“ไปอยู่กับฉันไหม...” เอวาในตอนนี้เกิดความงุนงงเป็นอย่างมากกับประโยคเมื่อสักครู่ เธอเงยหน้ามองคลาสอย่างไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ฟรานและเรียวตะก็งงกับประโยคที่เพื่อนพูดออกไป
“ว่ายังไง” คลาสยังใช้สายตากดดันและถามย้ำเอวาต่อ “เอ่อ คือหนู” “ฉันแค่ถูกชะตากับเธอเท่านั้น” “เธอเหมือน.... น้องสาวของฉันที่หายไป” เอวาที่ได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองคลาสที่ตอนนี้แววตาของเค้านั้นฉายความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน “ฉันไม่บังคับ ถ้าอยากมาอยู่กับฉันในฐานะน้องสาวเมื่อไหร่ก็ติดติดต่อมา” มือหนาส่งนามบัตรยืนให้เด็กสาวตรงหน้าก่อนจะลุกและเดินออกไปทันที เอวาในตอนนี้เธอยืนมองไปที่ท้องถนนเพื่อเรียกแท็กซี่กลับไปยังห้องพัก ในเวลานี้ผู้คนที่มาเที่ยวยังผับแห่งนี้ก็ต่างพากันกลับ เอี๊ยด.. เสียงรถที่ถูกขับมาจอดตรงหน้าเอวาทำให้เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเห็นรถหรูเลื่อนลดกระจกลงให้เห็นคนที่อยู่ในรถ “คุณเคเดน” เอวาที่ตกใจที่อยู่ๆคุณเคเดนก็ขับรถมาจอที่ตรงหน้าเธอ “ขึ้นรถ” เอวาที่เกินความงุนงงก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ไวกว่าความคิดรู้ตัวอีกทีมือหนาก็จับเข้าที่แขนเรียวเล็กแล้ว “ฉันจะไปส่ง ขึ้นรถ”เอวาที่ถูกจับยัดเข้ามาในรถหรูได้แค่นั่งเงียบจนกระทั่งรถเคลื่อนตัว บรรยากาศในรถเงียบจนอึดอัด เอวาที่ไม่ดูจะทำยังไงดีก็เลยเลือกที่จะมองออกไปด้านนอกรถเพื่อหลบตาเคเดน “เธอลืมพกปากมารึไง” น้ำเสียงเข้มยิ่งสร้างความประหม่าให้เอวามากกว่าเดิม “คือหนู ไม่รู้จะพูดอะไรค่ะ” “ทำไม ถึงมาอยู่ที่นี่” “หนูแค่ต้องการมาทำงานหาเงินส่งให้น้องๆค่ะ” เอวาบอกเหตุผลให้คนตัวสูงฟังเพื่อบอกถึงเป้าหมายในการที่เธอมาอยู่ที่นี่ “ที่แม่ฉันบริจาคเงินไป มันไม่พอรึไง” “ไม่ใช่นะคะ แต่หนูแค่ต้องการช่วยแม่ครูรับผิดชอบน้องๆก็เท่านั้น เพราะต่อให้ไม่มีผู้ใหญ่ใจดีหนูก็ยังอยากเห็นรอยยิ้มของน้องๆเหมือนเดิม” คำพูดของเอวาที่บ่งบอกถึงจิตใจของเธอที่ดีมาก รู้จักห่วงคนอื่นทั้งที่การที่เธอเดินออกมาจากบ้านเด็กกำพร้านั่นและไม่ไปกลับไปก็ยังได้ แต่เด็กสาวกลับห่วงใยทุกคนที่นั่นเหมือนดั่งครอบครัวของเธอ “ไปทำงานอยู่กับฉันสิ่ เเล้วสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นจะมีฉันสนับสนุนไปตลอด” “ตกลงค่ะ” เด็กสาวตอบตกลงอย่างไม่ลังเล เพราะตัวเธอเองก็รักที่นี่มากและตอนนี้ก็เก่าทรุดโทรมลงไปเยอะ หากอะไรที่ทำให้เเม่ครูและน้องๆที่นี่มีชีวิตดีขึ้น เธอจะทำ “ไปกับฉัน ส่วนของใช้เธอฉันจะจัดการเอง” “หนูต้องไปอยู่กับคุณเลยหรอคะ?” เอวาที่ตกใจเพราะเพียงแค่ทำงาน เธอไม่เห็นว่าจะต้องไปอยู่กับเค้าเลย “งานของเธอคือดูแลฉัน ก็ต้องไปอยู่กับฉัน” “แต่..” “เดือนละ 1 แสนเงินเดือนของเธอ” เอวาที่ไม่คิดว่าเคเดนจะให้เงินเดือนเธอมากขนาดนี้ถึงกับตาโตด้วยความตกใจ “จะ จริงหรอคะ คุณไม่ได้หลอกหนูใช่ไหมคะ” “ฉันดูเหมือนพวกพูดเล่นงั้นหรอ” สายตาดุหันมามองเด็กสาวด้วยสีหน้าที่หงุดหงิด “ไม่ ไม่นะคะ ขอบคุณค่ะ” เอวาในตอนนี้รู้สึกดีใจที่เธอจะหาเงินได้มากขนาดนี้และมีเงินส่งให้แม่ครูพักพิงไปดูแลน้องๆ “แล้วงานที่ผับล่ะคะ หนูยังสามารถไปทำได้ไหมคะ” เอวายังคงถามถึงงานที่เธอพึ่งไปทำได้แค่เพียงสองวัน หากจะลาออกก็เห็นใจเจ้ทั้งสองที่ช่วยเหลือหางานนี้ให้เธอ “ฉันจะจัดการเอง” เมื่อได้ยินเสียงตอบกลับเอวาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีก ทำได้เพียงแค่เงียบปากลงเพียงเท่านั้น เอวาที่ระหว่างทางเอาแต่คิดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ที่คลาสชวนเธอไปอยู่ด้วย ไหนจะเคเดนที่ให้เธอมาทำงานด้วยอีกจนลืมไปว่านี่ไม่ใช่ทางกลับยังห้องพักของเธอ รู้ตัวอีกทีตอนนี้รถคันหรูเข้ามาจอดยังชั้นที่มีป้ายติดว่า VIP เรียบร้อย “เอ่อ คุณจะไปส่งหนูไม่ใช่หรอคะ?” เอวาถามคนร่างสูงที่ตอนนี้ได้ดับเครื่องยนต์รถและเตรียมจะเปิดประตูก้าวลงจากรถ “ทำงานกับฉัน เธอก็ต้องมาอยู่กับฉันวันนี้” เคเดนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยและเปิดประตูก้าวลงจากรถทันที โดยไม่ได้สนใจเอวาแม้แต่น้อย เอวาที่เห็นแบบนั้นก็รีบปลดเข็มขัดนิรภัยและก้าวลงกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามคนตัวสูงไป “ทำไม ขาเค้ายาวขนาดนี้นะ” ร่างสูงขาเรียวยาวราวกับนายแบบก้าวไปเดินจนคนตัวเล็กที่พยายามรีบเดินตามเกือบหอบ ร่างหนาก้าวเดินเข้าไปยังลิฟและหันกลับมามองคนตัวเล็กที่รีบเดินตามเค้าด้วยท่าทีเหนื่อยหอบ พรางยกยิ้มมุมปากกับท่าทีของเธอ บรรยากาศภายในลิฟตอนนี้เงียบมาก ก่อนที่จะเลื่อนขึ้นมาหยุดยังชั้น 39 ทั้งชั้นมีเพียงห้องเดียวเมื่อเดินตามเคเดนเข้ามาด้านใน เอวาที่มองไปยังกระจกใสก็เห็นกับวิวยามค่ำคืนในตอนนี้ เอวาคิดในใจที่มีคนบอกว่ากรุงเทพคือเมืองที่ไม่เคยหลับใหลคือเรื่องจริงสิ่นะ บนท้องถนนยังคงมีรถวิ่งไปมาอยู่ถนน และมีดวงไฟมากมายที่ยังคงเปิดอยู่ราวกำลังผู้คนจะใช้ชีวิตในช่วงเวลานี้เสียมากกว่าช่วงกลางวันด้วยซ้ำ “ทำอย่างกับไม่เคยเห็น” เคเดนพูดพร้อมกับส่ายหน้าที่เอวานั้นดูตื่นเต้นจนออกนอกหน้า “ใช่ค่ะ หนูไม่เคยเห็นเลย” “ตั้งแต่ที่หนูจำความได้ก็อยู่ที่บ้านเด็กกับพร้ากับแม่ครูแล้ว” เอวาบอกไปตามจริงเพราะเธอเองก็เข้ามาที่กรุงเทพเป็นครั้งแรก “เธออยู่ที่นั่นมาตั้งแต่เกิดงั้นหรอ” เคเดนที่ถามเธอออกไปตรงๆ อย่างน้อยเอวาเองก็ต้องมีประวัติก่อนจะไปอยู่ที่นั่น อย่างน้อยก็พ่อแม่ของเธอเป็นใครแล้วหายไปไหนทำไมถึงเอาเธอไปไว้ที่นั่น แต่เปลกตรงที่เอวานั้นไม่มีประวัติใดๆให้ตรวจสอบได้เลย ราวกับเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อน แล้วเรื่องการลบเลือนประวัติต่างๆจนไม่เหลือซากที่ให้เค้าได้หาเจอแม้แต่น้อยก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถทำได้ หนึ่งในนั้นก็คือพ่อของเคเดนเอง “ใช่ค่ะ แม่ครูบอกหนูแค่นั้น” “เธอไปพักเถอะ นั่นห้องของเธอ” เอวาหันมองตามเคเดนก็เห็นห้องนอนขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ “แล้วไม่มีใครอยู่อีกเลยหรอคะ” “งานที่คุณให้หนูมาทำ คืออะไรหรอคะ” “ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้” พูดจบเคเดนก็เดินปลีกตัวไปยังห้องของเค้าทันที เอวาที่มองไปรอบๆที่นี่หรูหราและใหญ่มากราวกับบ้านเป็นหลังเลย แต่ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมานานแล้วเธอจึงเลือกเดินไปยังห้องพักของเธอทันที เมื่ออาบน้ำชำระร่างกายเสร็จตอนนี้เอวานั่งเช็ดผมตัวเองที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งราคาแพงภายในกระจกสะท้อนให้เห็นตัวเองในตอนนี้ที่โตขึ้นมากแล้ว เธอนั้นรู้ดีว่าพ่อแม่ของเธอนั้นตายไปแล้วเธอมีเพียงแค่แม่นมพักพิง ที่พาเธอหนีจากความตายรอดมาได้ เธอถูกทำร้ายหัวแตกและเรื่องราวในอดีตของเธอหายไปบางส่วน ถึงตอนนี้มันเริ่มกลับมาบ้างแล้วเพียงแค่เธอไม่ได้อยากนึกถึงและเล่าเรื่องราวที่โหดร้านในคืนนั้นให้ใครฟัง ภาพที่เห็นพ่อและแม่ของตัวเองถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตามันยังคนฝังลึกในใจของเธอ มีเพียงแค่หน้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เธอพยายามนึกว่าคือใครแต่ก็นึกไม่ออกสักที แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรอีกที่เธอจะต้องพยายามไปรื้อฟื้นอดีต สุดท้ายแล้วความจริงก็คือตอนนี้เธอเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าเท่านั้น...“ไปอยู่กับฉันไหม...” เอวาในตอนนี้เกิดความงุนงงเป็นอย่างมากกับประโยคเมื่อสักครู่ เธอเงยหน้ามองคลาสอย่างไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ฟรานและเรียวตะก็งงกับประโยคที่เพื่อนพูดออกไป“ว่ายังไง” คลาสยังใช้สายตากดดันและถามย้ำเอวาต่อ “เอ่อ คือหนู” “ฉันแค่ถูกชะตากับเธอเท่านั้น”“เธอเหมือน.... น้องสาวของฉันที่หายไป” เอวาที่ได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองคลาสที่ตอนนี้แววตาของเค้านั้นฉายความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน “ฉันไม่บังคับ ถ้าอยากมาอยู่กับฉันในฐานะน้องสาวเมื่อไหร่ก็ติดติดต่อมา” มือหนาส่งนามบัตรยืนให้เด็กสาวตรงหน้าก่อนจะลุกและเดินออกไปทันที เอวาในตอนนี้เธอยืนมองไปที่ท้องถนนเพื่อเรียกแท็กซี่กลับไปยังห้องพัก ในเวลานี้ผู้คนที่มาเที่ยวยังผับแห่งนี้ก็ต่างพากันกลับ เอี๊ยด.. เสียงรถที่ถูกขับมาจอดตรงหน้าเอวาทำให้เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเห็นรถหรูเลื่อนลดกระจกลงให้เห็นคนที่อยู่ในรถ“คุณเคเดน” เอวาที่ตกใจที่อยู่ๆคุณเคเดนก็ขับรถมาจอที่ตรงหน้าเธอ “ขึ้นรถ” เอวาที่เกินความงุนงงก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ไวกว่าความคิดรู้ตัวอีกทีมือหนาก็จับเข้าที่แขนเรียวเล็กแล้ว “ฉันจะไปส่ง ขึ้นรถ”เอวาที่ถูกจับยั
ร่างเล็กในตอนนี้ที่เกิดอาการตกใจจากเรื่องในห้อง เกรซได้พากลับมาพักยังห้องแต่งตัวทันที “เอวารู้จักกับคุณเคเดนมาก่อนงั้นหรอ” “คุณเคเดนเคยไปบริจาคเงินและของให้กับบ้านเด็กกำพร้าที่หนูโตมาค่ะ”ร่างเล็กตอบไปตามจริงด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมาก เนื่องจากเธอนั้นไม่รู้ว่าหากเกรซรู้ว่าเธอนั้นเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าจะนึกรังเกียจไหม“บังเอิญจังเลยนะ เรานั่งพักอยู่ที่นี่แหล่ะ นายไม่ว่าอะไรหรอก” อีกด้านเคเดนในตอนนี้ยืนสูบบุหรี่ที่ริมระเบียงเพ้นส์เฮ้าส์สุดหรูของตน พรางนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านแล้วเกือบ 20 ปีเห็นจะได้ ในตอนที่เค้ากับเลโอถูกผู้เป็นพ่อส่งไปฝึกเพื่อเอาตัวรอดในป่าที่ต่างจังหวัดนั้น แต่กลับถูกลอบทำร้ายจริงๆจนพวกเค้าทั้งสองคนแทบเอาชีวิตไม่รอด ทั้งสองคนพากันลัดเลาะหลบหนีมาตามแนวป่าเรื่อยๆเพราะคนที่ตามมานั้นต้องการฆ่าทั้งสองคนเท่านั้น เพื่อป้องการการขึ้นรับตำแหน่งทายาทมาเฟียที่จะขยายอำนาจในอนาคตนั่นเอง ทั้งสองคนต่างดิ้นรนจนมาพบกับบ้านหลังหนึ่งซึ่งค่อนข้างใหญ่เรียกว่าคฤหาสน์ก็ยังได้ เด็กหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากันเห็นเพียงแค่นี่คือทางรอดเท่านั้น“ว๊าย ตายจริง” แม่บ้านคนหนึ่งหันมาเห็นว่ามีเด็
เอวาที่กลับมายังห้องพักตอนนี้เธอมีหมอนใบเล็กและที่นอนฟูกเล็กที่ป้ากิมเอามาให้เธอ ก่อนโทรศัพท์เครื่องเล็กที่วางข้างกายจะสั่นแสดงว่ามีสายโทรเข้ามา แม่ครูพักพิงนั่นเอง “ค่ะแม่”“เป็นไงบ้างลูก” น้ำเสียงอบอุ่นใจดีถูกถ่ายทอดออกมาส่งถึงคนปลายสายจนมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาที่ใบหน้าสวย “ดีค่ะ หนูได้งานทำแล้วเริ่มงานพรุ่งนี้ค่ะ” “ถ้าไม่ไหวก็กลับมานะเอวา” “ค่ะ หนูอยู่ได้จะไปเยี่ยมบ่อยๆนะคะ”“งั้นแม่ไม่กวนแล้ว พักผ่อนเถอะลูก” ก่อนแม่ครูจะวางสายไปก็ยังคงสร้างรอยยิ้มให้คนตัวเล็กได้อย่างดีเอวาล้มตัวลงนอนเพื่อพักผ่อนเพราะวันพรุ่งนี้เธอนั้นจะต้องไปหาเจ้ทั้งสองเวลาบ่ายสองเพื่อแต่งตัวทำงาน ขอให้การทำงานของเธอนั้นราบรื่นด้วยเถอะ เดวาเดินเข้ามาภายในร้านก่อนจะเห็นว่าเจ้ทั้งสองรอเธออยู่ก่อนแล้ว “สวัสดีค่ะเจ้” เด็กสาวเอ่ยทักทายและสวัสดีอย่างนอบน้อม“มาพอดี เจ้พาไปเตรียมตัว” ร่างเล็กเดินตามไปอย่างเงียบๆเมื่อเข้ามายังห้องแต่งตัวก็เห็นผู้หญิงคนอื่นๆอยู่5-6คนในนี้ ทุกคนสวยมากแบบที่เอวาแทบไม่เคยเห็นเลย สายตาทุกคู่มองมายังคนที่เข้ามาใหม่ทันที “นี่เดวา น้องใหม่ อายุ 23 คงเป็นน้องพวกเธอ”“ฝากด้วยนะ น้องยังไม่เคยทำ
เอวาตื่นลืมตาขึ้นในช่วงเช้าของวัน เมื่อคืนกว่าเธอจะข่มตาหลับได้ก็ใช้เวลาล่วงเลยมาถึงตีสอง ด้วยความที่แปลกที่แปลกทางแต่สุดท้ายก็หลับด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อนึกได้ว่าวันนี้เธอจะต้องหางานทำให้ได้ก็รีบลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวไปสมัครงานในแถวนี้ทันที เอวาตอนนี้เดินออกมาหน้าตึกที่ใช้หลับนอนเมื่อคืน ก็เจอป้ากิมนั่งอยู่ที่หน้าตึกอย่างเดิม เธอจึงเดินไปทักทายทันที “สวัสดีค่ะป้ากิม” เมื่อได้ยินเสียงเล็กเอ่ยขึ้นจากด้านหลังป้ากิมก็เงยหน้าจากหนังสือพิมทันที “ตื่นเช้าเชียว จะรีบออกไปไหนล่ะ”“สมัครงานค่ะป้า” ใบหน้าสวมพูดตอบกลับพร้อมใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มอยู่เสมอ “เมื่อคืนนี้นอนเป็นไงล่ะ หลับสบายไหม”“ก็นอนไม่ค่อยหลับค่ะ หนูคงรู้สึกแปลกที่แปลกทาง” เอวาตอบไปด้วยน้ำเสียงปกติ ความจริงเธอแทบไม่ได้นอนด้วยซ้ำ “ข้าลืมถาม เอ็งไม่มีชุดเครื่องนอนมาและนอนยังไง” “นอนพื้นค่ะ” “ข้าว่าแล้ว ทำไมไม่ไปเรียกข้าล่ะ” ป้ากิมพูดเสียงดังขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าเด็กสาวนอนที่พื้นเย็นๆแทนที่จะมาขอความช่วยเหลือจากเธอ “หนูเกรงใจ อีกอย่างก็ดึกแล้วไม่อยากรบกวนป้าค่ะ” ใบหน้ายังคงพูดด้วยรอยยิ้มบางๆส่งให้ป้ากิม “วันนี้ข้าจะเตรี
“เอวาลูก ช่วยดูแลการแต่งกายของน้องๆให้แม่ทีนะ” เสียงแม่ครูพักพิงเอ่ยบอกเด็กสาวที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายกับการเตรียมตัวต้อนรับคุณหญิงมลดา ที่จะเข้ามาบริจาคเงินให้กับบ้านพักเด็กกำพร้าแห่งนี้อยู่เสมอ “ได้ค่ะแม่ครู” พูดจบเอวาก็เดินออกไปหาเด็กๆที่ห้องพักทันที เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย แต่ก็พบว่าทุกคนอยู่ในความเรียบร้อยหน้าตาสะอาดสะอ้านไม่มอมแมมเลย “พี่เอวา เค้ามากันแล้วหรอคะ” บีมเด็กหญิงที่ดูจะโตกว่าทุกคนเอ่ยถามเอวาในทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามา “ใกล้แล้ว เดี๋ยวพวกเราไปนั่งรอที่ห้องรวมก่อนนะ” พูดจบเด็กๆทุกคนก็เดินกันไปอย่างว่าง่ายและเป็นระเบียบ ตั้งแต่จำความได้เอวาก็รู้ว่าตัวเองอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้แล้ว และเธอก็เติบโตที่นี่มาจนอายุตอนนี้ 23 ปีแล้ว ซึ่งเธอเองคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องออกเดินทางไปทำงานในกรุงเทพเพื่อหาเงินเข้าบ้านพักแห่งนี้ เพราะที่นี่เก่าและทรุดโทรมไปมากแล้วไหนจะค่าใช้จ่ายต่างๆอีก การจะที่รอให้มีผู้ใหญ่ใจดีมาบริจาคเงินให้ที่นี่นั้นก็เหมือนกับการหวังน้ำบ่อหน้า แต่ใจลึกๆเธอเองก็ยังห่วงทุกคนที่นี่ด้วย “สวัสดีค่ะคุณหญิง” เมื่อคุณหญิงมลดาลงจากรถทั้งแม่ครูพักพิงและเ