้หญิงสูง หุ่นอวบอึ๋ม จับแล้วเต็มไม้เต็มมือ1ปีผ่านไป ปลายฝนคลอดลูกชายคนที่สองได้เจ็ดเดือนแล้ว ธามตั้งชื่อว่าน้องธีม คนนี้ใบหน้าถอดแบบปลายฝนออกมาทุกอย่าง ทำให้เป็นที่รักของคนเป็นปู่ที่ขยันมาหาหลานชายเช้าเย็น ส่วนคนเป็นย่าที่เตรียมเปย์หลานสาวในท้องของเธอที่ตอนนี้อายุครรภ์ได้สามเดือน เพิ่งจะได้รู้เพศเมื่อวานว่าเป็นผู้หญิง ธามก็บอกคุณหมอว่าให้ทำหมันทันที เพราะเขาไม่อยากให้เมียท้องอีกแล้ว “ตกลงไม่เอาอีกแน่นะ”ลินดาถามลูกเขย ที่กำลังนั่งพูดคุยกับสามีของเธออยู่ “ไม่เอาแล้วครับแม่ ผมไม่อยากให้ฝนเจ็บอีก” “ก็ไหนว่าอยากมีห้าคนเหมือนแม่ไง”ลินดาแกล้งหยอกเย้าธาม จำได้ว่าปลายฝนเคยบอกว่าเขาอยากมีลูกห้าคนเหมือนครอบครัวเธอ แต่ทว่าเมื่อเห็นเมียเจ็บจากการคลอดก็ทนไม่ได้ ถ้าปลายฝนไม่ขอว่าอยากมีลูกสาวสักคนคงไม่ยอมให้ท้องอีก “ฝนมีได้ค่ะ แต่ธามไม่ยอม” “ตอนแม่นะ แม่คลอดธรรมชาติสองคนนะคือธันเดอร์กับสกาย ที่เหลือสามคนแม่ผ่าคลอดหมด” “ฝนยอมรับเลยว่าแม่เก่งมากที่ท้องได้ถึงห้าคน” “ห่วงร่างกายตัวเองบ้างเหอะ เวลาฝนท้องแล้วอารมณ์แปรปรวนทุกที” ธามอดที่จะพูดเรื่องนี้ไม่ได้ เมื่อคืนเขาต้องนั่งปลอบใจเธอร้องไห้ทั้งคืนจนไม่ได้นอน สาเหตุของการร้องไห้คือกลัวตัว
อุแว้! อุแว้! "โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับลูกรัก"คุณพ่อมือใหม่อุ้มลูกชายคนแรกไว้ในอ้อมกอดทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้อง ส่วนคนเป็นแม่ตอนนี้กำลังนอนพักอยู่ที่เก้าอี้แบบเอนนอน ปลายฝนเหนื่อยมาทั้งวัน กลางคืนก็ไม่ค่อยได้นอน ธามเลยให้เธอได้นอนพักบ้าง แต่ทว่าพอลูกชายร้องเท่านั่นแหละ คุณแม่ยังสาวก็ตื่นทันที "ธามเอาลูกมาให้ฝน สงสัยจะหิว" ชายหนุ่มอุ้มลูกชายวัยแปดเดือนส่งให้ปลายฝน ที่เดินอุ้ยอ้ายเพราะกำลังท้องลูกชายคนที่สองเข้าเดือนที่สี่แล้ว หลังจากเรียนจบธามก็ขอปลายฝนแต่งงานทันที แต่งงานได้สองเดือนกว่าเธอก็ท้องลูกชายคนแรกคือน้องธีโอ พอคลอดปุ๊บรักษาแผลจนหาย เขาก็จับทำลูกคนที่สองทันที "นั่งแบบนี้ถนัดหรือเปล่า ธามว่าไปนั่งที่โซฟาดีกว่า"เสียงลูกชายเงียบทันทีเมื่อได้กินนมจากเต้า แต่ทว่าเขามองท่าทางทุลักทุเลของเมียแล้วเป็นห่วง เธอเองก็ท้องอยู่ด้วยแล้วต้องอุ้มลูกชายที่จ่ำหม่ำแบบนั้นก็กลัวว่าเธอจะปวดหลัง "ไม่เป็นไร ฝนนั่งได้" ฟอด!!! ปลายฝนก้มลงหอมแก้มลูกชายแรงเพราะความหมั่นเขี้ยว เธอมองตัวน้อยที่เธอเฝ้าฟูมฟักมาตั้งแต่อยู่ในท้องอย่างภูมิใจ "อีกไม่กี่เดือนธีโอจะเป็นพี่แล้วนะครับ ดีใจหรือเปล่าครับ" "หลั
กลับจากทริปดูดาว ธามก็พาปลายฝนไปพบครอบครัวตามที่เขาบอกจริง ๆ ตอนแรกเธอประหม่ามาก เพราะท่าทางของพ่อเขาดูเป็นคนดุ แต่ทว่าเมื่อได้พูดคุยก็พบว่าท่านเป็นคนหน้าดุแต่ใจดี ส่วนแม่เขาก็ชวนเธอคุยจนทำให้เธอรู้สึกคลายความตื่นเต้นลงไป แถมยังบอกให้ธามพาเธอไปกินข้าวกับท่านบ่อย ๆ "บอกแล้วว่าแม่ธามต้องชอบฝน" ไม่มีอะไรดีใจไปกว่าการที่คนที่เรารักทั้งสองคนเข้ากันได้อีกแล้ว มันเหมือนได้ปลดล็อคคลายความกังวลทุกอย่าง คณะบริหารธุรกิจ วันนี้เป็นวันแรกตั้งแต่เปิดตัวที่ธามกับปลายฝนเดินควงกันเข้ามาที่ตึกคณะ สายตาของทุกคนจับจ้องคู่รักที่กำลังอยู่ในความสนใจ ตอนแรกลงจากรถคนตัวเล็กก็ตื่นเต้นมาก แต่ทว่าเขาจับมือเธอไว้เหมือนปลอบใจ ทำให้เธออุ่นใจมากขึ้น "ฝากไว้ก่อนนะ ตอนเที่ยงมารับ"ธามพาปลายฝนมาส่งที่สองสาว มิลลิและคาเทียร์ "แหมพอเปิดตัวแล้วก็หวานกันมากเลยนะ"มิลลิเอ่ยแซวพร้อมทำสีหน้าหมั่นไส้คู่รักข้าวใหม่ปลามัน "แล้วก็ไม่ต้องฝากนะ ยังไงเพื่อนฉันก็ต้องดูแลอยู่แล้ว" ธามยิ้มก่อนจะเดินไปหาปอร์เช่ที่นั่งรอเขาอยู่ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลาของธาม ทำให้ปอร์เช่ยิ้มแซว "มีความสุขจังนะมึง" "อิจฉากู ก็หาแฟนสักคน เวลากูไ
หลังจากนอนดูดาวกันจนอากาศเริ่มหนาวเย็นยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ธามก็ชวนปลายฝนเข้ามาในเต็นท์ ซึ่งปลายฝนก็รีบมุดผ้าห่มเข้าไปทันที "หนาวเหรอ?" "อืม...ขนลุกไปหมดเลย" "เวลาหนาว มันมีกิจกรรมทำให้อุ่นอยู่นะ"แววตาคมเปล่งประกายความเจ่าเล่ห์ออกมาอย่างเห็นได้ชัด ขยับตัวขึ้นมาคร่อมเธอไว้ "แน่ใจว่าจะไม่มีใครได้ยิน"เธอยังมีท่าทีลังเล ทั้งที่ก็เริ่มมีความต้องการขึ้นมาเหมือนกัน "ฝนก็อย่าครางดังสิ"มือหนาของเขาดึงผ้าห่มที่คลุมตัวเธอออก ก่อนจะลูบไล้ไปตามตัวหญิงสาว ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมองจูบอันแสนหวานให้เธอ ก่อนจะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับอากาศหนาวเหน็บยามดึก "อืม"เสียงทุ้มครางในลำคอถูกใจรสจูบของเธอ ก่อนที่เขาจะเอามือสอดเข้าไปในเสื้อไหมพรมของเธอ บีบเค้นเต้าอวบทั้งสองข้าง เมื่ออารมณ์วาบหวามเริ่มครอบงำ ริมฝีปากจึงผละออกจากกัน สองมือช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ออกจนหมด ธามขึ้นทาบทับบนลำตัวเปลือยเปล่าของเธอทันที เขาใช้จมูกซุกไซร้ไปตามลำคอระหงของเธอ กดจูบเน้นย้ำทุกจุดจนขึ้นรอยแดงเป็นวงกว้าง ปลายฝนหลับตาพริ้มอย่างซ่านสยิว ภายในกายเธอร้อนวูบวาบกับสัมผัสนั้น มือเล็กลูบไล้แผ่
ทั้งสองคนมาถึงอุทยานแห่งชาติตาดหมอกในเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง แค่เข้าเขตธรรมชาติอากาศก็เย็นสบายทันที การเดินทางก็ไม่ได้ยากลำบากอะไรมากนัก รถยนต์สามารถเข้ามาจนถึงลานกว้างของอุทยานได้เลย ตรงจุดกางเต็นท์เป็นลานกว้าง มีคู่รักหลายคู่กำลังช่วยกันกางเต็นท์ ธามเลือกจุดที่ห่างจากคนอื่นพอสมควรจนปลายฝนอดแซวไม่ได้ "ตกลงตั้งใจมาดูดาวแน่นะ" "ธามคิดเผื่อฝนนะ กลัวฝนครางเสียงดัง"เขาเข้ามากระซิบริมหูเธอ "ใครบอกว่าจะทำ ฝนตั้งใจมาดูดาว" "จริงเหรอ รอดูคืนนี้แล้วกันนะ" เขายักคิ้วล้อเลียนเธอ ส่วนเธอก็ได้แต่ทำปากขมุบขมิบด่าเขา ผู้ชายอะไรหลงตัวเองที่สุด เต็นท์ที่เขาเตรียมมาเป็นเต็นท์ขนาดใหญ่ที่นอนได้8-9คน เขาเอาเบาะเป่าลมขนาด3.5ฟุตมาด้วย มีหมอนและผ้าห่มเรียบร้อย เรียกได้ว่าสบายเหมือนนอนอยู่ที่บ้านเลยด้วยซ้ำ "ดูสิ...ธามเตรียมพร้อมขนาดนี้ คงไม่ได้มานอนจับมือกันหรอกนะ" "คิก คิก แล้วก็มาว่าฝนหมกมุ่น ตัวเองอ่ะหนักกว่าเขาอีก" “มีน้ำตกด้วยนะ อยากไปหรือเปล่า” ปลายฝนทำท่าอึกอัก ก่อนเข้ามาตรงจุดกางเต็นท์เธอแอบเห็นทางไปน้ำตกที่ต้องเดินเท้าเข้าไป บอกตรง ๆ ในชีวิตนอกจากเดินทางไกลตอนเรียนลูกเสือ เนตรนารี เธอก็ไม่เคย
“เฮียคิดว่าตอนนี้ลูกของเราไม่ได้ไปค้างห้องเขาเหรอคะ หัดอยู่กับความเป็นจริงซะบ้างนะคะ ตัวเองก็ใช่ว่าเมื่อก่อนจะดีเสียเมื่อไหร่ อย่าให้ลินต้องพูดนะ” “อะไรกัน แค่เฮียห่วงลูก ก็กลายเป็นคนผิดแล้วเหรอ” “ไม่ได้ว่าเฮียผิดเลยนะคะ แค่อยากให้เฮียยอมรับความจริงค่ะ ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอก อีกหน่อยปลายฟ้าอีกคน ถึงวันนั้นเฮียไม่อกแตกตายเหรอคะ ทำใจค่ะ” “ลินดา จะว่าเฮียไปถึงไหน” เมื่อเห็นว่าตัวเองเผลอพูดมากเกินไป ก็เข้าไปกอดออดอ้อนคนเป็นสามีทันที เป็นวิธีที่เธอใช้ได้ผลมาตลอดและคิดว่าครั้งนี้ก็คงไม่พลาดเหมือนกัน เพราะทันทีที่เธอเข้าไปออดอ้อนเขา พายุก็ยิ้มออกมาทันที “เฮียห่วงลูก ไม่อยากให้ลูกเจอคนไม่ดี” “ลินเข้าใจค่ะ แต่ความรักมันบังคับได้ที่ไหนกัน ในเมื่อลูกเรารักเขาไปแล้ว ตอนนี้ที่ทำได้คือทำใจและปล่อยให้ลูกได้เผชิญด้วยตัวเองนะคะ เราเป็นพ่อแม่มีหน้าที่แค่ซัพพอร์ตความรู้สึกของลูกเท่านั้นแหละคะ” บรรยากาศบนโต๊ะอาหารผ่านไปด้วยดี หลังทานข้าวเสร็จ นั่งคุยกันอีกสักพัก ธามก็ขอตัวกลับโดยมีปลายฝนเดินมาส่งที่รถ“ธามไปนะ” “ขอบคุณมากนะ ที่ธามอดทนและพยายามกับเรื่องวันนี้” “ขอบคุณทำไม ธามเต็มใจทำให้อยู่แล้ว” ปล