เมื่อออกมาจากบ้านทรงไทยหลังใหญ่ จีน่าปั่นจักรยานมาตามถนนเล็กๆ ที่จวนจะถึงบ้าทรงไทยท้ายไร่อยู่แล้ว ซึ่งข้างทางเต็มไปด้วยต้นชาที่เรียงรายกันเป็นแถวอย่างสวยงาม ไม่ต่างจากไร่ของเธอ แต่ทว่าไร่ชาวายุจะกว้างใหญ่ไพศาลกว่าไร่ของเธอหลายเท่า
“ว้าย! กรี้ดดดด!!”
เพล้ง!!
“โอ๊ย! ปิ่นโต หกเกือบหมด แม่นะแม่ทำไมต้องใช้ให้จีเอามาให้เขาด้วย เป็นแผลเลยเนี่ย เจ็บชะมัด” จีน่าบ่นพึมพำออกมาคนเดียว ก่อนจะรีบคว้าปิ่นโตตั้งขึ้น ซึ่งน้ำแกงไก่ใส่ยอดมะพร้าวอ่อนหกเกือบหมด แต่นั่นไม่เท่ากับที่เธอกำลังเจ็บตัว ทั้งเข่าและข้อศอกได้ถลอกเป็นแผลสดจนมีเลือดซึมออกมา ทำให้คนตัวเล็กถึงกับน้ำตาเล็ดเลยทีเดียว
“ไร่ก็ใหญ่โต ทำไมไม่รู้จักทำถนนให้มันดีกว่านี้นะ หน้าตาเจ้าของไร่ก็เถื่อนพออยู่แล้ว ถนนยังเป็นหลุมเป็นบ่ออีก” จีน่าพูดออกมาพร้อมกับทำหน้างอเหมือนคนพาล เมื่อเธอต้องมาเจ็บตัวเพราะมองไม่เห็นหลุมเนื่องจากว่าฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว แสงรำไรจากไฟหน้าจักรยานสาดออกไปยิ่งทำให้เธอมองไม่เห็นหลุมพวกนี้
หญิงสาวดันตัวลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ก่อนคว้าจักรยานขึ้นมาปั่นอีกครั้ง ซึ่งเสียงกรีดของเธอเมื่อสักครู่ ทำให้ปฐพีถึงกับเดินมาที่หน้าต่าง เพื่อส่องดูว่าเป็นเสียงของใคร พอเห็นว่าเป็นจีน่า ปฐพีถึงกับยกยิ้มที่มุมปาก หลังจากที่เขาไม่ได้เจอเธอมาหลายวัน แต่เจอกันทีไรคนทั้งคู่ก็มักจะพูดจากระทบกระทั่งกันเสมอ ต่างคนต่างไม่ยอมกันอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งที่วิ่งเล่นกันมาตั้งแต่เล็กๆ เพราะนายแพทย์จิรายุจะพาครอบครัวมาพักผ่อนที่ไร่เสมอในช่วงปิดเทอม เพราะอยากให้ปฐพีซึมซับและเรียนรู้งานจากสรวิชไปในตัว
“คุณดิน คุณดินอยู่ไหมคะ” พอปั่นจักรยานมาถึงบ้านทรงไทยหลังเล็กท้ายไร่ จีน่าได้ตะโกนเรียกชื่อเจ้าของไร่ออกไป แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เธอจึงถือวิสาสะเดินขึ้นไปบนบ้าน เพื่อเอาปิ่นโตไปวางไว้ที่โต๊ะอาหาร
“ทำตัวลึกลับเกิน คิดว่าตัวเองเป็นใคร ต้องมีคนคอยเอาใจ ทำของโปรดมาให้เป็นประจำ ต้องมาลำบากคนอย่างฉันอีก โอ้โฮ! จะเป็นแผลเป็นหรือเปล่าเนี่ย” จีน่าถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อแผลที่หัวเข่ากับข้อศอกเป็นรอยถลอกแดงจนมีเลือดซึมออก
หมับ!!
“ว้าย! คุณดิน!” จีน่าอุทานออกมาเสียงดัง เธอไม่ได้ตกใจที่เขาโผล่มา แต่ที่หญิงสาวตกใจนั่นเป็นเพราะว่าร่างเล็กของจีน่าถูกเขารั้งให้ไปนั่งลงที่โซฟาไม้ขัดเงาราคาแพง พร้อมกับกล่องพยาบาลในมือของชายหนุ่ม ที่ดูเหมือนกับว่าเขาได้เตรียมการเอาไว้ ก่อนที่เธอจะขึ้นมาบนเรือนด้วยซ้ำ จนจีน่าทำท่าทีสงสัย
“คุณดิน นี่คุณคิดจะทำอะไร”
“อยู่นิ่งถ้าไม่อยากเจ็บตัวมากไปกว่านี้ ม้าดีดกะโหลกอย่างเธอก็สมควรแล้วที่โดนแบบนี้ ทำไมไม่รู้จักระวัง” คำพูดที่ฟังดูประชดประชัน ได้แฝงความห่วงใยเอาไม่น้อย แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราและน้ำเสียงเข้มของเขา เลยทำให้จีน่าคิดว่าปฐพีกำลังพูดจาเหน็บแนมเธอ
“ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องทำ แผลแค่นี้ฉันทำเองได้ เชิญคุณดินไปทานมื้อเย็นให้อร่อยเถอะค่ะ”
“ยังมีอะไรเหลือให้ฉันกิน เธอทำปิ่นโตคว่ำลงข้างทางขนาดนั้น”
“คุณเห็นเหรอ”
“เสียงร้องของเธอแหลมยังชะนี เป็นผู้หญิงประสาอะไร ร้องยังกับถูกเชือด หรือเรียกร้องความสนใจจากฉัน” ปฐพีพูดพร้อมกับทำแผลให้จีน่าไปด้วย ใบหน้าคมที่อยู่ห่างไม่กี่คืบ แม้หนวดเคราจะบดบังก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาของลดน้อยลงไป เสียงลมหายใจของชายหนุ่ม กำลังส่งผลให้หัวใจของจีน่าเต้นไม่เป็นจังหวะ
แม้ว่าเขาจะพูดจาแขวะเธอ แต่ความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวก็ทำให้จีน่าตกอยู่ในภวังค์ได้ ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ต้องพยายามหักห้ามใจ จะเปิดเผยให้ชายหนุ่มรู้ไม่ได้ เมื่อเขาและเธอไม่ต่างจากเส้นทางคู่ขนาน แต่บางครั้งมันก็ไม่เสมอไป อยู่ที่ว่าใครจะยอมอ่อนข้อให้กันก่อน ซึ่งสำหรับจีน่าถ้าเขาเปลี่ยนสถานะมาเป็นพี่เขย มันก็ไม่มีทางจะลงเอย เพราะเธอจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับสามีของพี่สาวเด็ดขาด
“ไม่ต้องมายุ่งกับชะนีอย่างฉัน โอ๊ย! นี่คุณตั้งใจจะแกล้งฉันใช่ไหม
คนใจร้าย” จีน่าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อปฐพีใช้สำลีก้านที่ชุบแอลกอฮอล์เช็ดลงมาที่แผลของเธออย่างไม่ปรานี
“บอกแล้วไงให้อยู่นิ่งๆ ไม่เชื่อก็ต้องเจอแบบนี้แหละ อย่าสำออยมานี่เดี๋ยวเป่าให้” ครั้งที่สองในชีวิตที่จีน่าเห็นท่าทีของชายหนุ่ม ดูอบอุ่นจนน่าหลงใหล เพราะปกติแล้วเขามักจะทำตัวเย็นชาไม่สนโลก แต่ไหนแต่ไรแล้ว นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ช้องนางหนีไปกับชายอื่น ตามที่เป็นข่าวลือก็อาจจะเป็นได้ ซึ่งมันอาจจะมีมูลความจริง
“ฉันทำแผลเสร็จแล้ว เชิญกลับไร่ของเธอไปได้แล้ว ฝากขอบคุณแม่ของเธอด้วย ไม่ต้องมองฉันด้วยแววตาซึ้งขาดนั้นก็ได้ เพราะฉันไม่ได้ทำให้เธอฟรีๆ” ปฐพีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลไม่แข็งกร้าว พร้อมกับแววตาที่มีเลศนัย จนทำให้จีน่าถึงกับขนหัวลุก เพราะไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้มาก่อน จนหญิงสาวสัมผัสได้ถึงนัยแอบแฝง
“คุณหมายความว่ายังไง คุณดินต้องการอะไร ก็พูดมาตรงๆ มันมืดแล้วฉันจะรีบกลับ”
“ฉันอยากให้เธอไปบอกพี่สาว ให้เดียร์น่าหนีไปอย่าคิดมาแต่งงานกับฉัน” น้ำเสียงของปฐพีแฝงไปด้วยร่องรอยของการสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ ทำให้จีน่าถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างหนืดๆ ดวงตาของเขาดูน่าเกรงครามบวกกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง ยิ่งทำให้หญิงสาวไม่ค่อยชอบเวลาที่เขาแสดงท่าทีเคร่งขรึมออกมาแบบนี้
“ถ้าคุณไม่อยากแต่งงาน ทำไมไม่ปฏิเสธไปละค่ะ พี่สาวของฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไง ผู้ใหญ่ก็ต้องเสียหน้า หรือคุณอยากทำให้คุณลุงหมอกับคุณป้าเสียใจ”
“หุบปาก!” น้ำเสียงที่ตะคอกออกมาดัง จนทำให้จีน่าถึงกับตัวสั่นเทา
“พูดเบาๆ ก็ได้ ทำไมต้องตะคอกด้วย” หญิงสาวพูดออกมา พร้อมกับทำหน้างอ แม้จะรู้สึกหวาดกลัวชายตัวโต แต่จีน่าก็เชื่อว่าเขาคงเป็นสุภาพบุรุษพอ ที่จะไม่ทำร้ายเธอ
“ฉันพูดดีด้วยเอาใหญ่เลยนะ ต่อปากต่อคำไม่ลดราวาศอก”
“ฮ่ะ! เนี่ยเหรอพูดดีของคุณ ถ้าร้ายจะขนาดไหน” ประโยคท้ายจีน่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ฉันไม่ต้องการแต่งงานกับพี่สาวของเธอ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนก็ตาม ชาตินี้ฉันจะไม่ขอแต่งกับใคร บอกพี่สาวของเธอหนีไปซะ” น้ำเสียงของปฐพีฟังดูเคร่งขรึมน่าเกรงขาม แฝงไปด้วยการยืนกรานห้ามโต้แย้งใดๆ ดวงตาของเขาที่มองมายังจีน่าดูลึกลับเสียจนเดาอารมณ์ไม่ออก เมื่อเขากำลังวางอำนาจเพื่อให้เธอยอมทำตาม ในสิ่งที่เขาได้เอื้อนเอ่ยออกไป อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
“อืม...” เสียงอื้ออึงดังมาจากลำคอของคนตัวเล็กอย่างไม่มีทีท่าขัดขืน แถมเธอยังใช้แขนคล้องไปที่ลำคอแกร่งของสามีเอาไว้แน่น เพื่อโน้มเข้าหาให้ได้องศารับกับช่วงจังหวะที่ดูดดื่ม จากจูบที่อ่อนโยนนุ่มนวลได้กลายเป็นร้อนแรงดังจะกลืนกินคนตัวเล็กเข้าไปทั้งตัว เมื่อเลือดในกายของความเป็นชายเริ่มสูบฉีก ซึ่งจีน่าเองก็ปรารถนาคนตัวโตไม่แพ้กัน เรียวลิ้นของเขาและเธอเกี่ยวกระหวัดกันไปมา อยู่ในโพรงปากของคนใต้ร่างอย่างไม่มีทีท่าว่าจะยอมกัน อาภรณ์ที่ห่อหุ้มกายของคนทั้งสอง ถูกชายหนุ่มเปลื้องออกไปกองรวมกันอยู่ที่พื้นอย่างไม่ไยดี ปฐพีไล้มืออีกข้างไปตามเรียวขาเสลาของภรรยา “อืม...อื้ม” เสียงครางดังออกมาแข่งกัน เมื่อต่างคนต่างก็อยากสานสัมพันธ์ ปลายลิ้นอุ่นของชายหนุ่มยังคงกวาดต้อนฉกชิมเอาความหอมหวานจากโพรงปากของภรรยาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อ “ฉันรักเธอจัง จุ๊บ! จร๊วบ!” เสียงแหบพร่าที่ดังบอกรักอยู่ข้างหู กำลังทำให้จีน่าม้วนตัวบิดไปมา เมื่อเธอรู้สึกเสียวซ่านจากสัมผัสที่ได้รับ เพราะเวลานี้ปฐพีกำลังใช้ลิ้นร้อนโ
ในที่สุดปฐพีก็พ่ายแพ้ให้กับความรัก ทั้งที่เขาพยายามผลักไสให้เธอออกไปไกล แต่ทว่าจีน่ากลับใช้ความพยายามที่จะเข้าใกล้ ยิ่งเธอถูกเขาประกาศกร้าว ระยะเวลาหนึ่งปี ที่หญิงสาวจะต้องเอาชนะหัวใจของปฐพี เธอก็ยิ่งทำทุกทาง เพื่อให้ชายหนุ่มยอมจำนน ซึ่งตอนนี้จีน่าก็ทำมันสำเร็จ เมื่อเธอได้เปลี่ยนคำพูดของปฐพี ที่เคยบอกเอาไว้ว่า สามร้อยหกสิบห้าวันฉันจะไม่รักเธอ กลับกลายเป็นสามร้อยหกสิบห้าวันไม่มีวันไหนที่จะไม่รัก เธอกลายเป็นดังจิตวิญญาณของชายหนุ่ม ที่ทำให้เขามีลมหายใจอยู่ได้ในทุกๆ วัน ห้าปีผ่านไป ลูกสาวของจีน่ากับปฐพีกำลังอยู่ในวัยน่ารักน่าฟัง ชื่อว่านภาที่แปลว่าท้องฟ้า เสียงพูดของเด็กหญิงเจี๊ยวจ๊าวใสซื่อทำให้ไร่ชาดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม ส่งผลให้นายแพทย์จิรายุและภรรยาไม่เป็นอันอยู่กรุงเทพฯ ภายในหนึ่งเดือนเขาเทียวไปมาหลายครั้ง จนปฐพีต้องปรามให้คนทั้งคู่อยู่ที่ไร่ เนื่องจากเขาไม่อยากให้บิดามารดาเดินทางบ่อยๆ เพราะคนทั้งคู่อายุมากขึ้น แม้จะยังดูดีราวกับหนุ่มสาววัยสี่สิบต้นๆ ซึ่งคำชมของลูกชายมักจะทำให้ฝนสุดายิ้มหน้าหวาน เพราะปฐพีชอบหยอดคำหวายไม่แพ้นายแพทย์จิรายุบิดาของเขา
“พอแล้วค่ะจีหิว” หญิงสาวผละคนตัวโตออกห่างเพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรที่เลยเถิดมากไปกว่าจูบ “อยากกินฉันเหรอ หืม” “คนบ้า พูดอะไรก็ไม่รู้” จีน่าพูดออกมาด้วยใบหน้าร้อนผ่าว “ไหนลูกพ่อหิวแล้วใช่ไหมครับ ไปกินข้าวกัน” เขากระซิบลงไปที่หน้าท้องของจีน่า จากนั้นปฐพีได้โอบภรรยาลงไปที่โต๊ะอาหาร กับบรรยากาศที่ไม่เหมือนอยู่ในโรงพยาบาล เมื่อปฐพีตั้งใจเซอ์ไพรส์เธอกลับพร้อมกับอยากให้ภรรยาประทับใจ กับของขวัญล้ำค่าที่เธอได้มอบให้กับเขา “เธอออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ ฉันจะจัดการกับช้องนาง เธอควรได้รับโทษ ที่กล้าทำร้ายดวงใจของฉัน ส่วนไอ้ขุนพล มันได้หนีไปต่างประเทศแล้ว” พอพูดถึงคนทั้งสอง ใบหน้าของปฐพีดูเคร่งขรึมขึ้นมาอย่างถนัดตา “จีขอได้ไหมคะ ให้ทุกอย่างจบแต่เพียงเท่านี้ จีเองก็ปล
ภายในห้องพิเศษ ปฐพีนั่งเฝ้าภรรยาของเขาทั้งคืน จนเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ พอจีน่างัวเงียตื่นขึ้นมา หญิงสาวค่อยๆ ปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะหลับลงอีกครั้งเพื่อปรับกับแสงที่แยงมา ซึ่งจีน่าพบว่าที่นี่ไม่ใช่กระท่อมแต่เป็นห้องที่เต็มไปด้วยสีขาว จากนั้นหญิงสาวจึงค่อยๆ กวาดสายตามองไปทั่วห้อง เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที เมื่อปฐพีกำลังซบหน้าลงกับเตียง มือเรียวเอื้อมไปแตะลงที่ศีรษะของสามีเบาๆ “อืม... จีน่า! เธอเป็นยังไงบ้างเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เมื่อเห็นภรรยารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ปฐพีรีบดีดตัวลุกขึ้นพร้อมกับเอามือกุมใบหน้าของเธอเอาไว้ แล้วเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย ก่อนที่เขาสำรวจว่าเธอเจ็บตรงไหนบ้าง “ฉันขอโทษนะจีน่า ที่ทำให้เธอต้องไปเจอกับเรื่องบ้าๆ พวกนั้น ลืมมันไปเถอะนะ คิดว่ามันคือฝันร้ายจะได้ไหม ฉันอาจจะขอเธอมากไป แต่ต่อจากนี้ฉันจะทำให้เธอฝันดีทุกคืน พร้อมกับตื่นมาเจอกับฉันในทุกวัน จะไม่มีใครกล้าทำอะไรเธอได้อีกแล้ว” ดวงตาคมจับจ้องไปที่ใบหน
“ฉันขอโทษนะจีน่า ต่อไปฉันจะไม่ให้เธอต้องห่างกายไปไหนไกล อดทนรอฉันอีกนิดนะ ใกล้ถึงแล้ว” พอพูดจบชายหนุ่มรีบหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปในไร่ ที่เขาตั้งใจอยากจะสร้างบ้านไว้ที่นี่ เพื่อมาพักผ่อนกับจีน่า ในเวลาที่เขาและเธอว่างจากงานในไร่ชา พอรถยนต์ออฟโรดคันคู่ในแล่นมาถึง ชายหนุ่มไม่รอช้าหยิบไฟฉายออกมา แล้วเดินตรงไปยังกระท่อมทันที ซึ่งเขากึ่งวิ่งกึ่งเดินอย่างกับกลัวว่าจะมีคนคว้าเส้นชัยไปก่อน “เฮ้ย! อะไรเนี่ย กระเป๋าของจีน่า” ชายหนุ่มรีบคว้ากระเป๋าของหญิงสาวมาสะพายเอาไว้ ก่อนจะรีบเดินออกไปให้เร็วที่สุด เพราะกระท่อมอยู่ห่างจากที่จอดรถพอสมควร ถ้าคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย อาจจะต้องหยุดนั่งพักเอาแรง แล้วค่อยเดินต่อด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงกระท่อมหัวใจของชายหนุ่มแทบสลาย ที่เห็นร่างของภรรยาถูกพันธนาการเอาไว้กับเสา เขารีบเข้าไปแก้มัดให้กับเธอ ขณะที่จีน่าไม่ได้สติ เขาเรียกยังไงเธอก็ไม่ยอมตื่น
“ไม่จริงคุณขุนพลเดินทางไปกรุงเทพตั้งแต่บ่ายแก่ๆ ป่านนี้เขาคงบินออกนอกประเทศไปแล้ว” ช้องนางเดินผ่านมาได้ยินประโยคที่ปฐพีพูดขึ้นพอดี หล่อนเลยสวนกลับอย่างไม่คิด “ลูกไม่ได้ทำเรื่องแย่ๆ ใช่ไหมช้องนาง” แม่เลี้ยงเวียงพิงค์เอ่ยถามลูกสาวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ทว่าดวงตาของนางกลับแฝงไปด้วยความกังวลใจ “ช้องนางเป็นลูกแม่นะคะ ทำไมแม่ต้องมองลูกสาวของตัวเองด้วยสายตาแบบนั้นด้วย” “เพราะแม่รักลูก เลยไม่อยากให้ลูกทำผิด” “หยุดพูดจาบ้าบอได้แล้ว กลับไปเถอะคุณปฐพีที่นี่ไม่มีผู้หญิงชื่อจีน่า” น้ำเสียงของพ่อเลี้ยงสิงห์คำฟังดูห่างเหินอย่างรุนแรง เมื่อเขารู้ถึงจุดประสงค์การมาที่นี่ของปฐพี “ถ้าเรื่องนี้ถึงตำรวจผมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด จีน่าอยู่ที่ไหน ตอบผมมาคุณช้องนาง