"พรุ่งนี้เช้าไปเรียนกับฉัน แล้วแต่งตัวให้เรียบร้อย ไม่งั้นเธอได้วิ่งรอบตึกแน่!"
Lihat lebih banyakครึก ครึก!
“โว้! เฮ้ย!...อะไรเนี่ย?” ปลาทู เด็กสาวใบหน้าจิ้มลิ้มหวานละมุน โวยวายกับตัวเองด้วยโทนเสียงที่หงุดหงิด เนื่องจากรถมินิคูเปอร์ที่ขับอยู่ดันมาจอดค้างเติงอยู่กลางถนนเสียดื้อๆ เป็นเรื่องให้อารมณ์บูดบึ้งแต่เช้า “จะมาพังอะไรกันตอนนี้”
ตอนที่เธอกำลังจะไปมหาลัยเนี่ย!
นิ้วเรียวกดปุ๊บส่งสัญญาณให้กับรถคันอื่นที่ตามมาได้รับรู้ว่ารถคันนี้กำลังเสียจะได้ไม่มีใครบีบแตรไล่ ก่อนจะยกโทรศัพท์หวังจะโทรหาช่างประจำ ทว่าสายตาอันเฉียบแหลมที่กำลังมองผ่านกระจกรถ มองเห็นบิ๊กไบก์คันคุ้นตาของใครบางคนกำลังขับเข้ามาใกล้ ร่างเล็กจึงไม่รอช้า เปิดประตูลงไปขอความช่วยเหลือทันที
“ทำบ้าอะไรของเธอ” จากที่คิดว่าจะขับผ่านไปแล้วเชียว แต่เมื่อเห็นยัยเด็กข้างบ้านเดินลงจากรถมาดักหน้ารถเขา อคิณ จึงทำแบบที่ใจหวังไม่ได้ “อยากตายก็ไปโดดสะพานนู้น” พร้อมชี้มือนำทาง
หากเป็นปกติคนตัวเล็กคงด่าคืนไปแล้ว แต่เพราะตอนนี้อยู่ในสถาณการณ์ที่ต้องพึ่งพาอีกฝ่าย ปลาทูจึงทำได้เพียง “พี่คิณช่วยปลาทูหน่อยสิ อยู่ๆรถมันก็ดับ”
“แล้วแต่งตัวอะไรของเธอ?” อคิณไม่ได้สนใจสิ่งที่น้องพูด ถอดหมวกกันน๊อกแล้วลอบมองกระโปร่งพลีทที่สั้นขึ้นมาเหนือเข่า “จะไปเรียนหรือจะไปหาผัว”
จี๊ดเลย แต่ต้องเก็บความในใจไว้ในภายใต้ใบหน้าที่อ่อนหวาน
“ไปเรียนสิคะ”
ถ้าไปหาผัวจะใส่ให้สั้นกว่านี้อีก ปากไอ้พี่อคิณก็ไม่เคยจะมีสักครั้งที่จะพูดจาดีๆกับเธอเลย อ้ามาทีเห็นมีแต่หมาออกมา
“เรียนบ้านเธอสิ สั้นฉิบหาย” ที่จริงเขาควรจะโฟกัสที่รถพังแต่ผิวขาวนวลของเรือนขางามก็ดูขัดหูขัดตามากๆ
“เอาไว้เลิกเรียนแล้วปลาทูจะไปหากระโปร่งที่ยาวถึงตาตุ่มมาใส่เลยดีไหมคะ แต่ตอนนี้พี่คิณช่วยปลาทูก่อนนะ ถ้าสายปลาทูต้องถูกพวกพี่ๆทำโทษแน่” คนอ้อนวอนร่ายยาวจนดูน่าเห็นใจ แต่สำหรับคนพี่ที่เห็นกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝ่าหอย รู้ดีว่ายัยเด็กปลาทูแค่เห็นว่าเขามีประโยชน์ก็เท่านั้น
ใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ว่าสาวคนไหนได้เห็นต่างก็กรู่กันเข้าหา ถอดหายใจเสียงดังพรืดก่อนจะขับบิ๊กไบก์ไปจอดไว้ข้างทาง ดีที่ช่วงนี้รถไม่เยอะ ก่อนจะกลับมาเปิดประตูขึ้นรถสี่ล้อ พลางเลื่อนกระจกบอกร่างเล็กที่ยืนนิ่งไม่รู้จะทำอะไร
“เข็น”
“หะ?” ปลาทูขมวดคิ้วอย่างสงสัย คำว่า ‘เข็น’ ที่ว่า เขาคงไม่คิดจะให้เธอเข็นรถจริงๆหรอกนะ
“อย่ามาทำเป็นเด็กหูตึงตอนนี้” น้ำเสียงติดหงุดหงิด “เข็นท้ายรถ”
“พี่จะบ้าเหรอ?” คนที่พึ่งเข้าใจสาวเท้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในรถ “ปลาทูเป็นผู้หญิงนะ พี่สิต้องมาเข็น”
“แล้วนี้มันรถใคร? รถฉันหรือรถเธอ?”
“รถปลาทูค่ะ” เสียงเบาลงอย่างไม่มีข้อแก้ตัว
“แล้วทำไมฉันต้องเป็นคนเข็น?”
“กะ ก็พี่คิณเป็นพี่”
“แล้วคนเป็นน้องเข็นไม่ได้?” เลิ่กคิ้วถาม “มือไม่มี? ตีนขาด?”
แม่เจ้า! เหลือจะเชื่อกับไอ้พี่บ้านี้จริงๆเลย
สุดท้ายร่างบอบบางก็ต้องเดินไปยังท้ายรถ จำใจยอมเป็นฝ่ายเข็นรถตัวเอง ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อน
ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้พี่คิณคนเลว รอถึงทีเมื่อไหร่แม่จะเอาให้จุกเลย!
“หึ” ภายใต้ใบหน้าอันเรียบนิ่ง พอได้เห็นสีหน้าของเด็กน้อยที่กำลังเง้างอดผ่านกระจกหลังก็นึกขำในใจ
ให้เดา ในใจของเด็กนั้นคงกำลังสาปแช่งเขาอยู่เป็นแน่
ที่จริงเขาก็ซ้อมได้นะ เรียนวิศวกรรมสาขาเครื่องยนต์มาเกือบจะสามปี เรื่องแค่นี้ทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่เขากำลังรีบไม่มีเวลามาเช็คให้หรอก
ใช้เวลาไม่นานรถก็ย้ายมาจอดข้างทาง อคิณจึงจัดการโทรเรียกช่างให้มาดู จากนั้นก็เดินไปคร่อมรถตัวเองพร้อมกับเอาหมวกกันน็อคมาสวม เด็กสาวเห็นแบบนั้นก็เดินเข้าไปหา
“เดี๋ยวสิพี่คิณ”
“อะไรอีก? ช่างฉันก็โทรให้แล้ว อีกเดี๋ยวก็คงมา” พูดเป็นเรื่องปกติแต่คนที่อ่อนกว่ากลับมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่
“แล้วพี่จะไปไหน?”
“ไปมหาลัยสิ ถามโง่ๆ” เหลือบตามองคนน้องเล็กน้อย แต่ก็ยังใจดียกมือขึ้นบังแดดให้ เนื่องจากเห็นเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าเธอ
ไม่ใช่เพราะพิศวาสอะไรหรอกนะ แต่ปลาทูเป็นเด็กแพ้เหงื่อ ยิ่งเหงื่อออกมากเท่าไหร่ผืนก็จะขึ้นตามตัว เป็นทีก็ต้องนอนโรงพยาบาลแล้วทีนี้ใครล่ะที่ลำบาก หากไม่ใช่เขา นายอคิณคนนี้ที่ต้องเป็นคนไปนอนเฝ้า
เหอะ! ยัยเด็กขี้โรค
“พี่จะไปได้ไง แล้วปลาทูล่ะ เอาปลาทูไปด้วย” ยังไงก็ต้องไปที่เดียวกันอยู่แล้วเพราะเรียนที่เดียวกัน จะมาทิ้งกันไปดื้อๆได้ไง
“จะไปยังไงก่อน” ชักสีหน้าใส่ “ตาเธอมีหรือเปล่า เห็นไหมว่ารถฉันไม่มีที่ให้เธอนั่ง” ที่จริงตั้งแต่ซื้อคันนี้มาเขาก็ไม่คิดจะติดที่นั่งสำหรับคนซ้อนไว้อยู่แล้ว ไม่อยากเอาใครมาห้อยไว้ด้านหลัง มันรู้สึกรำคาญ
เป็นประโยคที่ทั้งห้วนและหยาบในคราเดียวกัน แต่คนที่รู้มือกันมาตั้งแต่เด็กกลับมองว่าเป็นเรื่องปกติ
ไม่หยาบคาบ ไม่ห่าม ไม่เถื่อน ไม่ใช่อีพี่อคิณแน่นอน
“ได้ไงก่อน? เฮ้ย! พี่คิณ พี่คิณณณ” จังหวะที่คนตัวเล็กกำลังหันซ้ายหันขวาคิดหาหนทาง คนที่นั่งบนบิ๊กไบก์ก็สับเกียร์ออกตัวโดยไม่คิดจะเอาน้องสาวข้างบ้านที่ยังยืนอยู่สักบาท ทำเอาเจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะก่นด่าไล่หลัง “ไอ้พี่คิณคนบ้า ไอ้คนเลว ไอ้คนไม่มีน้ำใจ ไอ้คนมนุษยธรรมติดลบ”
“รู้ไหมว่าพวกพ่อๆกับแม่ๆเป็นห่วงมากแค่ไหน?”“ทำไมไปไหนไม่บอกไม่กล่าว?”“โทรไปก็ไม่ติด แม่เป็นห่วงจนจะบ้าแล้วลูกเอ้ย”ทั้งอคิณและปลาทูต่างก็ก้มหน้ารับฟังคำด่า เหตุเพราะหายไปกันทั้งคืนแล้วไม่ติดต่อใคร เวลานี้เอกภพกับปราณีก็บินมาด้วย ทำให้ทั้งคู่โดนสองต่อ จนหูแทบชา และด้วยความที่เป็นเด็กขี้อ้อน ร่างเล็กจึงเดินเข้าไปสวมกอดแม่ของสามี กอดแม่ตัวเองไม่ได้เดี๋ยวโดนเพิ่มข้อหา“แม่ณีขา อย่าโกรธเลยนะคะ คือพี่คิณขาเขาแค่อยากชวนหนูไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเองค่ะ” ไหนๆก็ไหนๆ รู้วิธีเอาตัวรอดเป็นยอดดี โยนขี้ให้พี่แม่งเลย!“หึ?” ชายหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้วมองภรรยาตัวน้อยด้วยความกล้ำกลืน แล้วใครมันบอกว่ามีอารมณ์วะ แม่ง!“ตาคิณ นี่แกพาน้องไปเกเรมาเหรอ?” เอกภพหันไปเท้าสะเอวใส่ลูกชาย โมโหจริงๆ เขากับภรรยาบินมาถึงตั้งแต่เช้ามืด ไม่ได้พงไม่ได้พักอะไรเลย ก็ต้องมากังวนใจเพราะไอ้ลูกตัวดี“แต่จริงๆ อคิณตามใจยัยตัวแสบตลอดนะ ไม่มีทางที่อคิณจะพาน้องไปเอง” ดารีรู้จักลูกสาวดีจึงค้าน “ดาว่ามันต้องมีอะ...”“มันจะมีอะไรล่ะน้องดา เจ้าคิณน่ะฟังใครที่ไหน” ปราณีขัดจังหวะ พลางลูบหัวลูกสะใภ้อย่างรักใคร่ ประหนึ่งว่าเด็กน้อยไม่ผิด “นี่ก็คง
อึก!อคิณถึงกับลอบกลืนน้ำลาย คำพูดคำจาของเด็กน้อยมันชวนให้หัวใจซาบซ่านเหลือเกิน“สนองมันหน่อยสิครับคนดี ซี๊ด” เป็นต้องซูดปากแรงๆ กำเบาะแน่นระบายความเสียดเสียว เด็กน้อยอ้าปากครอบเข้าไปเกือบครึ่งลำ ไม่รีรอใดๆผงกหัวขึ้นลง แรกๆก็เนิบนาบแต่สักพักก็เร่งจังหวะ โดยใช้มือสาวตรงโคนไปด้วยจ๊วบ!ปากเล็กดูดดุนจนแก้มตอบ ราวกับแท่งเอ็นร้อนคือไอศกรีมรสช็อคโกแลตชิปกับชาเขียว ที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อไม่อิ่ม รัญจวนหัวใจดวงโตจนต้องขบกรามแน่น ครางเสียงเร้าร้อนดังระงมทั้งคันรถใบหน้าหวานก็ช้อนขึ้นมามองสบตาคม มันยิ่งเป็นเชื้อเพลิงปลุกกำหนัดให้เตลิด เผลอกลั้นหายใจตอนที่น้องดูดหัวเห็ดแล้วส่งยิ้มให้กันทางสายตา เล่นเอาเกร็งหน้าขาจนปวด“อ่า อย่าดูดหัว พี่เสียวค่ะ”“แล้วไม่ชอบเหรอคะ?”โห เสียงหวานขนาดนี้ กะจะไม่ยอมให้ได้เกิดกันเลยดิ“ชะ ชอบครับ อ่า” คนเสียวจัดแทบทนไม่ไหว รู้สึกทรมานเหมือนคนใจจะขาด รวบผมสลวยเอาไว้ในมือแล้วกำแน่น ขณะเดียวกันก็จ้องมองแก่นกายที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดผลุบเข้าออกไวๆคับปากอุ่นชื้น น้ำลายไหลเลอะไปทั้งท่อนเอ็น กระสันจนต้องร้องขอชีวิต “เธอครับ เบาๆ เดี๋ยวพี่แตก อือ ปลาทู หนู ที่รักพี่จะตายค่
หน้าร้านยุ่งวุ่นวายเมื่อลูกค้ามาราวกับงานลดแลกแจกแถม ปลาทูเห็นว่าพี่ๆคนอื่นรับออเดอร์ไม่ทัน จากที่กำลังช่วยเช็ดแก้ว มือเล็กจึงหยิบเอาไอแพดที่ว่างอยู่ไปรับลูกค้าแทนหลังจากรับออร์เดอร์เรียบร้อยแล้วก็วิ่งไปดูที่หลังร้าน ถึงจะเคยทำมาก่อนแต่ก็ใช่ว่าจะจำได้หมดทุกอย่าง ที่เข้ามาก็เพื่อจะอธิบายกับพ่ออีกทีว่าลูกค้าไม่เอาอันนั้น ไม่เอาอันนี้ ก่อนจะถืออาหารลูกค้าออกไปด้วย ทว่ายังไม่ทันจะผ่านพ้นประตู“ที่รักครับ” เสียงอ้อนแบบนี้รู้เลย คนรู้งานเดินกลับไปหาสามีหนุ่มแล้วยื่นแก้มให้ ขณะที่เขาก็ก้มลงมาหอมแก้มเธอโดยไม่นึกจะสนใจสายตาของคนอื่นๆ ขอให้ได้ชื่นใจ ไม่กี่วินาทีก็เอา จนถูกพ่อแซว“วิทย์ ผัดไทยไม่ต้องเติมน้ำตาลนะ” ทั้งสองต่างหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะ ก่อนจะแยกกันไปทำหน้าที่ใครหน้าที่มัน เวลาผ่านไปจนถึงสามทุ่มกว่า ใบสั่งอาหารก็เริ่มน้อยลง อคิณจึงออกมาดูหน้าร้าน ดันตาไฟเห็นเมียเด็กกำลังถูกลูกค้าชายส่งสายตาลวนลาม ไม่พอยังยื่นโทรศัพท์มาให้เธออีก จึงก้าวขายาวๆเดินผ่านโต๊ะที่พ่อตาแม่ยายนั่งอยู่ใกล้ๆหมับ!ฝ่ามือหนารวบเอวบางเข้ามาประชิดตัว ประคองดวงหน้าหวานละมุนแล้วก้มลงทาบริมฝีปากกับเรียวปากอมชมพู
วันต่อมาหลังจากที่กึ่งหลับกึ่งตื่นมาค่อนคืน เพราะร่างกายยังปรับเวลาไม่ทัน ทำให้ช่วงเช้าปลาทูเกิดอาการสะลึมสะลือ เผลอนอนลากยาว ตื่นอีกทีก็บ่าย ไม่ทันได้เจอพ่อกับแม่ที่ออกไปทำงานตั้งแต่แปดโมงเช้า“ตื่นแล้วเหรอคะ?” เห็นร่างบางเดินออกจากห้องนอนมา อคิณจึงละจากงานขึ้นมองน้อง สีหน้าอ่อนล้า มันช่างต่างกับเมื่อวานลิบลับ “นอนต่อไหม หน้าเมียพี่ดูง่วงจัด”“ง่วงค่ะ” ว่าแล้วก็เดินมาหา คนเป็นพี่จึงวางโน๊ตไว้บนโต๊ะแล้วตบหน้าขา คนตัวเล็กเข้าใจก็ขึ้นไปนั่งบนตักแล้วยกมือขึ้นโอบรอบลำคอหนา “หิวหรือเปล่า อยากกินไรไหม?” ก้มลงจุมพิตขมับน้อย ซึ่งน้องก็พยักหน้า “งั้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ ไปหาพ่อทินกับแม่ดากัน”“ค่ะ” น้ำเสียงงัวเงีย เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอก่อนจะสอดแขนเข้าใต้ข้อพับแล้วอุ้มคนตัวเล็กไปส่งที่ห้องน้ำ จัดเตรียมข้าวของเสื้อผ้าให้เสร็จก็ออกมาทำงานต่อรอไม่นานน้องก็ออกมาด้วยชุดเดรสกระโปร่งแขนตุ๊กตาน่ารัก ข้างนอกอากาศเย็นจึงมีเสื้อแขนยาวใส่ทับไปอีกตัว ในขณะที่เขาแต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงสแล็กและตามด้วยเสื้อโค๊ทอีกที“รถสวยจังค่ะ” ปลาทูตาโตกับรถยนต์คันใหม่ของพี่ที่ผู้เป็นพ่อซื้อให้ ใบหน้าหล่อเหลาฉีก
ความเย็นสบาย ทำให้ดูการ์ตูนยังไม่ทันจะถึงครึ่งเรื่อง คนตัวเล็กก็นอนหลับซบอยู่กับอกแกร่ง ตื่นมาก็ตอนที่ใกล้จบเรื่องแล้ว ดวงตาคู่น้อยเปิดสนิท ท้องไส้ทำงานเมื่อเห็นอาหารและของหวานมารอพร้อม“พี่คิณขากลับที่ได้แล้วค่ะ” “ตื่นมาก็ไล่ผัวนี่คือไร?” “ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” เห็นพี่ชักสีหน้าใส่ก็รีบอธิบาย “หนูหิว พื้นที่วางมันนิดเดียวเอง แค่ส่วนของหนูก็เต็มโต๊ะแล้วค่ะ”“ออ...นี่เห็นแก่กินจนไม่สนใจผัวคนนี้แล้ว?” กอดอกสะบัดหน้าหนีอย่างแง่งอน “ไม่ใช่นะคะ หนูแค่กลัวว่าพี่คิณจะนั่งกินไม่สะดวก ที่มันแคบเนี่ยเห็นหรือเปล่า?” มีการทำไม้ทำมือวัดพื้นที่ให้พี่ดู แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี เพราะเขาอยากนั่งอยู่ตรงนี้ อยากนั่งกับเธอ อยากนั่งติดกับเธอ สุดท้ายเธอก็ต้องเป็นฝ่ายยอม “โอเคค่ะ ถ้าพี่คิณขาไม่ลำบาก เรานั่งด้วยกันก็ได้ค่ะ”คนพึงใจผุดรอยยิ้มหวาน สอดมือเข้าใต้รักแร้ของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงระหว่างขา ยกขึ้นให้มานั่งกับขาข้างหนึ่งของตัวเอง ให้ใบหน้าเราเสมอกัน แล้วนั่งทานข้าวด้วยกันทั้งแบบนั้นมีบ้างที่คนตัวเล็กเขินอายกับสายตาของผู้โดยสารบางท่านที่เดินไปเดินมากับพนักงานของสายการบิน แต่หัวใจก็เต็มเป
1เดือนต่อมาบนเครื่องบินชั้น First Class เครื่องขึ้นได้ไม่นาน อคิณก็ปลดเข็มนิรภัยแล้วเดินไปยังที่นั่งของภรรยาตัวน้อยข้างๆ เธอกำลังตาตื่นกับการหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปท้องฟ้าและตึกอาคารข้างล่างพื้นดินไม่ว่าจะขึ้นเครื่องมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งเธอก็ยังคงเป็นเด็กน้อยเหมือนเช่นวันวานเด็กน้อยปลาทูของพี่อคิณ มันอดไม่ได้ที่จะไม่ล้วงเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปคนตัวเล็กจากทางด้านหลัง พลางเรียกเสียงหวาน “ที่รักครับ” “คะ?” ดวงหน้าละมุนหันมา ปลายนิ้วโป้งก็กดถ่ายทันที ความน่ารักของน้องมันเย้ายวนจนไม่อาจยั้งมือถ่ายแค่หนึ่งรูป ก่อนจะเข้าไปอยู่ใกล้ๆแล้วถ่ายรูปร่วมกัน ก่อเกิดความสุขเล็กๆน้อยๆให้หัวใจได้ชุ่มช่ำ ก่อนจะถูกขัดจังหวะแอร์โฮสเตสสาวสวยมาเสริฟ Welcome Drink “ของผมเอามาไว้ตรงนั้น” ใช้สายตาชี้ไปตรงแท่นวางของ “ที่เดียวกับเมียผมเลยนะครับ” หญิงสาวเหวอไปเล็กน้อย แต่เพียงอึดใจก็ระบายยิ้มบางๆแล้ววางแก้วในส่วนของชายหนุ่มไว้คู่กันกับของเด็กสาวที่เน้นย้ำเพราะเขาเห็นนานแล้วว่าอีกฝ่ายนั้นแอบหันมาส่งสายให้บ่อยๆ ถึงเขาจะไม่เล่นด้วยแต่อย่างน้อยก็ควรออกตัว ไม่อยากให้เรื่องราวมันซ้ำรอยเดิม ก่อนจะขอให้เธอปรั
Komen