“เฮ้ย!! อุ๊บ..” ฉันรีบเอื้อมมือไปปิดปากเขาทันทีด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับยกมืออีกข้างขึ้นมาจุ๊ที่ปากเป็นสัญญาณให้เขาเงียบๆ
“มีอะไรหรือเปล่าไอ้ยู” เสียงเพื่อนที่อยู่ด้านนอกตะโกนถามเขา
“ไม่มีไร แค่...” พี่ยูมองหน้าฉันแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา ฉันรีบส่ายหน้าเป็นพลันวันไม่ให้พี่ยูพูดอะไรที่เกี่ยวกับว่าฉันอยู่ในนี้ด้วย
“แค่...แมวน้อยนะ” พี่ยูตอบเพื่อนเขา ฉันจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าพี่ยูจะบอกเพื่อนเขาไปซะแล้วว่าฉันอยู่ในนี้
“แล้วมึงเสร็จยังว่ะ พวกกูเสร็จหมดแล้วนะ” เสียงเพื่อนพี่ยูตะโกนถามอีกครั้ง
“พวกมึงไปก่อนเลย” พี่ยูตะโกนบอกเพื่อนกลับ
“ขอบคุณนะคะ” ฉันเอ่ยขอบคุณพี่ยูเสียงเบา เพราะไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่ด้านนอกออกไปกันหมดหรือยัง
ปัง!!
เสียงประตูห้องน้ำห้องที่ติดกันปิดประตูดังลั่น จนฉันถึงกับสะดุ้งตัวโหย่ง สงสัยจะปวดหนักล่ะมั้งนั้น ถึงได้รีบปิดประตูเร็วขนาดนี้ แต่ว่า...กลับไม่ใช่อย่าที่คิดซะแล้ว เพราะว่าสิ่งที่ได้ยินต่อจากนี้มันชั่งบีบหัวใ
ฉันเดินเข้ามายังบ้านพักด้วยความงุนงงไม่หาย เป็นอะไรของเขานะ ก่อนหน้านี้ก็ยังดีๆ อยู่เลย จู่ๆ ก็มาทำหน้านิ่งใส่ซะงั้น ทำตัวไม่ถูกเลยเฮะ เมื่อเดินเข้ามาในห้องนอนก็เจอกับพวกยัยน้ำหวานที่กำลังพากันนั่งล้อมรอบมิรินไว้“ทำอะไรน่ะ!” ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาเพื่อนรักทันที พร้อมกับผลักพวกยัยน้ำหวานออก“ฉันก็แค่สงสัยว่าเพื่อนเธออ่ะ หลับจริงหรือแค่แกล้งหลับเพื่ออ่อยผู้ชาย” น้ำหวานพูด“ระดับยัยมิรินไม่จำเป็นต้องอ่อยให้เสียเวลาหรอกย่ะ! แค่เพื่อนฉันกระดิ้กนิ้วให้ ผู้ชายก็แทบถวายตัวมาให้แล้วล่ะ” ฉันตอบกลับด้วยความหมั่นไส้ยัยน้ำหวาน“เชอะ! สวยตายแหละ” น้ำหวานพูด“สวยกว่าเธอก็แล้วกัน” ฉันสวนกลับทันที“นี่!!”“เธอจะไปนอนดีๆ หรืออยากจะนอนด้วยน้ำตา ห๊ะ!!” ฉันเริ่มรำคาญยัยพวกนี้แล้วนะ“เชอะ!!” แล้วกลุ่มของยัยน้ำหวานก็ยอมถอยทัพกลับไปยังที่ของตัวเองฉันหันกลับมามองหน้าเพื่อนรักที่ตอนนี้หลับใหลไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ฉันไม่น่าให้มิรินดื่มเยอะเลย ดูสิเนี้ย สลบเลยเพื่อนฉัน ว่าแต่มิพิศวาสกลับมายังที่พักได้ไงนะ โต้งมาส่งงั้นเหรอ สองคนนี้
“โต้ง!!” ฉันเอ่ยชื่อเขาเสียงดังด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่กล้าว่าอะไรเขาอยู่ดี“หนีทำไม”ป้าบ!! ป้าบ!!“โอ๊ย!! เจ็บนะ!!” ฉันร้องลั่นด้วยความเจ็บ เมื่อโดนมือหนาฟาดก้นอย่างแรง จนน้ำตาแทบซึมเลยทีเดียว นั้นมือหรือเท้ากันแน่ ตีมาได้ เจ็บชะมัดโต้งพาฉันเดินมาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างหอประชุมของโรงเรียน เขาย่อตัวเล็กน้อยเพื่อให้เท้าของฉันแตะพื้นแล้วยืนด้วยตัวเองได้“เดินหนีทำไม” โต้งถามขึ้นพร้อมกับจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันหลุบตาลงต่ำทันทีไม่กล้าสบตากับเขา“มิริน เงยหน้าขึ้นมาสิ” ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเขา และเมื่อสายตาเลื่อนไปเห็นร่องรอยที่คอของเขามันก็ทำให้ใจฉันเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างน่าโมโห โต้งยกมือขึ้นลูบคอตัวเองปอยๆพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม“โกรธหรือเปล่า” โต้งถามขึ้น“เปล่า!! โต้งจะไปที่ไหน ทำอะไรกับใคร ก็เรื่องของโต้งสิ มิรินจะไปโกรธได้ไง..” พูดจบ ฉันก็ก้มหน้าลงมองพื้นตามเดิม“ห๊ะ พูดอะไร ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”“น้ำหวานพูดออกมาหมดแล้วล่ะ เรื่องเมื่อคืนนี้” ฉันยังก้มหน้าลงมองพื้นอยู่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเขา
“คิดอะไรอยู่ ทำไมหน้าหมุ่ยแบบนั้น” โต้งโน้มหน้ามาถาม เกือบจะโดนแก้มฉันอยู่ละ“โต้ง”“หือ”“เพื่อนของโต้ง เขาชอบเพื่อนของมิรินหรือเปล่า” ฉันไม่รู้จะถามใครดี นอกจากเขา“แล้วโต้งจะรู้ไหมล่ะ ถ้าถามว่าโต้งชอบใคร...มีคำตอบให้แน่” โต้งส่งยิ้มหวานมาให้“อันนั้นรู้อยู่แล้ว” ฉันก็ยิ้มหวานกลับไปให้เขาเหมือนกัน“อยากไปเที่ยวคอนโดโต้งไหม” โต้งถาม พร้อมกับรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์“จะบ้าเหรอ ไม่ไปหรอก” ฉันรีบหันหน้าหนีทันที จู่ๆ ก็มาชวนไปคอนโด อีตาบ้าเอ๊ย...“ไปเถอะ โต้งไม่ทำอะไรหรอก สาบาน” โต้งยกมือขึ้นมาชูนิ้วชี้กับนิ้วกลางแล้วไขว้กันเป็นสัญลักษณ์กากบาท นี้คือการสาบานของเขาใช่ไหม ฉันส่ายหน้าให้เขาอย่างหนายๆ แต่โต้งกลับยืนยิ้มแป้นอย่างอารมณ์ดี“เอาล่ะทุกคน มองมาที่กล้องแล้วก็พูดว่า ชีสสสสส” เสียงตากล้องจำเป็นพูดขึ้น เมื่อเขาทำการตั้งกล้องถ่ายเรียบร้อยแล้ว“เดี๋ยวๆ ๆ รอด้วย” พี่ยูวิ่งมาจากไหนไม่รู้ เขาเข้ามาแทรกกลางระหว่างบัวตองกับเลโอ ซึ่งเลโอก็แสดงสีหน้าไม่พอใจอยู่เล็กน้อยฉันรอบสังเกตเพื่อนรักของตัวเอง
ที่จริง... ที่ผมชอบมิรินก็เพราะว่า ผมคิดว่าเธอโสด ส่วนบัวตองนั้น ผมเห็นเธอสนิทกับผู้ชายหลายคนและเธอก็เป็นคนที่คุยเก่งมาก ผู้ชายต่างก็เข้าไปคุยกับเธอ มันทำให้ผมมองเธอผิดไปและในวันนั้น...ผมยอมรับว่า มีความคิดชั่วๆ อยู่ในหัว ผมเห็นเธออยู่ในห้องน้ำชาย และเผลอคิดไปว่าเธอต้องมารอใครสักคน เพื่อมาทำเรื่องอย่างว่า... ตอนที่ได้ยินเสียงห้องข้างๆ กำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันนั่น เมื่อบัวตองรู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือเลโอ เธอมีสีหน้าที่ตกใจมาก ผมคิดว่าบัวตองต้องมารอเลโอแน่ๆ แต่ไอ้หมอนั้นกลับพาสาวอื่นมากินแทนซะงั้นผมจึงตอบสนองบัวตองซะเลย แต่แล้ว... กลับกลายเป็นว่าผมได้ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอซะงั้น ถามว่ารู้สึกผิดไหม ผมรู้สึกผิด..แต่ไม่ได้รู้สึกผิดเพราะพรากความบริสุทธิ์ของบัวตอง แต่ผมรู้สึกผิด...ที่เคยมองบัวตองในแง่ไม่ดี เพราะฉะนั้น ผมถึงอยากจะศึกษาบัวตองให้มากกว่านี้ ผมอยากคบกับบัวตองจริงๆโต้งผมยืนมองคนตัวเล็กที่กำลังกระสับกระส่ายอย่างเป็นกังวล เมื่อเพื่อนรักของตัวเองโดนผู้ชายลากไปไหนแล้วก็ไม่รู้“จะกลับได้ยัง” ผมถามคนตัวเล็กที่เอาแต่ชะเง้อคอมอ
“ต้นหลิว!!” ผมเอ่ยชื่อลูกพี่ลูกน้องของตัวเองที่ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว เพราะต้นหลิวเรียนอยู่ที่ลอนดอน“ไง หวัดดีพี่ยัง” ต้นหลิวยืนยิ้มแป้นโชว์ฟันขาวที่มีเขี้ยวอยู่หน่อยๆ“พี่ป้าแกดิ” ผมยื่นมือไปยีหัวต้นหลิวเล่นอย่างมั่นเขี้ยวผมกับต้นหลิวเกิดปีเดียวกัน ต้นหลิวเกิดก่อนผมสองเดือน และไอ้แค่สองเดือนของมันนั่นแหละ ที่คอยบังคับให้ผมเรียกมันว่าพี่ เรื่องอะไรผมต้องเรียกมันว่าพี่ด้วย ขนาดคนที่ห่างกับผมหนึ่งปี ผมยังไม่เรียกพี่เลย“ผมยุ่งหมดแล้ว โต้ง!!” ต้นหลิวโวยทันที พร้อมกับพยายามปัดมือผมออกจากหัวน้อยๆ ของเธอ“ฮ่าๆ ๆ” แต่มีเหรอ ที่คนอย่างโต้งจะหยุด ผมรวบตัวต้นหลิวเข้ามาใกล้เพื่อที่ต้นหลิวจะได้ปัดมือผมออกจากหัวของเธอไม่ได้ มือหนาก็ยีผมต้นหลิวเล่นอย่างสนุกสนาน“ไอ้โต้ง!!”ผมหยุดการแกล้งต้นหลิวไว้แค่นั้น ก่อนจะหันไปมองตามเสียงเรียกเมื่อกี้ เพื่อนผมเอง ราเรซ มันเรียกผมซะเสียงดังเชียว พอหันหน้ามาก็เจอกับสีหน้าอย่างใคร่รู้ของเพื่อนทั้งสาม“ใครเหรอ ไอ้โต้ง” บิ๊กไบค์เอ่ยถามขึ้น“ออ นี่ ต้นหลิว ลูกสาวของอากูเอง” ผมหันไปบ
เพี๊ยะ!ฉันรู้สึกชาวาบที่ใบหน้าด้านเพี๊ยะ!ฉันรู้สึกชาวาบที่ใบหน้าด้านซ้าย น้ำตาไม่แม้แต่จะไหลออกมาด้วยซ้ำ เพราะฉันไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บเลยสักนิด เพราะใจของฉันมันชาด้านไปหมดแล้ว ฉันค่อยๆ หันหน้ากลับมามองหน้าผู้เป็นแม่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกอะไร“มิริน...แม่...” แม่เฌอรีนพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเนียนของแม่“พูดจบแล้วใช่ไหมคะ มิรินจะได้พักผ่อน” ฉันเอ่ยพูดกับผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเย็นชา แล้วค่อยๆ หันหลังให้ก่อนจะก้าวเดินขึ้นมายังห้องนอนของตัวเองทันทีที่เท้าก้าวเข้ามาแตะพื้นห้องนอนอันแสนคุ้นเคยของตัวเอง น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆเราพึ่งจะเริ่มคบกันเองนะ ทำไมต้องมีอุปสรรคด้วย ฉันยังไม่อยากเลิกกับโต้ง ฉันควรจะทำอย่างไรดีเช้าวันรุ่นขึ้น....ไม่รู้ว่าฉันเผลอหลับไปตอนไหน แต่ที่รู้ๆ ก็คือฉันนอนร้องไห้ทั้งคืนหลังจากที่ทะเลาะกับแม่เฌอรีน ไม่อยากจะลุกออกจากที่นอนเลยเฮะฉันลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ เพ
“ทำไมครับ ทำไม...” ผมเผลอก้าวเดินเข้าไปหาแม่ของมิรินด้วยท่าทีคุกคาม จนท่านถึงกลับก้าวถอยหลังไปด้วยความตกใจ“แกจะทำอะไรนะ!!” ไอ้เฟยเดินเข้ามาขว้างหน้าผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ พร้อมกับก้างแขนออกปกป้องแม่เฌอรีนอย่างวีรษุร“ไอ้โต้ง” ราเรซรั้งแขนผมไว้ก่อนที่จะเดินเข้าไปถึงตัวของแม่เฌอรีน“เป็นเพราะผมใช่ไหม” ผมไม่แม้แต่จะหลบสายตา ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงของท่านอย่างต้องการคำตอบ“มาคุยกันหน่อย”แม่ของมิรินบอกกับผมก่อนที่ท่านจะเดินนำไปยังสวนด้านหลังของบ้าน ผมรีบเดินตามท่านไปในทันที ท่านเดินเข้าไปนั่งในศาลาริมน้ำของสวนหลังบ้าน พร้อมกับส่งสายตาบอกให้ผมนั่งลงตรงกันข้ามกับท่าน“ทำไมต้องส่งมิรินไปเรียนที่ต่างประเทศด้วยครับ” ผมเปิดประเด็นถามก่อนด้วยความร้อนใจ“ฉันอยากให้มิรินไปเรียนในที่ดีๆ สังคมดีๆ และอยู่กับคนดีๆ” แม่เฌอรีนจ้องหน้าบอกด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง“เธอเองอายุก็ยังน้อย ยังมีโอกาสที่จะได้เจอคนใหม่ๆ อีกเยอะ”“แล้วไงครับ”“มิรินเป็นหลานสาวของตระกูลผู้ดีเก่า ฉันก็อยากจะให้ลูกสาวเจอคนที่ดีและเหมาะสมกัน ครอบครัวขอ
“เราเลิกกันเถอะ มิริน” ผมกลั้นใจพูดประโยคที่ไม่เคยคิดที่จะพูดมันออกมาเลย มันทำใจได้ยากเหลือเกิน มันอ่อนแรงแทบยืนไม่ไหว ต้องเข้มแข็งแค่ไหน ถึงจะพูดคำนี้ออกมาได้ ถ้าสำหรับคนที่หมดรักกันแล้ว ก็คงพูดออกมาได้ไม่ยาก แต่สำหรับผม...คนที่รักมิรินหมดหัวใจ มันยากเหลือเกิน...“ไม่เอา!! มิรินไม่เลิก ทำไมโต้งถึงพูดแบบนี้ แม่ใช่ไหม แม่บังคับให้โต้งพูดใช่ไหม” เสียงมิรินโวยวายดังมาจากด้านในห้องนอนของเธอ ผมสงสารมิรินเหลือเกินผมรู้ดีว่าคำพูดของผมมันทำร้ายจิตใจมิรินเพียงใด และมันส่งผลต่อผมด้วย มันบาดใจผม จุกจนพูดไม่ออก ไม่คิดเลยว่าตัวผมเอง จะเป็นคนทำร้ายมิริน ผมมันเลวที่สุด“ไม่มีใครบังคับโต้งได้ มิรินก็รู้นิ อะไรที่โต้งไม่อยากทำ โต้งจะไม่ทำ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยายามที่จะไม่แสดงความรู้สึกใดใด“ทำไมล่ะโต้ง ทำไมต้องเลิกกันด้วย ฮือออ มิรินทำอะไรผิด ฮือออ มิรินขอโทษ...”ผมกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ได้แต่เอื้อมมือหนาขึ้นลูบที่บานประตู อยากจะบอกเธอเหลือเกิน ว่าเธอไม่ผิด ผมผิดเองที่ดีไม่พอ ผมเป็นสาเหตุที่ทำให้มิรินต้องถูกขังอยู่ในห้องแบบนี้“เธ
โต้งเลื่อนมือเข้ามาลูบไล้บริเวณต้นขาอ่อนพร้อมกับพยายามที่จะถอดกางเกงซับตัวนอกของฉัน โต้งย่อตัวลงคุกเข่าตรงหน้าเพื่อรั้งกางเกงซับสีดำให้หลุดพ้นขาเรียวขางาม ฉันกัดฟันแน่นพยายามไม่มองหน้าเขายามที่ใบหน้าคมจ้องมองส่วนนั้นที่มีเพียงแพนตี้ตัวจิ๋วปกปิดอยู่แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะสายตาอันร้อนแรงนั้นจ้องมองซะจนแทบทะลุปรุโปร่งอยู่ล่ะ โต้งกลับมายืนเต็มความสูงอีกครั้งพร้อมกับรั้งมือบางของฉันไปกุมที่ตะขอกางเกงของเขาที่สวมใส่อยู่ ฉันถึงกับมือสั่นเล็กน้อย ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกก็ตาม แต่ฉันก็ประหม่าทุกครั้ง มันยังไม่ชินอยู่ดี และดูเหมือนว่าการกระทำของฉันเริ่มไม่ทันใจเขา โต้งจึงถอดกางเกงเองพร้อมกับชั้นในด้วย “คนบ้า!!” ฉันรีบยกมือขึ้นปิดหน้าแทบไม่ทัน “ทำอย่างกะไม่เคยเห็นไปได้” “มิรินไม่ได้หน้าด้านเหมือนโต้งนะ!!” ฉันแอบแขวะเขาซะเลย “มานี่ดิ” “ว๊าย!!!” ฉันถูกมือหนารั้งเอวให้ไปนอนทับตัวเขาบนเตียงนอน แล้วความรู้สึกร้อนวูบวาบก็แล่นไปทั่วใบหน้าและลำตัวเมื่อส่วนนั้นของเขาจ่ออยู่ที่ท้องน้อยของฉัน
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ โต้งก็พาฉันมาที่คอนโดของเขาไม่ยอมไปส่งฉันที่บ้าน ซึ่งที่บ้านของฉันเองก็ไม่มีใครกล้าว่าอะไรแล้วตอนนี้ ยิ่งทำให้เขาได้ใจเข้าไปใหญ่“ทำไมไม่ไปส่งมิรินที่บ้าน” ฉันเอ่ยถามขึ้นเมื่อโต้งเดินมาเปิดประตูให้ฉัน“กินข้าวเสร็จใหม่ๆ ก็ต้องออกกำลังกายให้อาหารมันย่อยก่อนสิ” โต้งส่งยิ้มแพรวพราวมาให้“ไม่อยากออกกำลังอ่ะ อยากนอนมากกว่า มิรินง่วง”“ได้นะ ทุกทีก็ให้นอนอยู่แล้วนิ” โต้งยกยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเลสนัย ทำให้ฉันต้องก้าวขาออกจากตัวรถแล้วฟาดลงที่ต้นแขนเขาอย่างหมั่นเคี้ยว คนอะไรก็ไม่รู้ ทะลึ่งได้ตลอดเวลาจริงๆ โต้งยืนหัวเราะชอบใจที่ยั่วอารมณ์ทำให้ฉันโมโหได้ในจังหวะที่กำลังจะเดินไปที่ลิฟต์ ฉันก็เห็นน้องชายของตัวเองกำลังอุ้มสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งเข้าไปในลิฟต์ก่อนโดยที่เขาไม่ทันเห็นฉันกับโต้งเลยสักนิด“ไอ้เรซ!!!” จู่ๆ โต้งก็ตะโกนเรียกราเรซเสียงดังลั่น แต่ว่าราเรซไม่ทันได้ยินเพราะประตูลิฟต์ปิดตัวลงก่อนโต้งรีบเดินไปกดปุ่มหน้าลิฟต์อย่างรวดเร็วจนฉันตกใจว่าเขาเป็นอะไรไปทำไมถึงได้ดูอารมณ์ร้อนขนาดนี้ แล้วสาวน้อยน่ารักที่ร
รถยนต์หรูจอดสนิทที่หน้าร้านกาแฟร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกคูหาสามชั้น ข้างๆ ตึกนั้นมีสนามฟุตบอลหญ้าเทียมอยู่หลายสนามซึ่งก็ใหญ่โตพอสมควร ฉันลงมายืนอยู่ข้างรถแล้วมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาบ้านของโต้ง รู้สึกประหม่าจังแฮะ พ่อแม่ของเขาจะชอบฉันหรือเปล่านะ ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นอยู่ในใจ“ป่ะ เข้าบ้านกัน” โต้งเดินมาจับมือฉันแล้วเดินนำเข้าไปยังร้านกาแฟที่อยู่ชั้นล่างสุดของตึกคูหา“ม๊า” โต้งเอ่ยเรียกหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ซึ่งกำลังเช็ดตู้กระจกอยู่“อ้าว โต้ง กลับมาตั้งแต่เมื่อไร” โต้งเดินเข้าไปสวมกอดแม่ของเขาพร้อมกับหอมแก้มเสียงดังฟอด เวลาอยู่กับแม่นี่ เป็นหมาน้อยเชียวนะ“สาวสวยคนนี้ คือมิรินใช่ไหม” แม่ของโต้งหันมามองฉัน“สวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือไหว้ท่านทันที“สวยจังเลย มิน่าล่ะ ตาโต้งถึงได้ตามหวงนักหวงหนา ถึงขนาดโทรไปขู่ต้นหลิวให้ส่งบอดี้การ์ดไปค่อยดูแลให้เนะ!” แม่ของโต้งพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย นี่แม่เขารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ ฉันแอบส่งสายตาดุไปให้โต้ง แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านอะไรหรอกแถมยังยิ้มหวานกลับมาให้อีก โต้งยิ้มหวานเหมือนแ
“สวัสดีครับ ผมธนาธร บรรณาลักษณ์ หรือจะเรียกว่า โต้ง ก็ได้ครับ”“คุณธนาธร ยังเด็กอยู่เลยนะครับเนี้ย” มีเสียงหนึ่งจากผู้ร่วมประชุมเอ่ยขึ้น“จะไม่เด็กได้ไง มันยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ” พี่เฟยพูดแทรกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์“จริงเหรอครับ แล้วแบบนี้ คุณจะทำงานได้เหรอ”“ผมยังเรียนไม่จบก็จริงครับ แต่ผมก็สามารถทำงานร่วมกับทุกคนได้ ซึ่งผมก็พิสูจน์ให้ได้เห็นแล้ว ในช่วงสามปีที่ผ่านมา” โต้งหันไปตอบคำถามจากผู้ร่วมประชุม“ยังไงก็...ช่วยเป็นคุณครูสอนวิชาให้ผมเพิ่มเติมหน่อยนะครับ ผมเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้ผมเรียนจบ ผมก็ยังต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกเยอะ เพราะในตำรากับชีวิตจริงมันต่างกัน จริงไหมครับ ท่านรองประธาน” โต้งพูดกับผู้ร่วมประชุมด้วยท่าทีสุภาพ และท้ายประโยคนั้นได้หันมาพูดกับแม่เฌอรีน พร้อมรอยยิ้มแม่เฌอรีนถึงกลับพูดไม่ออก ก่อนจะหันมามองหน้าฉันเชิงเป็นคำถามว่า ฉันรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ฉันจึงส่ายหน้าตอบกลับแม่ไปตามความจริง“นี่มันอะไรกันค่ะ คุณพ่อ!!”เมื่อการประชุมจบลง แม่เฌอรีนรีบเดินมาหาคุณตาที่ห้
“ถ้าคิดว่าทำให้ถอยได้ก็ลองดูสิ”“โต้ง อือออ”ใบหน้าคมโน้มลงมาซุกไซร์ซอกคอฉันทันทีพร้อมกับที่มือบางถูกมือหนาตรึงไว้กับเตียงนอนที่ข้างหัว ทำให้ฉันไม่สามารถขัดขืนเขาได้ ใจอยากจะต่อต้านเขาเหลือเกินแต่เรี่ยวแรงกลับมีไม่พอที่จะผลักไสเขาออกไป ร่างกายของฉันถูกมือหนาถอดเสื้อผ้าออกไปทีล่ะชิ้นจนไม่เหลือสิ่งใดปกปิด ทุกส่วนบนร่างกายถูกริมฝีปากหนาครอบครองและทิ้งร่องรอยความเป็นเจ้าของไว้ทุกที่ที่ริมฝีปากสัมผัส“คิดถึงโต้งหรือเปล่า หื้อ..” ริมฝีปากหนากระซิบถามพร้อมกับงับเข้ากับติ่งหูอย่างหยอกล้อ“คิดถึง..อืออออ” ฉันถึงกลับครางเสียงแผ่ว เมื่อช่วงล่างถูกนิ้วร้ายล่วงล้ำเข้าไปสร้างความปั่นป่วนอย่างวาบหวิว“อยากกลับมาหาโต้งไหม..อ่า..” ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารินรดอยู่บริเวณดอกบัวคู่งาม ชวนให้ขนกายรุกชันไปทั่วร่าง“อยากสิ... อ๊ะ!!” ช่วงล่างบิดเร่าตามจังหวะจากมือหนา“ยังรักโต้งอยู่ไหม..” ฉันเลือนสายตาขึ้นมาสบเข้ากับตาคมอย่างแน่วแน่“มิรินรักโต้ง...” โต้งยกยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบที่ได้รับ“ขอกินหน่อยนะ” โต้งถอดนิ้วเรียวออกจากส่วนนั้นแล
“จริง ถ้าเธอไม่เชื่อ ถามไลลาดูก็ได้ เพราะตอนที่มิรินบอกกับฉันไลลาก็อยู่ด้วย”ผมหันไปมองหน้าแม่ไลลาที่ผมรักและเคารพท่านเหมือนแม่แท้ๆ ซึ่งเมื่อผมหันหน้าไปหาแม่ไลลา ท่านก็พยักหน้าให้เพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่แม่เฌอรีนพูด ว่ามันคือเรื่องจริง“ทำไมครับ ทำไมมิรินถึงอยากไป” ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี และยังต้องการคำตอบที่มากกว่านี้ ผมยังไม่ปักใจเชื่อ“ฉันขอโทษนะ ที่ผิดคำพูดกับเธอ แต่มันคือความต้องการของมิริน ซึ่งฉันเองก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ มิรินก็ดื้อดึงไม่ว่าจะทำอย่างไร มิรินก็ไม่ยอมไป แต่ครั้งนี้ มิรินเป็นคนขอไปเอง”“มันเป็นความต้องการของคุณน้าอยู่แล้วนี่ครับ คงจะสมใจแล้วล่ะซิ” ผมจ้องหน้าแม่เฌอรีนตาเขม็งด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ“ไอ้โต้ง ใจเย็น” ราเรซเดินเข้ามาจับไหล่ผมไว้ เมื่อผมเผลอก้าวเดินเข้าหาแม่เฌอรีนอย่างลืมตัว“งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูดอีกต่อไป”“นั้นก็แล้วแต่เธอ” แม่เฌอรีนตอบกลับมาด้วยใบหน้าและท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านอะไร ท่านคงคิดว่า การที่ส่งมิรินไปไกลผมแบบนั้น คิดว่าผมจะตามไปไม่ได้ล่ะสิ“ผมขอบอก
“แม่ค่ะ”“มิริน”ฉันเดินเข้าไปหาแม่ทั้งสอง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับแม่เฌอรีน พร้อมกับสวมกอดแม่อย่างแนบแน่น ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจในสิ่งที่แม่พยายามจะบอกฉันแล้ว“เป็นอะไรไปล่ะ หื้อออ” แม่ลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน“มิรินขอโทษนะคะ ที่มิรินดื้อกับแม่” ฉันเงยหน้ามองผู้เป็นแม่พร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้ว่า...ลึกๆ แล้วฉันจะเจ็บปวดอยู่ก็ตาม แต่ฉันต้องผ่านมันไปให้ได้“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่ไม่เคยโกรธลูกเลย”“มิรินตัดสินใจแล้วค่ะ”“อะไรลูก”“มิรินจะไปเรียนต่อที่ลอนดอน”“จริงเหรอลูก” แม่สวมกอดฉันกลับอย่างดีใจฉันไม่อาจทนความเจ็บปวดแบบนี้ได้อีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้เขาก็มีคนที่ยืนอยู่ข้างกายเขาแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรออีกต่อไป เรื่องของฉันกับโต้ง มันคงจบแล้วจริงๆ ฉันไม่อาจทนเห็นเขาไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่นได้ เพราะฉันทำใจไม่ได้จริงๆหนึ่งอาทิตย์ต่อมา.... ณ สนามบิน“ทำไมมันเร็วแบบนี้อ่ะแก แล้วฉันจะอยู่ยังไง...” เสียงบัวตองพูดด้วยร้องไห้ไปด้วย ซึ่งด้านหลังของเธอก็มีพี่ยูคอยดูแลไม่ห่าง“
“นี่เธอ...”ผมถึงกลับชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเจอกับแม่เฌอรีนพร้อมทั้งแม่ไลลา ราเรซและมิริน ผมจึงยกมือไหว้แม่ๆ ทั้งสองซึ่งแม่ไลลาเองก็ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดีเหมือนอย่างเคย ส่วนแม่เฌอรีนนั้น ไม่ต้องพูดถึงหรอกครับ มองจิกผมอย่างเอาเรื่องเลยล่ะ ผมนึกว่าพากันกลับไปแล้วซะอีก ซวยแล้วไหมล่ะ ท่านต้องเดาออกแน่ๆ ว่าเมื่อคืนนี้มิรินอยู่กับผมไม่ใช่ราเรซ“เธอพักอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” แม่เฌอรีนมองหน้าผมด้วยสายตาดุร้าว ก่อนจะหันมองหน้ามิรินอย่างจับผิด“ครับ” ผมพยายามซ่อนความตื่นกลัวเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ใครๆ ก็มองว่าหยิ่งนี้“แสดงว่า....”“รอด้วยสิ โต้ง!!” ท่านกำลังจะถามอะไรผมต่อ ก็มีเสียงของต้นหลิวตะโกนขึ้นมาขัดซะก่อน“อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ มีแขกอยู่เหรอ” ต้นหลิวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะหันมาถามผมอย่างสงสัย“เปล่าหรอก ไปกันเถอะ” ผมคว้ามือต้นหลิวกำลังจะพาเธอเดินออกจากตรงนี้ แต่ว่า.. ก้าวไปได้เพียงก้าวเดียวเท่านั้น ผมก็ต้องชะงักกับคำพูดของแม่เฌอรีน“อยู่กับแฟนนี่เอง”“อ้อ ไม่ชะ....” ต้นหลิวกำลังจะปฏิเสธ ผมจึงพูดขัดขึ้นทันที เพราะถ้าห
โต้ง“จำไว้นะ ไม่มีใครแทนที่มิรินได้”ผมเอ่ยพูดกับร่างบางที่กำลังค่อยๆ หลับตาลงอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี้มิรินจะได้ยินหรือเปล่า เพราะดูเหมือนว่า ผมได้ทำให้เธอสลบคาอกไปแล้วความจริงยาที่ผมกินเข้าไปไม่ได้รุนแรงอะไรมากหรอก ผมพอจะควบคุมมันได้อยู่ แต่ยัยตัวเล็กนี้สิ ดันมายั่วผมสะงั้น แล้วใครมันจะไปทนได้ล่ะครับ บอกให้กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับอีก ก็เลยโดนจัดหนักเข้าให้จริงๆ แล้วคงเป็นเพราะผมคิดถึงมิรินมากกว่า ผมหยุดไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกไหม ไหนๆ ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสามของผมมันก็อุตส่าห์ช่วยขนาดนี้แล้วจะทำให้พวกมันผิดหวังได้ไงผมรู้ทันพวกมันสามตัวดี โดยฉะเพราะบิ๊กไบค์มันรู้ว่าในแก้วเหล้านั้นมียาปลุกเซ็กส์อยู่และที่มันไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกเพราะมันอยากให้ผมกับมิรินได้มีช่วงเวลานี้ด้วยกันบิ๊กไบค์ถึงได้ยุยงให้ผมดื่มแทน เพราะถ้าหากมิรินดื่มเข้าไป เธออาจจะเป็นอันตรายได้ ก็อ่อนแอซะขนาดนั้นน่ะนะ แต่จะอย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณในความฉลาดของไอ้บิ๊กไบค์ เพราะมันผมถึงได้อยู่กับมิรินในคืนนี้ ถ้าหากผมไม่ดื่มสิ่งนั้