"พรุ่งนี้เช้าไปเรียนกับฉัน แล้วแต่งตัวให้เรียบร้อย ไม่งั้นเธอได้วิ่งรอบตึกแน่!"
view moreครึก ครึก!
“โว้! เฮ้ย!...อะไรเนี่ย?” ปลาทู เด็กสาวใบหน้าจิ้มลิ้มหวานละมุน โวยวายกับตัวเองด้วยโทนเสียงที่หงุดหงิด เนื่องจากรถมินิคูเปอร์ที่ขับอยู่ดันมาจอดค้างเติงอยู่กลางถนนเสียดื้อๆ เป็นเรื่องให้อารมณ์บูดบึ้งแต่เช้า “จะมาพังอะไรกันตอนนี้”
ตอนที่เธอกำลังจะไปมหาลัยเนี่ย!
นิ้วเรียวกดปุ๊บส่งสัญญาณให้กับรถคันอื่นที่ตามมาได้รับรู้ว่ารถคันนี้กำลังเสียจะได้ไม่มีใครบีบแตรไล่ ก่อนจะยกโทรศัพท์หวังจะโทรหาช่างประจำ ทว่าสายตาอันเฉียบแหลมที่กำลังมองผ่านกระจกรถ มองเห็นบิ๊กไบก์คันคุ้นตาของใครบางคนกำลังขับเข้ามาใกล้ ร่างเล็กจึงไม่รอช้า เปิดประตูลงไปขอความช่วยเหลือทันที
“ทำบ้าอะไรของเธอ” จากที่คิดว่าจะขับผ่านไปแล้วเชียว แต่เมื่อเห็นยัยเด็กข้างบ้านเดินลงจากรถมาดักหน้ารถเขา อคิณ จึงทำแบบที่ใจหวังไม่ได้ “อยากตายก็ไปโดดสะพานนู้น” พร้อมชี้มือนำทาง
หากเป็นปกติคนตัวเล็กคงด่าคืนไปแล้ว แต่เพราะตอนนี้อยู่ในสถาณการณ์ที่ต้องพึ่งพาอีกฝ่าย ปลาทูจึงทำได้เพียง “พี่คิณช่วยปลาทูหน่อยสิ อยู่ๆรถมันก็ดับ”
“แล้วแต่งตัวอะไรของเธอ?” อคิณไม่ได้สนใจสิ่งที่น้องพูด ถอดหมวกกันน๊อกแล้วลอบมองกระโปร่งพลีทที่สั้นขึ้นมาเหนือเข่า “จะไปเรียนหรือจะไปหาผัว”
จี๊ดเลย แต่ต้องเก็บความในใจไว้ในภายใต้ใบหน้าที่อ่อนหวาน
“ไปเรียนสิคะ”
ถ้าไปหาผัวจะใส่ให้สั้นกว่านี้อีก ปากไอ้พี่อคิณก็ไม่เคยจะมีสักครั้งที่จะพูดจาดีๆกับเธอเลย อ้ามาทีเห็นมีแต่หมาออกมา
“เรียนบ้านเธอสิ สั้นฉิบหาย” ที่จริงเขาควรจะโฟกัสที่รถพังแต่ผิวขาวนวลของเรือนขางามก็ดูขัดหูขัดตามากๆ
“เอาไว้เลิกเรียนแล้วปลาทูจะไปหากระโปร่งที่ยาวถึงตาตุ่มมาใส่เลยดีไหมคะ แต่ตอนนี้พี่คิณช่วยปลาทูก่อนนะ ถ้าสายปลาทูต้องถูกพวกพี่ๆทำโทษแน่” คนอ้อนวอนร่ายยาวจนดูน่าเห็นใจ แต่สำหรับคนพี่ที่เห็นกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝ่าหอย รู้ดีว่ายัยเด็กปลาทูแค่เห็นว่าเขามีประโยชน์ก็เท่านั้น
ใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ว่าสาวคนไหนได้เห็นต่างก็กรู่กันเข้าหา ถอดหายใจเสียงดังพรืดก่อนจะขับบิ๊กไบก์ไปจอดไว้ข้างทาง ดีที่ช่วงนี้รถไม่เยอะ ก่อนจะกลับมาเปิดประตูขึ้นรถสี่ล้อ พลางเลื่อนกระจกบอกร่างเล็กที่ยืนนิ่งไม่รู้จะทำอะไร
“เข็น”
“หะ?” ปลาทูขมวดคิ้วอย่างสงสัย คำว่า ‘เข็น’ ที่ว่า เขาคงไม่คิดจะให้เธอเข็นรถจริงๆหรอกนะ
“อย่ามาทำเป็นเด็กหูตึงตอนนี้” น้ำเสียงติดหงุดหงิด “เข็นท้ายรถ”
“พี่จะบ้าเหรอ?” คนที่พึ่งเข้าใจสาวเท้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในรถ “ปลาทูเป็นผู้หญิงนะ พี่สิต้องมาเข็น”
“แล้วนี้มันรถใคร? รถฉันหรือรถเธอ?”
“รถปลาทูค่ะ” เสียงเบาลงอย่างไม่มีข้อแก้ตัว
“แล้วทำไมฉันต้องเป็นคนเข็น?”
“กะ ก็พี่คิณเป็นพี่”
“แล้วคนเป็นน้องเข็นไม่ได้?” เลิ่กคิ้วถาม “มือไม่มี? ตีนขาด?”
แม่เจ้า! เหลือจะเชื่อกับไอ้พี่บ้านี้จริงๆเลย
สุดท้ายร่างบอบบางก็ต้องเดินไปยังท้ายรถ จำใจยอมเป็นฝ่ายเข็นรถตัวเอง ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อน
ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้พี่คิณคนเลว รอถึงทีเมื่อไหร่แม่จะเอาให้จุกเลย!
“หึ” ภายใต้ใบหน้าอันเรียบนิ่ง พอได้เห็นสีหน้าของเด็กน้อยที่กำลังเง้างอดผ่านกระจกหลังก็นึกขำในใจ
ให้เดา ในใจของเด็กนั้นคงกำลังสาปแช่งเขาอยู่เป็นแน่
ที่จริงเขาก็ซ้อมได้นะ เรียนวิศวกรรมสาขาเครื่องยนต์มาเกือบจะสามปี เรื่องแค่นี้ทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่เขากำลังรีบไม่มีเวลามาเช็คให้หรอก
ใช้เวลาไม่นานรถก็ย้ายมาจอดข้างทาง อคิณจึงจัดการโทรเรียกช่างให้มาดู จากนั้นก็เดินไปคร่อมรถตัวเองพร้อมกับเอาหมวกกันน็อคมาสวม เด็กสาวเห็นแบบนั้นก็เดินเข้าไปหา
“เดี๋ยวสิพี่คิณ”
“อะไรอีก? ช่างฉันก็โทรให้แล้ว อีกเดี๋ยวก็คงมา” พูดเป็นเรื่องปกติแต่คนที่อ่อนกว่ากลับมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่
“แล้วพี่จะไปไหน?”
“ไปมหาลัยสิ ถามโง่ๆ” เหลือบตามองคนน้องเล็กน้อย แต่ก็ยังใจดียกมือขึ้นบังแดดให้ เนื่องจากเห็นเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าเธอ
ไม่ใช่เพราะพิศวาสอะไรหรอกนะ แต่ปลาทูเป็นเด็กแพ้เหงื่อ ยิ่งเหงื่อออกมากเท่าไหร่ผืนก็จะขึ้นตามตัว เป็นทีก็ต้องนอนโรงพยาบาลแล้วทีนี้ใครล่ะที่ลำบาก หากไม่ใช่เขา นายอคิณคนนี้ที่ต้องเป็นคนไปนอนเฝ้า
เหอะ! ยัยเด็กขี้โรค
“พี่จะไปได้ไง แล้วปลาทูล่ะ เอาปลาทูไปด้วย” ยังไงก็ต้องไปที่เดียวกันอยู่แล้วเพราะเรียนที่เดียวกัน จะมาทิ้งกันไปดื้อๆได้ไง
“จะไปยังไงก่อน” ชักสีหน้าใส่ “ตาเธอมีหรือเปล่า เห็นไหมว่ารถฉันไม่มีที่ให้เธอนั่ง” ที่จริงตั้งแต่ซื้อคันนี้มาเขาก็ไม่คิดจะติดที่นั่งสำหรับคนซ้อนไว้อยู่แล้ว ไม่อยากเอาใครมาห้อยไว้ด้านหลัง มันรู้สึกรำคาญ
เป็นประโยคที่ทั้งห้วนและหยาบในคราเดียวกัน แต่คนที่รู้มือกันมาตั้งแต่เด็กกลับมองว่าเป็นเรื่องปกติ
ไม่หยาบคาบ ไม่ห่าม ไม่เถื่อน ไม่ใช่อีพี่อคิณแน่นอน
“ได้ไงก่อน? เฮ้ย! พี่คิณ พี่คิณณณ” จังหวะที่คนตัวเล็กกำลังหันซ้ายหันขวาคิดหาหนทาง คนที่นั่งบนบิ๊กไบก์ก็สับเกียร์ออกตัวโดยไม่คิดจะเอาน้องสาวข้างบ้านที่ยังยืนอยู่สักบาท ทำเอาเจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะก่นด่าไล่หลัง “ไอ้พี่คิณคนบ้า ไอ้คนเลว ไอ้คนไม่มีน้ำใจ ไอ้คนมนุษยธรรมติดลบ”
“พี่ไม่ได้จะทำอะไร แล้วเราล่ะเป็นอะไร? ทำไมต้องหนีพี่?” ปากบอกไม่ทำแต่สายตานี้แทบจะกลืนกิน “มะ ไม่ได้หนีค่ะ” “พูดติดขัด ลมหายใจผิดปกติ แบบนี้...มันมีพิรุธนะคะ” น้ำเสียงกระเซ่าเย้าแหย่ ทำเด็กน้อยอ้าปากพะงาบ ทำตัวไม่ถูก รู้สึกใบหน้าเห่อร้อนอย่างช่วยไม่ได้ คนมันเขี้ยวจึงโน้มลงไปจุ๊บปากจุ๊บปลาทูรีบยกมือขึ้นปิดปาก กระพริบตาปริบๆ เกิดอาการขวยเขินจนอยากกดหน้าลงหมอนแล้วกรี๊ดออกมาดังๆ อะไรกันครับเนี่ย พี่คิณ...เปลี่ยนไป“เป็นอะไรครับ เขินพี่เหรอ?” ละดูน้ำเสียง แถมคนพูดยังเกลี่ยผิวแก้มกันเบาๆอีก อร๊าย...ตายๆ ใจบางแล้วค่ะคุณพี่“งะ ง่วงค่ะ” คิดอะไรไม่ออกก็บอกง่วงไปก่อน พร้อมดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า ทว่าเป็นต้องหวั่นใจเมื่อเขาแทรกตัวเองเข้ามาอยู่ในผ้าห่มเหมือนกัน “จะ จะทำอะไรคะ?”“อยากนอนด้วยค่ะ” แล้วกระพริบตาปริบๆ“...” ใจเย็นไว้ปลาทู ใจเย็นไว้ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ“ขอพี่นอนด้วยนะครับ”กรี๊ด!!! ไม่ไหว ไม่ไหวถึงกับต้องนอนหันหลังให้ ดาเมจพี่คิณจะแรงอะไรเบอร์นั้น นี่หน้าตาดีไม่พอ คารมก็ดีด้วยใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มจนแก้มปริ แทบไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างเขาก็พูดจาเลียนๆ ออดอ้อน เสียงเล็กเสียงน้
“ที่รัก ลูก...” ในขณะที่คนเป็นภรรยาทำตัวไม่ถูก ทินกรก็เดินขึ้นบันไดมาเห็นชายหนุ่มยืนอยู่หน้าห้องลูกสาวขณะเปลือยท่อนบนก็เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร จึงปรับน้ำเสียง “ลุงขอคุยด้วยหน่อยสิคิณ” ว่าจบก็เดินไปนั่งรอที่โซนนั่งเล่นอคิณถึงกับนิ่งไปที่อยู่ๆทินกรก็กลับไปใช้คำเรียกแทนตัวเองเช่นเดิม ทั้งที่ก่อนหน้ายังให้เขาเรียกว่าพ่ออยู่เลย“เกี่ยวกับน้องหรือเปล่าครับ?” หันไปถามดารีด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ข้างในเหมือนคนกำลังตกลงเหวไปแล้วดารีไม่ได้ตอบนอกจากการระบายยิ้มบางๆ ไม่ว่ายังไงเธอยังคงเห็นอคิณป็นเหมือนลูกชายคนหนึ่ง “น้าของเข้าไปปลุก...”“อย่าเอาน้องไปจากคิณ” อคิณบอกก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง เอาเสื้อยืดตัวเมื่อคืนที่ตกพื้นมาใส่ ก่อนออกจากห้องลงไปคุยกับทินกรก็ปิดประตูล็อกห้องเสร็จสรรพ ทำเอาดารีที่ยืนอยู่นึกแปลกใจ ตกลงว่าเด็กหนุ่มจะเอายังไงกับลูกสาวเธอกันแน่ไม่ต้องถามว่าทำไมถึงรู้ว่าเมื่อวานที่ปลาทูร้องไห้เป็นเพราะอคิณ ก็ทั้งตลอดชีวิตที่ผ่านมาของลูกสาว อคิณไม่เคยให้หนุ่มๆที่ไหนเข้าใกล้ลูกสาวเธอเลย และไม่ว่าจะไปไหนทำอะไรอคิณไม่เคยปล่อยให้ลูกสาวเธอได้ฉายเดี่ยว ไปด้วยตลอดเหมือนเงาตามตัว เพราะงั้นมันจึงไ
ปลาทูไม่อาจห้ามความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้นมาทีละนิดภายในจิตใจ ไม่สามารถมองหน้าคนกลัดมันให้เป็นดั่งพี่ชายได้เหมือนเดิม ปล่อยให้ความรู้สึกและหัวใจนำพา“จะ จูบได้ไหมคะ?” อคิณช้อนตาขึ้นสบกับดวงตาหยาดเยิ้ม มุมปากหยัดผุดขึ้นชวนหลงใหล ตอบน้ำเสียงน่าฟังไม่ต่างกัน “ได้สิคะ” หากไม่ใช่เพราะเด็กน้อยใต้ร่าง คาดว่าชีวิตนี้เขาคงไม่คิดว่าตัวเองจะปากหวานได้ถึงขนาดนี้......ก็ช่วยไม่ได้อ่ะนะ ในเมื่อเด็กมันยั่ว น่ารัก น่าฟัด น่าขย้ำไปหมดริมฝีปากหนาบรรจงจูบกับเรียวปากนุ่มด้วยความดูดดื่มสลับกับเร่าร้อน คล้ายกำลังส่งผ่านความรู้สึกที่อัดแน่นทั้งหมดให้เธอได้รับรู้ พลางใช้ฝ่ามือขย้ำความอวบอิ่มอย่างหนักมือ จนเนื้อสาวปริตามง่ามนิ้ว ทุกแรงขับเคลื่อนที่ดุดันและหนักหน่วง ส่วนลึกถูกจู่โจมโดยไม่เว้นระยะทำให้สมองน้อยขาวโพลน เนื้อตัวชาวาบ ลมหายใจขาดห้วงก่อนจะโอบกอดคนตัวโตแล้วกระตุกเกร็งนำไปก่อน“พี่ขอบ้างนะ” หยัดตัวขึ้น จับเรียวขาคนหมดแรงขึ้นพาดบ่า แยกขาอีกข้างให้อ้าออกแล้วกดจมลงกับเตียง ก้มมองจุดเชื่อมระหว่างเรา ที่จ้วงลึกสุดออกสุด ไม่วางตา “ซี๊ด น้ำเยอะแต่โคตรแน่น”เด็กน้อยเหนื่อยหอบแต่คนร้อนแรงยังคงควบเอวใส่กั
หลังจากที่อุณหภูมิกลับมาเป็นปกติ คนพึ่งเสร็จสมปรับสภาพได้ อคิณก็ถอดนิ้วออกมาเช็ดกับหน้าอกอวบ ก่อนจะผละจูบแล้วก้มหน้าปาดชิมน้ำรักพร้อมกับดูดงับกับส่วนยอด สายตาช้อนขึ้นสบกับคนอ่อนประสบการณ์“พี่ทรมานมาก หนูรู้ใช่ไหม?” ทรมานจนปวด จนไม่อาจรอได้แล้วอึก! คนถูกถามกลืนน้ำลายลงคอ พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ขณะที่อคิณขยับขึ้นมา สอดแขนโอบกอดแล้วจับร่างเปลือยเปล่าให้พลิกขึ้นมาทับบนร่างตัวเอง มือเล็กทั้งสองข้างวางเกยบนอกแกร่ง สัมผัสได้ถึงการเต้นแรงของหัวใจดวงโต ส่งผลให้หัวใจเธอเต้นตามเป็นจังหวะเดียวกัน ก่อเกิดความรู้สึกวูบไหว...คล้ายมีผีเสื้อนับล้านตัวกำลังบินว่อนอยู่ในท้อง“งั้น...เด็กดีช่วยพี่หน่อยได้ไหมคะ”“ตะ แต่หนูทำไม่เป็น”“เดี๋ยวพี่สอน” ประคองใบหน้าเนียนขึ้นสีระเรื่อมาจ้องตากัน ขณะที่ฝ่ามืออีกข้างก็ลูบไล้ ไปทั่วแผนหลังชุ่มเหงื่อ “เริ่มจาก...เอานมหนูมาป้อนใส่ปากพี่ก่อน”ปลาทูลอบกลืนน้ำลาย ถ้อยคำการสอนที่ตรงไปตรงมาทำเอาคนฟังเขินหนัก ช่วยไม่ได้ที่ใบหน้าจะเห่อร้อนจนต้องเม้มริมฝีปากเข้าหากัน แอบสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วซุกซนเลื่อนลงมาวนลูบไล้แถวบั้นท้าย “นะครับ ป้อนพี่หน่อย” น้ำเสียง
“หื้ม?”“ปล่อยนะ ไอ้คนบ้า อื้ม” เสียงใสถูกกลืนกินด้วยริมฝีปากหนาที่ทาบลงมาจูบกับเรียวปากนุ่มสีหวาน บดคลึงเบาๆไม่รุนแรงก่อนจะสอดลิ้นร้อนเข้าไปช่วงชิมความหอมหวานละมุนจากปลายลิ้นน้อยของน้อง ปลุกเร้าอารมณ์สาวที่กำลังหลับใหลให้ก่อตัวลำกายขยายใหญ่ภายใต้กางเกงยีนส์ที่สัมผัสบริเวณท้อง น้อย ทำเอาคนใต้ร่างตาตื่นหัวใจสั่นไหว ความโกรธเมื่อตอนเย็นพลันหายไปอย่างน่ากลัว กลัวใจตัวเองนี่แหละ ที่มันชอบไปเป็นของเขาอุณหภูมิภายในของปลาทูพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆตามระดับของกลีบปากหยักที่บดเคล้าลงมาอย่างดูดดื่ม จากขัดขืนเรี่ยวแรงและร่างกายก็ค่อยๆโอนอ่อน คล้อยตามคนช่ำชองและมากไปด้วยประสบการณ์ เผลอจูบตอบเลียนแบบ แม้จะเงอะงะแต่มันกลับกระชากอารมณ์หนุ่มอคิณสำรวจดวงหน้าละมุนด้วยสายตาหยาดเยิ้มหลังจากที่ผละจูบออก กลืนน้ำลายลงคอครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งมองก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ตัวเองเข้าไปใหญ่ ใช้มือข้างหนึ่งประคองใบหน้าเธอเอาไว้ด้วยลมหายใจที่ติดขัด ก่อนจะก้มลงประกบจูบลงมาอีกครั้งอย่างห้ามใจไม่อยู่ร่างกายหนาร้อนยิ่งกว่าไฟ ขยับบดเบียดกับจุดกึ่งกลางสาว ปลาทูถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว เผลอไผลกับรสจูบอันร้อนแรง ยากที่จะดึงสติตัว
“กู...” ที่ผ่านมาก็ไม่เคยถามตัวเองแบบนี้เหมือนกัน ทว่าพอคิดว่าเจ้าของใบหน้าหวานละมุนจะหายไป ร่างกายและหัวใจมันก็พลันจะอ่อนแรงลงขึ้นมาเสียดื้อๆ และยิ่งต้องนึกว่าจะมีคนอื่นที่ได้รับความรู้สึกทั้งหมดจากเธอ ก็รู้สึกเจ็บร้าวในอกคล้ายมีคนเอาแท่งเหล็กมาเสียบเข้ากลางอกย้ำๆซ้ำๆตรงจุดเดิมความรู้สึกทั้งหมดนี้เขาไม่ชอบ“มึงไม่ต้องเครียดเพื่อน ค่อยๆคิด ยังไงเด็กนั้นก็ไม่ไปไหนหรอก” ตบบ่าให้กำลังใจ แต่ก็กลัวอีกคนจะคิดไม่ได้ “แต่แมวตัวอื่นที่รอมึงเผลอ อันนี้กูว่าไม่แน่”“ไอ้เหี้ยทาย!” อคิณลุกขึ้นตะโกนด่าไล่หลังเพื่อน ทว่าพอกลับมานั่งใบหน้าก็ผุดรอยยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบัง พลันนึกถึงดวงหน้าหวานพร้อมกับรอยยิ้มออดอ้อนที่เธอชอบใช้เวลาอยากได้ของ แค่นั้นก็ชื่นใจ โอเค ยอมรับแล้วว่าชอบยัยเด็กทิงเจอร์...แล้วทีนี้กูต้องเริ่มจีบน้องมันยังไงวะเนี่ย@บ้านอคิณดวงตาคมกริบมองไปยังบ้านข้างๆที่ตอนนี้ได้ถูกความมืดมิดปกคลุม เขายืนลังเลอยู่ตรงประตูเชื่อมระหว่างบ้านเขากับบ้านเธอมาเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะย้ายไปไหนถ้าเคาะประตูแล้วตะโกนเรียก พ่อกับแม่เธอจะตื่นด้วยไหมวะ“หรือว่ากูต้องปีนขึ้นห้องเมียตัวเอ
“ฉัน...” คำถามนี้เขาก็ไม่รู้จะตอบยังไง จะบอกว่าโกรธที่เธอคุยกับคนอื่น ส่งยิ้มให้คนอื่นแบบนี้เหรอ มันดูไม่ใช่เขาเลยสักนิด“ก่อนหน้านี้พี่คิณบอกเองว่าไม่อยากได้ปลาทูเป็นเมีย แล้วตอนนี้พี่คิณเป็นอะไร จูบปลาทูทำไม?” อยู่ๆดวงตามันก็ร้อนผ่าวขึ้นมา รู้สึกเหมือนมีอะไรมาแทงที่อก“...”“ถ้าพี่คิณไม่ชอบปลาทู ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น พี่คิณก็ควรจะอยู่ให้ห่างสิ ไม่ใช่มาทำอะไรแบบนี้งะ” ยิ่งเขาทำแบบนี้คนที่จะเป็นบ้าก็คือตัวเธอเอง“...”“ตะ ต่อไปพี่คิณอย่าทำแบบนี้กับปลาทูอีก” ว่าจบก็เปิดประตูลงจากรถแล้ววิ่งเข้าบ้านตัวเอง การที่เขาปิดปากเงียบไม่พูด ก็เท่ากับว่าต้องการที่จะรักษาคำว่าพี่น้องระหว่างเราเอาไว้ มันเลยทำเธอรู้สึกแย่และเจ็บไม่น้อยไม่รู้ว่าเผลอพาพี่คนนั้นเข้ามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาคิดอยากจะทำอะไรกับตัวเธอเขาก็ทำ แล้วเธอก็ประเคนให้เขาหมด หมดแล้ว หมดเลยจริงๆ“ปลาทูเป็นอะไรลูก?” ดารีออกมาจากในครัวเห็นลูกสาวตัวน้อยยืนน้ำตาไหลจับหน้าอกตัวเองอยู่ตรงประตูก็ตกใจ เข้ามาดู “แม่คะ ฮึก” น้ำเสียงสิ้นหวังสั่นเครือ ขณะโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ “ปลาทูเจ็บค่ะ เจ็บตรงนี้งะ” ชี้ที่อกข้างซ้ายต
20นาทีต่อมาหมดเวลาพักทุกคนก็กลับลงสนาม ไปประจำตำแหน่งของตัวเอง ปลาทูจึงได้กลับเข้าไปอยู่ในโลกของตัวเองเช่นกัน เธอเอาหูฟังมาใส่เปิดเพลงกลอกหูแล้ววาดรูปต่อ เก็บรายละเอียดเพียงเล็กน้อยก็เอามือถือขึ้นมาถ่าย เข้าโปรแกรมระบายสีที่โหลดไว้ติดเครื่องนิ้วเรียวกดหน้าจอที่แสดงภาพจานสีก่อนจะบรรจงระบายอย่างตั้งใจ อาจจะดูเละเทะไปหน่อยเพราะใช้นิ้วแทนปากกา แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ดูแย่จนเหมือนเด็กอนุบาลระบายสี ก่อนจะชะงักเมื่อเหลือบเห็นขาของใครบางคนอยู่ตรงหน้า “สวัสดีครับ” คนแปลกหน้ากล่าวทักทายพร้อมโบกมือด้วยรอยยิ้ม ปลาทูจึงถอดหูฟังออกแล้วตอบกลับอย่างมีมารยาท“สวัสดีค่ะ” เดาจากสายตาความสูงน่าจะพอๆกับพี่คิณ เรื่องหน้าตาถือว่าหล่อจัด“พี่ชื่อคิมนะครับ อยู่สถาปัตย์ปีสาม เห็นเราวาดรูปน่ารักดีพี่เลยมาทัก” “อ่อ ขอบคุณค่ะ” พอเข้าใจ ใบหน้าหวานละมุมก็ฉีกยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “พอดีปลาทูมารอพี่ชายเล่นบอลน่ะค่ะเลยหาอะไรฆ่าเวลา”“พี่ชายที่จ้องจะงับเองละสิไม่ว่า” เสียงเอ่ยเบาๆของเค้กส้ม ทำให้ทั้งปลาทูและคิมหันไปมอง เจ้าตัวจึงแกล้งตีหน้าใสซื่อ “อุ้ย พี่พูดเสียงดังไปเหรอ ขอโทษนะ”“ไม่เป็นไร ปลาทูไม่ได้ยินที่พี่เค้กส้ม
ดวงตาคมกริบที่นอกจากจะต้องมองตามลูกบอลกลมๆที่ถูกคนนู้นคนนี้เตะส่งกันไปมาแล้ว ยังคอยสอดส่องไปยังร่างเล็กที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำอะไรสักอย่าง แต่ถ้าให้เดาปลาทูคงจะนั่งเขียนการบ้านหรือไม่ก็นั่งวาดรูปอะไรไปเรื่อยเปื่อยเขาจำได้ว่าตอนเด็กๆน้องชอบวาดรูปมาก แต่พอโตขึ้น เวลาที่เคยมีก็ถูกถ่ายเทไปให้กับการเรียนบ้าง กับซีรีย์บ้าง หรือไม่ก็กับพี่ชายอย่างเขาเอง ไม่รู้ทำไมมันอยู่ไม่สุข ถ้าไม่ได้เล่นเกมส์ด้วยกัน“หึ” มันช่วยไม่ได้ที่พอนึกถึงแล้วจะไม่หัวเราะ“บอลอยู่ในสนาม ไม่ใช่อยู่ข้างสนามโว้ย!” การินวิ่งหอบเข้ามาตบหัวเพื่อนหนึ่งที โทษฐานที่วอกแวก คาดว่ามันคงสนใจสิ่งนั้นมากกว่าลูกบอลแล้วตอนนี้“กูขอเถอะนะไอ้คิณ สนใจเพื่อนก่อน จบเกมส์มึงอยากจะทำอะไรมึงก็ไป” ประธานรุ่นถึงกับออกปากเพราะนี่ไม่ใช่การซ้อมเล่นๆเหมือนทุกๆวัน แต่เป็นการซ้อมใหญ่เพื่อไปแข่งจริงในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จะเรียกว่าศึกของศักดิ์ศรีเลยก็ได้“พ่อมึงเรียกละ” การินว่าทิ้งท้ายก่อนจะแยกออกไป อคิณหันไปมองใบหน้าหวานอีกครั้งก่อนจะกลับมาโฟกัสในสนาม“แก...พี่คิณหันมามองฉันด้วย” น้ำเสียงตื่นเต้นของผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลเรียกความสนใจขอ
Mga Comments