CLOSE FRIEND
CHAPTER 8
วันต่อมา
“ไอ้สัด! แจ้งตำรวจยัง?” ไอ้ยักษ์ที่กำลังกินแซนด์วิชอยู่ถึงกับวางแซนด์วิชลง ทำหน้าตาตื่นตกใจเมื่อได้รับฟังเรื่องราวที่ฉันได้พบเผชิญเมื่อคืนที่ผ่านมา
“งั้นคืนนี้มึงมานอนคอนโดกู” เจินที่ปกติไม่เครียดกับอะไรก็ดูจะกังวลขึ้นมาเหมือนกัน
“หรือจะให้พวกกูผลัดกันไปนอนเป็นเพื่อน?” ส่วนนี่คือข้อคิดเห็นจากคราม
“ไม่รู้ว่ะ พวกมึงว่ายังไงดี?” ฉันได้แต่ยกมือขึ้นกุมหัวอย่างคิดไม่ตก
บ้านฉันอยู่ไกลมากจะให้กลับไปนอนบ้านคงจะไม่ได้แน่ ๆ เพราะคงมามหา’ลัยไม่ทันคาบเรียน แต่จะให้นอนคนเดียวก็ออกจะเกินไปหน่อย เหตุการณ์คืนที่ผ่านมาทำให้รู้ได้เลยว่าการที่ผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียว และเกิดเหตุการณ์ประเภทนี้ขึ้น มันน่ากลัวแค่ไหน ขนาดว่าเป็นหอพักที่มีแต่เด็กมหา’ลัย แถมยังมีรักษาความปลอดภัยยี่สิบสี่ชั่วโมง ยังเกิดเรื่องแบบนี้ได้เลย
“กูว่าเป็นเด็กในหอนั่นแหละ” รามออกความเห็น มันนั่งบนโต๊ะชำเลืองมองมาที่ฉันก่อนจะหันไปพ่นควันบุหรี่อีกทาง
“กูก็ว่างั้น” ฉันพยักหน้าเห็นด้วย
เพื่อนชายสี่คนจ้องหน้าฉันก่อนจะหันมองกันเอง ท่าทางกังวลใจยิ่งกว่าทุกที บรรยากาศคึกคักใต้ตึกคณะฯ ในช่วงเช้าของวันช่างเป็นภาพที่ขัดกันกับกลุ่มของเราที่พากันตีหน้าเคร่งเครียด ใจจริงฉันไม่อยากรบกวนทุกคน แต่เพื่อนฉันก็มีแค่พวกมันแถมบ้านก็ดันอยู่ไกล นอกจากเจินที่อยู่คอนโด คนอื่นก็อยู่บ้านกันหมด จะให้ทำยังได้ ถึงตอนนี้ก็คงต้องยอมรับว่าบางทีฉันก็เป็นภาระของทุกคนอยู่เหมือนกัน
“มึงไม่ต้องคิดมาก มานอนคอนโดกูก็ได้” หลังจากเงียบกันอยู่นาน เจินก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เดี๋ยวกูชวนน้องอ้ายมาอยู่เป็นเพื่อน”
“…” ฉันทำหน้าลำบากใจ ก็เพราะมันมีเมียนี่แหละที่ทำให้รู้สึกแย่เข้าไปใหญ่
“ไม่ต้องหรอก” เสียงคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะเอ่ยขึ้น รามหัวเราะเบา ๆ พยักพเยิดมองหน้าเจ้าของข้อเสนอ “แบบนั้นมึงกับเมียก็อดสวีตกันพอดี”
“ไอ้สัด” คนโดนแซวหัวเราะเบา ๆ แต่ที่รามพูดก็คือเรื่องจริง ฉันจะไปเป็นก้างขวางคอมันได้ยังไง
“เอางี้ เดี๋ยวกูไปอยู่เป็นเพื่อนมึงเอง ไม่ต้องสลับกันไป ยังไงกูก็ไปนอนห้องมึงบ่อย ๆ อยู่แล้ว” รามสรุปอย่างง่าย ๆ
“…” แต่ข้อสรุปของมันทำฉันพูดไม่ออก…
แค่รู้สึกว่ามันอาจดูแปลกเกินไป ที่มันจะมาอยู่กับฉันอย่างจริงจัง จริงอยู่ที่รามชอบมานอนห้องฉัน แต่นั่นเพราะมันขี้เกียจกลับบ้าน ไม่ก็เมา…
แต่นี่ ถ้าต้องเห็นหน้ากัน เช้า กลางวัน เย็น ฉันไม่ตายเลยหรือไง…
คนอื่นไม่ได้พูดอะไรอีก ทั้งยังมีท่าทีคล้อยตาม ฉันเองก็ไม่กล้าร้องขอให้ทุกคนสลับกันมาอยู่เป็นเพื่อนเพราะความเกรงใจเหมือนกัน
เจินก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตน ส่วนไอ้ยักษ์ก็สาวเยอะ ไอ้ครามนี่ยิ่งแล้วใหญ่ มันเป็นพวกโลกส่วนตัวสูง อันที่จริงรามก็คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดจริง ๆ
“โอเค! ดีล! เอาตามนี้!” เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคัดค้าน คนเสนอตัวก็ลงบทสรุปเองเสร็จสรรพ ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นยืนอัดควันเข้าปอดอีกสองสามที
นัยน์ตาสีเข้มมองมาที่ฉันแล้วยักคิ้วให้อย่างกวน ๆ ถึงจะทำท่าแบบนั้นแต่ฉันก็รู้ดีว่ามันเป็นห่วงกันไม่แพ้คนอื่นเลย
โอเค… และตอนนี้ฉันก็กลายเป็นภาระของมันแทน…
ตอนค่ำ
ฉันกำลังนั่งอยู่บนเตียง มองร่างสูงที่กำลังยืนเช็ดผมอยู่หน้ากระจกในห้องของฉันเอง…
รามทำตามที่บอกจริง ๆ ตอนนี้กระเป๋าเป้ใบโตวางอยู่บนเตียงฉัน หลังจากเจ้าตัวกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้ามาเพิ่ม ถึงจะเกรงใจแต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ฉันเองก็กลัวเกินกว่าจะนอนลำพังเพียงคนเดียว
“แดกข้าวยัง?” มันสบตากันผ่านกระจกเงา
“ยัง”
“แต่งตัวดี ๆ เดี๋ยวลงไปกินข้าว”
“อืม” ฉันจำใจเดินไปหาเสื้อมาผลัดเปลี่ยนโดยไม่สามารถโต้เถียง เมื่อสิ่งที่พวกมันก่นด่าตักเตือนกันมาตลอดดันเป็นเรื่องถูกต้อง ฉันเองที่ไม่ระมัดระวังตัวจนทำให้เกิดเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนั้น
ตอนนี้เลยเอาเสื้อกันหนาวแบบมีฮู้ดมาสวมใส่แม้ร้านข้าวใต้หอคงจะร้อนน่าดูก็ตามที รามหันมาเห็นเข้าก็บิดยิ้มขบขันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
จากนั้นเราสองคนก็ลงมากินมื้อค่ำตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือรามเอาแต่กวาดสายตามองรอบตัวเพื่อจับสังเกตผู้ชายทุกคน จนฉันต้องตีแขนมันให้หันกลับมาเพราะโคตรเสียมารยาทที่ไปจ้องคนอื่นไม่วางตาขนาดนั้น
“กูไปขอดูกล้องแล้ว” มันเคี้ยวข้าวกร้วม ๆ พร้อมทั้งเอ่ยบอก “ไปขอดูเมื่อตอนบ่าย”
“แล้ว?”
“ให้ทาย”
“กล้องเสีย?”
“มึงนี่ฉลาดจริง ๆ”
แม้ฟังดูน่าตลกที่เหตุการณ์ช่างประจวบเหมาะเหมือนละครหลังข่าวไม่มีผิด แต่ฉันขำไม่ออกเท่าไร ถึงจะมีรามอยู่ด้วยแต่ก็น่าเป็นกังวลอยู่ดี ถ้าวันไหนมันอยากไปนอนกับผู้หญิง และปล่อยฉันไว้คนเดียว จะทำยังไง…
“ไม่ต้องเครียด” รามรีบพูดต่อทันทีเมื่อสังเกตเห็นอาการกัน “กูอยู่ด้วยใครมันจะกล้าทำอะไร?”
“มึงไม่ได้อยู่ด้วยตลอดเวลาสักหน่อย”
“กูอยู่”
“ก็แล้วถ้ามึงอยากไปนอนกับสาวขึ้นมา…”
“เดี๋ยวค่อยให้คนอื่นมาอยู่เป็นเพื่อนไง” มันว่าต่อ และเหตุผลข้อนี้ก็ทำให้ฉันไม่สามารถแย้งได้อีก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเปรยถึงสิ่งที่คิด
“แล้วมึงกับน้องเหมยจะไม่มีปัญหา?”
รามชะงักเล็กน้อย แต่วินาทีต่อมาก็ไหวไหล่ไม่ยี่หระ คิ้วเข้มเลื่อนขมวดเข้าหากัน “กูยังไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“…”
“และถึงเป็น ทำไมกูจะต้องเห็นคนอื่นสำคัญมากกว่ามึง?”
“อือ” ฉันพยักหน้าส่ง ๆ หลบสายตาโดยที่อีกฝ่ายคงไม่รู้เลยว่าคำพูดธรรมดาของมันทั้งทำให้ฉันรู้สึกใจเต้น และหน่วงหนักไปพร้อมกัน
สำคัญมันก็ดี… แต่สุดท้ายก็ได้แค่เพื่อนไง…
สองชั่วโมงต่อมา
บอกแล้วว่าฉันมันคนขี้เมา…
ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กนอกระเบียงห้อง แขนกอดขวดเบียร์เอาไว้ ส่วนคนตรงหน้ากำลังยืนเล่นมือถือพลางก็พ่นควันบุหรี่ไปด้วย
คงเพราะฉันเอาแต่เครียดไม่หยุด รามเลยไปซื้อเบียร์มาให้กินจะได้นอนหลับโดยไม่ต้องคิดมาก ขณะที่ตัวมันกินแค่ขวดสองขวด ฉันกลับล่อไปแปดขวด และกำลังนั่งเรียงขวดเบียร์ด้วยอาการมึนเมาเหมือนอย่างเคย
“พอแล้วมั้ง”
“อีกนิด” ฉันกระดกเบียร์จนหมดขวด
“…” คนที่ยืนมองถอนหายใจเสียงดังแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร แม้รู้ว่าฉันจะต้องอ้วกแน่ก็ตามที เห็นแบบนี้ก็มีแค่มันนี่แหละที่รับหน้าที่จัดการกับฉันเวลาเมาเสมอ ถ้าเป็นคนอื่นอีพริกคงโดนบ่นข้ามวันข้ามคืน
หลังจากดื่มจนเต็มคราบ สติสตางค์เริ่มไม่ครบร้อย ฉันก็กระแทกขวดเบียร์ลงกับพื้น ผุดตัวลุกขึ้นยืนเอ่ยจุดประสงค์ให้อีกฝ่ายรับรู้
“กูง่วงแล้ว”
จากนั้นก็เป็นฉากเดิม ๆ ที่แข้งขาอ่อนแรงของฉันซวนเซจะล้มคว่ำจนคนตรงหน้าต้องรีบคว้าตัวกันไว้ ก่อนจะกระเตงลากไปส่งถึงเตียงนอน
ฉันกลิ้งตัวม้วนไปอีกทางอย่างสบายอารมณ์ เวลาเมาก็จะสบายประมาณนี้ ไม่ต้องคิดมากเรื่องมีคนมางัดห้อง ไม่ต้องคิดมากว่าคนที่อยู่ด้วยคือคนที่แอบชอบ ไม่ต้องคิดมากว่าต้องทำตัวยังไงเวลาอยู่กันตามลำพัง
ก็แค่… ปล่อยใจให้มันเป็นไป จะได้ไม่ปวดหัวให้รำคาญตัวเอง…
ปรือตาก็มองเห็นว่ารามเดินไปปิดไฟ แล้วมาทิ้งตัวลงนอนข้างกัน ท่าทางเหมือนแค่รอให้ฉันหลับ ตัวมันเองจะได้นอนสักที
Rrrrrr
“ครับ”
“…” ฉันที่เกือบจะหลับไปอย่างง่าย ๆ จำต้องเบิกหูฟังคนข้าง ๆ คุยโทรศัพท์โดยไม่ได้ตั้งใจ และคนต่อสายหาตอนดึกดื่นค่อนคืนไม่ต้องเดาเลยว่าคือใคร ช่วงนี้รามไม่ได้คุยกับผู้หญิงคนไหนนอกจากน้องเหมยแค่คนเดียว
“พี่มานอนเป็นเพื่อนพริก คงไปไม่ได้”
“…”
“อืม… ไว้วันหลังนะ”
“…”
“นอนแล้ว อยู่ข้าง ๆ”
“…”
“คิดอะไร… แค่เพื่อนกัน”
ก็แล้วทำไมฉันต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้ตอนอารมณ์ดีขึ้นแล้วด้วยวะเนี่ย โคตรเซ็ง!