แสงจันทร์สาดส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามาโลมเลียที่ใบหน้าของหลินซือ หยูที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เธอนอนหลับอยู่บนเตียงนุ่มที่ปูด้วยผ้าไหมสีครีม ลมเย็นโชยเข้ามาผ่านหน้าต่างไม้แกะสลักของห้องพักในพระราชวัง การต่อสู้เมื่อครู่ในท้องพระโรงทำให้เธออ่อนเพลียไม่น้อยห้องพักนี้ถูกจัดเตรียมให้เธอและจ้าวหย่งเฉินอย่างสมเกียรติ เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนและเป็นที่พักฟื้นหลังจากนำหลักฐานมัดตัวกบฏถวายแด่จักรพรรดิถังเต๋อจง จนทำให้พวกหย่งซานถูกจับกุมไว้ได้เสียงฝนที่ตกลงมาดังก้องจากด้านนอกผสมกับเสียงลมหายใจแผ่วเบาของหย่งเฉินที่นอนอยู่บนเตียงด้านข้างเธอ ร่างของเขายังคงเต็มไปด้วยบาดแผลที่พันผ้าแน่น เขาหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ใบหน้าคมเข้มของเขาคลายลงจากความเจ็บปวดชั่วครู่ซือหยูหันมองใบหน้านั้นก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสจี้หยกที่ห้อยคอ มันยังคงร้อนและสั่นสะเทือนอยู่เล็กน้อย แสงสีเขียวเข้มเรืองออกจากรอยสลักตัวอักษรบนผิวหยกด้านหลังอย่างแผ่วเบา เธอยังคงรู้สึกถึงพลังที่ดึงร่างของเธอตั้งแต่ในห้องท้องพระโรงเพียงแต่ตอนนี้มันเบาลงมากมันเริ่มอีกแล้ว...เธอคิดกับตัวเองก่อนจะหลับตาลงแล้วพยายามข่มตานอน แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะเล
ภายหลังจากการจับกุมหย่งซานได้เรียบร้อยแล้ว ก็ดูเหมือนว่าบ้านเมืองจะสงบเพราะไร้เงาหัวหน้ากบฏอีกต่อไป แต่แม่ทัพจ้าวกับซือหยูกลับเพิ่งได้รู้ข่าวว่ามันแทบจะไม่มีประโยชน์เลยด้วยซ้ำ แม้หย่งซานไม่อยู่แต่สถานการณ์ต่างๆ ก็ดูเหมือนว่าจะยังคงดำเนินไปเหมือนเดิมหลินซือหยูยืนอยู่บนเนินเขาชานเมืองหลวงฉางอาน ลมหนาวพัดผ่านใบหน้าของเธอ เสียงฝีเท้าทหารนับพันดังก้องจากระยะไกล ขณะที่กองทัพที่เหลือขององค์ชายสามกำลังบุกเข้ามาด้วยความโกรธแค้น ธงสีดำที่มีตราสัญลักษณ์ของเขาปลิวไสวในสายลม ฝุ่นควันจากการเคลื่อนทัพพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าที่ครึ้มเมฆ เธอมองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่ยืนอยู่เคียงข้าง ใบหน้าคมเข้มของเขายังคงมีรอยเลือดแห้งจากบาดแผลเก่า ดวงตาที่เย็นชาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น“ทัพตระกูลจางมาแล้ว” เขาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มที่หนักแน่น ขณะที่ยกมือขึ้นบีบไหล่ของเธอ “ถึงหย่งซานจะถูกจับไป พวกมันยังคงต่อสู้เพื่อล้างแค้นให้กับหย่งซาน”ซือหยูพยักหน้าพลางมองไปที่กองทัพที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ มือข้างหนึ่งสัมผัสจี้หยกที่ห้อยคอ มันเริ่มร้อนผ่าวและสั่นสะท้านรุนแรง แสงสีเขียวเข้มเรืองออกจากรอยสลักตัวอักษร 林 (หลิน) บนผิวห
หลินซือหยูยืนสั่นเทาท่ามกลางสนามรบที่ชานเมืองหลวงฉางอาน หลังจากสัญญาณเตือนเรียกตัวกลับจบสิ้นลงไป เธอก็โผเข้ากอดกับหย่งเฉินทันที เธอกลัวไม่น้อยกับการที่จะต้องถูกดึงตัวกลับไป แม้ว่าจะเป็นบ้านที่เธอจากมาก็ตาม หัวใจของเธอตอนนี้ถูกยึดติดไปกับคนตรงหน้าเสียแล้ว หากว่าต้องกลับไปปัจจุบันก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่มีหย่งเฉินได้อย่างไรฝนตกลงมาหนักราวกับฟ้าจะร้องไห้ให้กับเรื่องที่เธอเกิด หรือไม่ก็อาจจะอยากฉลองให้กับความสำเร็จของชัยชนะในครั้งนี้ กลิ่นกำมะถันยังคงฉุนและกลิ่นคาวเลือดยังคงลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ ร่างของจางหย่งเซวียน ขุนนางตระกูลจางและทหารนับร้อยนอนเกลื่อนพื้นโคลน ธงสีดำขององค์ชายสามฉีกขาดและจมโคลน ควันจากดินปืนที่เธอใช้ในกลยุทธ์ยังลอยอบอวล เสียงกรีดร้องของทหารที่รอดชีวิตค่อย ๆ จางหายไปในสายฝน เธอหันหน้ามองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าคมเข้มของเขาซีดเผือดจากความเหน็ดเหนื่อย ดวงตาของเขามองเธอด้วยความอ่อนล้า“เราชนะแล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหอบ ขณะที่ยิ้มบาง ๆ ริมฝีปากของเขาสั่นจากความเจ็บปวด“ใช่... แต่ชัยชนะครั้งนี้มันอาจจะกำลังพรากพวกเราออกจากกัน” ซือหยูเอ
หลินซือหยูรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ซึมผ่านผิวของเธอ ขณะที่ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ในโรงหมอสนามใกล้ชานเมืองหลวงฉางอาน กลิ่นสมุนไพรฉุนปนกลิ่นยาต้มลอยคละคลุ้งในอากาศ แสงตะเกียงสลัวส่องผ่านผ้าม่านหยาบ ๆ ที่กั้นเตียงของเธอ เสียงฝนตกลงมาแผ่วเบาดังจากด้านนอก เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านจากแขนและอก ความทรงจำของสนามรบผุดขึ้นในหัว ลูกธนูพิษที่ปักเข้าที่หน้าอกของหย่งเฉิน เธอใช้จี้หยกดูดพิษออกจากร่างของเขา และจี้หยกที่แตกเป็นเสี่ยง ๆเธอยกมือขึ้นสัมผัสที่คอของเธอด้วยความหวัง จี้หยกที่เคยร้อนผ่าวและเรืองแสงได้หายไปแล้ว เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่คอและหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น “ฉัน... ยังไม่ตาย” เธอพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สั่น“ซือหยู!” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นจากข้างเตียง เธอหันไปมองและเห็นจ้าวหย่งเฉินนั่งอยู่ที่นั่น ใบหน้าคมเข้มของเขาเต็มไปด้วยรอยคล้ำใต้ตาและคราบโคลนที่ยังไม่เช็ดออก บาดแผลที่หน้าอกของเขาถูกพันด้วยผ้าสีขาวสะอาด เขาดูซีดเผือด แต่ดวงตาของเขาสว่างขึ้นเมื่อเห็นเธอตื่น“เจ้า... เจ้าตื่นแล้ว!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้านจากความโล่งใจ เขาคว้ามือของเธอแน่นด้วยมือที่หยาบกร้านและเย็
หลินซือหยูยืนอยู่ในห้องโถงราชสำนักแห่งเมืองฉางอาน แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างไม้แกะสลักลงบนพื้นหินอ่อนที่เงางาม กลิ่นกำยานจากกระถางทองแดงลอยคละคลุ้งในอากาศ บรรยากาศเงียบสงัดแต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ขุนนางในชุดผ้าไหมสีสันฉูดฉาดยืนเรียงแถวสองฝั่ง ขณะที่ทุกสายตาจับจ้องไปยังแท่นสูงที่จักรพรรดิถังเต๋อจงประทับนั่ง จ้าวหย่งเฉินยืนเคียงข้างเธอ ใบหน้าคมเข้มของเขายังคงมีรอยคล้ำจากความเหนื่อยล้า บาดแผลที่หน้าอกของเขาถูกพันด้วยผ้าสะอาดใต้ชุดเกราะ เขายืนตัวตรง ดวงตาเย็นชาของเขามองไปยังแท่นสูงด้วยความเคารพ“วันนี้ทุกอย่างจะต้องจบ” เขาหันไปกระซิบกับซือหยูด้วยน้ำเสียงทุ้ม ขณะที่บีบมือของเธอเบา ๆซือหยูพยักหน้าก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสที่คอของเธอตามความเคยชิน แต่จี้หยกชิ้นนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่าที่ย้ำเตือนเธอถึงการเสียสละในสนามรบครั้งที่ผ่านมา เธอยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากพิษที่ยังหลงเหลือในร่าง แต่มันจางลงมากเมื่อเทียบกับความรู้สึกสงบที่เริ่มก่อตัวในอกของเธอ“ใช่ วันนี้เราจะปิดฉากทุกอย่างกัน” เธอมองไปยังหย่งเฉินด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ความรักที่เธอมีให้เขาทำให้เธอรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง แม
หลินซือหยูนอนอยู่บนเตียงไม้ในบ้านพักของแม่ทัพจ้าวในเขตขุนนางของเมืองฉางอาน กลิ่นสมุนไพรต้มและกลิ่นไม้ชื้นลอยคละคลุ้งในอากาศ แสงแดดยามบ่ายสาดผ่านหน้าต่างไม้ที่เปิดไว้บางส่วน กระทบลงบนใบหน้าซีดเผือดของเธอ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วจากด้านนอกผสมกับเสียงฝีเท้าของทหารที่เดินไปมา ร่างของเธอยังอ่อนแอจากพิษที่ไหลผ่านเส้นเลือดในวันนั้นบนสนามรบ แม้จี้หยกจะดูดพิษส่วนใหญ่ออกไป แต่ร่องรอยของพิษจากงูเขี้ยวแดงที่ยังฝังลึกในร่างกายของเธอราวกับเงามืดที่ไม่อาจขจัดออกได้ง่าย ๆเธอรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านจากปลายนิ้วไปถึงแขนและขา ความชาที่ลามขึ้นจากฝ่าเท้าจนถึงเข่าทำให้เธอแทบไม่อาจขยับตัวได้โดยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เหมือนเข็มทิ่มแทง แผลที่แขนซ้ายของเธอที่เกิดจากการไหลของพิษนั้นยังคงแดงและบวม รอยสีดำบาง ๆ คล้ายเส้นใยแมงมุมแผ่ออกมาจากแผลนั้น บางส่วนเริ่มหมองลง แต่ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจถึงอันตรายที่ยังไม่หมดไป เธอรู้สึกถึงลมหายใจที่ตื้นเขิน ทุกครั้งที่หายใจเข้า ความร้อนที่แผ่วเบาในอกของเธอเต้นระริกเหมือนไฟที่ยังไม่ดับสนิท และบางช่วงเธอรู้สึกถึงอาการหน้ามืดที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ผลกระทบระยะยาวจากพ
หลินซือหยูนั่งอยู่บนเกวียนไม้ที่เคลื่อนไปตามถนนดินสีน้ำตาลเข้มนอกเมืองหลัวหยาง ลมเย็นยามเช้าพัดผ่านใบหน้าของเธอ พาเอาดอกไม้ป่ามากระทบจมูก เธอยังรู้สึกถึงความอ่อนแอจากพิษงูเขี้ยวแดงที่ยังหลงเหลือในร่าง ร่างกายของเธอเหนื่อยล้าง่าย เธอต้องคอยระงับอาการหน้ามืดด้วยการหลับตาและสูดลมหายใจลึก ๆ ทั้งแขนและขาของเธอมีรอยชาที่คอยเตือนถึงผลกระทบระยะยาวจากพิษนั้น แต่หมอหลวงบอกว่าเธอแข็งแรงขึ้นมากแล้ว และหากดูแลตัวเองดี ๆ อาการบางอย่างอาจค่อย ๆ จางลงเมื่อเวลาผ่านไป เธอห่มผ้าคลุมไหล่สีครามที่หย่งเฉินหยิบมาให้ มีอาการอ่อนล้าจากการเดินทางไกล แต่ในอกของเธอกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อมองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่ขับเกวียนอยู่ข้างหน้าใบหน้าคมเข้มของหย่งเฉินเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น ผมสีดำของเขาที่ถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อย มีเพียงปลายผมเล็กน้อยที่ปลิวไสวตามสายลม ชุดเกราะที่เขาเคยใส่ถูกแทนที่ด้วยชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มเรียบง่าย บาดแผลที่หน้าอกของเขายังคงต้องพันด้วยผ้าสะอาด แต่เขาดูแข็งแรงขึ้นมากหลังจากหยุดพักหลายวัน“ใกล้ถึงแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ขณะที่หันมามองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน“ค
แสงแดดยามเย็นระยิบระยับราวทองคำหลอมเหลวสาดส่องลงบนสวนเล็ก ๆ หลังบ้านชนบทใกล้เมืองหลัวหยาง ดอกไม้ป่าที่หย่งเฉินปลูกลงดินเมื่อหลายวันก่อนผลิดอกสีเหลืองและสีขาวเล็ก ๆ ลมเย็นยามเย็นพัดผ่านใบหลิวที่ปลูกไว้ริมลำธาร เสียงน้ำไหลดังกรุบกริบกลมกลืนกับเสียงนกที่ร้องเจื้อยแจ้ว หลินซือหยูนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ใต้ร่มเงาของต้นหลิว ผ้าคลุมไหล่สีครามที่หย่งเฉินหยิบมาให้ยังคลุมไหล่ของเธอ ร่างของเธอยังอ่อนอแม้จะผ่านไปหลายวัน อาการหน้ามืดและความชาที่ลามจากแขนและขาของเธอยังเกิดขึ้นบ่อยครั้ง บางครั้งเมื่อลมเย็นพัดมาแรง ๆ เธอก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ข้อต่อและกล้ามเนื้อจากพิษที่ยังสะสมอยู่ในร่าง แต่ใบหน้าซีดเผือดของเธอกลับมีรอยยิ้มบาง ๆ ขณะที่มองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่ยืนรดน้ำต้นไม้ด้วยถังน้ำไม้ที่เขาทำเองจ้าวหย่งเฉินอยู่ในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มเรียบง่าย ผมยาวสีดำของเขาถูกรวบไว้หลวม ๆ ใบหน้าคมเข้มของเขามีสีแดงระเรื่อจากแสงแดดยามเย็น บาดแผลที่หน้าอกของเขายังคงต้องพันด้วยผ้าสะอาด แต่เขาก็ยังเคลื่อนไหวด้วยความแข็งแกร่ง เขาหันมามองซือหยูและเห็นรอยยิ้มของเธอ ความอบอุ่นที่ฉายอยู่ในดวงตาคู่สวยของเธอทำให้หัวใจของเขาเต้นแร
แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องลงบนระเบียงไม้ของบ้านชนบทใกล้เมืองหลัวหยาง ราวกับผ้าคลุมสีเงินที่ทอจากแสงนวลตา ลมเย็นยามค่ำพัดพากลิ่นดอกไม้ป่าและใบไม้จากสวนหลังบ้านมากระทบใบหน้าของหลินซือหยู เธอยืนพิงราวระเบียง มือบางของเธอจับขอบไม้แน่น ขณะที่สายตาของเธอจับจ้องไปยังดวงจันทร์ที่สว่างเจิดจ้าบนท้องฟ้าดำสนิท ร่างกายของเธอยังคงอ่อนแอ อาการหน้ามืดและความชาที่ลามจากแขนขาของเธอยังเกิดขึ้นบ้าง แต่การดูแลของหย่งเฉินและสมุนไพรจากหมอหลวงช่วยให้เธอแข็งแรงขึ้นจนแทบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว ชุดคลุมสีขาวบางของเธอปลิวไสวตามสายลม ผมยาวสีดำของเธอที่ปล่อยสยายลงมาถูกพัดให้ปัดปอยไปตามไหล่ เธอสูดลมหายใจลึก ๆ และรู้สึกถึงความสงบที่แผ่ซ่านในอกของเธออยู่ๆ ซือหยูก็นึกถึงจี้หยกที่เคยห้อยคอไว้ เธอยกมือขึ้นแตะที่คอของเธอตามสัญชาตญาณ จี้หยกที่เคยร้อนผ่าวและเรืองแสงสีเขียวเข้มนั้นแตกสลายไปแล้วในวันที่เธอใช้มันดูดพิษจากร่างของหย่งเฉิน แต่ถึงอย่างนั้น บางครั้งในยามที่เงียบสงบเช่นนี้ เธอกลับรู้สึกถึงเงาของมันราวกับมันยังคงส่งพลังบางอย่างมาถึงเธอ ความทรงจำของยุคปัจจุบันผุดขึ้นในหัวของเธอ ทั้งที่มันห่างหายไปนานมากแล้ว ตั้งแต่ที่จี้หย
แสงแดดยามเย็นระยิบระยับราวทองคำหลอมเหลวสาดส่องลงบนสวนเล็ก ๆ หลังบ้านชนบทใกล้เมืองหลัวหยาง ดอกไม้ป่าที่หย่งเฉินปลูกลงดินเมื่อหลายวันก่อนผลิดอกสีเหลืองและสีขาวเล็ก ๆ ลมเย็นยามเย็นพัดผ่านใบหลิวที่ปลูกไว้ริมลำธาร เสียงน้ำไหลดังกรุบกริบกลมกลืนกับเสียงนกที่ร้องเจื้อยแจ้ว หลินซือหยูนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ใต้ร่มเงาของต้นหลิว ผ้าคลุมไหล่สีครามที่หย่งเฉินหยิบมาให้ยังคลุมไหล่ของเธอ ร่างของเธอยังอ่อนอแม้จะผ่านไปหลายวัน อาการหน้ามืดและความชาที่ลามจากแขนและขาของเธอยังเกิดขึ้นบ่อยครั้ง บางครั้งเมื่อลมเย็นพัดมาแรง ๆ เธอก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ข้อต่อและกล้ามเนื้อจากพิษที่ยังสะสมอยู่ในร่าง แต่ใบหน้าซีดเผือดของเธอกลับมีรอยยิ้มบาง ๆ ขณะที่มองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่ยืนรดน้ำต้นไม้ด้วยถังน้ำไม้ที่เขาทำเองจ้าวหย่งเฉินอยู่ในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มเรียบง่าย ผมยาวสีดำของเขาถูกรวบไว้หลวม ๆ ใบหน้าคมเข้มของเขามีสีแดงระเรื่อจากแสงแดดยามเย็น บาดแผลที่หน้าอกของเขายังคงต้องพันด้วยผ้าสะอาด แต่เขาก็ยังเคลื่อนไหวด้วยความแข็งแกร่ง เขาหันมามองซือหยูและเห็นรอยยิ้มของเธอ ความอบอุ่นที่ฉายอยู่ในดวงตาคู่สวยของเธอทำให้หัวใจของเขาเต้นแร
หลินซือหยูนั่งอยู่บนเกวียนไม้ที่เคลื่อนไปตามถนนดินสีน้ำตาลเข้มนอกเมืองหลัวหยาง ลมเย็นยามเช้าพัดผ่านใบหน้าของเธอ พาเอาดอกไม้ป่ามากระทบจมูก เธอยังรู้สึกถึงความอ่อนแอจากพิษงูเขี้ยวแดงที่ยังหลงเหลือในร่าง ร่างกายของเธอเหนื่อยล้าง่าย เธอต้องคอยระงับอาการหน้ามืดด้วยการหลับตาและสูดลมหายใจลึก ๆ ทั้งแขนและขาของเธอมีรอยชาที่คอยเตือนถึงผลกระทบระยะยาวจากพิษนั้น แต่หมอหลวงบอกว่าเธอแข็งแรงขึ้นมากแล้ว และหากดูแลตัวเองดี ๆ อาการบางอย่างอาจค่อย ๆ จางลงเมื่อเวลาผ่านไป เธอห่มผ้าคลุมไหล่สีครามที่หย่งเฉินหยิบมาให้ มีอาการอ่อนล้าจากการเดินทางไกล แต่ในอกของเธอกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อมองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่ขับเกวียนอยู่ข้างหน้าใบหน้าคมเข้มของหย่งเฉินเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น ผมสีดำของเขาที่ถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อย มีเพียงปลายผมเล็กน้อยที่ปลิวไสวตามสายลม ชุดเกราะที่เขาเคยใส่ถูกแทนที่ด้วยชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มเรียบง่าย บาดแผลที่หน้าอกของเขายังคงต้องพันด้วยผ้าสะอาด แต่เขาดูแข็งแรงขึ้นมากหลังจากหยุดพักหลายวัน“ใกล้ถึงแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ขณะที่หันมามองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน“ค
หลินซือหยูนอนอยู่บนเตียงไม้ในบ้านพักของแม่ทัพจ้าวในเขตขุนนางของเมืองฉางอาน กลิ่นสมุนไพรต้มและกลิ่นไม้ชื้นลอยคละคลุ้งในอากาศ แสงแดดยามบ่ายสาดผ่านหน้าต่างไม้ที่เปิดไว้บางส่วน กระทบลงบนใบหน้าซีดเผือดของเธอ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วจากด้านนอกผสมกับเสียงฝีเท้าของทหารที่เดินไปมา ร่างของเธอยังอ่อนแอจากพิษที่ไหลผ่านเส้นเลือดในวันนั้นบนสนามรบ แม้จี้หยกจะดูดพิษส่วนใหญ่ออกไป แต่ร่องรอยของพิษจากงูเขี้ยวแดงที่ยังฝังลึกในร่างกายของเธอราวกับเงามืดที่ไม่อาจขจัดออกได้ง่าย ๆเธอรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านจากปลายนิ้วไปถึงแขนและขา ความชาที่ลามขึ้นจากฝ่าเท้าจนถึงเข่าทำให้เธอแทบไม่อาจขยับตัวได้โดยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เหมือนเข็มทิ่มแทง แผลที่แขนซ้ายของเธอที่เกิดจากการไหลของพิษนั้นยังคงแดงและบวม รอยสีดำบาง ๆ คล้ายเส้นใยแมงมุมแผ่ออกมาจากแผลนั้น บางส่วนเริ่มหมองลง แต่ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจถึงอันตรายที่ยังไม่หมดไป เธอรู้สึกถึงลมหายใจที่ตื้นเขิน ทุกครั้งที่หายใจเข้า ความร้อนที่แผ่วเบาในอกของเธอเต้นระริกเหมือนไฟที่ยังไม่ดับสนิท และบางช่วงเธอรู้สึกถึงอาการหน้ามืดที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ผลกระทบระยะยาวจากพ
หลินซือหยูยืนอยู่ในห้องโถงราชสำนักแห่งเมืองฉางอาน แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างไม้แกะสลักลงบนพื้นหินอ่อนที่เงางาม กลิ่นกำยานจากกระถางทองแดงลอยคละคลุ้งในอากาศ บรรยากาศเงียบสงัดแต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ขุนนางในชุดผ้าไหมสีสันฉูดฉาดยืนเรียงแถวสองฝั่ง ขณะที่ทุกสายตาจับจ้องไปยังแท่นสูงที่จักรพรรดิถังเต๋อจงประทับนั่ง จ้าวหย่งเฉินยืนเคียงข้างเธอ ใบหน้าคมเข้มของเขายังคงมีรอยคล้ำจากความเหนื่อยล้า บาดแผลที่หน้าอกของเขาถูกพันด้วยผ้าสะอาดใต้ชุดเกราะ เขายืนตัวตรง ดวงตาเย็นชาของเขามองไปยังแท่นสูงด้วยความเคารพ“วันนี้ทุกอย่างจะต้องจบ” เขาหันไปกระซิบกับซือหยูด้วยน้ำเสียงทุ้ม ขณะที่บีบมือของเธอเบา ๆซือหยูพยักหน้าก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสที่คอของเธอตามความเคยชิน แต่จี้หยกชิ้นนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่าที่ย้ำเตือนเธอถึงการเสียสละในสนามรบครั้งที่ผ่านมา เธอยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากพิษที่ยังหลงเหลือในร่าง แต่มันจางลงมากเมื่อเทียบกับความรู้สึกสงบที่เริ่มก่อตัวในอกของเธอ“ใช่ วันนี้เราจะปิดฉากทุกอย่างกัน” เธอมองไปยังหย่งเฉินด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ความรักที่เธอมีให้เขาทำให้เธอรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง แม
หลินซือหยูรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ซึมผ่านผิวของเธอ ขณะที่ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ในโรงหมอสนามใกล้ชานเมืองหลวงฉางอาน กลิ่นสมุนไพรฉุนปนกลิ่นยาต้มลอยคละคลุ้งในอากาศ แสงตะเกียงสลัวส่องผ่านผ้าม่านหยาบ ๆ ที่กั้นเตียงของเธอ เสียงฝนตกลงมาแผ่วเบาดังจากด้านนอก เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านจากแขนและอก ความทรงจำของสนามรบผุดขึ้นในหัว ลูกธนูพิษที่ปักเข้าที่หน้าอกของหย่งเฉิน เธอใช้จี้หยกดูดพิษออกจากร่างของเขา และจี้หยกที่แตกเป็นเสี่ยง ๆเธอยกมือขึ้นสัมผัสที่คอของเธอด้วยความหวัง จี้หยกที่เคยร้อนผ่าวและเรืองแสงได้หายไปแล้ว เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่คอและหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น “ฉัน... ยังไม่ตาย” เธอพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สั่น“ซือหยู!” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นจากข้างเตียง เธอหันไปมองและเห็นจ้าวหย่งเฉินนั่งอยู่ที่นั่น ใบหน้าคมเข้มของเขาเต็มไปด้วยรอยคล้ำใต้ตาและคราบโคลนที่ยังไม่เช็ดออก บาดแผลที่หน้าอกของเขาถูกพันด้วยผ้าสีขาวสะอาด เขาดูซีดเผือด แต่ดวงตาของเขาสว่างขึ้นเมื่อเห็นเธอตื่น“เจ้า... เจ้าตื่นแล้ว!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้านจากความโล่งใจ เขาคว้ามือของเธอแน่นด้วยมือที่หยาบกร้านและเย็
หลินซือหยูยืนสั่นเทาท่ามกลางสนามรบที่ชานเมืองหลวงฉางอาน หลังจากสัญญาณเตือนเรียกตัวกลับจบสิ้นลงไป เธอก็โผเข้ากอดกับหย่งเฉินทันที เธอกลัวไม่น้อยกับการที่จะต้องถูกดึงตัวกลับไป แม้ว่าจะเป็นบ้านที่เธอจากมาก็ตาม หัวใจของเธอตอนนี้ถูกยึดติดไปกับคนตรงหน้าเสียแล้ว หากว่าต้องกลับไปปัจจุบันก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่มีหย่งเฉินได้อย่างไรฝนตกลงมาหนักราวกับฟ้าจะร้องไห้ให้กับเรื่องที่เธอเกิด หรือไม่ก็อาจจะอยากฉลองให้กับความสำเร็จของชัยชนะในครั้งนี้ กลิ่นกำมะถันยังคงฉุนและกลิ่นคาวเลือดยังคงลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ ร่างของจางหย่งเซวียน ขุนนางตระกูลจางและทหารนับร้อยนอนเกลื่อนพื้นโคลน ธงสีดำขององค์ชายสามฉีกขาดและจมโคลน ควันจากดินปืนที่เธอใช้ในกลยุทธ์ยังลอยอบอวล เสียงกรีดร้องของทหารที่รอดชีวิตค่อย ๆ จางหายไปในสายฝน เธอหันหน้ามองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าคมเข้มของเขาซีดเผือดจากความเหน็ดเหนื่อย ดวงตาของเขามองเธอด้วยความอ่อนล้า“เราชนะแล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหอบ ขณะที่ยิ้มบาง ๆ ริมฝีปากของเขาสั่นจากความเจ็บปวด“ใช่... แต่ชัยชนะครั้งนี้มันอาจจะกำลังพรากพวกเราออกจากกัน” ซือหยูเอ
ภายหลังจากการจับกุมหย่งซานได้เรียบร้อยแล้ว ก็ดูเหมือนว่าบ้านเมืองจะสงบเพราะไร้เงาหัวหน้ากบฏอีกต่อไป แต่แม่ทัพจ้าวกับซือหยูกลับเพิ่งได้รู้ข่าวว่ามันแทบจะไม่มีประโยชน์เลยด้วยซ้ำ แม้หย่งซานไม่อยู่แต่สถานการณ์ต่างๆ ก็ดูเหมือนว่าจะยังคงดำเนินไปเหมือนเดิมหลินซือหยูยืนอยู่บนเนินเขาชานเมืองหลวงฉางอาน ลมหนาวพัดผ่านใบหน้าของเธอ เสียงฝีเท้าทหารนับพันดังก้องจากระยะไกล ขณะที่กองทัพที่เหลือขององค์ชายสามกำลังบุกเข้ามาด้วยความโกรธแค้น ธงสีดำที่มีตราสัญลักษณ์ของเขาปลิวไสวในสายลม ฝุ่นควันจากการเคลื่อนทัพพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าที่ครึ้มเมฆ เธอมองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่ยืนอยู่เคียงข้าง ใบหน้าคมเข้มของเขายังคงมีรอยเลือดแห้งจากบาดแผลเก่า ดวงตาที่เย็นชาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น“ทัพตระกูลจางมาแล้ว” เขาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มที่หนักแน่น ขณะที่ยกมือขึ้นบีบไหล่ของเธอ “ถึงหย่งซานจะถูกจับไป พวกมันยังคงต่อสู้เพื่อล้างแค้นให้กับหย่งซาน”ซือหยูพยักหน้าพลางมองไปที่กองทัพที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ มือข้างหนึ่งสัมผัสจี้หยกที่ห้อยคอ มันเริ่มร้อนผ่าวและสั่นสะท้านรุนแรง แสงสีเขียวเข้มเรืองออกจากรอยสลักตัวอักษร 林 (หลิน) บนผิวห
แสงจันทร์สาดส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามาโลมเลียที่ใบหน้าของหลินซือ หยูที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เธอนอนหลับอยู่บนเตียงนุ่มที่ปูด้วยผ้าไหมสีครีม ลมเย็นโชยเข้ามาผ่านหน้าต่างไม้แกะสลักของห้องพักในพระราชวัง การต่อสู้เมื่อครู่ในท้องพระโรงทำให้เธออ่อนเพลียไม่น้อยห้องพักนี้ถูกจัดเตรียมให้เธอและจ้าวหย่งเฉินอย่างสมเกียรติ เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนและเป็นที่พักฟื้นหลังจากนำหลักฐานมัดตัวกบฏถวายแด่จักรพรรดิถังเต๋อจง จนทำให้พวกหย่งซานถูกจับกุมไว้ได้เสียงฝนที่ตกลงมาดังก้องจากด้านนอกผสมกับเสียงลมหายใจแผ่วเบาของหย่งเฉินที่นอนอยู่บนเตียงด้านข้างเธอ ร่างของเขายังคงเต็มไปด้วยบาดแผลที่พันผ้าแน่น เขาหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ใบหน้าคมเข้มของเขาคลายลงจากความเจ็บปวดชั่วครู่ซือหยูหันมองใบหน้านั้นก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสจี้หยกที่ห้อยคอ มันยังคงร้อนและสั่นสะเทือนอยู่เล็กน้อย แสงสีเขียวเข้มเรืองออกจากรอยสลักตัวอักษรบนผิวหยกด้านหลังอย่างแผ่วเบา เธอยังคงรู้สึกถึงพลังที่ดึงร่างของเธอตั้งแต่ในห้องท้องพระโรงเพียงแต่ตอนนี้มันเบาลงมากมันเริ่มอีกแล้ว...เธอคิดกับตัวเองก่อนจะหลับตาลงแล้วพยายามข่มตานอน แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะเล