หมิงช่วยเราด้วย…
เสียงนั่นดังขึ้นพร้อมกับเสียงเดินลากเท้าผ่านมาทางด้านหน้าห้อง มันดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฉันพยายามถดตัวให้เล็กที่สุด หลบอยู่ใต้โต๊ะนักเรียนด้านหลังห้อง ภาวนาอย่าให้มันรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่
เรื่องผ่านมานานแล้วเรื่องมันผ่านมาตั้งนานหลายปีแล้วมันจบไปแล้ว...นี่มันไม่จริง นี่มันแค่ฝันร้าย ฉันพยายามบอกตัวเองอย่างนี้ ในขณะที่เสียงลากเท้ามาหยุดอยู่ที่ประตู
ปัง ปัง ปัง! เสียงทุบประตูดังลั่น
หมิงช่วยเราด้วย...
เสียงนั้นดังขึ้นอีก พร้อมสะอึกสะอื้นดังกึกก้องไปทั่วระเบียงทางเดิน ประตูซึ่งปิดล็อกกลอนไว้ถูกเขย่าชนกลอนใกล้จะหล่นลงมาทุกที
ฉันไม่ควรเลยแท้ๆ มีคนรับคำเชิญของครูและเพื่อนๆให้กลับมาที่นี่อีก ที่นี่มันควรจะเป็นสุสานปิดตายที่ลบเลือนออกไปจากความทรงจำแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น
เมื่อ 20 ปีที่แล้วฉันกับแจนเคยเป็นเพื่อนกัน ใครๆก็คิดว่าเราเป็นเพื่อนที่สนิทสนมรักใคร่กันดีไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เหมือนคนตัวติดกัน มีเพียงฉันและแจนเท่านั้นที่รู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นเหมือนไม้ยืนต้นกับกาฝาก แจนเป็นฝ่ายที่เกาะเกี่ยวพึ่งพิงฉันอยู่ตลอดเวลา คอยเฝ้ารอให้ฉันเปลี่ยนข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวเพื่อที่เธอจะได้รับช่วงต่อ
เช่นเดียวกับหนังสือดีๆ กระเป๋าสตางค์ และของกระจุกกระจิกน่ารักคนอื่นๆ ฉันรู้ดีว่าบ้านของแจนมีฐานะไม่ค่อยดีนักและเราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม หลายครั้งที่แจนทำให้ฉันอึดอัด หงุดหงิดรำคาญใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
แจนพยายามทำดีชดเชยกับฉัน ด้วยการช่วยดูแลช่วยเหลือฉันทุกอย่างต่อมือต่อเท้า เวลาที่ฉันอยากได้อยากทำอะไร ไปๆมาๆระหว่างเรากลายเป็นความเคยชินที่ฉันจะเป็นผู้ออกคำสั่งและแจนก็คอยปฏิบัติตาม
ครั้งหนึ่งหลังสอบเสร็จ ในขณะที่คนอื่นๆยังอยู่ในห้องสอบ ฉันเบื่อเลยชวนแจนขึ้นไปเดินเล่นบนชั้น 5 ของอาคาร ที่เป็นห้องเรียนร้างไม่มีใครจัดการสอบบนนั้น ซึ่งแจนก็ทำตามโดยดี
“กระเป๋าใบนี้น่ารักดีนะ” แจนเอ่ยชมกระเป๋าใส่ดินสอของฉันที่เพิ่งซื้อมาได้ไม่กี่วัน ฉันเห็นแววตาที่เป็นประกายมองข้าวของของฉันอย่างที่มองของชิ้นอื่นๆที่เธอจะได้รับเสมอหลังจากนี้ จู่ๆฉันก็เกิดความรู้สึกขยะแขยงรังเกียจความมักได้ของเธอ แจนจับได้ว่าฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีแล้ว เธอจึงพยายามจะแก้สถานการณ์ด้วยการชวนเล่น เธอแย่งกระเป๋าพลางหัวเราะร่าวิ่งไปข้างหน้า ทำท่าจะให้ฉันวิ่งแย่ง
ทว่าฉันยืนนิ่งอยู่กับที่ หน้าตึง แจนหน้าเสียรีบเดินเอากระเป๋ามายื่นคืนให้ฉันแต่ตอนนั้น ฉันโกรธมากจึงเอามือปัดกระเป๋าทิ้ง
กระเป๋าดินสออันสวยของฉันหล่นออกไปอยู่ที่กันสาดด้านนอกของระเบียง แจนตกใจรีบพูดว่า “ขอโทษนะหมิง เดี๋ยวเราเก็บให้เอง”
“นี่มันชั้น 5 นะ” ฉันคิดในใจขณะที่แจนก้าวข้ามระเบียงปีนออกไปที่ชายคานั้น เธอยื่นมือไปยังกระเป๋าที่กำลังจะหล่นอยู่รอมร่อแต่ก็ไม่กล้าขยับไปใกล้เพราะกลัวตก ตอนนั้นฉันทั้งหงุดหงิดทั้งรำคาญจึงหันหลังเดินเข้าไปในห้องเรียนใกล้ๆ หยิบไม้กวาดและยื่นออกไปแกล้งเขี่ยกระเป๋าให้หล่น แต่ไม่คิดเลยว่าแจนจะรีบคว้ากระเป๋าจนตัวเองเสียหลักพลัดตกลงไป
ฉันยังจำภาพนั้นได้ดี ร่างกายมนุษย์ที่บิดเบี้ยวผิดรูป แขนหัก กระดูกขาทิ่มทะลุเนื้อ เลือดจำนวนมหาศาลที่ไหลออกจากศีรษะของเธอ
สิ่งแรกที่ฉันทำคือรีบวิ่งลงไปข้างล่าง มองหากระเป๋าของตัวเองแล้วรีบคว้าออกมาจากที่นั่นเพราะกลัวจะเป็นหลักฐาน
ฉันสะดุ้งเฮือกตอนที่ได้ยินเสียงแจนร้องครางเบาๆว่า “หมิงช่วยเราด้วย...ช่วยเราด้วย” ความตกใจกลัวทำให้ฉันวิ่งหนีไปจากที่นั่น
การตายของแจนถูกสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุและไม่มีอะไรเกี่ยวข้องเชื่อมโยงถึงฉันได้
มันควรจะจบไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว...
เมื่อทางโรงเรียนเชิญฉันกลับมาบรรยายให้น้องๆฟังเกี่ยวกับกับหน้าที่การงานที่ฉันทำ ฉันคิดว่าฉันจะรับมือกับมันได้ คิดว่าลืมเรื่องนั้นเสียสนิทแล้ว แต่ในขณะบรรยายอยู่นั้น ฉันกลับมองเห็นแจนนั่งเลือดท่วมตัวอยู่ท่ามกลางนักเรียนฟังบรรยาย
ฉันขนลุกเกรียวไปทั้งตัวหน้าซีดตัวสั่นด้วยความกลัว ก่อนจะลุกจากโต๊ะบรรยายแล้วเดินถอยหลังจนสะดุดบันไดล้มลงจนหมดสติไป
ฉันฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในโรงเรียนร้างที่หาทางออกไม่ได้ มีแต่เสียงเดินลากขาของซากร่างอมนุษย์บิดเบี้ยวหักพังผิดรูป คราบเลือดสีคล้ำเป็นทางตามฉันไปทุกๆที่ ฉันกลัวจนร้องตะโกนออกไปว่า “ปล่อยเราไปเถอะแจน เรากลัวแล้วเราจะทำบุญไปให้ ยกโทษให้เราด้วย”
ประตูเปิดออก ร่างบิดเบี้ยวเลือดชุ่มค่อยๆ เดินขโยกเขยกเข้ามา ฉันกรีดร้องวิ่งหนีออกไปที่ประตูอีกด้านด้วยความหวาดกลัว หางตาแลเห็นสีชมพูแวบๆที่กันสาดด้านนอกระเบียงเลยนึกขึ้นได้รีบปีนออกไปนอกระเบียง เก็บกระเป๋าดินสอใบนั้นแล้วยื่นให้ร่างสุดสยองที่กำลังเริ่มตามมาใกล้เข้าทุกที
“แจน...นี่ไงกระเป๋าที่เธออยากได้ ฉันยกให้ ยกโทษให้ฉันนะ”
ทันใดนั้นร่างสุดสยองของแจนก็กลับเป็นเหมือนเด็กหญิงปกติอย่างที่เธอเคยเป็นตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แจนยิ้มให้ฉัน
“เราจะยกโทษให้หมิงได้ยังไง ในเมื่อเราไม่เคยโกรธเธอเลย หมิงให้อะไรมาตั้งมากมาย เราก็แค่อยากคืนกระเป๋าใบนี้ให้หมิงเท่านั้นเอง” เธอพูดพลางยื่นมือออกมาทำท่าจะรับฉันกลับเข้าไปด้านใน
เป็นฉันเองที่ตกใจผวา หงายหลังและร่วงหล่นลงไปพร้อมกระเป๋าใบนั้น
ฉันมารู้สึกตัวอีกครั้งที่โรงพยาบาล มารู้ว่าฉันหลับไปเกือบสามวันเพราะสมองกระทบกระเทือน
“กว่าจะมีคนไปพบคุณก็หลายชั่วโมงแล้ว อาการเลยแย่หน่อย ว่าแต่คุณเข้าไปทำอะไรในโรงเรียนร้างคะ ?”
หลังออกจากโรงพยาบาลฉันถึงได้รู้ว่า โรงเรียนเก่าของฉันปิดทำการมานานแล้วกลายเป็นโรงเรียนร้างโดยสมบูรณ์ น่าจะตั้งแต่ก่อนที่ฉันขับรถเข้าไปวันนั้นซะอีก
แล้วทั้งหมดที่ฉันเจอมาคืออะไร ?
จนถึงวันนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจ
แถวบ้านเก่าของฉันสมัยเด็กๆ ไม่ค่อยมีสระว่ายน้ำที่เปิดให้คนทั่วไปได้เข้าไปใช้ มีแค่สระของค่ายทหาร กับสระว่ายน้ำโรงแรม สระโรงเรียนเลยกลายเป็นที่พึ่งของเด็กๆที่อยากลงเล่นน้ำในสระแต่ไม่มีที่ไป เราเรียกชื่อสระว่ายน้ำแห่งนั้นตามชื่อโรงเรียน เป็นสระที่สร้างขึ้นในบริเวณโรงเรียนเก่าที่ฉันเรียนอยู่ เมื่อก่อนยังมีสอนว่ายน้ำ แต่พอเกิดเรื่องร้ายขึ้น พ่อแม่ผู้ปกครองไม่มีใครอยากให้ลูกเรียน เลยปิดวิชาสอนว่ายน้ำ เปิดให้เอกชนมาเช่าแทนสระว่ายน้ำมีขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่ก็มีโซนน้ำตื้น น้ำลึก มีห้องอาบน้ำและมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นสัดส่วนเรียบร้อย โดยมีค่าลงสระเพียงคนละสิบบาทต่อวัน เล่นได้จนกว่าจะเบื่อ ในความทรงจำของฉันกับพี่ๆน้องๆ ที่นี่เป็นที่ที่ทำให้พวกเราหัดว่ายน้ำกันเองจนว่ายเป็น และเป็นที่ที่หาความสุขสำราญกันในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ช่วงปิดเทอมเราแทบจะมากันวันเว้นวัน พวกผู้ใหญ่ก็พากันชอบใจที่มีผู้ช่วยเลี้ยงเด็กระหว่างวันโดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีอันตราย เพราะมีลูกเจ้าของกิจการที่ว่ายน้ำเก่งคอยเฝ้าเป็นไลฟ์การ์ดและขายขนมอยู่ด้วยตลอดทั้งวัน ความพิเศษของสระน
ผมจะบอกใครได้ยังไงว่าเรื่องที่ผมเขียนมานั้น เป็นเรื่องที่ผีเล่า! พูดไปใครจะเชื่อ ยุคนี้สมัยนี้แล้ว ยังมีเรื่องราวอย่างที่เขาพูดกันว่า ‘ผีบอก’ ตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า รุ่นพ่อแม่ผม ได้ยินมาไม่รู้เท่าไหร่ เรื่องยาผีบอก สูตรยาลึกลับที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนเลย แต่อยู่ดี ๆ ใครคนหนึ่งก็จะฝัน หรือได้ยินเสียงกระซิบเบา ๆ จากชาวปรโลก บอกว่าส่วนผสมของสมุนไพรชนิดใดบ้างที่จะช่วยเยียวยารักษาโรคภัยไข้เจ็บที่หมอปัจจุบันรักษาไม่หาย ยาเหล่านี้ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องของดวง ถ้าโชคดีกินแล้วหาย ก็ยกความดีความชอบให้ผี แต่ถ้าไม่หาย ญาติพี่น้องคนป่วยก็มักจะโบ้ยให้กับเคราะห์กรรม ถ้าอย่างเพลงผีบอกก็จะคล้าย ๆ กัน มักเกิดขึ้นกับนักดนตรีหรือนักประพันธ์เพลงที่ได้ยินเสียงดนตรี หรือเพลงที่มีเนื้อร้องทำนองในตอนหลับ หรือกำลังอยู่ในสภาวะเคลิ้ม ผมเคยได้ยินเรื่องนักแต่งเพลงชื่อดังระดับโลกคิดท่อนต่อของเพลงไม่ออก พยายามคิดมาเป็นแรมเดือน อดหลับอดนอน แต่พอได้นอนหลับลงในคืนหนึ่ง จู่ ๆ เพลงที่เขาพยายามคิดมาแทบตายก็มาปรากฏในความฝัน ผมเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์ครับ นักเขียนนิยายวาย ขายในเว็
รุ่นพี่ที่เล่าให้ผมฟังแกยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงที่โรงเรียนหนึ่งทางภาคอีสาน แต่เรื่องราวได้ถูกถ่ายทอดเล่ากันมาปากต่อปาก รายละเอียดในเรื่องราวก็ถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้สถานที่และผู้คนในเรื่องนี้ถูกบิดเบือนไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ไม่อาจสืบสาวได้แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นที่ไหนกันแน่ ผมเป็นครูพละ เพิ่งมาประจำที่โรงเรียนแห่งนี้ได้ไม่นานนัก มักได้รับมอบหมายให้อยู่เวรกลางคืนและเพราะยังไม่ได้บ้านพักก็เลยต้องพักในห้องพักครูของโรงเรียนตอนดึกๆบางทีก็เดินสำรวจตรวจตรา ส่องไฟฉายดูตามอาคารเรียนต่างๆแก้เบื่อ แต่ส่วนใหญ่แล้วบรรยากาศจะเงียบจนชวนง่วง ส่วนหนึ่งคงเพราะโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก และมีนักเรียนไม่มาก แถมห่างออกมาจากชุมชนพอสมควร รอบโรงเรียนมีแต่ป่าหญ้าป่าพง ในคืนเงียบๆเช่นคืนนี้ครูรุ่นพี่ที่พักอยู่ที่โรงเรียนเหมือนกันจึงมักจะมีเรื่องเล่า แปลกๆบ้าง ขำบ้าง เศร้าบ้าง หรือหลายครั้งก็เป็นเรื่องหลอนๆอย่างเช่นเรื่องนี้ มีเด็กที่ชาวบ้านเจอแล้วมาแจ้งให้ทราบว่าเป็นเด็กในชุดนักเรียน ผู้หญิงผิวขาวซีด เนื้อตัวแห้งเหี่ยว ใบหน้าแทบไ
ผมเริ่มได้ยินเสียงคนเปิดประตูออกมาจากห้อง มีเสียงพูดคุย และน่าประหลาดมากที่ส่วนใหญ่ฟังดูเหมือนเสียงผู้หญิง!ก็อย่างที่บอกครับ หอที่ผมอยู่แม้จะเป็นหอพักชาย แต่ก็มีบางรายที่แอบพาสาวเข้ามา แต่ส่วนที่จะซุกไว้บ้างเท่าไหร่นี่ก็ไม่รู้ได้ ตอนนั้นผมได้แต่นั่งฟังเสียงหญิงสาวแปลกหน้าคุยกันแถวโถงทางเดินจนเสียงดังเข้ามาในห้องอากาศร้อนในคืนนั้นทำให้ผมเริ่มทนอยู่ไม่ไหว ยิ่งเมื่อพัดลมเปิดไม่ได้ มันก็ยิ่งอบอ้าวหนักขึ้นจนแทบหายใจไม่ทัน หอบเป็นหมาหอบแดด ร้อนเหมือนอยู่หน้าเตาถ่านผมพยายามจะช่วยเหลือตัวเองด้วยการคลำ ๆ ทางเดินไปเปิดหน้าต่างหลังห้องให้กว้างสุด แล้วก็เดินไปเปิดประตูหน้า หวังว่าอาจจะมีลมโชยเข้ามาถ่ายเทช่วยให้ห้องหายร้อนบ้าง แต่เมื่อเปิดจนสุดแล้วก็ไม่มีลมพัดมาสักวูบ มีแต่กลิ่นชวนอาเจียนราวกับหนูเน่าโชยเข้ามาเป็นระลอก ๆผมมาแปลกใจอีกอย่างที่พบว่าในความมืดหลังไฟดับครั้งนี้มันแปลก ๆ คือมันมืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไรเลยสักนิด แม้เมื่อเดินออกไปมองทางหน้าต่างห้องผมซึ่งเป็นชั้นหก ก็ไม่เห็นมีแสงสว่างจากท้องฟ้า แสงจันทร์ หรือแสงจากไฟฟ้าที่อื่นที่ยังไม่ดับ...ในใจก็คิดอะไรกันละเนี่ย ไฟดับทั้งกรุงเทพฯ เลยหรื
เมื่อตอนที่ผมอยู่หอเก่าหลังมหาวิทยาลัย เป็นช่วงที่ผมจนสุด ๆ ต้องทำงานหาเงินเรียนและจ่ายค่าหอค่ากินค่าอยู่เองทั้งหมด ก็เลยต้องเลือกหอพักชายที่ราคาถูกสุด ๆ เท่าที่จะหาได้จำได้ว่าวันที่ไปเดินหาหอพัก ผมเดินเข้า ๆ ออก ๆ เกือบทุกซอย จดราคาค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ามัดจำของแต่ละหอไว้จนเต็มหน้ากระดาษ จนได้ข้อสังเกตที่ว่า หากเป็นหอพักที่มีหลายชั้นและไม่มีลิฟต์ ยิ่งชั้นบน ๆ จะยิ่งราคาถูกลงเรื่อย ๆ และคำว่าหอพักชาย สภาพจะทุเรศทุรังกว่าหอพักรวม แต่ราคาก็จะถูกลงไปอีก สุดท้ายผมเลยลงเอยที่หอพักชายท้ายซอยเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่สภาพย่ำแย่พอสมควร ในซอยนั้นมีความแปลกอยู่นิดหน่อย คือต้นซอยจะมีหอพักนักศึกษาชุกชุมเหมือนซอยอื่น ๆ นี่แหละ แต่กลางซอยเข้าไปอีกเกือบกิโลฯ จะเป็นบ้านคนและป่ารกร้างสลับกันไป ตึกอพาร์ตเม้นต์และหอพักอีกสี่ตึก มาโผล่อีกทีช่วงท้ายซอย ไกลและเงียบจนผมคงไม่เข้ามาถ้าไม่มีป้าขายน้ำเต้าหู้ที่ได้ยินว่าผมกำลังหาหอถูก ๆ เลยแนะนำให้ผมลองเดินเข้ามาดูวันนั้นผมเดินมากับเพื่อนอีกคนที่บังเอิญเจอกันหน้าปากซอยพอดี แต่พอเพื่อนเห็นสภาพหอแล้วเพื่อนขอบายทันทีโดยไม่รอดูห้องเลย เพราะแค่เดินเข้าตึก ก็
ต้นไผ่มันไม่เชื่อผมเลยทุกคืนกลางดึก ผมเห็นร่างตะคุ่มๆยืนอยู่ที่ระเบียง ทำท่าชะโงกมองอะไรสักอย่าง ก่อนจะเสียหลักพลัดตกลงไปข้างล่าง ในหูได้ยินทั้งเสียงตกกระแทกพื้นดังพลั่ก เสียงหักร้าวของกระดูก และเสียงร้องครางอือในลำคอ แต่เมื่อผมตามไปดูก็ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ“มึงหลอนไปเองแล้วโก้ กูบอกแล้วว่าให้นอนพักเสียบ้าง อ่านหนังสือเตรียมสอบถึงเช้าทุกวันแบบนี้ สมองอ๊องหมดแล้ว” มันว่าทั้งที่ตายังไม่ละออกจากเกมในโทรศัพท์มือถือ “เชื่อกู นอนบ้าง เล่นเกมบ้าง กินเหล้าบ้างก็ดี”ผมรำคาญและหงุดหงิดเสมอเมื่อมันพูดเหมือนไม่เคยใส่ใจปัญหาของผมเลย“ผี ห้องนี้แม่งต้องมีผี กูจะลองหาดู ในข่าวเก่าๆอาจจะมี”ผมลองเข้ากูเกิ้ล เซิร์ชหาข่าวด้วยชื่อตึกและคำว่าเสียชีวิต หาอยู่พักใหญ่จนพบข่าวหนึ่ง เป็นข่าวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่ตกจากระเบียงตึกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อราวปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา แต่เมื่อคลิกจะเข้าไปอ่านรายละเอียดกลับเข้าไม่ได้ “เนตเป็นเหี้ยไรวะ!” ผมบ่นอย่างหงุดหงิด “ต้นไผ่ มึงใช้ 4G ป่ะ กูยืมแป๊บดิ ไวไฟแม่งไม่มีสัญญาณ” ไอ้ต้นไผ่ชำเลืองตามามองผมแวบหนึ่ง “มึงเชื่อกู เลิกค้นเรื่องนี้เถอะรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์”“