หลังจากซื้อคอนแทคเลนส์ใส่แทนแว่นสายตาหนาเตอะเรียบร้อยแล้ว หนึ่งหญิงกับหนึ่งชายหัวใจหญิงก็มาแอบอยู่ที่มุมตึก ใกล้กับห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกของตัวอาคาร ซึ่งบริเวณนี้สาว ๆ ออฟฟิศมักจะแวะเวียนมาใช้บริการก่อนเดินขึ้นตึก
“ทำแบบนี้จะดีหรือแก”
กิ๊ฟที่อยู่ข้างหลังนิว กระซิบถามเพื่อนเบา ๆ พลางหันรีหันขวางกลัวว่าจะมีใครมาพบเข้า
“ช่วงเวลาฉุกละหุกแบบนี้ มีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นแหละแก ที่จะได้เสื้อผ้าที่มันดูดีใส่ไปสัมภาษณ์งานนะ”
นิวตอบกลับเสียงเบา ในขณะที่สายตายังสอดส่องมองหาพนักงานสาวออฟฟิศที่แต่งตัวเข้าท่าหน่อย
ตึกเดอะคิงมีทั้งหมด 35 ชั้น เป็นของบริษัทเดอะคิงที่ปล่อยให้บริษัทขนาดเล็กอื่น ๆอีกหลายบริษัทเช่าเป็นสำนักงาน ส่วนสำนักงานใหญ่ของบริษัทเองตั้งอยู่บนชั้นที่ 25 -30 ดังนั้น ตอนนี้จึงมีพนักงานออฟฟิศเดินเข้าเดินออกให้เขาเลือกสรรอย่างหลากหลาย
“ฉันว่า....”
กิ๊ฟรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ออกมาจนชุ่มมือด้วยอาการตื่นเต้น ยังไม่ทันที่กิ๊ฟจะเอ่ยได้จบประโยค นิวก็พุ่งตัวเข้าไปทางด้านหลังของพนักงานสาวออฟฟิศคนหนึ่ง
“คนนี้แหละ ไป !”
เขาเอามือปิดปากสาวคนนั้นไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา กิ๊ฟจึงรีบเอาสันกระเป๋าทุบเข้าที่ท้ายทอยของหญิงสาวโชคร้ายคนนั้น ตามที่ได้วางแผนกันไว้
ตุบ !
พนักงานสาวสวยโชคร้ายผู้นั้นสลบไปทันที
“ไปแก... เข้าไปเปลี่ยนชุดแล้วรีบออกมา”
นิวผลักร่างสลบไสลในชุดเดรสกึ่งสูทไปให้เพื่อนสาวประคองต่อ
“ได้ ๆ”
กิ๊ฟรับคำเสียงสั่น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องปล้นชุดเอามาใส่ !
นิวยืนรอกิ๊ฟอยู่หน้าห้องน้ำราว ๆ 5 นาที เพื่อนสาวในชุดใหม่ก็เดินออกมาด้วยท่าทางไม่มั่นใจนัก
“เอ่อ... ดูดีกว่าเดิมเยอะเลยแก”
เขาไล่สายตาตรวจดูร่างระหงของเพื่อนสาว ที่ลอกคราบจากคุณป้ากลายเป็นพนักงานสาวสวย ในชุดเดรสกึ่งสูทสีน้ำเงินเข้ม สั้นเหนือเข่า เผยให้เห็นเรียวขายาวสวย
“งั้นก็รีบไปกันเถอะแก เดี๋ยวเจ้าของชุดเขาจะฟื้นขึ้นมาตอนนี้จะแย่เอา”
กิ๊ฟรีบลากมือเพื่อนให้รีบเดินออกมาจากหน้าห้องน้ำ
“แกเดี๋ยวเราต้องแยกกันตรงนี้ แกขึ้นไปที่ชั้น 29 นะ ห้องสัมภาษณ์อยู่ทางขวามือ จำได้นะ”
“จำได้”
กิ๊ฟพยักหน้ารับคำ นิวต้องขึ้นไปก่อน เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเธอกับเขาเป็นเพื่อนกัน เพราะวันนี้นิวเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่สัมภาษณ์รับสมัครงานวันนี้ด้วย
“เค เจอกันจ๊ะ”
หน้าห้องสัมภาษณ์
กิ๊ฟนั่งรอในตำแหน่งคนสุดท้าย เธอกวาดสายตามองคนที่มาสัมภาษณ์งานตำแหน่งเดียวกันกับเธอ
คนที่ถูกเรียกเข้าไปสัมภาษณ์เป็นคนแรก คือ ชายหนุ่มอายุราว ๆ 35 ปี ใบหน้าดุดัน มีเคราสีเทาขึ้นจาง ๆ ดูจากลักษณะท่าทางแล้วน่าจะมาสมัครเป็นบอดี้การ์ดมากกว่าเป็นเลขาฯ ด้วยซ้ำ
คนถัดมาคือ เด็กสาวหน้าใส ดูจากหน้าตาแล้วคาดว่าคงจะเป็นเด็กจบใหม่แน่ ๆ
และคนที่นั่งติดกับเธอ เป็นสาวสูงวัย น่าจะอายุห้าสิบกว่า ๆ แน่ ๆ เพราะผมที่รวบตึงนั้นมองเห็นเส้นผมสีเงินขึ้นแซมเกือบทั่วทั้งศีรษะ
เมื่อเห็นคนที่มาสัมภาษณ์ตำแหน่งเลขาวันนี้ทำให้กิ๊ฟแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเบา ๆ เพราะมั่นใจได้แน่ ๆ ว่าอายุ 30 ปีของเธอไม่มีผลต่อตำแหน่งนี้ ดังนั้น งานนี้เธอจะต้องคว้ามันมาให้ได้ เพื่อคอนโด !
คนรอสัมภาษณ์ถูกเรียกเข้าไป และออกมาคนแล้วคนเล่า บางคนใช้เวลาสัมภาษณ์ไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ ก็ออกมาพร้อมกับน้ำตานองหน้า
“ฉันก็แค่เกิดก่อนพวกคุณหรอกย่ะ ! ทำไม ผมฉันไปหงอกบนหัวพวกคุณรึไงยะ ทำไมต้องว่ากันแรง ๆ ด้วย !”
สาวสูงวัยเปิดประตูห้องสัมภาษณ์ออกมา พร้อมกับพ่นคำด่าออกมาดังลั่น กิ๊ฟที่นั่งรอเรียกสัมภาษณ์ถึงกับผงะ ยกมือขึ้นลูบอกตนเองด้วยความตกใจ
- นั่นมันห้องสัมภาษณ์ หรือ ห้องเชือดกันแน่ ทำไมแต่ละคนที่ออกมา สภาพถึงดูไม่ได้เลย –
ในขณะที่กิ๊ฟกำลังคิดอยู่นั้น เจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งก็ถือแฟ้มเอกสารออกมา แล้วเรียกชื่อเธอว่า
“ขอเชิญคุณกนกพิชญ์ เรืองระวี เข้าห้องสัมภาษณ์ได้แล้วค่ะ”
“ค่ะ ๆ”
กิ๊ฟละล่ำละลักรับคำ แล้วลุกขึ้นเดินตามเจ้าหน้าที่คนนั้นเข้าไป
ภายในห้องสัมภาษณ์นั้น เป็นห้องประชุมขนาดเล็ก ด้านในมีโต๊ะประชุมถูกจัดเป็นรูปตัวยู คณะกรรมการแต่ละท่านนั่งประจำที่โต๊ะแต่ละตัวโดยมีป้ายชื่อบอกตำแหน่ง
แล้วสายตาของเธอก็สะดุดอยู่ที่คนซึ่งนั่งในตำแหน่งประธานบริษัทเบื้องหน้า
- นั่นมันคนติดตามเจ้านายที่เคยไปบริษัทเก่าเธอไม่ใช่เหรอ ! –
หัวใจของกิ๊ฟหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม จากนั้นก็เต้นรัว เพราะชายหนุ่มที่เธอเข้าใจว่าเป็นพนักงานธรรมดา แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท ที่สำคัญวันนั้นเธอเดินชนเขา จนทำให้กาแฟหกราดเขาด้วย
- ตายห่า ตายห่าแล้ว ความหวังที่จะได้งานใหม่เป็นอันดับสูญแน่ ๆ –
“คุณกนกพิชญ์คะ เชิญนั่งค่ะ”
เจ้าหน้าที่สาวคนเดิมส่งเสียงขึ้น เมื่อเห็นว่าผู้สัมภาษณ์ยืนนิ่ง คณะกรรมการที่รอการสัมภาษณ์ก็เริ่มส่งสายตาเขม่นมอง
"ค่ะ"
กิ๊ฟ เอ่ยเบา ๆ พร้อมก้มหน้าลงเล็กน้อย พยายามเบี่ยงหน้าหลบไม่ให้คนที่นั่งอยู่ตำแหน่งประธานบริษัทมองหน้าเธอได้ชัด
- วันนี้ฉันไม่ได้ใส่แว่น ทรงผมก็ไม่เหมือนวันนั้น เขาคงจำฉันไม่ได้หรอก... เขาจำไม่ได้ ต้องจำไม่ได้แน่ ๆ –
เธอภาวนาในใจ โดยหารู้ไม่ว่า ตั้งแต่เธอก้าวผ่านพ้นประตูเข้ามา ดวงตาคมกริบของท่านประธานหนุ่มก็จับจ้องอยู่ที่เธอแล้ว
- นั่นมันยัยสี่ตาที่เดินชนฉันนี่ ! –
ต่อให้เธอไม่ใส่แว่น หรือแต่งตัวเฉิดฉายกว่านี้ เขาก็จำเธอได้ไม่มีวันลืม คิ้วเข้ม ๆ ลับกับดวงตาสีเข้มที่ทอประกายหยิ่งทะนงในตัวเอง ริมฝีปากบางที่ตวาดใส่หน้าเขาในวันนั้นว่า “....ฉันไม่มีทางเป็นเลขารับใช้ใคร !” ประโยคนั้นยังตราตรึงอยู่ในห้วงความคิดเขาอยู่เสมอ
แล้วไย คนที่ประกาศอย่างห้าวหาญในวันนั้น กลับต้องซมซานมาสมัครงานในตำแหน่งนี้เสียแล้วล่ะ
“เชิญแนะนำตัวค่ะ”
คุณโฉมสอางค์ เป็นคนเริ่มคำถามพื้นฐานในการสัมภาษณ์
กิ๊ฟกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก นิวลอบส่งสายตาอย่างเอาใจช่วย โดยหารู้ไม่ว่า เพื่อนสาวกำลังเจอตอใหญ่เบ่อเริ่มเข้าให้แล้ว
“ดิฉัน... นางสาวกนกพิชญ์ เรืองระวี จบปริญญาตรีจาก.....”
“จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะบัญชีและบริหารธุรกิจหลักสูตรนานาชาติ (BBA) ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.95 เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และปริญญาโทในสาขาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว”
“โธ่เอ๊ย !... ให้มันได้แบบนี้สิ”คิงลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำจัดการปลดปล่อยตัวเองอย่างสุดเซ็ง“คืนนั้น ฉันยังไม่ได้เสียตัวให้คุณเหรอ แล้วทำไมฉันตื่นขึ้นมาในสภาพเปลือยเปล่าแบบนั้นล่ะ แถมยังนอนกอดคุณด้วย”กิ๊ฟซักถามสามี เช้าวันนั้นสภาพที่เห็น ทำให้เธอเข้าใจว่าได้เขาเป็นสามีไปแล้ว มิน่าเล่า ทำไมเธอถึงจำอะไรไม่ได้เลย“ผมเป็นคนถอดเสื้อผ้าคุณออก สร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนว่าเรามีอะไรกันแล้ว เพื่อผูกมัดคุณไม่ให้หนีผมไปไง แต่คิดไม่ถึงว่า ผมยอมลงทุนขนาดนั้นแล้ว คุณยังกล้าทิ้งผมไปอีก ! คืนนี้คุณอย่าหวังว่าจะรอดเลย”คิงคำรามลั่น พร้อมกับพลักเจ้าสาวลงไปกับเตียง จากนั้นก็ขึ้นทาบทับเธอเอาไว้ทั้งตัว“ว๊าย ! เดี๋ยวคะ”หญิงสาวร้องโวยวายขึ้น ใช้สองมือดันหน้าอกเขาไว้ให้ออกห่าง หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว เมื่อรู้ว่าคืนนี้จะเป็นคืนแรกที่เธอจะเสียตัวจริง ๆ“เดี๋ยวอะไรอีก”ชายหนุ่มถามติดจะหงุดหงิด“กะ... กิ๊ฟกลัว” ร่างของเธอสั่นระริกขึ้นมาจริง ๆ ใบหน้าแดงก่ำ เธอเอ่ยตะกุกตะกักออกไปว่า “ขอกิ๊ฟดื่มเหล้าย้อมใจก่อนได้ไหม เผื่อว่าจะได้หายกลัว”คิงหัวเราะเต็มเสียง เลขาสาวผู้แสนจะเก่งกาจไม่เ
หญิงสาวน้ำตารื้นขึ้นมา แผ่นหลังของเธอแนบชิดกับแผงอกจนรับรู้ได้ถึงไออุ่นที่แสนคุ้นเคย แต่หัวใจเธอกลับบีบรัดกันแน่นจนรู้สึกเจ็บ เพราะหากเธอยอมกลับไปอยู่ในสถานะเดิม วันหนึ่งประวัติของเธอก็คงจะซ้ำรอยเหมือนกับแม่ของเธอแน่ ๆ“ปล่อยฉันเถอะค่ะคุณคิง เราสองคนไม่คู่ควรกัน สักวันหนึ่งคุณก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่แม่คุณเลือกให้”เธอพยายามขยับตัวหนี แต่เขากลับรัดวงแขนแน่นขึ้นไปอีก“ไม่ ผมไม่ปล่อย ผมอุตส่าห์ตามคุณมาถึงที่นี่ ทำทุกอย่างเพื่อให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน คุณยังคิดจะหนีไปจากผมอีกหรือ.....”เขาส่งเสียงตัดพ้อออกมา ทันทีที่เขารู้เรื่องราวของหญิงสาวทุกอย่าง และรู้ว่าบริษัทไอยรา กรุปกำลังย่ำแย่ จึงวางแผนเข้ากวาดซื้อหุ้นของไอยรา แย่งชิงสิ่งที่ควรจะเป็นของเธอกลับคืนมาให้ แล้วบีบให้คนที่ทำร้ายเธอในอดีตให้จนตรอกอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าเขาจะหมดเงินไปกี่หมื่นล้านก็ตามชายหนุ่มจับต้นแขนของเธอทั้งสองข้าง แล้วผลักให้หญิงสาวหันมาสบตาเขา ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ชั่วชีวิตนี้ผมจะรัก และแต่งงานกับคุณแค่คนเดียวเท่านั้น”“ถ้าแม่คุณ.....”กิ๊ฟเอ่ยออกมาได้ยากยิ่ง เพราะก้อนแข็ง ๆ วิ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอ น้ำตา
คิงแกล้งส่งเสียงไอขึ้น พลางปรายตาคมดุมองมาที่คู่รักข้าวใหม่ปลามันที่จีบกันไม่รู้จักเวล่ำเวลา ทำเอาคนทั้งคู่ยิ้มเจื่อนไปทันที“ผมยังพูดไม่จบ...” คิงเอ่ยขึ้นอย่างทรงอำนาจแม้ว่าจะอยู่ในบริษัทของคนอื่นก็ตาม “เงื่อนไขของผมคือ หุ้นของบริษัทไอยรา กรุปในมือผม จะถูกโอนไปให้นางสาวกนกพิชญ์ เรืองระวี ทันทีที่เธอยอมลงนามในทะเบียนสมรส”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เจ้าหน้าที่อำเภอรีบนำเอกสารขึ้นมาทันที ทั่วทั้งต่างตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน คิงจึงเอ่ยต่อท่ามกลางความเงียบนั้นว่า“หากคุณจันทิราต้องการให้ลูกชายของคุณครองตำแหน่งประธานบริษัท ก็เอาเงินที่มีทั้งหมดมาขอซื้อหุ้นจากคุณกิ๊ฟไปได้ แต่ตอนนี้ราคาหุ้นสูงขึ้นมากแล้ว อาจจะได้แค่ 2 – 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น”เมื่อคิงเอ่ยจบ คุณจันทิมาถึงกับกรีดร้องออกมาลั่นห้องทันที“กรี๊ดดดดดดด ฉันไม่ยอม !” หากนังลูกเมียเก็บนั่นยอมจดทะเบียนสมรสกับมหาเศรษฐีหนุ่มคนนี้ เธอสองแม่ลูกก็จะตกเป็นเบี้ยล่างมันทันที นี่เธอตกอับถึงขนาดต้องไปกราบกรานขอซื้อหุ้นจากมันเชียวหรือ“มันไม่ใช่คนในตระกูลไอยรา มันก็แค่ลูกเมียเก็บ มีสิทธิ์อะไรมาครอบครองหุ้นของโรงแรมนี้ !”จันทิราโวยวายขึ้นอย่างไม่ลืมหูลื
“ขออนุญาตค่ะ มิสเตอร์อเล็กซานเดอร์มาถึงแล้วค่ะ”เลขานุการของไอยรา เปิดประตูให้กับแขกคนสำคัญเดินเข้ามา ฝ่ายนั้นเดินเข้ามาในห้องเกือบสิบคนสามคนสุดท้ายที่เดินเข้ามานั้น ทำให้กิ๊ฟถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง หัวใจเธอเต้นโครมครามทันทีที่สบเข้ากับดวงตาคมกริบคู่นั้น“คุณคิง”เสียงแผ่วเบาหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากของหญิงสาว ในขณะที่น้องชายของเธอก็เอ่ยขึ้นว่า“ยินดีต้อนรับครับมิสเตอร์อเล็กซานเดอร์” เก่งรีบลุกขึ้นเข้าไปจับมือทักทายกับแขกคนสำคัญ “เชิญนั่งครับ”คณะของมิสเตอร์อเล็กซานเดอร์ หรือ คิงนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม เขามองหญิงสาวที่แสนคิดถึงนั้นด้วยแววตาวาววับคมกล้า ในขณะที่เขาเอ่ยแนะนำคนในทีมของตนให้อีกฝ่ายรู้จักผู้ร่วมทีมของเขาในวันนี้ประกอบด้วยทนายความฝีมือดีที่สุด ผู้แทนของบริษัทหลักทรัพย์ (Broker) เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนราษฎร ผู้จัดการสินทรัพย์ของบริษัท รองประธานคณะกรรมการ และหัวหน้าฝ่ายการตลาดนิวนี่ที่ถูกแนะนำเป็นคนสุดท้าย แอบยักคิ้วให้กับเพื่อนสาว ที่ยังคงนั่งแข็งค้างคล้ายคนถูกสาป คนในตระกูลไอยราไม่ทราบว่าเขากับกิ๊ฟเป็นเพื่อนสนิทกัน ดังนั้น เขาจึงร่วมทีมมากับคุณเค และคุณคิงโดยไม่ต้อง
จันทิราชะงักฝีเท้า แล้วหันมามองสามี แต่เมื่อแลเลยไปเห็นลูกสาวของเมียอีกคนของเขา คอเธอก็ชูตั้งแข็งขึ้นมาทันที“คุณแม่ครับ เชิญมาคุยกันก่อน”เก่งลุกขึ้น เข้าไปโอบมารดาให้มานั่งลงที่โซฟานุ่ม เพื่อที่จะได้สนทนาเรื่องสำคัญ“เรื่องอะไร มีอะไรต้องพูดกัน ทุกวันนี้แกสองพ่อลูกเคยเห็นฉันอยู่ในสายตาไหม ดีแต่จะคอยโอ๋เอาใจคนอื่น”จันทิราปรายตามองไปที่กิ๊ฟ จงใจกระแทกเสียงคำว่า – คนอื่น – ให้ลูกเมียเก็บได้ยิน“แต่คนอื่นที่คุณเอ่ยถึง คือ ลูกสาวของผม และคือคนที่ช่วยบริษัทของเราไว้ เป็นคุณเสียอีกที่ขายบริษัทให้กับคนอื่นกับมือตัวเอง !”ปนนธีร์ขึ้นเสียงเข้มกับภรรยา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง“นี่คุณอย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ ! ฉันขายบริษัทให้ใครที่ไหน”จันทิราตวาดสามีกลับ ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้พลาดพลั้งทำอะไรลงไป“ก็หุ้นของไอยรากรุป ที่คุณขายออกไปจนหมดอย่างไงล่ะ”ปนนธีร์จ้องหน้าภรรยาด้วยใบหน้าถมึงทึง“ฉันขายหุ้นในส่วนของฉัน มันผิดตรงไหน ถ้าราคามันสูงขึ้นเราก็รีบขายเอากำไรสิ ใคร ๆ เขาก็ขายกัน”จันทิราเถียงคอเป็นเอ็น ให้ตายเธอก็ไม่ยอมรับว่าเป็นคนขายบริษัท“พ่อครับ แม่ครับ ใจเย็น ๆ แล้วฟังผมอธิบายก่อนนะ
“เหอะ ! ไปทำงานที่บริษัทไม่กี่วัน แกก็จะนับญาติกับผู้หญิงคนนั้นแล้วเหรอ ผู้หญิงเขาทิ้งพี่แกไป แกยังจะไปเห็นดีเห็นงามอะไรอีก ยังไงยัยหนูมิ้น ลูกสาวของคุณหญิงก็ดีกว่าเป็นไหน ๆ”นริศรเชิดหน้าขึ้น พูดได้ไม่เต็มปากนัก เธอยังไม่อยากยอมรับหญิงสาวเป็นลูกสะใภ้ในตอนนี้ เพราะกลัวจะเสียหน้า“ที่คุณกิ๊ฟเขาทิ้งผมไป ก็เป็นเพราะว่าคุณแม่เป็นคนบีบบังคับให้เธอต้องหนีไป” คิงเอ่ยเสียงขรึม“ตาคิง !”นริศรเสียงสูง ตกใจที่ลูกชายของตนรู้เรื่องที่เธอแอบทำทั้งหมดแล้ว“ส่วนผู้หญิงที่คุณแม่อยากได้มาเป็นสะใภ้นั้น เธอมีผัวแล้ว และที่สำคัญครอบครัวเป็นหนี้ธนาคารอยู่ร้อยล้าน”“ไม่จริง !”นริศรส่ายหน้าอย่างยากที่จะยอมรับได้“คุณแม่ดูคลิปนี่ครับ”เคเปิดคลิปในมือถือให้คุณนริศรดูในหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ปรากฏภาพของมายด์มิ้นเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ใบหน้าหญิงสาวเต็มไปด้วยความหงุดหงิดนริศรได้ยินเสียงของมายด์มิ้นคุยโทรศัพท์กับคุณหญิงแม่ชัดถ้อยชัดคำ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า......ถ้าลูกชายของยัยป้านริศรหน้าโง่นั่นจับง่ายก็ดีสิ ฉันกับแม่จะได้สบายไปทั้งชาติ...........มิ้นกลับไปนอนกอดผัวให้กีฉ่ำดีกว่า....“ตายแล้ว !”นริศรยกมื