เพราะประกาศิตจากแม่และยายให้เธอกลับไปแต่งงานกับคนที่หาไว้ ทางรอดสุดท้ายคือเธอต้องหาผู้ชายที่เพียบพร้อมกว่ากลับไปฝาก แต่ทุกอย่างก็ดันผิดแผนไปหมด เมื่อเธอดันสะเพร่าเข้าผิดห้อง สุดท้ายใครจะคิดว่าชีวิตของ แวววิวาห์จะเปลี่ยนไปตลอดกาล เพราะคีย์การ์ดใบเดียวแท้ๆ เลยที่ทำให้ชีวิตเธอพลิกผันถูกภาคิน ประธานบริษัทจอมเผด็จการและเอาแต่ใจที่สุดในสามโลกคอยกดขี่ข่มเหง ใช่! เขาทั้งกด ขี่ แล้วก็ขย่ม เอ๊ย! ข่มเหงจนเธอแทบไม่ได้ลงจากเตียง “จูบห้าพัน แต่ถ้าจูบดูดดื่มรุกล้ำหมื่นนึง” “กอดห้าพัน แต่ถ้ากอดลูบไล้ล้วงลึกก็หมื่นนึง ถ้าคุณไม่จ่าย ฉันจะถือว่าคุณหลงเสน่ห์ฉัน และเราต้องแต่งงานกัน” “แล้วถ้ามากกว่านั้นล่ะ” เสียงเขากระเส่าพลางโน้มใบหน้าลงไปถามใกล้ๆ
View Moreบทนำ
“ผับ ๆๆ…” เสียงเสียดสีของสองกายที่ กำลังสอดประสานกลายเป็นหนึ่ง ยิ่งฟังยิ่งกระตุ้นความกำหนัดให้ปะทุถึงขีดสุด ดุ้นยักษ์ที่กำลังชำแรกแทรกผ่านความนุ่มลึก ทำเอาพวกเขาเสียวซ่านจนแทบลืมตัวตน เขาแข็งขึง ในขณะที่เธอก็อ่อนนุ่มแต่ร้อนผ่าว เขาเหยียดขยาย ในขณะที่เธอตอดรัดตลอดลำกายแกร่ง เขาขยับตอกอัด ในขณะที่เธอก็ส่ายร่ารับได้ทุกจังหวะการสอดใส่ ประหนึ่งร่างกายทั้งคู่เกิดมาเพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน
“อ๊ะ! อื้อ!” เสียงเธอครางตามจังหวะที่ถูกกระแทกกระทั้น รับกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อเป็นจังหวะเดียวกัน
“อา…!” เขาเองก็คำรามเสียงแหบห้าว นึกไม่ถึงว่าร่างกายของผู้หญิงคนนี้จะให้ความรู้สึกดีถึงปานนี้ โดยเฉพาะความรัดรึงที่กำลังตอดตุบๆ มันทำเอาเขาอยากทะลายทำนบปลดปล่อยให้สายธารสวาทสาดกระเซ็นใส่ความแนบแน่นของเธอเต็มที อีกไม่นานหรอก รอให้เขาเสพสมเรือนร่างงดงามผุดผาดนี้ให้หนำใจซะก่อน ถึงตอนนั้นเขาจะปลดปล่อยให้เธอได้กลืนกินมัน
กายแกร่งแข็งขึงและร้อนผ่าวราวแท่งเหล็กที่กำลังขยับเข้าขยับออกเสียดสีจนเนินสาวร้อนฉ่า ไม่ใช่แค่เธอที่กำลังเสียดเสียวกับดุ้นยักษ์ที่ขยับตอกอัดลงมาซ้ำๆ เขาเองที่เป็นฝ่ายโรมรันก็ไม่ได้รู้สึกต่างกัน ยิ่งเขาขยับความคับแน่นก็ยิ่งบีบอัดจนต้องครางระงม ความกำหนัดที่มันกำลังพลุ่งพล่านอย่างที่ไม่เคย ทำให้เขาแทบระเบิด เหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่กำลังผุดพรายเต็มใบหน้าของ ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกเหน็ดเหนื่อย กลับเป็นแรงกระตุ้นให้พวกเขาเข้าหากันอย่างรุนแรงมากขึ้น แนบแน่นขึ้น เธอยังคงส่ายร่าแอ่นรับตัวตนทั้งหมดที่เขาให้ ในขณะที่เขาก็โยกขยับสลับบดเบียดจนกายสาวสั่นคลอน
แสงไฟสลัวๆ จากหัวเตียงที่สาดกระทบมายังเรือนร่างเปลือยเปล่าขาวเนียนกำลังปลุกปั่นความกำหนัดของเขาให้พุ่งพล่านยิ่งกว่าเดิม เธอเป็นใคร คำนี้ยังดังก้องอยู่ในหัว แล้วอะไรทำให้เธอต้องมาทำงานแบบนี้ คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็อดโมโหไม่ได้ เผลอระบายออกมาด้วยการกระแทกใส่เนินสาวแรงๆ จนเธอครางประท้วงใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก แน่นอนว่าเขารู้ดีว่านี่คือครั้งแรกของเธอ แต่ที่ไม่รู้คือ...ทำไมเธอต้องเป็นสาวไซด์ไลน์ ถึงครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก แต่ครั้งต่อๆ ไปล่ะ จะมีผู้ชายอีกกี่คนที่ได้ทำอย่างที่เขาทำ เพียงแค่คิด เขาก็เดือดดาลขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล พลันสะโพกสอบก็ขยับตอกอัดรุนแรงขึ้นอีก
“อื้อ! เจ็บ” เธอครางประท้วง แน่นอนว่ากายสาวที่ไม่เคยถูกกร้ำกราย ครั้นต้องมาเจอความกราดเกรี้ยวดุดัน อีกทั้งขนาดที่ไม่ธรรมดา เธอย่อมต้องออกอาการ แต่ยิ่งเธอร้องดังขึ้นเท่าไหร่ สะโพกสอบก็ยิ่งโหย่งขยับรุนแรงขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่แค่สะโพกที่กำลังทรมานกายสาว มือทั้งสองข้างก็กำลังบีบขยำคลึงเคล้าทรวงสล้างทั้งสองข้างอย่างเมามัน จากเสียงครางประท้วงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเสียงครางหวีดหวิวด้วยความรัญจวน พลันปลีขาข้างหนึ่งถูกเขายกขึ้นมาวางบนไหล่แกร่ง ท่านี้เปิดเปลือยให้ทั้งคู่สัมผัสกันแนบแน่นขึ้น ลึกซึ้งขึ้น ลึกจนเธอต้องร้องเสียงหลง
“อา…!” เขาเองก็ครางเสียงพร่า พยายามจะยืดความสุขนี้ออกไปให้ยาวนานที่สุด แต่แล้วความสุขนี้ก็ถูกบางอย่างเข้ามาแทรกแทรง
“ตื๊ด……..ตื๊ด……….ตื๊ด…………” เขาพยายามไม่สนใจเสียงโทรศัพท์ของตัวเองที่วางอยู่ข้างโคมไฟ แต่แสงสว่างของมันก็พอจะทำให้เขารู้ได้ว่าปลายสายเป็นใคร แต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยผ่านพยายามไม่แยแส แต่ดูเหมือนคนโทรก็จะไม่ยอมแพ้ ยังคงพยายามต่อสายกลับมาอีกครั้ง กระทั่งในที่สุดเขาก็ต้องกดรับมันด้วยความขุ่นเคือง
“มีอะไร” เขากรอกเสียงห้วนกลับไปให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี
“ผู้หญิงที่นายให้หา เขาทำคีย์การ์ดสลับกับคนอื่น ทำให้ขึ้นไปหานายไม่ได้ ตอนนี้เขารออยู่ด้านล่าง ให้ผมทำยังไงต่อดีครับ” เสียงปลายสายของคนที่เป็นทั้งเลขาและผู้ติดตามทำเอาชายหนุ่มถึงกับหันขวับไปมองคนที่นอนระทดระทวยอยู่บนเตียงด้วยความตกใจและดีใจไปพร้อมกัน ดีใจที่เธอไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด ขณะเดียวกันก็ตกใจที่ตัวเองดันไปพรากพรหมจรรย์ของยัยผู้หญิงขี้เมาที่ไหนไม่รู้ที่พลัดหลงเข้ามา แต่ถ้าจะให้ถอยตอนนี้ เขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน แค่คิดว่าจะต้องหยุด อะไรๆ ที่มันยังค้างอยู่ในตัวเธอมันก็เริ่มส่งสัญญาณประท้วงจนเขารวดร้าวไปหมด
“จ่ายค่าเสียเวลา แล้วให้เขากลับไป” เขาปรายตาลงมองคนที่นอนกระสับกระส่ายคล้ายกำลังกระสัน เพราะความปรารถนายังไม่บรรลุถึงขีดสุด ก่อนจะตัดสินใจตอบออกไปในที่สุด
“ตื๊ด!” ตอบเสร็จเขาก็วางทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้ปลายสายได้ซักถามหรือทักท้วงอะไร ก็ในเมื่อความหอมหวานตรงหน้ายังรอให้เขาสานต่อ แล้วเขาจะเสียเวลาไปเพื่ออะไร
แวววิวาห์เดินเข้าบริษัทด้วยสติเลื่อนลอย เธอเดินเข้าไป ในลิฟต์พร้อมกับอีกหลายๆ คน แต่แล้วทุกคนก็พาเดินกันเดินออกมาจนหมด เหลือเพียงเธอที่ยังคงยืนเหม่อลอยอยู่ด้านในสุด ไม่ได้สนใจเพื่อนๆ ที่กำลังกวักมือเรียกให้เธอรีบเดินตามออกไป กระทั่งเธอหันไปเห็นพริมรตาที่กำลังยืนกวักมืออยู่ด้านหน้า เธอจึงตั้งใจจะเดินไปหาเพื่อน ครั้นพอจะเดินออกไป ประตูลิฟต์ก็ถูกกดปิดซะก่อน เธอหันไปมองคนกดลิฟต์ ก่อนจะหันมองรอบๆ ตัว ให้ตายสิ! ในลิฟต์มีแค่เธอกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาหล่อมาก คนอะไรดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า‘หึ! ตกใจสินะที่เจอเราที่นี่’ เป็นเพราะถูกอีกฝ่ายจับจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย เลยทำให้ภาคิน ท่านประธานสุดหล่อคิดเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากว่าคุณเธอจะกำลังตกใจที่เจอเขาที่นี่ กระทั่งเสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น“อืม! ว่าไง” เห็นเป็นพริมรตาที่โทรเข้ามา เธอจึงรีบกดรับ ด้วยไม่แน่ใจว่าเพื่อนมีเรื่องอะไรตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว(รีบออกมาจากลิฟต์เดี๋ยวนี้) “อะไรของแกเนี่ยพรีม ก็…” ยังไม่ทันที่เธอจะโวยเพื่อนต่อ เพื่อนก็แทรกขึ้นมาอีก(แกอยู่ในลิฟต์กับท่านประธาน) พูดจบเพื่อนก็กดวางไป ในขณะที่เธอยังคงอึ้งกับสิ่งที่ได
“หลังจากที่แยกกับแก ฉันก็กลับไปแต่งตัวสวยๆ ตามที่แกบอก ฮึกๆๆ แต่พอฉันไปถึงที่หน้าคอนโด ฉันก็ตื่นเต้นไม่กล้าขึ้นไป ฉันก็เลยไปหาเหล้าดื่มย้อมใจ หวังว่ามันจะช่วยทำให้ฉันใจกล้าขึ้น แต่ไม่นึกว่า…ฮือๆๆ” เธอเล่าพลางสะอึกสะอื้น ก่อนจะปล่อยโฮออกมาเสียงดังอีก(โอย! อยากจะบ้าตาย ฉันเตือนแกแล้วใช่ไหมว่าทำอะไรให้มีสติ เห็นไหมว่าเหล้ามันไม่ได้ช่วยให้แกมีสติขึ้นมาเลยสักนิด จากที่คิดว่าจะไปสารภาพรัก กลายเป็น…เฮ้ย! นี่อย่าบอกนะว่าที่แกกินเหล้า เพราะแกไม่ได้คิดแค่จะสารภาพรักอย่างเดียวตั้งแต่แรก) ศิศิราพูดไปบ่นไป ก่อนจะโวยเสียงหลง“ฮือๆๆ” เธอตอบคำถามเพื่อนด้วยการร้องไห้ ซึ่งดูเหมือนมันจะชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว (โอ๊ย! แกคิดอะไรของแกอยู่เนี่ย โอเคๆ ไหนๆ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ถึงพูดตอนนี้ก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ มาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะเอายังไงกันต่อดี) ศิศิราพยายามระงับสติอารมณ์ไม่ให้มันพลุ่งพล่านไปมากกว่านี้ แค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพื่อนก็คงทุกข์ใจมากพอแล้ว “แล้วฉันจะท้องไหมอะแก ถ้าฉันท้องขึ้นมาแม่ยายเอาฉันตายแน่ ฮือๆๆ” แรกเริ่มเดิมทีที่เธอตัดสินใจจะเข้าหาภากรก็เพราะอยากท้อง อยากใช้ลูกในท้องบีบบังคับใ
บทที่ 2“มือถือๆๆ” เธอนึกถึงโทรศัพท์มือถือที่เมื่อคืนแบตหมด จึงตั้งใจจะรีบวิ่งไปชาร์ต แต่ด้วยความรีบร้อนทำให้เธอไม่ทันระวังผ้าผ่อนที่นุ่งกระโจมอกไว้คลายออก กระทั่งร่วงหลุดลงไปกองที่ปลายเท้า“อุ๊ย!” ที่ต้องร้องอุทาน ไม่ใช่เพราะผ้าหลุด เพราะปกติมันก็หลุดอยู่เป็นนิจอยู่แล้ว ก็อยู่คนเดียวจะต้องกลัวใครมาเห็น แต่ที่ต้องร้องเพราะร่องรอยที่ผู้ชายทิ้งไว้บนเนื้อตัวเธอต่างหาก“บ้าบอ! ทำไมหื่นขนาดนี้เนี่ยคุณภากร” เธอเขินแทบบิดตัวเป็นเกลียวกับรอยแดงเป็นจ้ำๆ ใต้ร่มผ้า คิดไม่ถึงว่าคนที่มีประสบการณ์เรื่องอย่างว่าเป็นศูนย์ จะทำให้ผู้ชายหลงใหลได้“ป่านนี้เขาจะคิดถึงเราบ้างไหมนะ บางทีเขาก็จะกำลังตามหาเราอยู่ก็ได้ ก็เราเล่นออกมาโดยไม่บอกเขาสักคำนี่นา ตอนนี้คงกำลังพยายามโทรหาเรา เออ…จริงด้วย! โทรศัพท์ ตายๆๆ ป่านนี้ไม่โทรจนสายไหม้ไปแล้วรึไง” เธอรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาชาร์ต แต่ทันทีที่เครื่องเปิดขึ้นมา เสียงเตือนข้อความจากสายโทรเข้าก็ดังขึ้น แต่มันกลับไม่ใช่เบอร์ของคนที่คิด“ไม่เห็นมีสายคุณภากรเลย มีแต่สายยัยศิ แล้วนี่ยัยศิจะโทรมาทำไมนักหนาเนี่ย” ข้อความจากเบอร์ที่พยายามโทรหากลับเป็นเบอร์ของเพื่อนรักอ
บทที่ 1 เกือบหกโมงเช้าของอีกวัน แต่วาหรือแวววิวาห์ สาวน้อยวัยยี่สิบเจ็ด จริงๆ แล้วก็ไม่น้อยหรอก ไอ้ที่น้อยน่าจะเป็นความสาวของเธอมากกว่าที่มันเหลือน้องลงทุกปี และนี่แหละคือสาเหตุของเรื่องวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้น เธอตื่นขึ้นมาในที่ที่ไม่คุ้นตา อีกทั้งยังรู้สึกร้าวระบมไปทั้งตัว เธอมองไปรอบๆ ห้องด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใช่! เธอเต็มใจมาที่นี่ เรียกว่าเต็มใจมาพลีกายให้เจ้าของห้องโดยเฉพาะเลยแหละ จะเรียกว่าพลีกายก็คงไม่ถูกนัก เรียกว่าแล้วแต่สถานการณ์จะพาไปน่าจะเหมาะกว่า“นี่เรากับคุณภากร…” เธอครางเบาๆ พลางเปิดผ้าห่มเพื่อจะพบกับเนื้อตัวเปลือยเปล่าภายใต้ผ้านวมผืนหนา ครั้นพอหันไปเห็นเสื้อผ้าตัวเองที่วางเกลื่อนพื้นก็รีบดึงผ้านวมขึ้นมาปิดหน้าด้วยความกระดากอีก“พระเจ้า! เรากับเขามีอะไรกัน เรากับคุณภากรมีอะไรกัน” จากสภาพร่างกาย อีกทั้งความรู้สึกที่ร้าวระบมไปหมดทั้งตัว ทำให้เธอคิดเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากเธอเพิ่งเสียตัวให้กับผู้ชายที่ตัวเองหมายตา“แล้วเขาจะมองว่าเราเป็นผู้หญิงแบบไหน เฮ้ย! แต่เขาก็น่าจะสนใจเราบ้างแหละ ไม่งั้นจะยอมมีอะไรกับเราได้ยังไง” เธอคิดสะระตะไปไกล แต่จริงๆ น่าจะเรียกว่าคิดเองเออเองม
บทนำ “ผับ ๆๆ…” เสียงเสียดสีของสองกายที่ กำลังสอดประสานกลายเป็นหนึ่ง ยิ่งฟังยิ่งกระตุ้นความกำหนัดให้ปะทุถึงขีดสุด ดุ้นยักษ์ที่กำลังชำแรกแทรกผ่านความนุ่มลึก ทำเอาพวกเขาเสียวซ่านจนแทบลืมตัวตน เขาแข็งขึง ในขณะที่เธอก็อ่อนนุ่มแต่ร้อนผ่าว เขาเหยียดขยาย ในขณะที่เธอตอดรัดตลอดลำกายแกร่ง เขาขยับตอกอัด ในขณะที่เธอก็ส่ายร่ารับได้ทุกจังหวะการสอดใส่ ประหนึ่งร่างกายทั้งคู่เกิดมาเพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน“อ๊ะ! อื้อ!” เสียงเธอครางตามจังหวะที่ถูกกระแทกกระทั้น รับกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อเป็นจังหวะเดียวกัน “อา…!” เขาเองก็คำรามเสียงแหบห้าว นึกไม่ถึงว่าร่างกายของผู้หญิงคนนี้จะให้ความรู้สึกดีถึงปานนี้ โดยเฉพาะความรัดรึงที่กำลังตอดตุบๆ มันทำเอาเขาอยากทะลายทำนบปลดปล่อยให้สายธารสวาทสาดกระเซ็นใส่ความแนบแน่นของเธอเต็มที อีกไม่นานหรอก รอให้เขาเสพสมเรือนร่างงดงามผุดผาดนี้ให้หนำใจซะก่อน ถึงตอนนั้นเขาจะปลดปล่อยให้เธอได้กลืนกินมัน กายแกร่งแข็งขึงและร้อนผ่าวราวแท่งเหล็กที่กำลังขยับเข้าขยับออกเสียดสีจนเนินสาวร้อนฉ่า ไม่ใช่แค่เธอที่กำลังเสียดเสียวกับดุ้นยักษ์ที่ขยับตอกอัดลงมาซ้ำๆ เขาเองที่เป็นฝ่ายโรมรันก็ไม่ได
Comments