ร่างเล็กในตอนนี้ที่เกิดอาการตกใจจากเรื่องในห้อง เกรซได้พากลับมาพักยังห้องแต่งตัวทันที
“เอวารู้จักกับคุณเคเดนมาก่อนงั้นหรอ” “คุณเคเดนเคยไปบริจาคเงินและของให้กับบ้านเด็กกำพร้าที่หนูโตมาค่ะ”ร่างเล็กตอบไปตามจริงด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมาก เนื่องจากเธอนั้นไม่รู้ว่าหากเกรซรู้ว่าเธอนั้นเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าจะนึกรังเกียจไหม “บังเอิญจังเลยนะ เรานั่งพักอยู่ที่นี่แหล่ะ นายไม่ว่าอะไรหรอก” อีกด้าน เคเดนในตอนนี้ยืนสูบบุหรี่ที่ริมระเบียงเพ้นส์เฮ้าส์สุดหรูของตน พรางนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านแล้วเกือบ 20 ปีเห็นจะได้ ในตอนที่เค้ากับเลโอถูกผู้เป็นพ่อส่งไปฝึกเพื่อเอาตัวรอดในป่าที่ต่างจังหวัดนั้น แต่กลับถูกลอบทำร้ายจริงๆจนพวกเค้าทั้งสองคนแทบเอาชีวิตไม่รอด ทั้งสองคนพากันลัดเลาะหลบหนีมาตามแนวป่าเรื่อยๆเพราะคนที่ตามมานั้นต้องการฆ่าทั้งสองคนเท่านั้น เพื่อป้องการการขึ้นรับตำแหน่งทายาทมาเฟียที่จะขยายอำนาจในอนาคตนั่นเอง ทั้งสองคนต่างดิ้นรนจนมาพบกับบ้านหลังหนึ่งซึ่งค่อนข้างใหญ่เรียกว่าคฤหาสน์ก็ยังได้ เด็กหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากันเห็นเพียงแค่นี่คือทางรอดเท่านั้น “ว๊าย ตายจริง” แม่บ้านคนหนึ่งหันมาเห็นว่ามีเด็กผู้ชายสองคนพยุงกันเข้ามา เนื้อตัวเปอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด “ช่วย ช่วยพวกผมด้วย” เลโอเป็นคนเปล่งเสียงออกมาเพื่อของความช่วยเหลือ เคเดนในตอนนี้ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะพูด “พี่คะ พี่เจ็บรึป่าว” เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาเธอน่ารักราวกับตุ๊กตา เมื่อเธอนั้นนั่งเล่นที่หน้าบ้านกับแม่บ้านและหันมาเห็นเด็กชายที่โตกว่าเธอมาก “คุณหนูรอนาวอยู่นี่ก่อนนะคะ นาวจะไปแจ้งคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายค่ะ ” พูดจบนาวรีบสาวเท้ากึ่งวิ่งเข้าไปในบ้าน ก่อนที่เจ้าของบ้านทั้งสองคนจะวิ่งตามออกมา เห็นเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่เสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยเลือดและเห็นลูกสาวของตนนั่งทรุดอยู่ข้างกัน “ไอรีน ลูกหลบมาทางนี้ก่อน” ผู้เป็นพ่อรีบบอกให้ลูกสาวนั้นหลบก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงและพาทั้งสองคนส่งโรงพยาบาลในทันที เคเดนนั้นฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล และเห็นว่าในตอนนี้แม่และป๊าของเค้าก็อยู่ในนี้ด้วย “เคเดน ลูกฟื้นแล้ว” น้ำเสียงสั่นคลอนเพราะความดีใจของมลดาเอ่ยขึ้นทันที ที่เห็นลูกชายคนเดียวลืมตาขึ้นมา ก่อนจะรีบเรียกหมอเข้ามา “ยังปวดหัวหรือเจ็บแผลไหมครับ” หมอที่ตอนนี้ตรวจอาการเบื้องต้นเอ่ยถามเด็กหนุ่ม เคเดนเพียงแค่ส่ายหน้าเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อตรวจเสร็จเรียบร้อยหมอก็เดินออกไปทันที ผ่านไป2-3วันเคเดนและเลโอก็ได้ออกจากโรงพยาบาล เคเดนถูกยิงเข้าที่ท้องดีที่ไม่โดนจุดสำคัญ ส่วนเลโอนั้นก็แค่มีแผลฟกช้ำตามร่างกายแต่ด้วยที่พวกเค้าหนีตายเป็นเวลา2วันก็ทำให้ร่างกายอ่อนแอจนแทบเอาชีวิตไม่รอด “กูอยากกลับไปที่นั่น” เคเดนที่ตอนนี้อยู่ในห้องนั่งเล่นกับเลโอ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “ทำไม??” เลโอถามกลับอย่างไม่เข้าใจ “กูอยากไปเจอ ยัยเด็กนั่น” อยู่ๆเคเดนก็นึกถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามาพยายามช่วยพวกเค้าทั้งที่ตัวเองก็เด็กมาก และเอาแต่ร้องไห้เพราะกลัวเลือดตามตัวเค้า และเอาแต่ถามว่า “พี่เจ็บไหมคะ” เคเดนและเลโอเดินทางมาหยุดที่หน้าประตูบ้านหลังเดิม แต่ก็ไม่เห็นคนหรือไม่มีใครมาเปิดประตูบ้านเลย บรรยากาศมันดูเงียบแปลกไป “นายน้อย ให้บุกเข้าไปเลยไหมครับ” “ผมว่ามันแปลกครับ” เคเดนและเลโอมองหน้ากันและหยิบปืนขึ้นมาติดตัวทันที เค้าทั้งสองคนมาในวันนี้ก็มีลูกน้องติดตามมาด้วยไม่ได้มากันเพียงแค่สองคน ทั้งสองคนตอนนี้เดินเข้ามาถึงด้านในบ้านก็ต้องหันมองหน้ากัน เมื่อพบคราบเลือดตามทางเดินเป็นจำนวนมาก ก่อนจะพบว่ามีศพแม่บ้านคนที่เห็นเค้าทั้งสองคนในวันที่มาขอความช่วยเหลือถูกฆ่าตายและ คาดว่าน่าจะประมาณ2-3วันแล้ว เนื่องจากตอนนี้ศพเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่ว เลโอและเคเดนต่างเดินด้วยความระมัดระวังและเปิดเข้าไปที่ห้องนอนชั้นสาม ก็พบศพสองสามีภรรยานอนจมกองเลือดอยู่ เคเดนในตอนนี้คิดว่าคนร้ายน่าจะหนีไปแล้ว จึงรีบก้าวเดินออกตามหาเด็กหญิงในทันที แต่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่พบ พบแต่ศพคนใช้และคนสวนที่ถูกฆ่าทิ้งยกบ้าน “มึงหยุดเถอะ เด็กนั่นคงตายแล้ว” เลโอที่เห็นเคเดนพยายามวิ่งตามหาดูทุกที่จนเหนื่อยหอบ ได้เอ่ยขึ้นเพื่อบอกให้พอได้แล้ว “แต่กูยังไม่เห็นศพยัยเด็กนั่น” “เพื่ออะไรวะ เผลอๆครอบครัวนี้อาจจะถูกฆ่าเพราะช่วยมึงกับกูก็ได้” เลโอพูดเพื่อเรียกสติเพื่อนอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปสั่งให้ลูกน้องจัดการที่นี่ทันที ปัจจุบันในตอนนี้ เคเดนก็ยังเชื่อว่าเธอนั้นอาจจะยังมีชีวิตอยู่ เมื่อป๊าของเค้าส่งคนไปเก็บกวาดและตรวจดูทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียดกลับไม่พบศพเด็กหญิง หากเธอตายแล้วจริง ศพอยู่ที่ไหน... กลับมาปัจจุบัน ร่างสูงที่ย้อนกลับไปนึกถึงอตีตเมื่อสักครู่ก็ได้นึกถึงวันที่ได้ไปเจอเอวาที่บ้านพักเด็กกำพร้า ที่อยู่ๆแม่ของเค้านั้นก็อยากจะให้ไปด้วยนักหนา จนสุดท้ายเค้าเองก็ยอมไป เมื่อเห็นเธอทำให้นึกถึงยัยเด็กนั่นจริงๆ ดวงตากลมโตนั้นเค้าจำได้ไม่ลืม แต่เธอเป็นเด็กกำพร้าไม่ว่ายังไงเธอเองก็ต้องมีประวัติก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่บ้าง และเค้าจะต้องรู้ให้ได้... เวลาในตอนนี้เลิกงานแล้วและเป็นเวลาล่วงเลยมาจนถึงตี 5 เอวาพึ่งมาถึงห้องพัก เธอคิดถึงแต่เรื่องวันนี้ที่เจอเคเดนเกรงว่าคนตัวสูงจะนำเรื่องที่เธอทำงานที่ผับไปบอกคุณหญิงมลดา และจะรู้ไปถึงแม่ครูของเธอ เพราะกลัวว่าจะเป็นห่วงเธอจนให้กลับไปมากกว่า แต่ร่างเล็กเพียงแค่สะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดและลุกไปอาบน้ำชำระร่างกายเพื่อพักผ่อนวันนี้เธอเหนื่อยล้าเต็มที เพราะไม่เคยใส่รองเท้าส้นสูงทำให้เธอรู้สึกปวดขาและเท้าไปหมด เอวาที่ตื่นมาช่วงสายของวันเธอไม่อิดออดลุกขึ้นไปอาบน้ำและเตรียมตัวไปทำงานทันที “เอวามาพอดีเลย” เมื่อเธอมาถึงห้องแต่งตัวก็เจอเจ้ลูกนกกับเจ้ตองอยู่ก่อนแล้ว “สวัสดีค่ะเจ้” เอวาสวัสดีสาวสองทั้งสองคนอย่างนอบน้อมเหมือนเคย “เมื่อวานทำงานเป็นอย่างไงบ้าง ทำได้ไหม” “ทำได้ค่ะเจ้” เอวาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม โล่งใจคิดว่าเจ้ทั้งสองจะซักถามเรื่องเมื่อวานเสียอีก เมื่อแต่งตัวเสร็จเอวาก็ไปทำงานกับเกรซตามปกติ วันนี้เธอทั้งสองคนได้ทำงานคู่กันอีกแล้ว ห้องที่เธอดูแลวันนี้นั้นเป็นเหมือนนัดการคุยธุรกิจมากกว่ามีผู้ชายอยู่ในนี้สามคนที่เธอจะต้องดูแล “อาวุธล็อตหน้าจะมาถึงเมื่อไหร่วะ” “ไม่น่าเกิน 2-3วันนี้” ชายหนุ่มทั้งสามคนพูดคุยกันถึงการนำเข้าของผิดกฎหมาย เอวาในตอนนี้เมื่อรู้ดีว่าต้องปิดปากทำเป็นไม่ได้ยินเรื่องที่ทั้งสามคนพูดคุยกัน เมื่อหันไปเห็นเกรซก็ส่งสายตาประมาณว่าให้เอวาทำตัวตามปกติ “เธอ.. มานั่งข้างฉันสิ่” หนึ่งในสามคนได้หันมาพูดกับเอวาในตอนที่เธอกำลังวางแก้วเหล้าที่นำไปชงมาใหม่ตรงหน้าเค้า “เอ่อ.. คือว่า”เอวาหันไปมองเกรซเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ได้รับการพยักหน้าตอบกลับมาเท่านั้น “นั่งลง ตรงนี้ข้างฉัน” เอวาที่ไม่รู้จะทำอย่างไงก็นั่งลงตรงข้างของคนที่บอกเธออย่างเกร็งๆ ระยะที่นั่งใกล้กันจนได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงจากคนตัวสูง เอวายอมรับว่าเค้าหล่อมากจริงๆแต่เธอนั้นก็มีแค่ความรู้สึกกลัวเท่านั้น อาการสั่นกลัวของคนตัวเล็กสร้างความเอ็นดูให้คลาสอย่างมาก คลาสมองเธอตั้งแต่ที่เดินเข้ามาเพื่อดูแลเค้าและเพื่อนของเค้านั่นเอง ใบหน้าของเธอคล้ายกับน้องสาวต่างมารดาของตัวเองที่หายตัวไปนานมากแล้ว ส่วนพ่อของเค้าและแม่เลี้ยงกลับถูกฆ่าตายยกบ้าน แต่ในตอนนั้นเค้าถูกส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศทำให้เสียหลักอย่างมาก เพราะสูญเสียครอบครัวกะทันหัน ส่วนน้องสาวก็หายตัวไปพร้อมกับแม่นมของเธออย่างไร้ร่องรอย คลาสเองก็ถูกลุงของตัวเองมารับไปดูแลต่อแต่เค้าเองก็ยังคงตามหาน้องสาวมาตลอดเช่นกัน หากมองคร่าวๆอายุเธอก็คงพอๆกันกับไอรีน “ไปอยู่กับฉันไหม...”“ไปอยู่กับฉันไหม...” เอวาในตอนนี้เกิดความงุนงงเป็นอย่างมากกับประโยคเมื่อสักครู่ เธอเงยหน้ามองคลาสอย่างไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ฟรานและเรียวตะก็งงกับประโยคที่เพื่อนพูดออกไป“ว่ายังไง” คลาสยังใช้สายตากดดันและถามย้ำเอวาต่อ “เอ่อ คือหนู” “ฉันแค่ถูกชะตากับเธอเท่านั้น”“เธอเหมือน.... น้องสาวของฉันที่หายไป” เอวาที่ได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองคลาสที่ตอนนี้แววตาของเค้านั้นฉายความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน “ฉันไม่บังคับ ถ้าอยากมาอยู่กับฉันในฐานะน้องสาวเมื่อไหร่ก็ติดติดต่อมา” มือหนาส่งนามบัตรยืนให้เด็กสาวตรงหน้าก่อนจะลุกและเดินออกไปทันที เอวาในตอนนี้เธอยืนมองไปที่ท้องถนนเพื่อเรียกแท็กซี่กลับไปยังห้องพัก ในเวลานี้ผู้คนที่มาเที่ยวยังผับแห่งนี้ก็ต่างพากันกลับ เอี๊ยด.. เสียงรถที่ถูกขับมาจอดตรงหน้าเอวาทำให้เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเห็นรถหรูเลื่อนลดกระจกลงให้เห็นคนที่อยู่ในรถ“คุณเคเดน” เอวาที่ตกใจที่อยู่ๆคุณเคเดนก็ขับรถมาจอที่ตรงหน้าเธอ “ขึ้นรถ” เอวาที่เกินความงุนงงก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ไวกว่าความคิดรู้ตัวอีกทีมือหนาก็จับเข้าที่แขนเรียวเล็กแล้ว “ฉันจะไปส่ง ขึ้นรถ”เอวาที่ถูกจับยั
ร่างเล็กในตอนนี้ที่เกิดอาการตกใจจากเรื่องในห้อง เกรซได้พากลับมาพักยังห้องแต่งตัวทันที “เอวารู้จักกับคุณเคเดนมาก่อนงั้นหรอ” “คุณเคเดนเคยไปบริจาคเงินและของให้กับบ้านเด็กกำพร้าที่หนูโตมาค่ะ”ร่างเล็กตอบไปตามจริงด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมาก เนื่องจากเธอนั้นไม่รู้ว่าหากเกรซรู้ว่าเธอนั้นเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าจะนึกรังเกียจไหม“บังเอิญจังเลยนะ เรานั่งพักอยู่ที่นี่แหล่ะ นายไม่ว่าอะไรหรอก” อีกด้านเคเดนในตอนนี้ยืนสูบบุหรี่ที่ริมระเบียงเพ้นส์เฮ้าส์สุดหรูของตน พรางนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านแล้วเกือบ 20 ปีเห็นจะได้ ในตอนที่เค้ากับเลโอถูกผู้เป็นพ่อส่งไปฝึกเพื่อเอาตัวรอดในป่าที่ต่างจังหวัดนั้น แต่กลับถูกลอบทำร้ายจริงๆจนพวกเค้าทั้งสองคนแทบเอาชีวิตไม่รอด ทั้งสองคนพากันลัดเลาะหลบหนีมาตามแนวป่าเรื่อยๆเพราะคนที่ตามมานั้นต้องการฆ่าทั้งสองคนเท่านั้น เพื่อป้องการการขึ้นรับตำแหน่งทายาทมาเฟียที่จะขยายอำนาจในอนาคตนั่นเอง ทั้งสองคนต่างดิ้นรนจนมาพบกับบ้านหลังหนึ่งซึ่งค่อนข้างใหญ่เรียกว่าคฤหาสน์ก็ยังได้ เด็กหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากันเห็นเพียงแค่นี่คือทางรอดเท่านั้น“ว๊าย ตายจริง” แม่บ้านคนหนึ่งหันมาเห็นว่ามีเด็
เอวาที่กลับมายังห้องพักตอนนี้เธอมีหมอนใบเล็กและที่นอนฟูกเล็กที่ป้ากิมเอามาให้เธอ ก่อนโทรศัพท์เครื่องเล็กที่วางข้างกายจะสั่นแสดงว่ามีสายโทรเข้ามา แม่ครูพักพิงนั่นเอง “ค่ะแม่”“เป็นไงบ้างลูก” น้ำเสียงอบอุ่นใจดีถูกถ่ายทอดออกมาส่งถึงคนปลายสายจนมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาที่ใบหน้าสวย “ดีค่ะ หนูได้งานทำแล้วเริ่มงานพรุ่งนี้ค่ะ” “ถ้าไม่ไหวก็กลับมานะเอวา” “ค่ะ หนูอยู่ได้จะไปเยี่ยมบ่อยๆนะคะ”“งั้นแม่ไม่กวนแล้ว พักผ่อนเถอะลูก” ก่อนแม่ครูจะวางสายไปก็ยังคงสร้างรอยยิ้มให้คนตัวเล็กได้อย่างดีเอวาล้มตัวลงนอนเพื่อพักผ่อนเพราะวันพรุ่งนี้เธอนั้นจะต้องไปหาเจ้ทั้งสองเวลาบ่ายสองเพื่อแต่งตัวทำงาน ขอให้การทำงานของเธอนั้นราบรื่นด้วยเถอะ เดวาเดินเข้ามาภายในร้านก่อนจะเห็นว่าเจ้ทั้งสองรอเธออยู่ก่อนแล้ว “สวัสดีค่ะเจ้” เด็กสาวเอ่ยทักทายและสวัสดีอย่างนอบน้อม“มาพอดี เจ้พาไปเตรียมตัว” ร่างเล็กเดินตามไปอย่างเงียบๆเมื่อเข้ามายังห้องแต่งตัวก็เห็นผู้หญิงคนอื่นๆอยู่5-6คนในนี้ ทุกคนสวยมากแบบที่เอวาแทบไม่เคยเห็นเลย สายตาทุกคู่มองมายังคนที่เข้ามาใหม่ทันที “นี่เดวา น้องใหม่ อายุ 23 คงเป็นน้องพวกเธอ”“ฝากด้วยนะ น้องยังไม่เคยทำ
เอวาตื่นลืมตาขึ้นในช่วงเช้าของวัน เมื่อคืนกว่าเธอจะข่มตาหลับได้ก็ใช้เวลาล่วงเลยมาถึงตีสอง ด้วยความที่แปลกที่แปลกทางแต่สุดท้ายก็หลับด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อนึกได้ว่าวันนี้เธอจะต้องหางานทำให้ได้ก็รีบลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวไปสมัครงานในแถวนี้ทันที เอวาตอนนี้เดินออกมาหน้าตึกที่ใช้หลับนอนเมื่อคืน ก็เจอป้ากิมนั่งอยู่ที่หน้าตึกอย่างเดิม เธอจึงเดินไปทักทายทันที “สวัสดีค่ะป้ากิม” เมื่อได้ยินเสียงเล็กเอ่ยขึ้นจากด้านหลังป้ากิมก็เงยหน้าจากหนังสือพิมทันที “ตื่นเช้าเชียว จะรีบออกไปไหนล่ะ”“สมัครงานค่ะป้า” ใบหน้าสวมพูดตอบกลับพร้อมใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มอยู่เสมอ “เมื่อคืนนี้นอนเป็นไงล่ะ หลับสบายไหม”“ก็นอนไม่ค่อยหลับค่ะ หนูคงรู้สึกแปลกที่แปลกทาง” เอวาตอบไปด้วยน้ำเสียงปกติ ความจริงเธอแทบไม่ได้นอนด้วยซ้ำ “ข้าลืมถาม เอ็งไม่มีชุดเครื่องนอนมาและนอนยังไง” “นอนพื้นค่ะ” “ข้าว่าแล้ว ทำไมไม่ไปเรียกข้าล่ะ” ป้ากิมพูดเสียงดังขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าเด็กสาวนอนที่พื้นเย็นๆแทนที่จะมาขอความช่วยเหลือจากเธอ “หนูเกรงใจ อีกอย่างก็ดึกแล้วไม่อยากรบกวนป้าค่ะ” ใบหน้ายังคงพูดด้วยรอยยิ้มบางๆส่งให้ป้ากิม “วันนี้ข้าจะเตรี
“เอวาลูก ช่วยดูแลการแต่งกายของน้องๆให้แม่ทีนะ” เสียงแม่ครูพักพิงเอ่ยบอกเด็กสาวที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายกับการเตรียมตัวต้อนรับคุณหญิงมลดา ที่จะเข้ามาบริจาคเงินให้กับบ้านพักเด็กกำพร้าแห่งนี้อยู่เสมอ “ได้ค่ะแม่ครู” พูดจบเอวาก็เดินออกไปหาเด็กๆที่ห้องพักทันที เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย แต่ก็พบว่าทุกคนอยู่ในความเรียบร้อยหน้าตาสะอาดสะอ้านไม่มอมแมมเลย “พี่เอวา เค้ามากันแล้วหรอคะ” บีมเด็กหญิงที่ดูจะโตกว่าทุกคนเอ่ยถามเอวาในทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามา “ใกล้แล้ว เดี๋ยวพวกเราไปนั่งรอที่ห้องรวมก่อนนะ” พูดจบเด็กๆทุกคนก็เดินกันไปอย่างว่าง่ายและเป็นระเบียบ ตั้งแต่จำความได้เอวาก็รู้ว่าตัวเองอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้แล้ว และเธอก็เติบโตที่นี่มาจนอายุตอนนี้ 23 ปีแล้ว ซึ่งเธอเองคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องออกเดินทางไปทำงานในกรุงเทพเพื่อหาเงินเข้าบ้านพักแห่งนี้ เพราะที่นี่เก่าและทรุดโทรมไปมากแล้วไหนจะค่าใช้จ่ายต่างๆอีก การจะที่รอให้มีผู้ใหญ่ใจดีมาบริจาคเงินให้ที่นี่นั้นก็เหมือนกับการหวังน้ำบ่อหน้า แต่ใจลึกๆเธอเองก็ยังห่วงทุกคนที่นี่ด้วย “สวัสดีค่ะคุณหญิง” เมื่อคุณหญิงมลดาลงจากรถทั้งแม่ครูพักพิงและเ