[ตามง้อภรรยาสุดชีวิต + ทายาทหนุ่มแห่งแวดวงเมืองหลวงขึ้นสู่อำนาจ] ในขณะที่เซ่าเยว่กำลังแท้งลูก เจียงเฉินหานก็กำลังฉลองการกลับมาของคนในดวงใจ สามปีที่ทุ่มเทและอยู่เคียงข้าง สำหรับเขา ก็เป็นแค่แม่บ้านและแม่ครัวในบ้านเท่านั้น เซ่าเยว่หมดใจ ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะหย่า เพื่อนในแวดวงต่างรู้กันดีว่า เซ่าเยว่ขึ้นชื่อเรื่องติดหนึบเหมือนกาวที่สลัดไม่ออก “ฉันพนันว่าวันเดียว เซ่าเยว่จะกลับมาแต่โดยดี” เจียงเฉินหาน “วันเดียวเหรอ? เยอะไปแล้ว มากสุดครึ่งวัน” ในวินาทีนั้นที่เซ่าเยว่หย่า ก็ตัดสินใจไม่หันหลังกลับ เริ่มต้นยุ่งกับชีวิตใหม่ ยุ่งกับธุรกิจที่เคยทอดทิ้ง และยุ่งกับการทำความรู้จักคนใหม่ ๆ วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เจียงเฉินหานก็ไม่เคยเห็นเงาของเซ่าเยว่ที่บ้านอีกเลย เจียงเฉินหานตื่นตระหนกขึ้นมาทันที ในงานประชุมธุรกิจระดับสูงครั้งหนึ่ง ในที่สุดก็ได้เจอเธอที่ถูกล้อมรอบด้วยฝูงชน เขาพุ่งเข้าไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น “เซ่าเยว่ เธอยังงี่เง่าไม่พออีกหรือไง?!” ซางจื้อเหนียนก้าวขึ้นมาขวางหน้าเซ่าเยว่ทันใด มือหนึ่งผลักเขาออกไป กลิ่นอายเย็นยะเยือกทำให้คนเกรงขาม “อย่ามาแตะต้องพี่สะใภ้ใหญ่ของนาย” เจียงเฉินหานไม่เคยรักเซ่าเยว่เลย แต่หลังจากที่เขาตกหลุมรักเธอ ข้างกายเธอก็ไม่มีที่ให้เขายืนนานแล้ว
View More“...งั้นก็อวยพรให้พวกเขาเถอะ” คอมเมนต์ในเน็ตก็ตรงกับความเป็นจริงทั้งหมด เซ่าเยว่ไม่มีอะไรให้ประหลาดใจเฉิงเหยียนโย่วไม่มีอะไรจะพูดอยู่ครึ่งวัน ดีใจไปด้วยว่าเซ่าเยว่ไม่ค่อยสนใจนัก และสะอิดสะเอียนผู้ชายสารเลวไปด้วยไม่ว่าจะว่ายังไง เซ่าเยว่ก็สำคัญที่สุดเธอไม่อยากสนใจก็ไม่ต้องสนใจ ได้แต่อดกลั้นความสะอิดสะเอียนที่มีต่อผู้ชายสารเลวเอาไว้ และไม่พูดอะไรมากอีกจากนั้นก็พูดคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งสองคนจะวางสายไปเซ่าเยว่ไม่สนใจเจียงเฉินหานกับเซี่ยอวิ๋นซูเลยจริง ๆ แต่ก็ยังกดเข้าไปในการค้นหาร้อนแรง โดยพิมพ์ชื่อของทั้งสองคนลงไปเลยไถตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ไม่เห็นชื่อของซางจื้อเหนียนเลยโปรเจกต์การกุศลถูกนำเสนอออกมาเรื่อย ๆ ย่อมยิ่งดีอยู่แล้ว คนของตระกูลซือจะทำการโปรโมตอย่างยิ่งใหญ่ด้วยรูปลักษณ์ของซางจื้อเหนียน ถ้าโพสต์รูปภาพส่ง ๆ สักรูป ต้องขึ้นการค้นหาร้อนแรงแน่นอนแต่ไม่มีภาพเลยสักใบที่งานเลี้ยงเมื่อกี้มีสื่อมามากมายขนาดนั้น แต่รูปและวิดีโอที่เผยแพร่ออกไป คนของตระกูลซือจะตรวจสอบทั้งหมดเป็นได้แค่ท่าทางของตัวซางจื้อเหนียนเอง เขาชอบอยู่เงียบ ๆ มากกว่า ไม่อย่างนั้นตระกูลซือไม่มีเหตุผลใ
“นี่เป็นแค่การสมมติ แต่ในความเป็นจริงการสมมตินี้ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ เพราะงั้นเธอก็อย่าเอาสถานการณ์จริงมาโต้แย้งฉัน ฉันก็แค่อยากรู้ความคิดของเธอ”“จริงสิ ยังต้องกำจัดความสัมพันธ์ของเขากับเจียงเฉินหานด้วย สมมติว่าทั้งสองคนไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แล้วซางจื้อเหนียนก็ชอบเธอ เธอจะเลือกยังไง?”ความคิดที่สลัดสถานการณ์จริงออกไปคือการเพ้อฝัน เซ่าเยว่ไม่ชอบการสมมติแต่ก็แค่คุยไปเรื่อยเปื่อยกับเพื่อนเท่านั้น ยังไงก็ไม่เป็นไรเธอจึงครุ่นคิดอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง“อย่างแรก ซางจื้อเหนียนชอบฉัน อย่างที่สอง เขากับเจียงเฉินหานไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ภายใต้พื้นฐานการสมมติสองข้อนี้ คนที่จะปฏิเสธก็คงมีน้อยหรือเปล่า ถึงยังไงซางจื้อเหนียนก็หน้าตาดี มีเงิน รูปร่างดี ข้อดีเหล่านี้พอให้ผู้หญิงเราอิ่มเอมใจแล้ว”เฉิงเหยียนโย่ว “เพราะงั้นคำตอบของเธอคืออะไรเหรอ?”“ความคิดของคนจะปลี่ยนไปตามประสบการณ์ของตัวเอง เหยียนโย่ว ฉันเคยผ่านการแต่งงานที่ล้มเหลวกับเจียงเฉินหานมาก่อน เธอรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดของฉันคืออะไรไหม?”“มุมมองด้านความรัก?”“ใช่ มุมมองด้านความรักเปลี่ยนไปแล้ว กับเพื่อนฉันก
เซ่าเยว่สบายใจอย่างที่สุดประธานซางยึดมั่นในหลักการเป็นอย่างมาก ไม่ใช่เงินของเขา เขาก็จะไม่รับแม้แต่แดงเดียวที่เป็นของเขา เขาจะรับเอาไว้แน่นอนหลังกินอาหารค่ำ เซ่าเยว่ก็เก็บกล่องดิลิเวอรีซางจื้อเหนียนพูดขึ้นว่า “วางไว้เถอะ นี่ไม่ใช่งานที่คุณต้องทำ เดี๋ยวจะมีคนเก็บ”เซ่าเยว่รู้ว่าเขาเป็นโรครักความสะอาด ฉะนั้นจึงชิงลงมือก่อนล่วงหน้า ทำไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เก็บจนสะอาดไปแล้ว สุดท้ายถือถุงขยะและเสื้อสูทตัวนอกของเขา พลางบอก ‘ฝันดี’ แล้วเปิดประตูออกไปซางจื้อเหนียนนั่งอยู่บนโซฟาเห็นข้อความที่ลู่เจี้ยนเฉินส่งมาก่อนหน้านี้[เมื่อกี้ฉันบอกว่าฉันอยากไปส่งเซ่าเยว่กลับบ้าน นายถึงขั้นสั่งอาหารค่ำมาแล้ว จู่ ๆ ก็บอกว่าเบื่อขึ้นมากะทันหัน ไอ้ความ ‘กะทันหัน’ นี่มัน ‘กะทันหัน’ เกินไปหน่อยหรือเปล่า? สารภาพมาเถอะ นายอยากไปส่งเซ่าเยว่กลับบ้านใช่ไหม!]ซางจื้อเหนียน [ใช่][จิ้งจอกเฒ่า ฉันรู้อยู่แล้วเชียว]ลู่เจี้ยนเฉิน [นายหมายความว่ายังไง เซ่าเยว่ขอบคุณนายต่อหน้าเราเยอะแยะขนาดนั้น นายกลับไม่ตอบกลับสักแอะ ถ้าเป็นฉันไปส่งเขากลับแทนนายละก็...นายชอบที่จะเมินขนาดนี้ สมควรแล้วที่นายจะโสด! สุดท้ายก็มาเ
ซางจื้อเหนียนไม่ได้เปลี่ยนรองเท้า เซ่าเยว่ยกเลิกแผนกลับไปเปลี่ยนรองเท้าที่ห้องเธอเคยมาสองครั้งแล้ว ทุกครั้งที่มา ห้องก็สะอาดสะอ้านตลอด น่าจะมีคนมาทำความสะอาดทั้งข้างนอกและข้างในทุกวันแต่ก่อนหน้านี้ เซ่าเยว่มาคนเดียว วันนี้ซางจื้อเหนียนก็อยู่ด้วยไม่ชินเล็กน้อยทว่ายังปรับตัวไม่ได้เซ่าเยว่วางถุงที่ใส่สูทของเขาเอาไว้ลงก่อน แล้วถือมื้อค่ำไปวางบนโต๊ะอาหาร เธอหยิบออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะเปิดออก ทำเหมือนอย่างปกติหลังซางจื้อเหนียนล้างมือ ก็มานั่งบนโต๊ะอาหารเซ่าเยว่พูดขึ้นว่า “ประธานซาง คุณทานให้อร่อยนะคะ ฝันดีค่ะ”เธอพูดจบก็คิดจะออกไป ทว่าชายหนุ่มกลับเอ่ยปากขึ้นอย่างเย็นชา “เยอะขนาดนี้ ผมกินไม่หมด” ปริมาณของอาหารค่ำ เซ่าเยว่สั่งน้อยลงครึ่งหนึ่ง แต่ยังไงที่ซางจื้อเหนียนสั่งก่อนหน้านี้ก็สำหรับสี่ที่ แม้จะลดลงครึ่งหนึ่งก็กินไม่หมดเซ่าเยว่เพียงอยากกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ลังเลว่าจะปฏิเสธดีไหม ชายหนุ่มยกตะเกียบขึ้นมา พร้อมเบือนสายตาไปจากบนตัวของเธอแล้วเซ่าเยว่จึงไม่ปฏิเสธ...ปฏิเสธครั้งสองครั้งยังพอทน ปฏิเสธเยอะเกินไปจะทำให้เขารู้สึกว่าไม่ไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อย ถึงยังไงก็เป็นแ
สายตาของซางจื้อเหนียนย้ายไปจากตัวของหญิงสาวตั้งนานแล้ว เขาชี้ดิลิเวอรีหลากหลายเมนูที่ตั้งอยู่เต็มโต๊ะ “กินข้าวเถอะ”ลู่เจี้ยนเฉินเรียกให้เซ่าเยว่มาด้วยกันเซ่าเยว่กำลังสังเกตสีหน้าของซางจื้อเหนียน เขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ จึงไม่รู้ชัดว่าเขาคิดยังไง แต่ไม่ได้พูดมาก คงน่าจะผ่านด่านละมั้งเธอมองของกินเต็มโต๊ะนี่ “ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ พวกคุณกินกันเถอะ”ลู่เจี้ยนเฉินอึ้งไป “รีบขนาดนี้เชียว คุณมีธุระเหรอ?”เซ่าเยว่พยักหน้าลู่เจี้ยนเฉินผลักซางจื้อเหนียน “ให้เธออยู่ต่อสิ” เขาเข้าใจแล้ว เซ่าเยว่ถูกความบ้าอำนาจของเจ้านายบีบบังคับ เพียงแค่เชื่อฟังจิ้งจอกเฒ่าเท่านั้นใบหน้าของซางจื้อเหนียนเต็มไปด้วยความไม่แยแสเซ่าเยว่ลุกขึ้น ทั้งเกรงใจและทั้งเหินห่าง “ประธานซาง พวกคุณสนุกกันต่อเถอะค่ะ ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ คืนนี้ขอบคุณคุณมากนะคะ”ลู่เจี้ยนเฉินลุกขึ้นยืนตาม “เกรงใจขนาดนี้ไปทำไมกัน เรื่องใหญ่แค่ไหนกันเชียว ถ้าไม่ได้เป็นเพราะฐานะของซางจื้อเหนียนเหมาะจะสั่งสอนยัยเด็กหน้าไม่อายมากกว่า ไม่อย่างนั้นผมก็คงไปช่วยคุณแล้ว ยังไงก็กินให้อิ่มก่อนแล้วค่อยไปเถอะ!”เซ่าเยว่ตอบกลับ “เราเจอกันพรุ่งนี้นะคะ”ล
“เป็นเรื่องจริง ผมยังจำครั้งแรกที่เล่นไพ่นกกระจอกได้ เจ้านายคุณอุตส่าห์ชนะแล้ว แต่สุดท้ายพวกเราหลายคน ต่างคนต่างชนะไพ่แต้มดีกันคนละตา เอาคืนเงินที่เขาหามาอย่างยากลำบากทั้งหมด สุดท้ายยังต้องจ่ายเพิ่มอีกด้วยซ้ำ” ลู่เจี้ยนเฉินพูดขึ้นอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นเซ่าเยว่มองซางจื้อเหนียน เขาไม่พูดอะไร เพราะนั่นคือความจริง“เราต่อกันเถอะ”เฟิงเยี่ยน “เราจะไม่อ่อนข้อให้หรอกนะ”อวี๋หลินโจวเองก็พยักหน้า“วันนี้ผู้ชายอกสามศอกทั้งสามคน ใครก็อย่าห้ามให้เสียมาด”ลู่เจี้ยนเฉินดูเรื่องสนุกไม่รังเกียจเรื่องใหญ่โต ยากที่ซางจื้อเหนียนจะกำหนดตัวชี้วัดผลงานให้เซ่าเยว่ ชนะก็หมดสนุกแล้ว ต้องให้เธอแพ้ตลอดถึงจะสนุกเมื่อเผชิญหน้ากับ ‘การยั่วยุ’ ของทั้งสามคน เซ่าเยว่ก็ฉีกยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรค่ะ มาเถอะ”ลู่เจี้ยนเฉินพลันฮึกเหิมขึ้นมา “นี่ ๆ ๆ ซางจื้อเหนียน เลขาตัวน้อยนายกำลังลองดีกับเราอยู่ นายพนันว่าเราชนะหรือพนันว่าเลขาตัวน้อยนายจะชนะ!”ซางจื้อเหนียนก็ยังทำท่าทีขี้เกียจจะพูดเช่นเดิมเซ่าเยว่ที่เย็นชาดั่งหุ่นยนต์ ถึงกับรับคำท้าอย่างทรงพลัง กลับปลุกเร้าจิตใจอย่างเอาชนะของเฟิงเยี่ยนอีกด้ว
Comments