หลังจากกลับมาถึงหอดารารักษ์ ฉินซูก็ได้รับแจ้งว่าซ่างกวนอวิ๋นซีต้องการพบเขา จึงตรงขึ้นไปยังชั้นเจ็ดทันทีที่เขาก้าวเข้าประตู สายตาที่เปี่ยมด้วยไอสังหารของซ่างกวนอวิ๋นซีก็จับจ้องอยู่ที่เขา!รู้สึกได้ถึงไอสังหารที่เย็นเยียบในแววตาของซ่างกวนอวิ๋นซี ฉินซูพลันรู้สึกเสียงสันหลังวาบเขารวบรวมสติ บังคับตัวเองให้สงบลงแล้วถามว่า “เอ่อ… ดูเหมือนข้าจะมิได้ล่วงเกินท่านนะ?”“เจ้าเคยกล่าวสิ่งใดเอาไว้ ยังต้องให้ข้าย้ำเตือนอีกรึ?” ซ่างกวนอวิ๋นซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบฉินซูขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก แต่ก็ยังนึกมิออกว่าตนไปยั่วโมโหกระไรนางดังนั้นจึงจำใจกล่าวว่า “พี่ใหญ่ หากข้าล่วงเกินท่านอย่างไร ท่านก็บอกมาตรง ๆ เถิด ท่านทำเช่นนี้ข้าใจเสียหมดแล้ว”“หึ สตรีวัยกลางคนอายุห้าสิบกว่า เจ้าจะบอกว่าเจ้ามิได้กล่าวคำนี้รึ?”ฉินซูสังเกตได้ว่า เมื่อซ่างกวนอวิ๋นซีกกล่าวเช่นนั้น ไอสังหารบนร่างของนางก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นอีกหลายส่วนเขาถอยไปที่ประตูโดยไม่รู้ตัว แล้วแก้ตัวว่า “ท่านอย่าเข้าใจผิดไป คำพูดของข้ามิได้มีความหมายอื่นใดแอบแฝง เพียงแต่กล่าวตามความจริงเท่านั้น ถึงอย่างไรตอนนั้นท่านก็ยอมรับเองมิใช่หรือ”“ข
มู่หรงหัวตื่นเต้นจนกำหมัดแน่น!“สวรรค์มาโปรดข้า สวรรค์มาโปรดข้าโดยแท้! เร็วเข้า รีบไปสืบหาที่อยู่ของท่านผู้อาวุโสจูเก๋อ มีข่าวคราวอันใดก็ให้รีบมารายงานทันที!”“ข้าน้อยรับพระบัญชา!”เหมิงตานรับคำแล้วก็พาคนออกไปทันที......ภายในคฤหาสน์ริมคูเมืองฉงชูโม่ถามอย่างสงสัย “ข่าวนั้นแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงจินหลิงแล้ว เหตุใดท่านผู้อาวุโสจูเก๋อของพระองค์ยังรออยู่ที่นี่ น่าจะปรากฏตัวให้องค์ชายสามแห่งเป่ยเยี่ยนช่วยเหลือแล้วมิใช่หรือเพคะ?”ฉินซูยิ้มพลางส่ายหน้า “หากปรากฏตัวในยามนี้ มู่หรงหัวย่อมสงสัย ดังนั้นให้คนของพวกเขาค้นหาตัวสักสองสามวันเสียก่อน เมื่อพวกเขาใกล้จะสิ้นหวังแล้วข้าค่อยปรากฏตัว นั่นจึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด”“ถูกของพระองค์ ว่าแต่ หม่อมฉันสังเกตเห็นว่า ในเมืองหลวงจินหลิงมีชาวยุทธภพเพิ่มขึ้นมากมาย ผู้คนเหล่านี้คงมิใช่ถูกบรรดาองค์ชายแห่งเป่ยเยี่ยนเรียกตัวมาหากระมัง?”“พวกเขามาเข้าร่วมพิธีแต่งตั้งบุตรแห่งนักปราชญ์แห่งหอดารารักษ์”ฉงชูโม่ประหลาดใจเล็กน้อย “พระองค์หมายความว่า ซ่างกวนอวิ๋นซีจะจัดพิธีรับตำแหน่งให้พระองค์หรือเพคะ?”“ใช่ นางบอกว่านี่เป็นกฎของหอดารารักษ์มาแต่โบราณ
ฉินซูกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ามิเคยหาเจ้าว่าเกะกะเลย เจ้าเพิ่งทะลวงระดับไป จงกินโอสถลูกกลอนต่อไป พลังของเจ้าจะได้เสถียรขึ้น”“เพคะ เรื่องนี้หม่อมฉันฟังพระองค์” ฉงชูโม่รับคำอย่างเต็มใจ“นี่ เจ้าเอารูปวาดไป จำไว้ด้วยว่า นี่คือท่านผู้อาวุโสจูเก๋อ ผู้อยู่เบื้องหลังอ๋องฉี!”ฉินซูควักรูปเหมือนออกมาจากอกเสื้อ นี่คือภาพที่เขาวาดขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ฉงชูโม่มองภาพบนกระดาษแล้วก็อดบ่นกระปอดกระแปดออกมามิได้“พระองค์ทำตัวให้ดูดีกว่านี้มิได้หรือไรเพคะ เหตุใดถึงชอบปลอมตัวเป็นชายชราวัยห้าหกสิบปีอยู่เรื่อย?”ฉินซูขมวดคิ้ว ถามกลับว่า “เจ้าเอาอะไรมาพูด ‘อยู่เรื่อย’ ?”“หึ ยังจะทำเป็นไขสือกับหม่อมฉันอีก ก่อนหน้านี้ตอนไปหลงโย่ว ในป่านอกเมือง ผู้เฒ่าที่ให้คำชี้แนะเรื่องการบ่มเพาะกำลังภายในให้หม่อมฉัน และจัดการสัตว์ร้ายตัวนั้นให้สวีหลาย ก็คือพระองค์ที่ปลอมตัวมามิใช่หรือเพคะ?”ฉินซูอุทานด้วยความประหลาดใจ “ข้าจำได้ว่ายังมิได้สารภาพเรื่องนี้กับเจ้า แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร?”ฉงชูโม่เชิดหน้าขึ้นพูด “นับตั้งแต่ทราบว่าวรยุทธ์ของพระองค์แข็งแกร่งเหลือคณา หม่อมฉันก็เริ่มสงสัยแล้ว มิฉะนั้นเหตุใดเรื่องราวถึงได้เห
“เพราะข้ารีบเร่งมายังหอดารารักษ์มิใช่หรือไร ถึงได้ลืมพกนำเงินมาด้วย”ซ่างกวนอวิ๋นซียิ้มเย็นชา “กล่าวเช่นนี้ เจ้ากำลังโทษข้ารึ?”ฉินซูรีบโบกมือ “หามิได้ ข้าเพียงแต่บอกเล่าตามความจริงเท่านั้น!”“เลิกพล่ามไร้สาระ เจ้าแย่งเงินจากพวกเขามาห้าพันตำลึง เอาไปทำอันใด?”“ซื้อคฤหาสน์อย่างไรเล่า!”“อยู่ดี ๆ เจ้าถึงนึกครึ้มซื้อคฤหาสน์มา… ซื้อให้สตรีคนสนิทของเจ้าอย่างนั้นรึ?” ซ่างกวนอวิ๋นซีจับสังเกตบางสิ่งได้อย่างรวดเร็วฉินซูเองมิได้คิดอำพรางซ่อนเร้น และยอมรับอย่างเปิดเผย“ถูกแล้ว นางเดินทางมาไกลเพื่อมาหาข้า ข้ามิอาจปล่อยให้นางเร่ร่อนกลางถนนได้ อีกทั้งข้ายังมิคุ้นเคยกับหอดารารักษ์แห่งนี้ ที่มาหาท่านในครั้งนี้ เพียงต้องการแจ้งให้ท่านทราบว่า ข้า...”เขายังมิทันกล่าวจบ ซ่างกวนอวิ๋นซีก็ปฏิเสธทันควัน “อย่าแม้แต่จะคิด เจ้าคือบุตรแห่งนักปราชญ์แห่งหอดารารักษ์ ย่อมต้องพำนักอยู่ในหอดารารักษ์เท่านั้น!”“ท่านไร้เหตุผลเกินไปแล้ว คฤหาสน์ที่ข้าซื้อก็อยู่แถวนี้ ห่างกันเพียงคูเมืองกั้นเท่านั้น มิได้ไกลจากกันเลย หากท่านมีธุระแค่ส่งเสียงเรียก ข้าก็จะปรากฏตัวต่อหน้าท่านในพริบตาเดียว”“อย่างไรก็คือมิได้ นี่คือ
หลังจากได้สติ ฉงชูโม่ก็ถามอย่างอดมิได้ "นี่พระองค์ให้หม่อมฉันทำเรื่องพวกนี้ไปเพื่อกระไรกันแน่เพคะ?""ท่านผู้อาวุโสจูเก๋อผู้นั้นก็คือคนที่คอยวางแผนอยู่เบื้องหลังให้อ๋องฉี เป็นผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศ หลังจากอ๋องฉีสิ้นอำนาจ เขาก็หลบหนีออกจากเมืองหลงเฉิงอย่างเงียบเชียบ แล้วเจ้าก็ไล่ตามเขามาตลอดทาง จนถึงเมืองหลวงเป่ยเยี่ยนแห่งนี้""พระองค์กำลังตรัสถึงเรื่องกระไรกันแน่? พูดไปพูดมาก็วกเข้าเรื่องอ๋องฉีอีกแล้วหรือ? แล้วท่านผู้อาวุโสจูเก๋อที่ว่านั่น เขาเป็นใครกันแน่เพคะ?"ฉินซูลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า "ท่านผู้อาวุโสจูเก๋อผู้นั้น แท้จริงแล้วก็คือข้านั่นเอง!""พระองค์หรือเพคะ?"ฉงชูโม่ขมวดคิ้วจนแทบจะผูกกัน "พระองค์อยู่เบื้องหลังวางแผนให้อ๋องฉี แล้วหม่อมฉันก็ไล่จับพระองค์หรือ?""มิใช่ข้า แต่เป็นท่านผู้อาวุโสจูเก๋อ! ยังมิเข้าใจอีกหรือ? ลองคิดถึงเรื่องหนานเยวี่ยดูสิ!" ฉินซูกะพริบตาให้นางรัว ๆฉงชูโม่ชะงักไปครู่หนึ่ง ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ นางก็ตกใจจนต้องเอามือปิดปาก!"อ๊ะ! พระองค์ทรงคิดจะ...""ชู่ว! หากสำเร็จแล้ว ตำแหน่งรัชทายาทของข้าจะไม่มีผู้ใดสามารถสั่นคลอนได้ ถึงยามนั้น ข้าจะสู่ขอเจ้ามาเป็นพ
เซี่ยจื่อผิงเจ็บปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยว รีบพยักหน้า “ให้ยืม ข้าให้ยืม!”“แล้วเจ้าเล่า?” ฉินซูมองไปยังเย่เทียนหนิงอีกฝ่ายสีหน้าขุ่นมัว ในใจมิยินดีอย่างยิ่ง แต่สถานการณ์บีบบังคับ จะมิพยักหน้าก็คงมิได้แล้ว“อีกมิกี่วันจะคืนให้”ฉินซูคลายมือจากทั้งสอง แล้วเปิดถุงเงินดูข้างในมีเงินเศษและตั๋วเงินหลายใบ“เงินเศษคืนให้พวกเจ้า ส่วนตั๋วเงินข้าขอแล้วกัน”ฉินซูกล่าวจบก็โยนถุงเงินคืนให้ แล้วถือตั๋วเงินมูลค่าพันตำลึงหลายใบเดินเชิดหน้าตรงไปยังร้านค้าเซี่ยจื่อผิงกระทืบเท้าด้วยความโกรธจัด “ให้ตายสิ นี่มันยืมเสียที่ไหน ปล้นกันชัด ๆ!”“ไป กลับไปฟ้องท่านเจ้าสำนักกันดีกว่า!”ทั้งสองคนหันหลังกลับแล้วรีบบึ่งไปยังหอดารารักษ์ภายในร้านค้าฉงชูโม่มองตั๋วเงินในมือฉินซูด้วยความประหลาดใจ แต่ในมิช้าก็เดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นฉินซูพยักพเยิดไปทางเถ้าแก่ร้าน “นำทางไปเถิด หากถูกใจคฤหาสน์หลังนั้น พวกเราจะซื้อทันที!”“โอ้ เช่นนั้นก็ดีเลยขอรับ ขอเชิญท่านผู้สูงศักดิ์ทั้งสองตามข้าน้อยมาขอรับ!”เถ้าแก่ร้านค้านำทั้งสองไปดูคฤหาสน์อย่างกระตือรือร้นคฤหาสน์หลังนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกของหอดารารักษ์โดยมีเพียงคูเมืองคั่