KLIN BAR
“ผับไอ้เต้เปิดใหม่พนักงานผู้หญิงแม่งแจ่มสัสๆ” เสียงของจอมทัพเอ่ยหลังจากสามหนุ่มก้าวเข้ามาภายในร้านของเพื่อนที่เพิ่งเปิดใหม่ สายตาเจ้าชู้ของจอมทัพมองสาวสวยด้านในอย่างโปรยเสน่ห์ สามหนุ่มเดินตรงไปยังโต๊ะโซนVIPที่จองเอาไว้ ครินทร์ทิ้งตัวลงนั่งด้วยสีหน้าที่บอกว่ากำลังไม่สบอารมณ์ จากเรื่องที่พ่อจะส่งตัวเขาไปฝรั่งเศสเพื่อดัดนิสัย วันนี้พวกเขามาดื่มผับเพื่อนที่เพิ่งเปิดใหม่ ซึ่งปกติแล้วจะดื่มกันที่ผับของครินทร์เป็นหลัก “พวกมึงมาทีทำร้านกูคึกคักกันทันที” เสียง ‘เต้’ เพื่อนในคณะสาขาเดียวกันเดินเข้ามาทักทาย ตั้งแต่พวกนี้โผล่มาสาวๆ ในผับรวมถึงพนักงานตาตั้งกันเลยทีเดียว “ทำดา พวกกูหล่อ” จอมทัพพูด ก่อนจะหันไปมองสาวสวยโต๊ะข้างๆ แล้วส่งยิ้มให้อย่างคนเจ้าชู้ สาวสวยคนนั้นก็ยิ้มกลับราวกับถูกใจอีกคนเช่นกัน “เป็นไงบ้างวะ ได้ข่าวว่าตำรวจโผล่มาก่อน” “ใส่เกียร์หมาหนีดิ รอไร” ตรีภพพูดแล้วยกน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นดื่มแก้เซ็ง “แต่พวกนั้นโดนรวบ ส่วนไอ้นี่โดนส่งไปฝรั่งเศส” เต้หันไปมองครินทร์ที่เอาแต่นั่งเงียบ สีหน้าบ่งบอกอารมณ์ว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่ “แม่งหนักกว่าติดคุกอีกว่ะ” รอบก่อนครินทร์ก็โดนส่งไปฝรั่งเศส แต่ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่อยู่นั่นยาวหลายเดือน มันเคยหนีกลับไทยก่อนกำหนด ผลที่ตามมาโดนพ่อสั่งปิดผับชั่วคราวจนกว่าพฤติกรรมจะดีขึ้น พอผับกลับมาเปิดตามปกติมันก็กลับมา ‘ซ่า’ เหมือนเดิม “พ่อมึงนี่โหดเอาเรื่องเนอะ” “คนเดียวที่เอามันลงได้ก็มีแต่พ่อมันนี่แหละ โหดฉิบหาย” จอมทัพหันไปมองครินทร์ที่ยังคงนั่งเงียบ ไม่ต้องสืบก็รู้ว่าครินทร์โหดได้ใคร “ไม่พูดไรกับเพื่อนหน่อยเหรอวะ” เสียงของเต้เอ่ย “กูไม่รู้จะพูดไร” แก้วน้ำสีเหลืองอำพันถูกยกกระดก สายตาคมเข้มมองออกไปนอกโซนVIPนิ่งๆ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสายตาปะทะเข้ากับใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามา ปึก! เสียงแก้วที่กระแทกลงโต๊ะอย่างแรง ทำให้เพื่อนในกลุ่มหันไปมองเจ้าของการกระทำเมื่อครู่พร้อมกัน ยังไม่มีใครเอ่ยถามสายตาตรีภพก็เหลือบไปเห็น ‘เซนต์’ และเพื่อนเดินเข้ามา “ไอ้เหี้ยเซนต์” ฝั่งของเซนต์เมื่อเห็นครินทร์ก็มองกลับอย่างไม่ยอม สองฝั่งมองหน้ากันราวกับสัตว์ป่าที่กำลังหวงแหนอาณาเขต ครินทร์ขบกรามแน่นอย่างโกรธแค้นกับคนที่ทำให้เขาต้องถูกส่งไปฝรั่งเศส ต่างคนต่างอยากอัดหน้ากันแต่ต้องกดอารมณ์เหล่านั้นเอาไว้เพราะเหตุผลส่วนตัว “ผับกูเพิ่งเปิด กูขอ…อย่าพังร้านกู” เต้ปรามเพื่อน ก่อนจะเดินออกไปดูความเรียบร้อยของผับต่อ “แม่งโลกกลมฉิบหาย” ครินทร์สบถออกมาเบาๆ ก่อนจะยกเหล้าที่เหลือในแก้วกระดกพรวดเดียวจนหมด ถ้าไม่ติดว่าไม่อยากมีคดีเพิ่มป่านนี้เขาคงเดินไปยืนต่อหน้ามันแล้วอัดจนน่วมแล้ว เขาไม่อยากโดนส่งไปอยู่ฝรั่งเศสตลอดชีวิตเลยต้องยับยั้งชั่งใจไม่ให้ทำตามอำเภอใจ คิดแล้วก็น่าหงุดหงิดฉิบหายเลยว่ะ! “แปลกว่ะ ปกติมันจะไม่ยอมเดินหนีง่ายๆ” จอมทัพมองพวกเซนต์ที่เดินตรงไปยังโต๊ะโดยไม่คิดหาเรื่อง “สงสัยเพิ่งโดนประกันตัวออกมา คงยังไม่อยากมีเรื่อง” ตรีภพพูดขึ้น หลังจากยกเหล้าขึ้นดื่มหนึ่งอึก “ดีเหมือนกัน ไอ้ครินทร์ยิ่งโดนพ่อมันจับตาดูอยู่” “แต่กูว่ามันอยากอัดหน้าไอ้เซนต์อยู่นะ” จอมทัพเสสายไปมองเพื่อนสนิทที่นั่งจับแก้วเหล้าจนแทบบี้ให้แตกคามือ “กูจะไปสูบบุหรี่” ครินทร์ลุกพรวดขึิ้นแล้วเดินออกไปจากโต๊ะด้วยอารมณ์เดือนดาล หากแต่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจาก ‘นิ่ง’ เมื่อมาถึงจุดสำหรับสูบุหรี่ มือหนาล้วงบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนคาบไว้ในปาก ก่อนจะใช้ไฟแช็คลนปลายกระบอกจนควันคลุ้งกระจาย ดูดนิโคตินเข้าสู่ร่างกายหวังให้ช่วยบรรเทาอาการหงุดหงิด ริมฝีปากหนาพ่นควันสีเทาออกมา คิดว่าจะมาดื่มเหล้าให้หายเซ็งแต่ดันเซ็งหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นคู่อริอยู่ที่นี่ แม่ง! “ขอโทษนะคะ” ครินทร์ชะงัก ก่อนจะปรายสายตามองเจ้าของน้ำเสียงเมื่อครู่นิ่งๆ สาวสวยคนนั้นยิ้มแย้มอย่างมีจริต แต่งตัวด้วยชุดเดรสรัดรูปโชว์สัดส่วนและนมตูมๆ แทบจะทะลักออกมาอยู่รอมร่อ “เรา…เคยรู้จักกันมาก่อนไหมคะ” ประโยคโหลของพวกสิ้นคิดที่เอาไว้เข้าหาผู้ชาย ครินทร์ไม่ได้ตอบกลับในทันที มือหนายกบุหรี่ในมือขึ้นแล้วดูดควันตรงปลายกระบอก ก่อนจะพ่นควันสีเทาออกมาอย่างใจเย็น ส่วนสาวสวยก็ยืนรอเพราะ ‘สนใจ’ ผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเจอ “ไม่คิดจะตอบอะไรกลับหน่อยเหรอคะ” เธอถามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นชายหนุ่มตรงสเปกเอาแต่เงียบ “ให้ตอบอะไร” คราวนี้ครินทร์ยอมขยับริมฝีปากตอบ หากแต่สายต่กลับไม่คิดแม้แต่จะปรายมองสาวนมตูม “เราคุ้ยหน้านายนะ ครินทร์…วิศวะปีสี่ใช่ไหม” “ก็รู้จักนิ” คำตอบของครินทร์ทำสาวสวยหน้าเสีย แต่กลับไม่คิดลดละความพยายามในการเข้าหาอีกฝ่าย “เราชื่อ…” “ไม่ได้อยากรู้จัก” “สมกับเป็นครินทร์จริงๆ นะ” ครินทร์เลื่องลือเรื่องนี้อยู่แล้ว หลายคนบอกว่าเขาเข้าหายาก ซึ่งพอได้ลองแล้วก็ค้นพบว่าเป็นความจริง แต่หล่อแถมยังตรงสเปก ต่อให้ยากแค่ไหนก็ยอม “เราชื่อปิ่นนะ เรียนนิเทศน์ปีสี่” “ไม่ได้ถาม” “รู้จักกันไว้ไม่ดีเหรอ ไหนๆ เราก็เรียนที่เดียวกัน อีกอย่าง…เรายังเป็นเพื่อนเต้ด้วย” เขาไม่ตอบและไม่ได้สนใจคำพูดของผู้หญิงคนนั้นที่พยายามเข้าหาจนดูน่ารำคาญ “เราเห็นนายไปกับเต้บ่อยๆ จะบอกให้นะว่านาย…ตรงสเปกเราเลยนะ” ปิ่น ไม่เพียงแค่พูดแต่ยังเลื่อนมือไปจับแขนแกร่งของครินทร์ สายตาช้อนขึ้นมองอย่างยั่วยวน แต่อีกคนแค่ปรายตามอง “ปิ่นชอบครินทร์” “ปล่อย” “อย่าใจร้ายนักสิ…” “ถ้าไม่อยากโดนกูต่อย ก็อย่ามายุ่ง” ปิ่นหน้าเหว๋อตามคำพูดของครินทร์ สายตามองตามเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปอย่างไม่สนใจตัวเอง ปิ่นทำฟึดฟัดด้วยความไม่พอใจ มีโอกาสเข้าหาแล้วแท้ๆ แต่อีกคนกลับผลักไสไม่ไยดี ครินทร์เดินกลับมายังโต๊ะหลังจากสูบบุหรี่เสร็จ สายตาคมเข้มมองจอมทัพที่มีสาวสวยมานั่งข้างๆ หากจำไม่ผิดเป็นผู้หญิงคนที่จอมทัพโปรยเสน่ห์ผ่านสายตาก่อนหน้านี้ “พวกกูมีอะไรเด็ดๆ มาเล่า” จอมทัพเป็นคนเปิดประเด็น หันไปมองตรีภพด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ ก่อนจะปราจสายตาไปมองโต๊ะของเซนต์แล้วหันกลับมามองครินทร์ “เด็ดๆ ของมึงก็เห็นมีแต่เรื่องผู้หญิง” “ไอ้เวร” สาวสวยข้างกายจอมทัพหันขวับ “มันเป็นแบบนี้แหละ ชอบพูดไปเรื่อย อย่าไปฟังเลย” “แล้วอะไรเด็ดๆ ที่มึงว่า” ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากรู้ว่าอะไรเด็ดๆ ที่จอมทัพพูดถึงคือเรื่องอะไร “ตอนกูไปเข้าห้องน้ำ กูได้ยินพวกนั้นคุยกัน” พวกนั้นที่จอมทัพหมายถึงคือพวกของเซนต์ “แล้ว?” “ไอ้เซนต์มีน้องสาว” “…” ครินทร์นิ่งเงียบ หลังจากได้ยินจอมทัพบอกแบบนั้น สายตาคมเข้มปรายมองไปยังเซนต์ที่นั่งดื่มกับเพื่อน และจังหวะมันเซนต์ก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับตนพอดี “มันบอกว่าที่ยอมอยู่เฉยๆ เพราะน้องสาวขอ” “…” “กูเพิ่งรู้ว่ามันก็มีน้องสาว” “…” ครินทร์ยังคงนิ่งเงียบราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างที่แม้แต่เพื่อนสนิทยังเดาไม่ออก “มึงคิดอะไรอยู่วะ” เสียงตรีภพเอ่ยถาม หลังจากเห็นเพื่อนเงียบลงไปนานสองนาน “เปล่า” “ถุ้ย! เชื่อก็บ้า” กองทัพพูด “คนเหี้ยๆ แบบมึงเหรอไม่มีเรื่องเลวๆ ในหัว” “ตอนนี้กูโดนพ่อจับตาดูอยู่ กลับจากฝรั่งเศสเมื่อไหร่…ค่อยว่ากัน” เขาพูดแล้วยกยิ้มร้ายกาจ ก่อนจะหันไปคว้าแก้วเหล้ามาดื่มอย่างอารมณ์ดี จุดอ่อนของมัน…คือน้องสาวสินะ“คันไม้คันมือว่ะ” คริสต์ เพื่อนของเซนต์เอ่ยขึ้น หลังจากนั่งมองกลุ่มของครินทร์ที่โซน VIP มาแล้วสักพัก“ครั้งนี้กูขอ” เซนต์พูดขึ้น มือหนายกแก้วเหล้าขึ้นกระดกหนึ่งอึก ก่อนจะขยับริมฝีปากพูดต่อ “กูไม่อยากผิดสัญญากับเซลีน”“ถ้าไม่ติดว่ามึงขอ กูคงเข้าไปซัดหน้าแม่งมันแล้ว” ภูริ ที่นั่งเอนตัวพิงพนักโซฟาขาไขว่ห้างกระดิกเท้าเบาๆ มือหนึ่งถือแก้วเหล้าขยับริมฝีปากพูด ปกติพวกเขาไม่นิ่งกันขนาดนี้ แต่เพราะเห็นแก่เซนต์ที่ขอเอาไว้ไม่ใช่แค่พวกมันที่อยากอัดหน้าพวกครินทร์ เขาเองก็อยากทำแบบนั้นไม่ต่างกัน ที่ยอมนิ่งเฉยเพราะไม่อยากทำให้เซลีนกับแม่ต้องผิดหวัง แววตาที่น้องสาวมองมาตอนอยู่โรงพักดูผิดหวังจนแทบอยากร้องไห้ เขาที่รักน้องสาวมากก็โกรธตัวเองเหมือนกันที่รักษาสัญญาไม่ได้“ว่าแต่น้องมึงว่าไงบ้าง ตอนมาประกันตัว” ภูริหันมามองเซนต์แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ“เหมือนเดิม บ่น ก่อนมาประกันตัวกูคงร้องไห้มาแล้วเพราะเห็นตาแดง”“กูไปปลอบน้องมึงดีไหมวะ”เซนต์ปรายสายตาไปมองคริสต์อย่างเอาเรื่อง ใครๆ ก็รู้ว่าเซนต์รักและหวงน้องสาวมากแค่ไหน ใครจะเข้ามาจีบต้องผ่านการสแกนของเซนต์ไปก่อน แต่ทุกทีก็ไม่เห็นมีใครผ่านด่านพี่ชายไปได้สั
KLIN BAR “ผับไอ้เต้เปิดใหม่พนักงานผู้หญิงแม่งแจ่มสัสๆ” เสียงของจอมทัพเอ่ยหลังจากสามหนุ่มก้าวเข้ามาภายในร้านของเพื่อนที่เพิ่งเปิดใหม่ สายตาเจ้าชู้ของจอมทัพมองสาวสวยด้านในอย่างโปรยเสน่ห์สามหนุ่มเดินตรงไปยังโต๊ะโซนVIPที่จองเอาไว้ ครินทร์ทิ้งตัวลงนั่งด้วยสีหน้าที่บอกว่ากำลังไม่สบอารมณ์ จากเรื่องที่พ่อจะส่งตัวเขาไปฝรั่งเศสเพื่อดัดนิสัย วันนี้พวกเขามาดื่มผับเพื่อนที่เพิ่งเปิดใหม่ ซึ่งปกติแล้วจะดื่มกันที่ผับของครินทร์เป็นหลัก“พวกมึงมาทีทำร้านกูคึกคักกันทันที” เสียง ‘เต้’ เพื่อนในคณะสาขาเดียวกันเดินเข้ามาทักทาย ตั้งแต่พวกนี้โผล่มาสาวๆ ในผับรวมถึงพนักงานตาตั้งกันเลยทีเดียว“ทำดา พวกกูหล่อ” จอมทัพพูด ก่อนจะหันไปมองสาวสวยโต๊ะข้างๆ แล้วส่งยิ้มให้อย่างคนเจ้าชู้ สาวสวยคนนั้นก็ยิ้มกลับราวกับถูกใจอีกคนเช่นกัน“เป็นไงบ้างวะ ได้ข่าวว่าตำรวจโผล่มาก่อน”“ใส่เกียร์หมาหนีดิ รอไร” ตรีภพพูดแล้วยกน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นดื่มแก้เซ็ง “แต่พวกนั้นโดนรวบ ส่วนไอ้นี่โดนส่งไปฝรั่งเศส”เต้หันไปมองครินทร์ที่เอาแต่นั่งเงียบ สีหน้าบ่งบอกอารมณ์ว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่“แม่งหนักกว่าติดคุกอีกว่ะ” รอบก่อนครินทร์ก็โดนส่งไปฝรั่งเ
สถานีตำรวจเสียงฝนยังตกปรอยๆ ข้างนอก เซนต์นั่งชันเข่าอยู่มุมหนึ่งที่แสงเข้าไม่ค่อยถึงเท่าไรนัก เพื่อนที่โดนจับมาด้วยกันถูกประกันตัวออกไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน เหลือเพียงเขาที่ยังอยู่ในห้องขังอย่างไม่คาดหวังให้ใครมาประกันตัวเซลีน น้องสาวของเซนต์ก้าวเข้ามาภายในสถานีตำรวจในชุดนักศึกษา ผมเปียกเล็กน้อยเพราะลืมเอาร่มมา ใบหน้าอ่อนโยนมีเค้าความเหนื่อยหน่ายซ่อนอยู่“น้องสาวมาประกันตัวแล้ว” เสียงเจ้าหน้าที่เอ่ย พลางเปิดประตูห้องขังให้เซนต์ “แกนี่เข้าห้องขังเป็นงานอดิเรกจริงๆ สงสารน้องกับแม่บ้าง”เซนต์ไม่พูดอะไรนอกจากลุกขึ้นแล้วเดินออกมาพร้อมรอยช้ำบนหน้า คิ้วแตกเลือดแห้งกรัง“เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นพวกอันธพาลสักทีพี่เซนต์”“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ดิ”“เงินเก็บก้อนสุดท้ายทั้งชีวิตของเซย์เอามาประกันตัวพี่หมดแล้ว พี่เซนต์เคยบอกว่าจะไม่ทำตัวเป็นพวกอันธพาลแล้ว สุดท้ายก็ยังทำเหมือนเดิม”“เออ ขอโทษ” เซนต์พูดอย่างติดหงุดหงิด “เดี๋ยวหามาคืนให้หรอก”“ทำอะไรคิดถึงหน้าแม่หน่อยได้ไหม พี่ก็รู้ว่าตอนนี้แม่ป่วยอยู่”“…” เซนต์นิ่งเงียบ เมื่อน้องสาวหยิบเรื่องแม่ขึ้นมาพูด นั่นทำให้เขายิ่งรู้สึกแย่ แต่กลับเลือกที่จ
เสียงเหล็กครูดลากไปตามพื้นซีเมนต์ในซอยเปลี่ยวดังจนรู้สึกเข็ดฟัน มันขยี้ประสาทได้พอๆ กับแสงไฟถนนที่กระพริบติดๆ ดับๆ เหมือนโลกกำลังหายใจขาดช่วง ภายใต้แสงไฟสลัว…กลุ่มชายหนุ่มห้าคนในชุดนักศึกษายืนประจันหน้ากัน ไม่มีใครยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว ในมือมีอาวุธครบพร้อมฟาดฟัน“เพื่อนมึงอีกคนไปไหนแล้ววะ” เสียงของ ครินทร์ ในชุดนักศึกษาที่เอาเสื้อออกนอกกางเกงเอ่ยถามฝั่งตรงข้ามอย่างเย้ยหยัน มือหนาถือแท่งเหล็กหนักๆ ที่สามารถฟาดหัวอริแตกได้ในพริบตา รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏตรงมุมปาก แววตาเฉียบคมจ้องมองราวกับ ‘นักล่า’ ที่พร้อมกระโจนใส่ฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา“สองคนก็เอาพวกมึงลงได้” เซนต์ คู่อริฝั่งตรงข้ามตอบกลับเสียงเรียบตระกูลของครินทร์เป็นมาเฟียทรงอิทธิพล ตนอาจจะเสียเปรียบฝั่งนั้นเรื่องฐานะ แต่ในเรื่องของ ‘ศักดิ์ศรี’ ไม่เคยยอมใครอยู่แล้ว ต่อให้ใหญ่มาจากไหนเขาก็ไม่เคยกลัว“หึ! ปากดีนักนะมึง ระวังวันนี้จะได้จมตีนกู”“กูเคยกลัวมึงด้วยเหรอ”“ปากเก่งแบบนี้ กูแม่งอยากเอาเลือดปากมันออกจริงๆ” หนึ่งในเพื่อนของครินทร์อย่าง ตรีภพ เอ่ยด้วยสายตาเอาเรื่อง มือหนาที่มีสนับกำเข้าหากันแน่น“วันนี้มึงได้เห็นเลือดปากมันแน่” ลู