วันถัดมา
เมื่อเธอคิดจะลอง “หนี” อีกครั้ง — เธอสวมเสื้อที่ตัวเองเย็บปะด้วยมือ ซ่อนเงินที่เหลือไว้อีกเล็กน้อย และรีบเดินออกจากห้องเงียบที่สุด
แต่เมื่อเธอกดลิฟต์
เสียงเตือนก็ดังขึ้น...
“Access Denied. Invalid Code.”
เธอกดใหม่...อีกครั้ง...และอีกครั้ง
จนกระทั่งเธอเข้าใจ...
เขาเปลี่ยนรหัส
เขาขังเธอไว้
เขา...คุมเธอจากจอที่เธอมองไม่เห็น
กล้องวงจรปิดทุกมุมในห้อง — ที่เธอเคยคิดว่าเป็นของระบบอัตโนมัติของคอนโด — ตอนนี้...เธอรู้แล้วว่าทุกตัวเชื่อมเข้ากับเขา”
“แม้ไม่มีคำพูดใด แต่เธอรู้ว่าทุกการหายใจของเธอ...ถูกเขา ‘รู้”
ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่รู้เลยว่า...ในห้องควบคุมลับของคอนโดนั้น
ภาพเธอที่ยืนคอตก เดินกลับห้อง — ถูกจับจ้องอยู่ผ่านจอใหญ่ขนาดครึ่งฝา
โดยดวงตาที่ไม่ได้แสดงอารมณ์แม้แต่นิดเดียว
คืนนั้น เธอกลับมานั่งที่โซฟาเดิม
กอดตัวเองแน่น
ห้องทั้งห้องมืดเงียบ
เหมือน ‘ไลลา’ ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว
จนกระทั่งเสียงประตูหน้าดังขึ้นเบา ๆ
เขากลับมา
อคินเดินเข้ามาเงียบ ๆ ไม่พูดแม้แต่คำ
ไลลายังไม่หันไปหา
เธอยังคงกอดตัวเอง ก้มหน้า น้ำตาไหลเงียบราวกับฝนตกในท่อน้ำเก่า
“อย่าคิดหนี...”
เสียงของเขา...เยือกเย็น
“ฉันจ่ายเงินเพื่อเธอแล้ว”
ไลลานิ่งไปชั่ววูบ
จากนั้นเธอหันหลังให้เขา...ช้า ๆ
ดวงตาแดงก่ำ ไม่ใช่เพราะอ่อนแอ
แต่เพราะใจเธอมันเจ็บจนไม่รู้จะพูดอะไรอีก
เธอกระซิบเบา ๆ
เสียงเบาที่ราวกับเสียงสุดท้ายจากหัวใจที่ตายไปแล้ว
“คุณอาจมีเงินซื้อฉัน...
แต่ซื้อหัวใจฉันไม่ได้”
เสียงเพลงเปียโนบรรเลงเดิม ๆ ยังคงไหลเวียนในอากาศอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
มันเป็นเพลงที่ถูกตั้งเวลาให้เปิดเองอัตโนมัติ และไลลาไม่สามารถหาทางที่จะปิดมันได้ — มันเหมือนตอกย้ำให้เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถหนีจากการเป็นคนอื่นไปได้
แม้เจ้าของห้องนั้นจะหายไปแล้วกว่าสองสัปดาห์เต็ม
สองสัปดาห์...ที่ไลลาไม่ได้พบหน้าอคินเลยสักครั้ง
เขาไม่กลับมาที่คอนโด
ไม่แม้แต่จะส่งข้อความหรือโทรศัพท์มา
มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังเชื่อมเธอกับเขาอยู่
คืออาหาร — ที่ถูกส่งมาทุกวันตามเวลาเป๊ะเหมือนจับวาง
ข้าวกล้องร้อน กับไข่ต้มยางมะตูม
แกงจืดหมูสับ
กลิ่นของน้ำซุปยังคงเหมือนเดิม — แม้จะเปลี่ยนจากที่เขาทำเอง เป็นจากร้านระดับพรีเมียมที่เขาสั่ง
มันคือรสชาติที่เธอไม่ได้เลือก
แต่มันคือสิ่งเดียวที่เธอมีให้เลือก
ในวันแรก ๆ ไลลาทิ้งมันลงถังขยะ
เธอยืนกอดอกหน้าตู้เย็น
ใช้ของสดที่เหลืออยู่ปรุงอาหารด้วยมือเธอเอง — ไข่เจียวเรียบง่าย ผัดผัก น้ำพริกข้างจาน
รสชาติบ้าน ๆ ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าอย่างน้อย…เธอยัง “เป็นตัวเอง” อยู่บ้าง
แต่เมื่อของสดหมด
เธอไม่มีแม้กระทั่งเงินซื้อไข่สักฟอง
ทุกประตูถูกล็อก
รหัสลิฟต์ถูกเปลี่ยน
กระเป๋าสตางค์เธอถูกอคินเก็บไว้ตั้งแต่วันที่เธอพยายาม ‘หนี’ ครั้งแรก
เธอเหลือเพียงห้องเงียบเหงา
และหน้าจอโทรศัพท์ที่รับได้เพียงวิดีโอคอลจากโรงพยาบาล...ของนที
“พี่ไล...หนูคิดถึง” เสียงน้องชายตัวน้อยยังคงสดใส
แม้ใบหน้าจะซีดและซูบลงกว่าเดิม
แม้ในเสียงนั้นจะซ่อนความผิดหวังบางอย่างไว้เสมอ — เพราะเธอไม่ได้ไปเยี่ยม
“พี่แค่ยุ่งนิดหน่อยน่ะทีน…”
เธอพูดแผ่วเบา กลั้นน้ำตาแทบไม่ไหว
ทุกคำพูดที่โกหกน้อง...เป็นดั่งเข็มที่ปักเข้าใจเธอทีละเล่ม
และเธอเกือบจะทนไม่ไหว
ถ้าไม่ได้ยินเสียงข้อความแจ้งเตือนจากประตูคอนโด...ในเช้าวันที่สิบห้าของการถูกขัง
ติ๊ง!
ประตูเปิดออก — ช้า ๆ อย่างแม่นยำ
อคินกลับมา
ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้ม และเสื้อกาวน์ที่พาดไว้กับแขน
ใบหน้าคมสันของเขายังสงบนิ่งเหมือนเดิม
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป...คือแฟ้มเอกสารในมือ
“กินอะไรหรือยัง” เขาถามทันทีที่เดินเข้ามา
น้ำเสียงราบเรียบ แต่ฟังแล้วหนาวสะท้าน
ไลลาไม่ได้ตอบ
เธอเพียงจ้องเขาอย่างนิ่ง
ไม่ใช่ด้วยความโกรธ — แต่คือความตื่นกลัวในสิ่งที่เขาจะพูดต่อไป
และเธอเดาไม่ผิด
อคินวางแฟ้มลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา
เปิดมันออก แล้วเลื่อนเอกสารแผ่นหนึ่งมาตรงหน้าเธอ
“สัญญาฉบับใหม่”
“อยู่กับผมอีกหนึ่งปี — แลกกับเงินก้อนใหญ่ และสิทธิรักษาครบทุกขั้นตอนสำหรับนที รวมถึงยาพิเศษตัวใหม่ที่ต้องใช้ตอนผ่าตัด”
เสียงของเขายังคงนิ่ง
ไม่มีแม้แต่ความอ่อนโยน
เธอก้มลงอ่าน...มือเริ่มสั่น
ภาษากฎหมายที่เขียนเรียงร้อยอย่างพิถีพิถัน
ไม่มีช่องโหว่ให้หนี
ไม่มีคำว่ารัก
มีแต่คำว่า ‘คุ้มครอง’ และ ‘ครอบครอง’
“คุณ...”
เธอเงยหน้าขึ้น สบตาเขา
“กำลังซื้อฉัน...ใช่ไหมคะ”
อคินเงียบ
ไลลาเพิ่งเข้าใจในตอนนั้น — ว่าความเงียบของเขา ไม่ใช่เพราะลังเล...แต่มันคือความเยือกเย็นของคนที่เชื่อว่าเงินสามารถควบคุมทุกสิ่ง
เขาไม่ตอบ — ไม่ปฏิเสธ
ดวงตาคมกริบนั้นยังคงมองเธออย่างแนบแน่น
แต่ไร้ซึ่งอารมณ์
“นทีต้องผ่าตัด...ในอีกไม่กี่วัน”
“ยาตัวนั้นไม่มีในบัญชียาหลัก”
“มีเพียงเครือ RAVEN ที่ผมนำเข้าได้”
เขาพูดช้า ๆ
แต่ทุกคำ...เหมือนคมมีดผ่าตัดที่กรีดตรงเข้าเส้นเลือด
ไลลาหลับตาแน่น
มือเธอสั่น...แตะปลายปากกาที่เขาวางไว้ให้
และก่อนจะเซ็น — เธอก็เอ่ยขึ้นเบา ๆ
“แต่คุณรู้ใช่ไหม...ฉันไม่ใช่ลลิน”
อคินชะงัก
นัยน์ตาไหววูบ
แต่เขาไม่ตอบ
เธอยิ้มเศร้า ๆ
“ฉันเซ็นสัญญา...แต่ไม่ได้ขายหัวใจ”
แล้วเสียงปลายปากกาก็ลากเส้นลงบนกระดาษ
กลายเป็นพันธะใหม่ — ที่หนักกว่าครั้งแรก
และเจ็บกว่าเดิมมากนัก
วันรุ่งขึ้น
แสงแดดยามสายส่องลอดกระจกสะท้อนลงบนพื้นห้องขาวสะอาด เสียงเครื่องฟอกอากาศในห้องผู้ป่วยยังคงทำงานเงียบงัน ราวกับทุกสิ่งที่นี่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
แต่หัวใจของไลลา…กลับสั่นไหวเกินจะควบคุม
เธอเดินช้า ๆ ตามร่างสูงของอคินเข้าไปในห้องพักพิเศษ มือบางสั่นเล็กน้อยเมื่อละจากขอบประตู ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงสีขาว
“ทีน...” เสียงเธอแผ่วเบาเหมือนสายลมแรกของฤดูหนาว
นทีหันมาทันทีที่ได้ยินเสียงพี่สาว ดวงตาของเด็กชายเบิกกว้างขึ้น พร้อมรอยยิ้มที่ถึงแม้จะอ่อนแรงแต่ก็เต็มไปด้วยความคิดถึง
“พี่ไลลา! พี่มาแล้ว!” นทีพยายามยันตัวลุกขึ้นนิด ๆ แต่ถูกพยาบาลห้ามไว้อย่างเบามือ
ไลลานั่งลงข้างเตียง กุมมือเล็ก ๆ นั้นไว้แน่น น้ำตาที่พยายามเก็บไว้กลับเอ่อล้นออกมาโดยไม่รู้ตัว
“พี่ขอโทษ...ที่มาหาช้า” เสียงสั่นเครือสะท้อนในอกของเธอเอง
“ไม่เป็นไรครับ ทีนรู้ว่าพี่ต้องทำงาน...คุณหมออคินก็บอกว่าพี่ไลลายุ่ง แต่ทีนคิดถึงพี่มากเลยนะครับ”
คำพูดนั้นบาดใจยิ่งกว่ามีดกรีด
อคินยืนมองจากมุมห้อง สีหน้าเขานิ่งสนิทเหมือนเดิม แต่ดวงตากลับมีบางอย่างที่สะท้อนแววลังเลราง ๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้เตียง
“ผมอยากให้คุณบอกนทีให้เตรียมใจสำหรับการผ่าตัด” เขาพูดขึ้นเรียบ ๆ ขณะหยิบแฟ้มประวัติผู้ป่วยขึ้นมาเปิด
ไลลาชะงัก มือที่กุมมือน้องแน่นขึ้นเล็กน้อย
“ผ่าตัด?” เด็กชายเงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยคำถาม
“อีกไม่นานแล้วทีน” ไลลาบอกเบา ๆ พลางยิ้ม แม้หัวใจจะเจ็บจนชา
เธอกลืนก้อนสะอื้นลงคอ แล้วบอกน้องด้วยเสียงที่มั่นคงที่สุดเท่าที่เคยมีในชีวิต
“พี่จะอยู่ตรงนี้...ดูแลทีนทุกอย่าง อย่ากลัวเลยนะ”
เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับคอนโด ไลลาก็ไม่พูดอะไรระหว่างทาง อคินเองก็เช่นกัน — เขาขับรถอย่างเงียบเชียบ เหมือนไม่เคยมีคำพูดหรือความรู้สึกใดเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้
เขาไม่เอ่ยถามแม้สักคำว่าเธอรู้สึกอย่างไร”
“เพราะสำหรับเขา...มันแค่ ‘ดีลที่สมบูรณ์’ ไม่ใช่ช่วงเวลาแห่งความรู้สึก”
เมื่อกลับถึงคอนโด...
ทุกอย่างกลับคืนสู่ “กฎ”
อาหารวางไว้ตรงเวลา — กับข้าวชุดเดิม
เสียงเพลงเปียโนบรรเลงวนซ้ำ — ทำนองเดิม
แอร์ — อุณหภูมิเดิม
ชุดนอน — แบบเดิม และพับไว้อย่างประณีตบนเตียง
แม้เธอจะได้เงินก้อนโตเพื่อช่วยน้องชาย แต่ทุกลมหายใจของเธอกลับเหมือนถูกขีดเส้น
อคินไม่พูดถึงสัญญาอีก ไม่เอ่ยคำขอบคุณ ไม่แตะต้อง ไม่สัมผัส...แต่ก็ไม่ให้เธอมีอิสระเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เธอเป็น “ของ” ที่เขาซื้อมาแล้ว
และเธอกำลังถูก “จัดระเบียบ” ให้เข้าที่เข้าทาง
“ลุกขึ้น อาบน้ำ” เขาเอ่ยขณะยืนพิงขอบประตู ร่างสูงใหญ่ยังคงอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มเหมือนเดิม
ไลลายืนนิ่งในชุดนอนเนื้อบาง สีซีดที่เธอไม่เคยเลือกเอง
“ฉันจะอาบเอง...เมื่อพร้อม” เธอตอบอย่างช้า ๆ ดวงตาไม่มีแววท้าทาย แต่ก็ไม่ยอมแพ้
อคินขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบกลับในทันที เขาเดินเข้าไปใกล้ จ้องมองเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
“อย่าทำตัวให้มันยากกว่าที่เป็นอยู่” เขาพูดเสียงต่ำ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ยาก...” ไลลาตอบ
“แต่ฉันอยากให้อะไรบางอย่างมัน ‘เป็นของฉัน’ จริง ๆ บ้าง ไม่ใช่เป็นของคนอื่นที่ฉันแค่ต้องสวมบทเล่นให้ดูเหมือน”
คำพูดนั้นทำให้บรรยากาศในห้องหนักอึ้งราวกับมีมือมาบีบลมหายใจของทั้งสอง
อคินไม่พูดอะไรนานนับนาที เขามองเธออย่างว่างเปล่า ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
เสียงประตูปิดลงเบา ๆ ทิ้งไว้เพียงเสียงเพลงเปียโนวนซ้ำ — ที่ไม่มีวันจบ
และไลลานั่งอยู่ตรงนั้น
บนโซฟาหนังสีดำที่เย็นเฉียบ กอดเข่าของตัวเองไว้แน่น จนเล็บแทบจะฝังลงไปในผิว
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงกระทบพื้นไม้
เบา...
แต่หนักแน่นพอจะตอกย้ำว่า แม้เธอจะเซ็นสัญญา…
แต่หัวใจของเธอ ไม่เคยถูกใครซื้อไปได้เลย
ลานหน้าศูนย์การแพทย์ขนาดย่อมที่ตั้งอยู่ชานเมืองได้รับการตกแต่งด้วยโคมกระดาษหลากสี พวงมาลัยดอกดาวเรือง และผ้าริบบิ้นขาวสะอาดตา เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ แทรกอยู่ในจังหวะดนตรีบรรเลงแบบไทยประยุกต์ และเสียงแม่ค้าเรียกลูกค้าตามบูธอาหารวันนี้ไม่ใช่งานของโรงพยาบาลใหญ่ ไม่ใช่งานรัฐ ไม่ใช่โครงการของกระทรวง แต่เป็น ‘งานวันเปิดคลินิก’ ที่ชายคนหนึ่งในอดีตเคยเป็นหมอชื่อดังแห่ง Raven ตั้งใจจัดขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเองอคิน — ในเสื้อเชิ้ตลินินสีขาว กางเกงสแลคเนื้อเบา และรอยยิ้มมุมปากที่ไลลาไม่เคยเห็นในตอนที่เขายังอยู่ในโลกเก่าเขาเดินเคียงข้างไลลา มือหนึ่งกุมมือนุ่มของเธอไว้แน่น อีกมือลูบหัวเด็กที่เข้ามาทักแล้วแจกขนมที่เตรียมมาให้"ใครจะไปคิด..." ไลลาหันมายิ้มให้เขา"...ว่า ‘คุณหมออคิน’ ที่เคยหน้านิ่งกับทุกคน จะยอมแจกขนมเด็ก"เขายิ้มในลำคอ “ก็เพราะเธออยู่ข้าง ๆ ผมไง ผมเลยอยากยิ้มให้คนอื่นได้บ้าง”เสียงเพลงในงานแทรกด้วยเสียงประกาศจากเวทีหลัก“ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานเปิดตัว ‘คลินิกใจกลางบ
ใบหน้าอคินซีดเผือด แต่สายตาของเขานั้นไหม้เกรียมด้วยไฟที่ไม่มีใครดับได้“...นี่คือสิ่งที่เธอได้ยิน ก่อนเธอจะตัดสินใจจบชีวิต”เขาเว้นจังหวะ หายใจเข้าลึก“และผม...คือลูกชายของคนที่พูดแบบนั้น”ไม่มีใครในห้องขยับแม้แต่นิ้วนอกจากชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่นั่งนิ่งในมุมขวาของโต๊ะวงรีเขา...ที่เคยเป็นเสาหลักของโรงพยาบาลเขา...ที่เคยกำกับทุกเสียงให้เป็นไปตามต้องการวันนี้ ไม่มีใครมองเขาด้วยความเคารพอีกต่อไปมือใหญ่ของเขากำแน่นบนขอบโต๊ะ เหงื่อเย็นชื้นเต็มไรผมนัยน์ตาคู่นั้นแดงก่ำ แต่ไม่ใช่เพราะเศร้า...เพราะโกรธโกรธลูกชายที่ทำลายภาพลวงตาที่เขาสร้างขึ้นมาทั้งชีวิต“มัน...ไม่มีน้ำหนักทางกฎหมาย...” เขาพูดเบา ๆ เหมือนสะอึกแต่อคินหันกลับมาช้า ๆ เสียงของเขาคมเท่ามีดในมือหมอ“แต่คนฟังรู้ว่า...มัน ‘จริง’ มากพอที่จะฆ่าผู้หญิงคนหนึ่งได้”อคินหันหน้ามาทางโต๊ะประชุมอีกครั้ง นัยน์ตาเขาแดงเรื่อ แต่ยังนิ่งแน่ว"ผมไม่ได้ออกจากตำแหน่งเพราะความ
เสียงรองเท้าหนังของอคินกระทบพื้นหินอ่อนของลานจอดรถชั้นใต้ดิน ท่ามกลางแสงไฟสีเหลืองหม่น เขาเดินตรงไปยังรถของตัวเองโดยไม่พูดอะไร มือข้างหนึ่งกำโทรศัพท์ที่ยังคงมีสายมาจากชื่อเดิมซ้ำ ๆ — ไลลาเขาไม่รับ ไม่แม้แต่จะมองหน้าจอสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องทำงานเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ยังคงก้องในหัว... เสียงของพ่อเขา เสียงของความเงียบ เสียงของความเจ็บปวดที่เขาปล่อยให้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่ารถคันหรูแล่นฝ่าความเงียบของยามค่ำคืนจนมาถึงบาร์ส่วนตัวของคิรินทร์ — มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลที่รู้จักเขามานาน“มึงมาคนเดียว?” คิรินทร์เงยหน้าจากแก้ววิสกี้เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาอคินไม่ตอบ เขาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาหนัง ตรงข้ามกับบาร์ไม้โอ๊ค เสียงแก้วกระทบโต๊ะเบา ๆ ขณะที่คิรินทร์รินวิสกี้ใส่แก้วอีกใบแล้วยื่นให้เสียงแก้วกระทบขอบโต๊ะไม้ดังแผ่ว ภายในบาร์ส่วนตัวของคิรินทร์เงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงแจ๊สคลอเบา ๆ จากลำโพงฝังผนัง อคินนั่งก้มหน้ามองแก้วเหล้าสีอำพันในมือ พลันถอนหายใจออกมาอย่างช้า ๆ“มึงโทรหากู...เพื่อมานั่งเงียบ ๆ แบบนี้?” คิรินทร์ถาม ขณ
ห้องประชุมเล็กชั้นบนสุดของโรงพยาบาล — เงียบราวกับหลุมศพอคินยืนอยู่ปลายโต๊ะวงรีขนาดยาว ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องเขา ราวกับเขาคือเข็มนาฬิกาที่หยุดเดิน โลกในตอนนี้ไม่มีเสียงเครื่องมือแพทย์ ไม่มีเสียงผู้ป่วย มีเพียง “ความจริง” ที่กำลังจะถูกชำแหละ“ผมเรียกประชุมในวันนี้...เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่พวกคุณควรได้รู้ — ไม่ใช่แค่ในฐานะแพทย์ แต่ในฐานะมนุษย์”เสียงของอคินหนักแน่นแต่คุมอารมณ์ไม่มีใครพูดสอด ทุกคนต่างขยับตัวในที่นั่ง บ้างนิ่งงัน บ้างเลิกคิ้ว แต่ไม่มีใครหัวเราะ หรือเบ้หน้าเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่เขาเคยกลายเป็นข่าวลือเสียสติหลังคนรักตายอคินวางแฟลชไดรฟ์ลงบนโต๊ะ ก่อนจะเสียบเข้ากับโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง เสียงบูตเครื่องดังขึ้นในห้องอันวังเวงไม่ใช่ภาพ...แต่คือเสียง“...เขาบอกให้ปล่อยไป อย่าปั๊มหัวใจ อย่าใช้ยากระตุ้นใด ๆ... เขาไม่อยากให้เธอ ‘ตื่น’ ขึ้นมาอีกแล้ว...”เสียงผู้หญิงวัยกลางคนสั่นเครือในคลิปสัมภาษณ์บุคลากรเก่าของโรงพยาบาลที่เคยอยู่เวรฉุกเฉินวันนั้นเสียงนั้น
แสงแดดบ่ายส่องลอดม่านบางในห้องรับรองส่วนตัวของตึกวีไอพีชั้นบนสุด — ห้องที่ไม่มีใครกล้ารบกวนหากไม่ได้รับคำสั่งจากคนในอคินยืนพิงหน้าต่างกระจกสูง เงาสะท้อนของเขาทอดยาวลงบนพื้นหินอ่อน ความนิ่งเงียบรอบกายเหมือนจะกลืนเขาให้หายเข้าไปในเงาของตึกประตูไม้หนักถูกเคาะสองครั้ง ก่อนจะถูกเปิดเข้ามาอย่างแน่นหนัก“ขอโทษที่ให้รอนาน”เสียงทุ้มต่ำและทรงอำนาจของผู้มาใหม่ทำลายความเงียบลงอคินหันกลับไปทันทีที่เห็นคิรินทร์ในชุดสูทสีดำสนิท ก้าวเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารบาง ๆ ในมือ“นี่คือทั้งหมดที่ฉันหาได้” เขาพูด ก่อนจะวางแฟ้มลงบนโต๊ะกลางห้อง“มันเกี่ยวกับลลิน...เกี่ยวกับการตายของเธอ”แววตาอคินเปลี่ยนทันที — ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนเขาก้าวเข้าไปหยิบแฟ้มขึ้นมา เปิดอย่างระมัดระวังภายในคือสำเนาเอกสารทางการแพทย์ เวชระเบียนที่ถูกปรับเปลี่ยน ตราประทับโรงพยาบาล รายงานจากเจ้าหน้าที่เวร และสำเนาการสืบสวนภายในที่ไม่เคยเปิดเผยหน้าแรกของเอกสารแนบด้วยโน้ตเล็ก ๆ ที่เขียนด้วยลายมือของคิรินทร์ &mdash
เคสผ่านไปด้วยดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เด็กหญิงปลอดภัยอคินออกจากห้องผ่าตัดด้วยเหงื่อชื้นที่ขมับ เขาเดินไปที่ห้องพักแพทย์ — แล้วพบว่าไลลานั่งรออยู่ที่นั่นแล้วเขาทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอ ร่างสูงเอนพิงโซฟา ปิดเปลือกตาลงเงียบ...อยู่นานก่อนจะเอ่ยเสียงเบา"ตอนผ่าตัด...ฉันไม่เห็นลลินเลย"เธอหันไปมองเขา — แต่เขายังคงหลับตา"ไม่มีเสียง ไม่มีเงา ไม่มีความหลอน...มีแค่เสียงหัวใจของเด็กคนนั้นที่ฉันต้องรักษาให้ได้"เขาเปิดเปลือกตาอีกครั้ง แล้วหันมาสบตาเธอเต็ม ๆ“และมีเธอ...อยู่ข้างนอกตรงนั้น”ไลลาไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ แต่ในหัวใจของเธอเต็มไปด้วยคลื่นน้ำที่กำลังไหลเชี่ยวเขายื่นมือมาจับมือเธอไว้แน่น“ฉันอยากจะบอกอะไรบางอย่าง...ที่ไม่เกี่ยวกับอดีต ไม่ใช่เพราะเธอเหมือนใคร ไม่ใช่เพราะเธอเยียวยาฉันจากใคร”“ฉันต้องการเธอ...ในแบบที่เธอเป็น”มือที่จับแน่นขึ้น ริมฝีปากที่เคยแข็งเรียบสั่นน้อย ๆ“การผ่าตัดครั้งนี้...มันไม่ใช่แค่การหัวใจของคนไข้&rdquo