“คันไม้คันมือว่ะ” คริสต์ เพื่อนของเซนต์เอ่ยขึ้น หลังจากนั่งมองกลุ่มของครินทร์ที่โซน VIP มาแล้วสักพัก
“ครั้งนี้กูขอ” เซนต์พูดขึ้น มือหนายกแก้วเหล้าขึ้นกระดกหนึ่งอึก ก่อนจะขยับริมฝีปากพูดต่อ “กูไม่อยากผิดสัญญากับเซลีน” “ถ้าไม่ติดว่ามึงขอ กูคงเข้าไปซัดหน้าแม่งมันแล้ว” ภูริ ที่นั่งเอนตัวพิงพนักโซฟาขาไขว่ห้างกระดิกเท้าเบาๆ มือหนึ่งถือแก้วเหล้าขยับริมฝีปากพูด ปกติพวกเขาไม่นิ่งกันขนาดนี้ แต่เพราะเห็นแก่เซนต์ที่ขอเอาไว้ ไม่ใช่แค่พวกมันที่อยากอัดหน้าพวกครินทร์ เขาเองก็อยากทำแบบนั้นไม่ต่างกัน ที่ยอมนิ่งเฉยเพราะไม่อยากทำให้เซลีนกับแม่ต้องผิดหวัง แววตาที่น้องสาวมองมาตอนอยู่โรงพักดูผิดหวังจนแทบอยากร้องไห้ เขาที่รักน้องสาวมากก็โกรธตัวเองเหมือนกันที่รักษาสัญญาไม่ได้ “ว่าแต่น้องมึงว่าไงบ้าง ตอนมาประกันตัว” ภูริหันมามองเซนต์แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ “เหมือนเดิม บ่น ก่อนมาประกันตัวกูคงร้องไห้มาแล้วเพราะเห็นตาแดง” “กูไปปลอบน้องมึงดีไหมวะ” เซนต์ปรายสายตาไปมองคริสต์อย่างเอาเรื่อง ใครๆ ก็รู้ว่าเซนต์รักและหวงน้องสาวมากแค่ไหน ใครจะเข้ามาจีบต้องผ่านการสแกนของเซนต์ไปก่อน แต่ทุกทีก็ไม่เห็นมีใครผ่านด่านพี่ชายไปได้สักราย… “ระวังปากมึงด้วย” “ไม่อยากได้กูไปเป็นน้องเขยเหรอวะ” “น้องเขยแบบมึง กูไม่เอา” “แรงว่ะ พูดงี้มึงต่อยกูดีกว่าสัส” เซนต์หวงเซลีนยิ่งกว่าบางแก้วหวงเจ้าของ แถมยังประกาศชัดเจนว่าอย่ามาชอบน้องสาวตัวเองไม่อย่างนั้นโดนตัดเพื่อน เซลีนเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวแถมยังสวยสะพรั่ง เป็นใคร ใครก็หวง วันต่อมา “เซย์ เอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟให้ลูกค้าที่โต๊ะสี่ที” “ได้ค่ะๆ” เซลีนในชุดพนักงานร้านกาแฟสวมหมวกแก๊ปเก็บผมเรียบร้อยกำลังเช็ดโต๊ะที่ลูกค้าเพิ่งออกไปเมื่อครู่ หันไปตอบรับเพื่อนร่วมงาน มือเล็กยกขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามกรอบหน้า ก่อนจะรีบไปหยิบถาดเครื่องดื่มที่ถูกวางเอาไว้มา เพื่อรีบนำไปเสิร์ฟให้ลูกค้าโต๊ะสี่ วันนี้เป็นวันหยุดคนเลยค่อนข้างเยอะ บวกกับช่วงนี้ร้านกำลังเป็นกระแสในโซเชียล เลยทำให้ร้านคึกคักแม้เป็นวันธรรมดา เซลีนถือเครื่องดื่มนำมาเสิร์ฟให้ลูกค้าโต๊ะสี่ มือเล็กจัดการวางเครื่องดื่มลงให้ลูกค้าโดยไม่มองหน้า ทว่ากลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่ลอยมาเตะจมูกอย่างไม่เคยสัมผัสถึงกลิ่นนี้จากใครมาก่อน ทำให้เธอเผลอเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเครื่องดื่ม ‘เอสเพรสโซ่’ หล่อจัง… ใบหน้าหล่อเหลาดูน่าหลงใหล กรอบหน้าคมชัด ผิวขาวจัดตัดกับเสื้อหนังสีดำ ดวงตาคู่นั้นเฉียบคมยากเดาอารมณ์ เขาดูนิ่งเหมือนไม่เคยยิ้มให้ใครง่ายๆ และนั่นแหละ…ที่ทำให้เขาดูลึกลับและน่าค้นหา “เครื่องดื่มได้แล้วค่ะ” “ชื่อเซลีนใช่ไหม” เซลีนที่กำลังหมุนตัวเดินออกไปชะงัก เมื่อลูกค้าหน้าหล่อเอ่ยชื่อตัวเองขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล เธอหันไปมองเจ้าของคำถามเมื่อครู่ “ค่ะ ว่าแต่…รู้จักชื่อเซย์ได้ยังไงคะ” มุมปากหยักหักโค้งขึ้น ครินทร์เงยหน้ามองเซลีนที่มีสีหน้าสงสัยอยู่ไม่ใช่น้อย สายตาคมเข้มใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็สามารถสำรวจใบหน้าสวยหวานได้หมดทุกซอกทุกมุม “ใครบ้างในมหา’ลัยจะไม่รู้จัก” “เรียนที่วาแซร์เหรอคะ” เธอตัดสินใจถามออกไปตรงๆ “ใช่” “แล้ว…ชื่ออะไรเหรอคะ” เธอไม่แน่ใจว่าควรถามชื่ออีกคนดีไหม แต่ด้วยความอยู่มหา’ลัยเดียวกันบวกอยากรู้เลยเอ่ยถาม “ครินทร์” เพียงแค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกขนลุกซู่ ‘ครินทร์’ เดือนมหา’ลัยแถมยังดังมากในคณะวิศวะฯ เธอที่ไม่ค่อยสุงสิงหรือสนใจสิ่งรอบข้างเท่าไรเลยไม่รู้จัก เพราะมหา’ลัยที่เธอได้รับทุนมาเรียนมีแต่สังคมคนรวยและชนชั้นสูงทั้งนั้น เธอไม่เคยเห็นหน้าเขาแต่เคยได้ยินชื่อผ่านเข้าหูมาบ้าง เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหา’ลัยนี่เอง “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร “เอนจอยนะคะ เซย์ขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะ” ครินทร์ไม่ตอบอะไร พอเซลีนเดินออกไปสายตาคมเข้มก็มองตามแล้วกระตุกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ก่อนจะหันมายกเอสเพรสโซ่ขึ้นมาดื่ม น้องสาวเซนต์สวยฉิบหาย แต่น่าเสียดายที่ดันเป็นน้องสาวของคู่อริ ทางด้านเซลีน หลังจากเดินออกมาจากโต๊ะลูกค้าหน้าหล่อ เธอก็แอบลอบมองเขาเป็นระยะ พอสังเกตดีๆ ก็พบว่าสาวๆ ในร้านต่างจับจ้องไปที่เขาอย่างให้ความสนใจ ไม่แปลกใจเพราะเขาทั้งหล่อแถมยังมีเสน่ห์เหลือล้น “ลูกค้าคนนั้นหล่อเนอะเซย์ นึกว่าพระเอกซีรีส์จีน” “เมื่อกี้เซย์เอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟเขาด้วย” “กรี๊ด! จริงเหรอ ทำไมฉันไม่อยู่นะตอนนั้น พลาดมาก!” เพื่อนร่วมงานที่อายุเท่าเซลีนอย่าง ‘ส้มเช้ง’ พูดอย่างนึกเสียดาย “ใครได้เป็นแฟนคงโชคดีเนอะ” เซลีนแค่ยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ยืนมองลูกค้าหน้าหล่อคนนั้นเงียบๆ ก่อนจะเดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ โดยหารู้ไม่ว่า…การมาที่นี่ของครินทร์ คือ ความตั้งใจ“คันไม้คันมือว่ะ” คริสต์ เพื่อนของเซนต์เอ่ยขึ้น หลังจากนั่งมองกลุ่มของครินทร์ที่โซน VIP มาแล้วสักพัก“ครั้งนี้กูขอ” เซนต์พูดขึ้น มือหนายกแก้วเหล้าขึ้นกระดกหนึ่งอึก ก่อนจะขยับริมฝีปากพูดต่อ “กูไม่อยากผิดสัญญากับเซลีน”“ถ้าไม่ติดว่ามึงขอ กูคงเข้าไปซัดหน้าแม่งมันแล้ว” ภูริ ที่นั่งเอนตัวพิงพนักโซฟาขาไขว่ห้างกระดิกเท้าเบาๆ มือหนึ่งถือแก้วเหล้าขยับริมฝีปากพูด ปกติพวกเขาไม่นิ่งกันขนาดนี้ แต่เพราะเห็นแก่เซนต์ที่ขอเอาไว้ไม่ใช่แค่พวกมันที่อยากอัดหน้าพวกครินทร์ เขาเองก็อยากทำแบบนั้นไม่ต่างกัน ที่ยอมนิ่งเฉยเพราะไม่อยากทำให้เซลีนกับแม่ต้องผิดหวัง แววตาที่น้องสาวมองมาตอนอยู่โรงพักดูผิดหวังจนแทบอยากร้องไห้ เขาที่รักน้องสาวมากก็โกรธตัวเองเหมือนกันที่รักษาสัญญาไม่ได้“ว่าแต่น้องมึงว่าไงบ้าง ตอนมาประกันตัว” ภูริหันมามองเซนต์แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ“เหมือนเดิม บ่น ก่อนมาประกันตัวกูคงร้องไห้มาแล้วเพราะเห็นตาแดง”“กูไปปลอบน้องมึงดีไหมวะ”เซนต์ปรายสายตาไปมองคริสต์อย่างเอาเรื่อง ใครๆ ก็รู้ว่าเซนต์รักและหวงน้องสาวมากแค่ไหน ใครจะเข้ามาจีบต้องผ่านการสแกนของเซนต์ไปก่อน แต่ทุกทีก็ไม่เห็นมีใครผ่านด่านพี่ชายไปได้สั
KLIN BAR “ผับไอ้เต้เปิดใหม่พนักงานผู้หญิงแม่งแจ่มสัสๆ” เสียงของจอมทัพเอ่ยหลังจากสามหนุ่มก้าวเข้ามาภายในร้านของเพื่อนที่เพิ่งเปิดใหม่ สายตาเจ้าชู้ของจอมทัพมองสาวสวยด้านในอย่างโปรยเสน่ห์สามหนุ่มเดินตรงไปยังโต๊ะโซนVIPที่จองเอาไว้ ครินทร์ทิ้งตัวลงนั่งด้วยสีหน้าที่บอกว่ากำลังไม่สบอารมณ์ จากเรื่องที่พ่อจะส่งตัวเขาไปฝรั่งเศสเพื่อดัดนิสัย วันนี้พวกเขามาดื่มผับเพื่อนที่เพิ่งเปิดใหม่ ซึ่งปกติแล้วจะดื่มกันที่ผับของครินทร์เป็นหลัก“พวกมึงมาทีทำร้านกูคึกคักกันทันที” เสียง ‘เต้’ เพื่อนในคณะสาขาเดียวกันเดินเข้ามาทักทาย ตั้งแต่พวกนี้โผล่มาสาวๆ ในผับรวมถึงพนักงานตาตั้งกันเลยทีเดียว“ทำดา พวกกูหล่อ” จอมทัพพูด ก่อนจะหันไปมองสาวสวยโต๊ะข้างๆ แล้วส่งยิ้มให้อย่างคนเจ้าชู้ สาวสวยคนนั้นก็ยิ้มกลับราวกับถูกใจอีกคนเช่นกัน“เป็นไงบ้างวะ ได้ข่าวว่าตำรวจโผล่มาก่อน”“ใส่เกียร์หมาหนีดิ รอไร” ตรีภพพูดแล้วยกน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นดื่มแก้เซ็ง “แต่พวกนั้นโดนรวบ ส่วนไอ้นี่โดนส่งไปฝรั่งเศส”เต้หันไปมองครินทร์ที่เอาแต่นั่งเงียบ สีหน้าบ่งบอกอารมณ์ว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่“แม่งหนักกว่าติดคุกอีกว่ะ” รอบก่อนครินทร์ก็โดนส่งไปฝรั่งเ
สถานีตำรวจเสียงฝนยังตกปรอยๆ ข้างนอก เซนต์นั่งชันเข่าอยู่มุมหนึ่งที่แสงเข้าไม่ค่อยถึงเท่าไรนัก เพื่อนที่โดนจับมาด้วยกันถูกประกันตัวออกไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน เหลือเพียงเขาที่ยังอยู่ในห้องขังอย่างไม่คาดหวังให้ใครมาประกันตัวเซลีน น้องสาวของเซนต์ก้าวเข้ามาภายในสถานีตำรวจในชุดนักศึกษา ผมเปียกเล็กน้อยเพราะลืมเอาร่มมา ใบหน้าอ่อนโยนมีเค้าความเหนื่อยหน่ายซ่อนอยู่“น้องสาวมาประกันตัวแล้ว” เสียงเจ้าหน้าที่เอ่ย พลางเปิดประตูห้องขังให้เซนต์ “แกนี่เข้าห้องขังเป็นงานอดิเรกจริงๆ สงสารน้องกับแม่บ้าง”เซนต์ไม่พูดอะไรนอกจากลุกขึ้นแล้วเดินออกมาพร้อมรอยช้ำบนหน้า คิ้วแตกเลือดแห้งกรัง“เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นพวกอันธพาลสักทีพี่เซนต์”“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ดิ”“เงินเก็บก้อนสุดท้ายทั้งชีวิตของเซย์เอามาประกันตัวพี่หมดแล้ว พี่เซนต์เคยบอกว่าจะไม่ทำตัวเป็นพวกอันธพาลแล้ว สุดท้ายก็ยังทำเหมือนเดิม”“เออ ขอโทษ” เซนต์พูดอย่างติดหงุดหงิด “เดี๋ยวหามาคืนให้หรอก”“ทำอะไรคิดถึงหน้าแม่หน่อยได้ไหม พี่ก็รู้ว่าตอนนี้แม่ป่วยอยู่”“…” เซนต์นิ่งเงียบ เมื่อน้องสาวหยิบเรื่องแม่ขึ้นมาพูด นั่นทำให้เขายิ่งรู้สึกแย่ แต่กลับเลือกที่จ
เสียงเหล็กครูดลากไปตามพื้นซีเมนต์ในซอยเปลี่ยวดังจนรู้สึกเข็ดฟัน มันขยี้ประสาทได้พอๆ กับแสงไฟถนนที่กระพริบติดๆ ดับๆ เหมือนโลกกำลังหายใจขาดช่วง ภายใต้แสงไฟสลัว…กลุ่มชายหนุ่มห้าคนในชุดนักศึกษายืนประจันหน้ากัน ไม่มีใครยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว ในมือมีอาวุธครบพร้อมฟาดฟัน“เพื่อนมึงอีกคนไปไหนแล้ววะ” เสียงของ ครินทร์ ในชุดนักศึกษาที่เอาเสื้อออกนอกกางเกงเอ่ยถามฝั่งตรงข้ามอย่างเย้ยหยัน มือหนาถือแท่งเหล็กหนักๆ ที่สามารถฟาดหัวอริแตกได้ในพริบตา รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏตรงมุมปาก แววตาเฉียบคมจ้องมองราวกับ ‘นักล่า’ ที่พร้อมกระโจนใส่ฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา“สองคนก็เอาพวกมึงลงได้” เซนต์ คู่อริฝั่งตรงข้ามตอบกลับเสียงเรียบตระกูลของครินทร์เป็นมาเฟียทรงอิทธิพล ตนอาจจะเสียเปรียบฝั่งนั้นเรื่องฐานะ แต่ในเรื่องของ ‘ศักดิ์ศรี’ ไม่เคยยอมใครอยู่แล้ว ต่อให้ใหญ่มาจากไหนเขาก็ไม่เคยกลัว“หึ! ปากดีนักนะมึง ระวังวันนี้จะได้จมตีนกู”“กูเคยกลัวมึงด้วยเหรอ”“ปากเก่งแบบนี้ กูแม่งอยากเอาเลือดปากมันออกจริงๆ” หนึ่งในเพื่อนของครินทร์อย่าง ตรีภพ เอ่ยด้วยสายตาเอาเรื่อง มือหนาที่มีสนับกำเข้าหากันแน่น“วันนี้มึงได้เห็นเลือดปากมันแน่” ลู