ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก้มหน้า "ใช่"ซู๊ดคนในลานล้วนสูดปากอย่างอดไม่อยู่ชั่วขณะหนึ่ง ในห้องก็นิ่งเงียบ ใบไม้ร่วงยังได้ยินผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้น รอปฏิกิริยาของเซียวหลันยวนหลังจากผ่านไปนาน เซียวหลันยวนก็ถอนใจ"ไปทำหายที่ไหนกัน?" เขาถามขึ้นแช่มช้า"หลัง หลังจากที่มาถึงเมืองหลวง เดิมทีข้าก็พกติดตัวไว้ตลอด แต่ไม่รู้ว่าไปหล่นหายตอนไหน"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งเสียงเหมือนยุงเขาประหม่าจริงๆ"ตระกูลชิ่งรักษาสิ่งยืนยันเช่นนี้หรือ?" เซียวหลันยวนน้ำเสียงขรึมลงมาชิงอีเองก็ร้อนรนจนทนไม่ไหว "รักษามาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมผู้นำน้อยตระกูลชิ่งอย่างท่านถึงได้เข้ามาเมืองหลวงเพียงคนเดียว? แล้วทำไมถึงได้ทำมันหายไปอีก?""ตระกูลชิ่งของพวกเราเกิดเรื่องขึ้น ท่านปู่ข้าตอนหลังมาป่วยหนัก ท่านลุงท่านอากระทั่งท่านน้าท่านป้าก็ล้วนคิดจะแย่งชิงอำนาจ วุ่นวายไปหมด ตอนนี้ท่านปู่ของข้ายังคิดถึงเรื่องสิ่งยืนยันชิ้นนี้ ส่งต่อตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับข้า จากนั้นก็จัดองครักษ์กองหนึ่งส่งข้าเข้าเมืองหลวง แต่ว่าคนเหล่านั้นไม่ยอมปล่อยข้า และไม่ยอมให้ข้านำสิ่งยืนยันชิ้นนี้ส่งคืนมาในช่วงนี้"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่
"ปิ่นปักผม?"ผู้คนล้วนตกตะลึง สิ่งยืนยันเป็นปิ่นปักผมเล่มหนึ่ง สำหรับหญิงสาวใช้หรือ?"หน้าตาเป็นอย่างไร?" เซียวหลันยวนถามต่อ"ข้าวาดออกมาแล้ว" ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งรีบหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นเข้ามาเซียวหลันยวนรับมาไว้ในมือ กางออกฟู่จาวหนิงยื่นหน้าออกมามองจากแผ่นหลังของเขาด้านบนวาดปิ่นปักผมธรรมดาเล่มหนึ่งไว้ บนปิ่นปักผมสลักดอกเหมยเอาไว้ช่อหนึ่ง นางมองผาดหนึ่งก็นับ ดอกเหมยเก้าดอกข้างๆ ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก็อธิบาย "ปิ่นปกผมนี้ดูแล้วไม่ค่อยมีมูลค่า เพราะเป็นปิ่นปักผมเหล็ก ไม่ใช่ทองไม่ใช่เงิน ยิ่งไปกว่านั้นยังหล่อตันไว้ด้วย แข็งแรงอย่างมาก รู้สึกเหมือนเอาไปสังหารคนได้เลย ถ้าแทงไปบนตัวของอีกฝ่าย พอกระชากออก ไม่ต้องออกแรงก็ทะลวงเป็นรูเลือดทะลักได้เลย"เขาพูดถึงตรงนี้ เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาผาดหนึ่งหยิบสิ่งยืนยันของเขามาสังหารคนหรือ?ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งหดคอลงพอเห็นการกระทำของเขา ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะขึ้นมาเด็กคนนี้จริงๆ เลย ถ้ายืนอยู่ตรงนั้นหรือนั่งอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ ก็ดูบำรุงสายตาเหมือนเซียนย่ำโลกมนุษย์ดีอยู่ งดงามเหมือนรูปภาพแต่พอเคลื่อนไหวขึ้นมาก็แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง กลา
"ไม่มี ข้าอยากจะถามเขาว่าไปที่ไหนมาบ้าง ข้าก็อยากช่วยด้วยเหมือนกัน""เจ้าก็มีน้ำใจเสียจริง""ข้าเองก็มีน้ำใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ ท่านเพิ่งรู้หรือ?"ฟู่จาวหนิงนั่งกลับลงไปที่ข้างโต๊ะอาหาร หยิบตะเกียบขึ้นมาต่อเซียวหลันยวนมองท่าทางของนาง "เจ้ายังกินไม่อิ่มอีกหรือ?""อิ่มไปแปดส่วนแล้ว ขอกินอีกหน่อย เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าถูกชิ่งอวิ๋นเซียวมาขัดลำหรอกหรือ" นางคีบปลาอีกชิ้นหนึ่งเข้าปากเซียวหลันยวนเดินเข้ามา ยื่นมือเข้ามาแย่งตะเกียบนาง "ตอนกลางคืนกินแค่เจ็ดส่วนก็พอ""ข้าทำไม่ได้" ฟู่จาวหนิงเลี่ยงออกจากมือของเขา "วันนี้ข้ายุ่งมาทั้งวัน ใช้พลังงานไปเยอะ ถ้ากินไม่อิ่มตอนกลางคืนจะหิวจนทนไม่ไหวเอานะ"เซียวหลันยวนมองนางที่คีบเต้าหู้ไปอีกก้อนอย่างรวดเร็ว ส่ายหัวขึ้นมาอย่างจำใจ"ท่านกินอิ่มแล้วนี่? ท่านตอนนี้พูดสิ่งที่ท่านตรวจสอบมาได้แล้ว ข้ากินไปด้วยฟังไปด้วย""เจ้าเห็นข้าเป็นสายสืบของเจ้าไปแล้วหรือ?"ทำเหมือนนั่งอยู่ข้างๆ เขาที่จัดการธุระทางการอยู่แล้วถือโอกาสฟังสายสืบที่เข้ามารายงานอย่างไรอย่างนั้น"อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย"ฟู่จาวหนิงมองเขา เขาสวมหน้ากากอยู่ มองสีหน้าไม่ออก แต่ก็ไม่รู้ว่าเข
นางเห็นแค่เขาเดินออกไปจากห้องอาหาร แต่ไม่เห็นว่าเขาไปทางไหนแล้ว เลยคาดเดาว่าเขาน่าจะออกไปแล้วและที่ทำให้เขานั ่งไม่อยู่เช่นนี้ สิ่งยืนยันนั่นจะต้องสำคัญกับเขามากจริงๆ"เรียนพระชายา ขอรับ""เขาพาองครักษ์ลับไปด้วยไหม?""หกคน""แล้วกลับไปผ้าคลุมหรือยัง?" ฟู่จาวหนิงถามต่อองครักษ์ลับชะงัก "ไม่ได้กลับขอรับ"เช่นนี้ก็คงจะออกไปอย่างเร่งร้อนมากฟู่จาวหนิงจุ๊ปากเสียงหนึ่ง "ข้าจะไปห้องเขาหยิบผ้าคลุมกับเตาอังมือ""ขอรับ"นางบอกกับองครักษ์ลับคำหนึ่ง เพื่อไม่ให้พวกเขาอีกเดี๋ยวจะเข้ามาขวางนาง ถึงอย่างไรเซียวหลันยวนหลังจากพิธีอภิเษกวันนั้นก็ให้นางย้ายออกมาแล้วไม่ได้ยอมให้นางพักอยู่ที่นั่น นางเองก็เข้าใจตำแหน่งนางดี ว่าไม่ใช่ภรรยาที่แท้จริงของเขาแต่พอนางเพิ่งพูดจบ องครักษ์ลับก็ขานรับกลับมาทันที ทำเอาฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ"ไม่ขวางข้าหรือ?""ท่านอ๋องวันนี้บอกไว้แล้ว พระชายาสามารถเข้าไปได้"คำพูดขององครักษ์ลับทำฟู่จาวหนิงตกตะลึงอีกครั้งเซียวหลันยวนทำอะไร? ทดสอบนางหรือ? จะหยั่งเชิงนางหรือ?แต่ว่านางก็ไม่ได้คิดเยอะ ไปห้องของเขาหอบผ้าคลุมออกมาตัวหนึ่ง จากนั้นก็หยิบเตาอังมือมาด้วย
คนในเงามือไม่ขยับเขยื้อน รอจนพวกชิงอีหาห่างออกไปจึงค่อยๆ ถอยตัวออกมาหมุนตัวจากไปบ้านตระกูลฮู่ในเมืองหลวงในเรือนข้างฝั่งตะวันออก ห้องห้องหนึ่งมีไฟเทียนจุดขึ้นมา ประตูถูกผลักเปิด คนชุดดำพุ่งตัวเข้าไป ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงรูปร่างผอมบางคนบนเตียงได้ยินการเคลื่อนไหวก็ลงจากเตียงเข้ามารับทันที"แม่นางเจี๋ย เป็นอย่างไรบ้าง"ชายกลางคนคนนี้คือลูกชายของผู้นำตระกูลฮู่ ฮู่เจียไท่และแม่นางเจี๋ยคนนี้ คือภรรยาของเขา พูดให้ถูกคือภรรยารองของเขา ภรรยาเก่านั้นตายไปนานแล้ว"ให้ข้าดื่มน้ำหน่อย"รอจนแม่นางเจี๋ยดื่มน้ำ มองยังสามี ดวงตาเป็นประกาย "ท่านสามี ท่านลองเดาสิว่าข้าได้ยินอะไรมา?""รีบพูดเร็ว ไม่ต้องมายั่วกัน""ชิ่งอวิ๋นเซียวมาถึงเมืองหลวงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังทำสิ่งยืนยันหายไปด้วย!"ฮู่เจียไท่พอได้ยินก็กระเด้งพรวด ร้องอุทานออกมา "อะไรนะ? ทำหาย?!""ชู่!" แม่นางเจี๋ยรีบปิดปากของเขา "ท่านเบาเสียงหน่อย! เดี๋ยวท่านพ่อได้ยินขึ้นมา เรื่องของพวกเราก็พังกันพอดี?""ใช่ๆๆ ข้าจะเบาเสียง" ฮู่เจียไท่จับมือของนางลง "ข้าดูตกใจเกินไปสินะ? เจ้าได้ยินมาไม่ผิดใช่ไหม?""แน่นอนว่าไม่ผิด! เรื่องสำคัญขนา
"แม่ของเจ้าไม่ใชว่าเป็นนักบุญหญิงคนก่อนของเผ่าโม๋ลั่วหรือ? เพียงแต่ออกเรือนไปยังแดนใต้""ถูกต้อง ตอนที่ข้าอยู่บนถนนก็ติดต่อกับนักบุญหญิงในเผ่าตอนนี้แล้ว นางเองก็อยู่ที่เมืองหลวงเช่นกัน นางรู้ว่าข้าจะเข้ามาบอกว่ามีเรื่องให้ข้าช่วยเหลือ ข้าเองก็สามารถร่วมมือกับนางได้พอดี แค่หาสิ่งของไม่ใช่ปัญหา""เจ้าหมายถึง""ก็อย่างที่ท่านคิดนั่นล่ะ""เช่นนั้นก็ดี เจ้าตอนนี้ก็ไปหานางเถอะ ยิ่งเสียเวลายิ่งไม่ดี คนของจวนอ๋องเจวี้ยนหาของไปทั้งคืนแล้ว พวกเราจะเสียเวลาอีกไม่ได้"แม่นางเจี๋ยพยักหน้า ดึงผ้าคลุมกลับขึ้นไป จากนั้นก็ออกประตูไปอีกครั้งและที่ตะวันออกเมือง ในเรือนเล็กแห่งหนึ่งที่ไม่ห่างออกไปนัก ไห่ฉางจวิ้นก็ได้ยิน เสียงเคาะหน้าต่างก๊อกๆ ทันใดนั้นก็ตกใจลุกขึ้นนั่งทันทีซือถูไป๋พาอาเพียนออกจากเมืองหลวงไปชั่วคราวเนื่องจากมีธุระ ไหมใจโลหิตของนางก็ยังหาไม่เจอเลยไม่ไปไหน จึงไม่กล้าพัวพันต่อยังดีที่ช่วงหลายวันนี้ทำให้นางเจอกับคุณชายที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง มาจากเจียงหนาน ปล่อยเช่าเรือนเล็กเรือนหนึ่งที่นี่ ส่วนตัวเขาจะไปฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์เพื่อร่ำเรียน นางจึงติดตามเข้ามาพักด้วยถ้าซือถูไป๋ย
"ช่วยข้าหาของอย่างหนึ่ง ข้ารู้ว่านักบุญหญิงอย่างพวกเจ้ามีวิชาลับควบคุมงู แม่ของข้าก่อนหน้านี้ถ่ายทอดวิชานี้ให้ข้า แต่ข้าบังคับงูตัวนั้นไม่ได้เลย ห่างออกมาหน่อยก็ไม่ได้แล้ว"พอได้ยินคำพูดของแม่นางเจี๋ย ไห่ฉางจวิ้นก็อดหัวเราะขึ้นอย่างเย่อหยิ่งไม่ได้"แม่ของเจ้าก่อนหน้านี้เคยเป็นนักบุญหญิงอยู่ครึ่งปี แต่นางไม่รู้หรอกกระมัง? ว่าวิชาลับนี้ยังต้องการของอีกอย่างหนึ่ง นางเอาแต่คิดจะหนี คงจะไม่รู้หรอก เจ้าเองก็ไม่ใช่นักบุญหญิงจึงไม่มีกระดิ่งบังคับงูของพวกเรา แน่นอนว่าต้องใช้ไม่ได้!""ดังนั้นตอนนี้เรื่องนี้เจ้าจะช่วยหรือไม่? ถ้าทำเรื่องนี้เสร็จ ข้าจะส่งคืนงูหลังทองให้เจ้า" แม่นางเจี๋ยเอ่ยขึ้น"เจ้าเอางูหลังทองมาด้วยหรือ?""แน่นอน""เจ้าจะข้าทำอะไร?""ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก็แค่ให้เจ้าใช้งูหลังทองช่วยข้าหาของชิ้นหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าหล่นอยุ่มุมไหนของเมืองหลวง แน่นอน เป็นไปได้ว่าอาจจะถูกคนขโมยไป จะหาได้ไหม?"แม่นางเจี๋ยรู้สึกคาดหวังมากในใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา"ไม่ใช่เรื่องที่ยากเท่าไร"ตอนที่ไห่ฉางจวิ้นพูดประโยคนี้ก็อดคิดถึงไหมใจโลหิตไม่ได้ ถ้าหากมีงูหลังทองแล้ว นางเองอาจจะหาไหมใจโลหิตเจอด้วยไ
สืออีกับสือซานปรากฎตัว สบตากันผาดหนึ่ง ลังเลเล็กน้อยท่านอ๋องตอนนี้จะไปไหนกัน?ฟู่จาวหนิงกัดฟัน สิ่งยืนยันนั่นสำคัญกับเขามากนี่ แต่ตอนที่หาสิ่งยืนยันดันกลับจะไปหาซ่งอวิ๋นเหยาเนี่ยนะ?แล้วยังกลางดึกกลางดื่นอีกด้วย ถ้าเขาเข้าไปในห้องนอนซ่งอวิ๋นเหยา คงจะออกมาให้ทันเวลาได้ยากแน่ซ่งอวิ๋นเหยาทางนั้นก็มีพิษนั่นโน่นนี่เต็มไปหมด เซียวหลันยัยนเองก็รู้นี่นา?"ช่างเขา!"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นมาอย่างกัดฟันหน่อยๆเดิมทีคิดจะหมุนตัวเดินไปแล้ว แต่นางรู้สึกว่าสองเท้าของตนเองหนักอึ้งจนเดินไม่ออก"คุณหนู ท่านอ๋องพาไปไม่กี่คนเท่านั้น และไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรอีกด้วย จะมีอันตรายไหม?" สืออียังรู้สึกกังวล"ก็แค่ไปดอกท้อเท่านั้นนี่? ไม่แน่สาวสวยอาจจะนัดไว้ก็ได้ มีอะไรอันตรายกัน?"อันตรายเสียพรหมจรรย์กระมัง? ไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนยังบริสุทธิ์อยู่ไม่ด้วยนี่สิแม้จะพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็ยังหมุนตัว หอบผ้าคลุมเดินตามไปยังทิศทางที่พวกเขาออกไป"คุณหนู..." เร็วขนาดนี้เชียว?ในดวงตาสืออีกับสือซานมีรอยยิ้มปรากฎขึ้น ทั้งสองคนเองก็รีบตามออกไปซ่งอวิ๋นเหยาหลายวันนี้นอนไม่หลับในห้องแม้จะมีไฟเทียนสว่างอยู่ แต่กระจ
"ฮูหยินอู๋คนนั้น เหมือนจะเคยบอกว่านางชื่ออิงถัง""ชื่ออะไรก็ช่างเถอะ"เซียวหลันยวนไม่ได้สนใจกับชื่อของนางเลย เขาแค่รู้ว่าเป็นคนนั้นก็พอแล้ว"ได้ยินเจี๋ยหลี่คนนั้นบอกมาว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฮูหยินอู๋ไม่มากนัก"ฟู่จาวหนิงนึกถึงคำพูดที่ฮูหยินอู๋พูดกับนางไว้ก่อนออกเดินทาง ก็เหมือนมีท่าทางจะผูกมิตรอยู่จริงๆคิดจะดึงนางเป็นพวก ร่วมมือกับนางจริงหรือ?เซียวหลันยวนเหล่มองนาง ยื่นมือมาจับคางนางโยกเบาๆ "เจ้าคงไม่ได้หวั่นไหว แล้วอยากจะไปทำอะไรกับฮูหยินอู๋จริงๆ หรอกกระมัง?"ฟู่จาวหนิงตบมือของเขาออก"ท่านคิดอะไรน่ะ ถ้าข้าคิดจะทำอะไรจริงๆ ไม่ต้องร่วมมือกับนางก็ได้นี่ แค่นางเดิมทีเป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้าง ข้าก็ไม่มีทางผูกมิตรกับนางอยู่แล้ว"นางไม่สนว่าฮูหยินอู๋ตอนนี้จะออกจากลัทธิเทพทำลายล้างแล้วจริงหรือไม่ ถึงอย่างไร ก่อนหน้านี้ก็เป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้างจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จิ้นเชินเองก็ยังเคยบอกว่า ฮูหยินอู๋ คยต้องสงสัยว่าเป็นคนที่ฆ่าสามีด้วยนางไม่มีความรู้สึกดีดีให้กับลัทธิเทพทำลายล้างเลย แล้วคนที่มาจากลัทธิเทพทำลายล้าง นางจะไปร่วมมือด้วยได้อย่างไรกัน?"แล้วเจ้าเชื่อไหมว่าเรื่อ
ไป๋หู่ตอบว่า "เรียนท่านอ๋อง นี่เป็นของขวัญพบหน้าที่เจ้าอารามส่งให้คุณหนูขอรับ"เซียวหลันยวนเห็นน้ำที่ใส่อยู่ด้านในแล้ว เขาขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ยกมือฟู่จาวหนิงขึ้นมา "ขึ้นไปกันก่อนเถอะ""เจ้าอารามยังอยู่ด้านใน ท่านไม่เข้าไปหรือ?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่เข้าไปแล้ว"เซียวหลันยวนกลับรู้สึกว่าตนเองกับเจ้าอารามไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว เรื่องมากมาย พวกเขาคุยกันมาตั้งหลายปีแล้ว เขากับเจ้าอารามเองก็ไม่ใช่คนที่พูดมากนัก ทั้งสองคนพออยู่ด้วยกันมีอะไรก็พูดออกมา พูดจบก็นิ่งเงียบไป"พระชายาเดินเหินระมัดระวังด้วย"ตอนที่พวกเขาจะขึ้นไป ซางจื่อก็คารวะให้กับฟู่จาวหนิง จากนั้นก็ยืนส่งพวกเขาด้วยสายตาฟู่จาวหนิงหันกลับไปเหลือบมองซางจื่อยังยืนอยู่ที่นั่น เห็นได้ชัดว่ากำลังรอเจ้าอารามออกมาแต่เจ้าอารามก็ยังไม่ออกมา อยู่ในถ้ำภูเขาทำอะไรอยู่นะ?อยู่ในนั้นก็ไม่มีของกินด้วยนี่"เจ้าอารามพูดอะไรกับเจ้าหรือ?" เซียวหลันยวนถาม"ก็แค่มาคุยโวกับข้าเรื่องดูแลตัวเองน่ะ" ฟู่จาวหนิงตอบ "บอกว่าเขาไม่เคยแก่อีกเลยตั้งแต่อายุยี่สิบสี่""เริ่มตั้งแต่ตอนไหนก็ยังเอามาบอกเจ้าหรือ?" เซียวหลันยวนประหลาดใจหน่อยๆ"เร
"เป้าหมายของข้าหรือ..."เจ้าอารามพูดไปครึ่งประโยคแล้วตอนท้ายลากเสียงยาว เหมือนตัวเขากำลังสับสนอยู่บ้างแต่ตอนนี้ฟู่จาวหนิงมองออก ว่าความสับสนนี้ของเขาเป็นของปลอม ในใจเขาอันที่จริงแจ่มชัดยิ่งกว่าใครๆนางมองเขาไมม่ออกแต่กลับรู้สึกว่า เขามองคนทุกคนออกจนปรุโปร่ง"บางที ข้าคงแค่อยากจะรักษาสภาพตอนนี้ของใต้หล้าเอาไว้ แบบนี้ยังไม่ค่อยสงบสุขนัก แต่ยังถือว่ามั่นคงอยู่" เจ้าอารามเอ่ยขึ้น"ข้ากับอายวนอยู่ด้วยกัน จะส่งผลกระทบกับสถานการณ์ใต้หล้าจริงหรือ? ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คงจะให้เกียรติพวกเรามาเกินไปแล้วกระมัง""เป็นเจ้าดูถูกตัวเองต่างหาก"เจ้าอารามยังคิดจะพูดอะไรต่อ แต่ด้านนอกก็มีเสียงเซียวหลันยวนลอดเข้ามา"หนิงหนิง""อายวนกลับมาแล้ว" เจ้าอารามไม่ได้พูดต่อ เขามองกระถางน้ำนั่น "เจ้านี่เจ้าจะเก็บไว้ไหม?""ไม่รับก็เสียของสิ" ฟู่จาวหนิงไม่มีลังเลไม่ว่าในใจเจ้าอารามจะคิดอะไร ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความสนใจของนางในเรื่องเหล่านี้ ไว้นางกลับไปค่อเข้าไปตรวจสอบในห้องเภสัช ลองดูว่าใช่น้ำใสหรือไม่ แล้วถ้าด้านในส่วนประกอบอัศจรรย์อะไรที่ชะลอความอ่อนเยาว์อยู่จริงไหมถ้ามีอยู่จริงๆ ล่ะก็ นางเองก็อยากจ
จู่ๆ เขาก็พูดแบบนี้ออกมา ทำเอาฟู่จาวหนิงตั้งตัวไม่ทันอันที่จริงนางเองก็เคยคิดปัญหานี้อยู่ทำไมทั้งๆ ที่ใบหน้ารักษาหายแล้ว มีใบหน้างดงามเสียขนาดนั้น แต่เซียวหลันยวนกลับยังสวมหน้ากากไว้ตลอด?สวมหน้ากากก็ไม่ได้สะดวกเสียหน่อยยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าหล่อเหลานั่นปิดบังเอาไว้เสียของจะแย่แต่เซียวหลันยวนก็ไม่เคยพูดถึงปัญหานี้กับนาง บางครั้งนางถามไป เขาก็ทำแค่ยิ้มๆหรือว่าเจ้าอารามจะรู้ว่าเพราะอะไร?"เพราะว่า ใบหน้าของเขา มันดูคล้ายคลังกับจักรพรรดินีของตงฉิงสมัยยังสาวน่ะสิ" เจ้าอารามบอกกับนางฟู่จาวหนิงตกตะลึงนางยังไม่เคยคิดไปถึงด้านนี้เลยแต่ว่าเจ้าอารามพูดอกมาแบบนี้ นางก็กระจ่างขึ้นมาทันทีนี่เหมือนจะเป็นความเป็นไปได้มากที่สุดอยู่ก็เหมือนกับเรื่องสกุลของเจ้าอาราม ถ้าลือออกไปจะดึงดูดความสนใจพวกคนเจตนาไม่ดี ใบหน้าเซียวหลันยวนถ้าเปิดเผยออกไป ก็อาจจะดึงดูดความสนใจคนเหล่านั้นที่กำลังตามหาตงฉิงอยู่ด้วยกระมัง?จักรพรรดินีตงฉิงแต่ก่อนเคยไปเป็นทูตที่ต้าชื่อ รับประกันได้ยากว่าคนที่เคยเห็นนางในอดีตจะยังมีชีวิตรอดกันอยู่ไหมอย่างลัทธิเทพทำลายล้าง ก็ค้นหาตงฉิงมาโดยตลอดเช่นกันคนเหล่านั้นถ้
"ตอนนั้นในเขาชิงถงเกิดการขัดแย้งภายใน อาจารย์ของเจ้าคนนั้น โอ้จริงด้วย ลุงของถังอู๋เจวี้ยน ไม่ใช่ว่าโมโหจนออกจากเขาชิงถงหรือ? เพราะตระกูลเขาชิงถงอีกสายหนึ่งของพวกเขาทำเรื่องผิดมา แต่เขาชิงถงกลับปล่อยพวกเขาไปเพราะจะไม่สังหารเครือญาติ"ฟู่จาวหนิงตะลึงงันนางคิดไม่ถึงเลย ว่าพูดไปพูดมา ก็ยังวนมาถึงเรื่องเขาชิงถงจนได้นี่ไม่ถือเป็นความลับของเขาชิงถงหรือ? แล้วทำไมเจ้าอารามถึงรู้ได้?"อาจารย์ลุงของเจ้าคนนั้นรู้สึกว่าตระกูลปกป้องคนชั่ว ไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี ดังนั้นจึงออกจากเขาชิงถง ส่วนตระกูลถังที่ทำผิดสายนั้น ก็ถูกขับออกจากเขาชิงถงไปด้วยเช่นกัน สายนั้นมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ตงฉิงอยู่ ข้าคิดว่าพวกเขาคิดจะค้นหาตงฉิงอยู่ตลอด และการจะหาตงฉิงให้พบก็มีอยู่สองวิธี หนึ่งคือหาสมบัติแคว้นชิ้นหนึ่งของตงฉิงให้พบ ของสิ่งนั้นสามารถนำทางไปยังวังจักรรพรรดิตงฉิงได้ และอาจจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนกลไกใหญ่ของตงฉิง""และอีกวิธีหนึ่ง คือหาคนของตระกูลซืออวี๋ให้เจอ เพราะตระกูลซืออวี่มีการสืบทอดพรสวรรค์ สามารถทำนายตำแหน่งของตงฉิงออกมาได้"เจ้าอารามพูถึงจุดนี้ก็หยุดลงมา มองฟู่จาวหนิงด้วยสายตาลึกซึ้งคว
ระยะห่างเท่านี้ ยังสามารถมองเห็นพวกเขาได้ ทว่าไม่ได้ยินเสียงพวกเขาคุยกัน"เจ้าอารามตอนนี้พูดได้หรือยัง?""นี่คือน้ำ" เจ้าอารามแตะเบาๆ ไปที่กระถางน้ำใส "แต่ว่าไม่ใช่น้ำธรรมดา เป็นน้ำที่ข้านำมาจากแท่นบูชาวังจักรพรรดิตงฉิง""ตงฉิง?"ฟู่จาวหนิงถลึงตามองเขาอย่างตกตะลึงเจ้าอารามเคยไปที่ตงฉิงมาหรือ?เซียวหลันยวนส่งหลานหรงนำคนมากมายไปค้นหาซากของตงฉิงนี่ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเจออะไรบ้างไหม แต่เจ้าอารามกลับบอกว่าน้ำเหล่านี้ได้มาจากแท่นบูชาวังจักรพรรดิตงฉิงหรือ?"ท่านเคยไปตงฉิงมาหรือ? ท่านรู้ว่าวังจักรพรรดิตงฉิงอยู่ที่ไหนรึ?"เจ้าอารามพยักหน้า "ใช่""ตั้งแต่เมื่อไรกัน?""เมื่อตอนอายุยี่สิบสี่"ตอนนี้เจ้าอารามพอถามก็ตอบ เหมือนไม่มีปิดบังนางเลยแม้แต่น้อย ตรงไปตรงมามากฟู่จาวหนิงกลับพบปัญหาข้อหนึ่งจากในบทสนทนานี้ นางปิดความตกตะลึงแทบไม่อยู่ "ความหมายของท่านคือ ปีนั้นที่ท่านไปตงฉิง แล้วใบหน้าของท่านก็หยุดอยู่ที่ปีนั้น หลังจากนั้นก็ไม่ชราลงเลยน่ะหรือ?"หมายถึงอย่างนี้หรือเปล่า?ดังนั้นความลับที่เจ้าอารามจะบอกกับนางก็คือ ที่หน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปนั้นเกี่ยวข้องกับตงฉิงหรือ? หรือก็คือ เกี่ยวข
ฟู่จาวหนิงพอได้ยินว่าเจ้าอารามจะบอกความลับกับนาง จิตใต้สำนึกนางก็คิดจะปฏิเสธขึ้นมานางไม่อยากฟังความลับของเขาหรอกนะ?รู้สึกว่าถ้าฟังความลับของเขาแล้วเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลยแตนางก็ปฏิเสธช้าไปหน่อย เจ้าอารามพูดอกมาแล้ว"ต่อให้ผ่านไปอีกยี่สิบปี ข้าก็ญังคงเหมือนกับตอนนี้ ไม่มีวันแก่ลงไปอีก" ตอนที่เจ้าอารามพูดคำนี้ น้ำเสียงก็ดูจะทอดถอนใจมากเขายังยื่นมือมาลูบหน้าตนเองด้วยชายรูปงามก็คือชายรูปงาม พอทำท่าทางเช่นนี้ ไม่ได้ดูอ้อนแอ้นเลยแม้แต่น้อย แต่กลับยิ่งดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวอีกบวกกับแสงพิเศษของหินเรืองแสงในถ้ำภูเขานี้ ทำให้บนใบหน้าเขามีแสงประกายที่อ่อนโยนขึ้นมา ยิ่งขับให้ผิวของเขาดูเกลี้ยงเกลาเปล่งปลั่งยิ่งขึ้นเขาสวมชุดสีเขียวแขนกว้าง ผมดำขลับราวสายน้ำสยายคลุมผ่า ราวกับเทพเซียนลงมาจุติยังโลกมนุษย์เลยจริงๆเสี่ยวเยว่เองก็เกือบจะมองจนเหม่อไป๋หู่มองเขาอย่างตกตะลึงผ่านไปอีกยี่สิบปี เขาก็ไม่แก่ลงอย่างนั้นหรือ?สายตาของฟู่จาวหนิงตกอยู่ที่ใบหน้าเขา กำลังครุ่นคิดความจริงหรือความลวงในประโยคนี้ของเขา"ข้าอายุยี่สิบสี่ก็เป็นเช่นนี้ นับตั้งแต่ตอนอายุยี่สิบสี่เน
พอได้ยินเสี่ยวเยว่พูดถึง ฟู่จาวหนิงก็นึกถึงลุงคนโตตระกูลเสิ่นขึ้นมาตอนที่นางออกจากต้าชื่อ เสิ่นเสวียนกำลังพยายามจะรับตัวพี่ใหญ่มาจากเมืองหมาน ช่วงนี้ก็ไม่ได้เขียนจดหมายเลย ไม่รุ้ว่าสำเร็จแล้วหรือยังจักรพรรดิต้าชื่อช่วงนี้ก็เหมือนจะสนแต่ไล่จับตัวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น สำหรับเสิ่นเสวียนแล้วถือเป็นเรื่องดีไหมนะ? แบบนี้จักรพรรดิต้าชื่อก็ไม่มีเวลาไปรับมือกับตระกูลเสิ่นแล้วเรื่องที่เสิ่นเสวียนจะทำก็น่าจะสะดวกขึ้นกระมัง"นายท่านต้องช่วยท่านผู้เฒ่ากลับมาได้แน่" เสี่ยวเยว่เอ่ยขึ้นเสียงต่ำระหว่างที่คุยกัน ก็เดินมาถึงในถ้ำภูเขาแล้วฟู่จาวหนิงพอเห็นฉากตรงหน้า ก็ยืนนิ่งด้วยความประหลาดใจบนแท่นหินว่างๆ แต่เดิมนั้น ตอนนี้มีโต๊ะตัวหนึ่งวางอยู่ เก้าอี้สองตัว บนโต๊ะวางกระถางกลมหยกขาวไว้ใบหนึ่ง ด้านในเหมือนจะใส่น้ำไว้เจ้าอารามนั่งอยู่บนเก้าอี้ มือข้างหนึ่งทาบเบาๆ ไว้กับขอบกระถางหยก เอียงหน้ามองมาทางนาง"เสี่ยวฟู่ เข้ามานั่งสิ"เขาเรียกฟู่จาวหนิง จากนั้นก็เหลือบมองไปทางเสี่ยวเยว่กับไป๋หู่ แต่ก็ไม่พูดอะไรไป๋หู่กับเสี่ยวเยว่สบตากัน พวกเขารู้สึกว่าสายตาที่เหลือบมาเมื่อครู่ของเจ้าอารามเหมือนจะมอ
ฟู่จาวหนิงยืนนิ่งไม่ขยับ"ข้ายังคิดว่าเจ้าอารามไม่ชอบข้ามาก และไม่ยอมรับข้าด้วย"ก่อนหน้านี้ยังมีท่าทีจะจับพวกเขาแยกกันอยู่เลย ตอนนี้จู่ๆ จะมอบของขวัญพบหน้าให้ซะแล้ว?ยิ่งไปกว่านั้นของขวัญพบหน้าอยู่ข้างบนดันให้ไม่ได้ ต้องลงมาในถ้ำนี้ถึงจะให้ได้หรือ?ถึงอย่างไรถ้ำภูเขานี้ฟู่จาวหนิงก็ไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ถึงแม้หยกดาราตงฉิงมากมายในนี้จะมีมูลค่าอยู่มากก็ตาม พอคิดถึงเรื่องที่ฮูหยินเฉิงซื้อแค่กำไลอันเดียวก็ราคาตั้งหลายหมื่นตำลึง แล้วหยกดาราในถ้ำภูเขาที่มากมายขนาดนี้ คำนวณแล้วมูลค่าคงจะน่าตกตะลึงเอามากยิ่งไปกว่านั้น ที่นั่นยังวางกลไกลเอาไว้เต็มไปหมด ถึงทำให้หยกดาราเหล่านี้หมุนเวียน จนค่ายกลเหนี่ยวนำสนามแม่เหล็ก พูดได้ว่าน่าอัศจรรย์มากแต่ฟู่จาวหนิงก็ไม่ชอบถ้ำภูเขานี้ ไม่ชอบเอาเลยจริงๆบวกกับเจ้าอารามที่มองมองออกยากนั่นอีก..."พระชายาเข้าใจผิดแล้ว เจ้าอารามไม่มีความคิดไม่ชอบตัวท่าน" ซางจื่อเก็บสายตาลงเล็กน้อย "กระทั่งว่า ข้ายังไม่เคยเห็นเจ้าอารามชื่นชมใครแบบนี้มาก่อน""ความหมายของเจ้าคือ เจ้าอารามยังชื่นชมข้าอีกด้วยหรือ?" ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วถามกลับนางทำไมมองไม่ออกเลย?"ขอรับ" ซางจื่