แถวบ้านเก่าของฉันสมัยเด็กๆ ไม่ค่อยมีสระว่ายน้ำที่เปิดให้คนทั่วไปได้เข้าไปใช้ มีแค่สระของค่ายทหาร กับสระว่ายน้ำโรงแรม สระโรงเรียนเลยกลายเป็นที่พึ่งของเด็กๆที่อยากลงเล่นน้ำในสระแต่ไม่มีที่ไป เราเรียกชื่อสระว่ายน้ำแห่งนั้นตามชื่อโรงเรียน เป็นสระที่สร้างขึ้นในบริเวณโรงเรียนเก่าที่ฉันเรียนอยู่ เมื่อก่อนยังมีสอนว่ายน้ำ แต่พอเกิดเรื่องร้ายขึ้น พ่อแม่ผู้ปกครองไม่มีใครอยากให้ลูกเรียน เลยปิดวิชาสอนว่ายน้ำ เปิดให้เอกชนมาเช่าแทนสระว่ายน้ำมีขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่ก็มีโซนน้ำตื้น น้ำลึก มีห้องอาบน้ำและมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นสัดส่วนเรียบร้อย โดยมีค่าลงสระเพียงคนละสิบบาทต่อวัน เล่นได้จนกว่าจะเบื่อ ในความทรงจำของฉันกับพี่ๆน้องๆ ที่นี่เป็นที่ที่ทำให้พวกเราหัดว่ายน้ำกันเองจนว่ายเป็น และเป็นที่ที่หาความสุขสำราญกันในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ช่วงปิดเทอมเราแทบจะมากันวันเว้นวัน พวกผู้ใหญ่ก็พากันชอบใจที่มีผู้ช่วยเลี้ยงเด็กระหว่างวันโดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีอันตราย เพราะมีลูกเจ้าของกิจการที่ว่ายน้ำเก่งคอยเฝ้าเป็นไลฟ์การ์ดและขายขนมอยู่ด้วยตลอดทั้งวัน ความพิเศษของสระน
ผมจะบอกใครได้ยังไงว่าเรื่องที่ผมเขียนมานั้น เป็นเรื่องที่ผีเล่า! พูดไปใครจะเชื่อ ยุคนี้สมัยนี้แล้ว ยังมีเรื่องราวอย่างที่เขาพูดกันว่า ‘ผีบอก’ ตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า รุ่นพ่อแม่ผม ได้ยินมาไม่รู้เท่าไหร่ เรื่องยาผีบอก สูตรยาลึกลับที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนเลย แต่อยู่ดี ๆ ใครคนหนึ่งก็จะฝัน หรือได้ยินเสียงกระซิบเบา ๆ จากชาวปรโลก บอกว่าส่วนผสมของสมุนไพรชนิดใดบ้างที่จะช่วยเยียวยารักษาโรคภัยไข้เจ็บที่หมอปัจจุบันรักษาไม่หาย ยาเหล่านี้ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องของดวง ถ้าโชคดีกินแล้วหาย ก็ยกความดีความชอบให้ผี แต่ถ้าไม่หาย ญาติพี่น้องคนป่วยก็มักจะโบ้ยให้กับเคราะห์กรรม ถ้าอย่างเพลงผีบอกก็จะคล้าย ๆ กัน มักเกิดขึ้นกับนักดนตรีหรือนักประพันธ์เพลงที่ได้ยินเสียงดนตรี หรือเพลงที่มีเนื้อร้องทำนองในตอนหลับ หรือกำลังอยู่ในสภาวะเคลิ้ม ผมเคยได้ยินเรื่องนักแต่งเพลงชื่อดังระดับโลกคิดท่อนต่อของเพลงไม่ออก พยายามคิดมาเป็นแรมเดือน อดหลับอดนอน แต่พอได้นอนหลับลงในคืนหนึ่ง จู่ ๆ เพลงที่เขาพยายามคิดมาแทบตายก็มาปรากฏในความฝัน ผมเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์ครับ นักเขียนนิยายวาย ขายในเว็
รุ่นพี่ที่เล่าให้ผมฟังแกยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงที่โรงเรียนหนึ่งทางภาคอีสาน แต่เรื่องราวได้ถูกถ่ายทอดเล่ากันมาปากต่อปาก รายละเอียดในเรื่องราวก็ถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้สถานที่และผู้คนในเรื่องนี้ถูกบิดเบือนไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ไม่อาจสืบสาวได้แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นที่ไหนกันแน่ ผมเป็นครูพละ เพิ่งมาประจำที่โรงเรียนแห่งนี้ได้ไม่นานนัก มักได้รับมอบหมายให้อยู่เวรกลางคืนและเพราะยังไม่ได้บ้านพักก็เลยต้องพักในห้องพักครูของโรงเรียนตอนดึกๆบางทีก็เดินสำรวจตรวจตรา ส่องไฟฉายดูตามอาคารเรียนต่างๆแก้เบื่อ แต่ส่วนใหญ่แล้วบรรยากาศจะเงียบจนชวนง่วง ส่วนหนึ่งคงเพราะโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก และมีนักเรียนไม่มาก แถมห่างออกมาจากชุมชนพอสมควร รอบโรงเรียนมีแต่ป่าหญ้าป่าพง ในคืนเงียบๆเช่นคืนนี้ครูรุ่นพี่ที่พักอยู่ที่โรงเรียนเหมือนกันจึงมักจะมีเรื่องเล่า แปลกๆบ้าง ขำบ้าง เศร้าบ้าง หรือหลายครั้งก็เป็นเรื่องหลอนๆอย่างเช่นเรื่องนี้ มีเด็กที่ชาวบ้านเจอแล้วมาแจ้งให้ทราบว่าเป็นเด็กในชุดนักเรียน ผู้หญิงผิวขาวซีด เนื้อตัวแห้งเหี่ยว ใบหน้าแทบไ
ผมเริ่มได้ยินเสียงคนเปิดประตูออกมาจากห้อง มีเสียงพูดคุย และน่าประหลาดมากที่ส่วนใหญ่ฟังดูเหมือนเสียงผู้หญิง!ก็อย่างที่บอกครับ หอที่ผมอยู่แม้จะเป็นหอพักชาย แต่ก็มีบางรายที่แอบพาสาวเข้ามา แต่ส่วนที่จะซุกไว้บ้างเท่าไหร่นี่ก็ไม่รู้ได้ ตอนนั้นผมได้แต่นั่งฟังเสียงหญิงสาวแปลกหน้าคุยกันแถวโถงทางเดินจนเสียงดังเข้ามาในห้องอากาศร้อนในคืนนั้นทำให้ผมเริ่มทนอยู่ไม่ไหว ยิ่งเมื่อพัดลมเปิดไม่ได้ มันก็ยิ่งอบอ้าวหนักขึ้นจนแทบหายใจไม่ทัน หอบเป็นหมาหอบแดด ร้อนเหมือนอยู่หน้าเตาถ่านผมพยายามจะช่วยเหลือตัวเองด้วยการคลำ ๆ ทางเดินไปเปิดหน้าต่างหลังห้องให้กว้างสุด แล้วก็เดินไปเปิดประตูหน้า หวังว่าอาจจะมีลมโชยเข้ามาถ่ายเทช่วยให้ห้องหายร้อนบ้าง แต่เมื่อเปิดจนสุดแล้วก็ไม่มีลมพัดมาสักวูบ มีแต่กลิ่นชวนอาเจียนราวกับหนูเน่าโชยเข้ามาเป็นระลอก ๆผมมาแปลกใจอีกอย่างที่พบว่าในความมืดหลังไฟดับครั้งนี้มันแปลก ๆ คือมันมืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไรเลยสักนิด แม้เมื่อเดินออกไปมองทางหน้าต่างห้องผมซึ่งเป็นชั้นหก ก็ไม่เห็นมีแสงสว่างจากท้องฟ้า แสงจันทร์ หรือแสงจากไฟฟ้าที่อื่นที่ยังไม่ดับ...ในใจก็คิดอะไรกันละเนี่ย ไฟดับทั้งกรุงเทพฯ เลยหรื
เมื่อตอนที่ผมอยู่หอเก่าหลังมหาวิทยาลัย เป็นช่วงที่ผมจนสุด ๆ ต้องทำงานหาเงินเรียนและจ่ายค่าหอค่ากินค่าอยู่เองทั้งหมด ก็เลยต้องเลือกหอพักชายที่ราคาถูกสุด ๆ เท่าที่จะหาได้จำได้ว่าวันที่ไปเดินหาหอพัก ผมเดินเข้า ๆ ออก ๆ เกือบทุกซอย จดราคาค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ามัดจำของแต่ละหอไว้จนเต็มหน้ากระดาษ จนได้ข้อสังเกตที่ว่า หากเป็นหอพักที่มีหลายชั้นและไม่มีลิฟต์ ยิ่งชั้นบน ๆ จะยิ่งราคาถูกลงเรื่อย ๆ และคำว่าหอพักชาย สภาพจะทุเรศทุรังกว่าหอพักรวม แต่ราคาก็จะถูกลงไปอีก สุดท้ายผมเลยลงเอยที่หอพักชายท้ายซอยเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่สภาพย่ำแย่พอสมควร ในซอยนั้นมีความแปลกอยู่นิดหน่อย คือต้นซอยจะมีหอพักนักศึกษาชุกชุมเหมือนซอยอื่น ๆ นี่แหละ แต่กลางซอยเข้าไปอีกเกือบกิโลฯ จะเป็นบ้านคนและป่ารกร้างสลับกันไป ตึกอพาร์ตเม้นต์และหอพักอีกสี่ตึก มาโผล่อีกทีช่วงท้ายซอย ไกลและเงียบจนผมคงไม่เข้ามาถ้าไม่มีป้าขายน้ำเต้าหู้ที่ได้ยินว่าผมกำลังหาหอถูก ๆ เลยแนะนำให้ผมลองเดินเข้ามาดูวันนั้นผมเดินมากับเพื่อนอีกคนที่บังเอิญเจอกันหน้าปากซอยพอดี แต่พอเพื่อนเห็นสภาพหอแล้วเพื่อนขอบายทันทีโดยไม่รอดูห้องเลย เพราะแค่เดินเข้าตึก ก็
ต้นไผ่มันไม่เชื่อผมเลยทุกคืนกลางดึก ผมเห็นร่างตะคุ่มๆยืนอยู่ที่ระเบียง ทำท่าชะโงกมองอะไรสักอย่าง ก่อนจะเสียหลักพลัดตกลงไปข้างล่าง ในหูได้ยินทั้งเสียงตกกระแทกพื้นดังพลั่ก เสียงหักร้าวของกระดูก และเสียงร้องครางอือในลำคอ แต่เมื่อผมตามไปดูก็ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ“มึงหลอนไปเองแล้วโก้ กูบอกแล้วว่าให้นอนพักเสียบ้าง อ่านหนังสือเตรียมสอบถึงเช้าทุกวันแบบนี้ สมองอ๊องหมดแล้ว” มันว่าทั้งที่ตายังไม่ละออกจากเกมในโทรศัพท์มือถือ “เชื่อกู นอนบ้าง เล่นเกมบ้าง กินเหล้าบ้างก็ดี”ผมรำคาญและหงุดหงิดเสมอเมื่อมันพูดเหมือนไม่เคยใส่ใจปัญหาของผมเลย“ผี ห้องนี้แม่งต้องมีผี กูจะลองหาดู ในข่าวเก่าๆอาจจะมี”ผมลองเข้ากูเกิ้ล เซิร์ชหาข่าวด้วยชื่อตึกและคำว่าเสียชีวิต หาอยู่พักใหญ่จนพบข่าวหนึ่ง เป็นข่าวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่ตกจากระเบียงตึกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อราวปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา แต่เมื่อคลิกจะเข้าไปอ่านรายละเอียดกลับเข้าไม่ได้ “เนตเป็นเหี้ยไรวะ!” ผมบ่นอย่างหงุดหงิด “ต้นไผ่ มึงใช้ 4G ป่ะ กูยืมแป๊บดิ ไวไฟแม่งไม่มีสัญญาณ” ไอ้ต้นไผ่ชำเลืองตามามองผมแวบหนึ่ง “มึงเชื่อกู เลิกค้นเรื่องนี้เถอะรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์”“
ครั้งแรกที่ฉันเข้ามาในห้องแลปภาษาเมื่อตอน ม. 1 ฉันตื่นตาตื่นใจมากกับคอกสี่เหลี่ยมเล็กๆที่กั้นด้วยพาทิชั่น มีกระจกบางๆใสๆ ในคอกมีหูฟังแบบครอบวางอยู่ช่องละอันในห้องแลปนั้นเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ ครูที่สอนภาษาอังกฤษเดินมาหน้าห้อง บอกให้นักเรียนทุกคนเข้าประจำที่โต๊ะเพื่อเตรียมฟังเสียงจากหูฟังในบทเรียนที่ครูกำลังจะสอน“เราจะเรียนที่นี่กันสัปดาห์ละครั้ง เพราะต้องเวียนใช้ในทุกระดับชั้น เพราะฉะนั้นเวลาเดินมาเรียนหัวหน้าห้องต้องคอยดูแลเพื่อนให้มาตรงเวลา ห้ามสาย ห้ามขาด ห้ามแวบไปที่อื่น ไม่งั้นถ้าเวลาน้อยเกินไปจะฟังไม่จบบท...เอาละ วันนี้เริ่มกันเลย นักเรียนใส่หูฟังได้ค่ะ”ทุกคนนั่งกันที่โต๊ะซึ่งมีตัวเลขระบุไว้ตามเลขที่ ฉันเลขที่ 15 ก็ได้นั่งโต๊ะตัวที่ 15 หูฟังของโต๊ะนี้ดูเหมือนจะอันใหญ่กว่าเพื่อนและมีฟองน้ำนุ่มหนา หุ้มด้วยหนังนิ่มอย่างดีเพื่อนที่นั่งโต๊ะข้างๆชะโงกมาดู “โห...หูฟังเริด ขอแลกได้ปะ ?”ฉันหันไปยิ้มให้ไม่ทันได้ตอบอะไรครูก็เริ่มพูดต่อ“เอ้า...กดเปิดที่ปุ่มสีแดงตรงมุมโต๊ะด้านซ้าย...มีไฟขึ้นไหม โต๊ะไหนไม่ติดบ้าง...โอเค ติดทุกโต๊ะนะ ปรับเสียงเบาหรือดังได้ที่ปุ่มข้างๆหูฟังด้านขวา.
เมื่อโรงเรียนเริ่มเปิดเทอม สีสันและชีวิตชีวาของโรงเรียนก็กลับมาเบ่งบานเต็มที่ เสียงของเด็ก ๆ เล่นกันสนุกสนาน เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ เสียงร้องตะโกน เสียงผู้ปกครองที่พยายามหาวิธีแกะลูกออกจากแขนขาตัวเองมาส่งให้ครู ฉันเองแม้จะเรียนเกี่ยวกับการศึกษามาและเคยฝึกสอนมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยรับมือกับเด็ก ๆ อนุบาลที่ไม่เคยมาโรงเรียนมาก่อน แม้ที่นี่จะมีครูห้องละสองคน และมีครูพี่เลี้ยงคอยช่วยดูแลเด็กอีกคน แต่การจะพยายามทั้งปลอบ ทั้งดูแล ทั้งต้อนเด็ก ๆ ให้ยอมอยู่ในห้องเรียนอย่างสงบนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากอาทิตย์แรกทั้งอาทิตย์จึงหมดไปกับการพยายามทำให้เด็ก ๆ ที่เพิ่งห่างบ้านห่างครอบครัวเป็นครั้งแรก ยอมรับอ้อมกอดของครูและโรงเรียน ยังไม่ต้องพูดถึงการเรียนหรือสอนอะไรทั้งนั้น ฉันแอบดีใจที่เห็นเด็กหญิงดวงตาสดใสคนนั้นมาเรียนที่ห้องของเราด้วย แต่เมื่อถึงเวลาเช็กชื่อ กลับมองหาเธอไม่เจอ ฉันเล่าเรื่องเด็กหญิงคนนั้นให้ครูพี่เลี้ยงที่กำลังง่วนกับการป้อนข้าวและเช็ดปากให้กับเด็กสองคน ครูพี่เลี้ยงพูดเพียงว่าฉันอาจจะเข้าใจผิดไปเอง เด็กคนนั้นอาจะเรียนห้องอื่น อนุบาลเรามีตั้งหลายห้อง หรือไม่เด็กอาจจะเข้าห้อง
นับเป็นโชคดีของฉัน ที่พอเรียนจบก็มีตำแหน่งงานว่างที่โรงเรียนเก่าที่เคยเรียนเมื่อตอนมัธยม ตอนที่ฉันบอกแม่ว่าจะกลับไปเป็นครูสอนที่โรงเรียนเก่า และจะได้กลับไปอยู่บ้านกับแม่ แม่ดีใจมาก เร่งเตรียมห้องเตรียมข้าวของรอฉันกลับ แม่บอกว่า ตั้งแต่วันที่ฉันเข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯ ก็นึกว่าจะไปตั้งหน้าทำงานในกรุงเทพฯ เหมือนพวกพี่ ๆ เสียแล้วที่จริงแล้วฉันก็เคยคิด คิดว่าอยากจะไปไกล ๆ จากบ้านเก่า โรงเรียนเก่า ลบความทรงจำเก่า ๆ ออกไปแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังจากที่เลิกกับแฟนคนแรกที่นี่เมื่อตอน ม. 5ใคร ๆ ก็บอกว่ารักวัยรุ่น ก็ต้องเรียนรู้ เจ็บบ้างอกหักบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้เราได้รู้จักเติบโต มีภูมิต้านทานความเจ็บ ความผิดหวังความเศร้าที่จะทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ เมื่อเราเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ ฉันก็รับฟังและพยายามจะคิดอย่างนั้น แต่ตลอดเวลาหกปีที่ผ่านมา ความเจ็บช้ำที่เกิดจากแฟนคนแรกยังคงเป็นบาดแผลร้าวลึกจนไม่อยากเอ่ยถึงคนเรียนจบใหม่อย่างฉันในสาขาการศึกษา หางานยากยิ่งกว่าอะไร นั่นเองที่ฉันบอกว่าฉันโชคดีที่จู่ ๆ ก็ได้งานง่ายดาย เป็นงานประจำใกล้บ้าน ไม่ต้องเสียค่าที่พัก แถมได้อยู่กับแม่ โชคดียิ่งกว่านั้น ความหลังท