แสงแดดอ่อนจางลอดผ่านผ้าม่านสีเทาในคอนโดหรูหราที่เหมือนถูกแช่แข็งไว้ด้วยอุณหภูมิความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันอุ่นขึ้น ร่างบางของไลลานั่งสงบอยู่ตรงเก้าอี้ตัวเดิมริมหน้าต่าง เธอไม่ได้พูดอะไร...และไม่คิดจะพูดอีกต่อไป
ผ่านมาเกือบสัปดาห์นับจากที่เธอตัดสินใจเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับอคิน — ‘สัญญาที่ไม่ยุติธรรม’ ที่แลกชีวิตน้องชายกับความเป็นตัวเอง
เขากลับมาอยู่ที่คอนโดทุกวัน ทำทุกอย่างตรงตามเวลาเหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว
อาหารตรงเวลา
การจัดตารางชีวิต
คำสั่งสั้น ๆ ที่ไม่มีคำอธิบาย
แต่ไลลาไม่ได้ต่อต้านอย่างเปิดเผยอีกแล้ว เธอไม่พูด ไม่ขัดขืน...แต่ก็ไม่ยอม ‘ยอมรับ’
และอคินรู้ดี
เธอเปลี่ยน
แม้ไม่มีคำใดต่อต้านในน้ำเสียง แม้เธอจะเดินตามเขา กินอาหารที่เขาเตรียมให้ และไม่พยายามหลบหนีอีก แต่เขาก็รู้ — จากสายตาที่มองเขาราวกับเขาเป็นคนแปลกหน้าในบ้านของตัวเอง
เขาเริ่มหลับไม่สนิท
บางคืนตื่นมาแล้วพบว่าเธอนั่งอยู่ริมเตียง มองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่รู้ว่าผ่านมากี่ชั่วโมง
เธอเหมือน ‘เงา’ ที่เขาเรียกมาไว้ข้างกาย...แต่ไม่ใช่เงาที่เขาคุ้นเคย
และเขาไม่แน่ใจแล้วว่า...กำลังจะสูญเสียอะไรอีกครั้ง
เช้าวันนั้น โรงพยาบาล Raven เต็มไปด้วยกลิ่นยา ความเร่งรีบ และเสียงเรียกเตือนจากเครื่องวัดชีพจรที่ดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ห้องผ่าตัดเบอร์ 2 – ผู้ป่วยเคสฉุกเฉิน: ด.ช.กรพัฒน์ อายุ 8 ขวบ มีปัญหาเส้นเลือดในสมองโป่งพองโดยกำเนิด
ทีมแพทย์ยืนประจำตำแหน่งกันเรียบร้อยภายใต้ไฟสีขาวสว่างจ้า
อคินยืนอยู่หัวโต๊ะ มือจับมีดผ่าตัดด้วยความมั่นคงตามแบบฉบับของเขา — หรือ...ที่เขาคิดว่าใช่
“เริ่มที่ incision point ที่ 3...เปิด cranial flap ข้างซ้ายครับหมอ” เสียงผู้ช่วยเอ่ย
อคินพยักหน้าโดยไม่พูด เขาทำงานด้วยความนิ่งเฉียบจนทุกคนในห้องผ่าตัดเคยชิน
แต่วันนี้...ไม่เหมือนเดิม
มือเขาชื้นเหงื่อ แม้ห้องจะเย็นจัด
เสียงหัวใจเขาดังก้องในหู
และภาพเงาเธอ — ‘ลลิน’ — ก็ลอยเข้ามาในหัวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
เธอเคยมีเส้นผมยาวถึงบ่า กลิ่นหอมละมุนจากสบู่ธรรมดาที่เธอใช้ไม่เคยลบออกจากความทรงจำ
ภาพของเธอที่เขาไม่เคยลืม...แต่พยายามยัดไลลาเข้าไปแทน
เสียง monitor ดังเตือนอีกครั้ง
“BP drop ครับ!” พยาบาลร้องเตือน
“ทำไมเส้นเลือดฝอยซ้ายแตก!?”
“หมอคะ เสียเลือดเยอะมาก!”
อคินนิ่งไปเสี้ยววินาที — แต่นั่นคือเสี้ยววินาทีที่แพทย์อย่างเขาไม่ควรมี
“Cauterize! เร็ว! เด็กกำลังจะช็อก! รีบเข้ามา—” เขาตวาด เสียงแตกพร่าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในห้องผ่าตัดของเขามาก่อน
แต่ก็ช้าไปแล้ว...
หนึ่งชั่วโมงต่อมา — ด.ช.กรพัฒน์ เสียชีวิตบนโต๊ะผ่าตัด
ห้องประชุมแพทย์ประจำโรงพยาบาล
อคินนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ สีหน้าสงบ แต่สีหน้าที่ไม่ใช่ความเยือกเย็นอีกต่อไป — มันคือ “ความว่างเปล่า”
“หมออคิน…ตามขั้นตอน ผมต้องรายงานเคสนี้เข้าสู่คณะกรรมการสอบสวน เนื่องจากเป็นการผ่าตัด elective ที่มีภาวะแทรกซ้อนถึงขั้นเสียชีวิต”
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอ่ยเสียงเรียบ
ไม่มีใครตำหนิเขา
ไม่มีใครกล่าวโทษ
เพราะไม่มีใครกล้า
แต่ในความเงียบของห้องนั้น — เขากลับได้ยินเสียงตัวเองชัดกว่าทุกอย่าง
เสียงของคนที่เคยคิดว่าตัวเอง “ไม่เคยพลาด”
เสียงของคนที่เคยคิดว่า “ควบคุมได้ทุกอย่าง”
เสียงของความทรงจำ...ที่กำลังไล่ล่าเขาอีกครั้ง
‘ลลิน...ฉันทำไม่ได้อีกแล้ว...’
เย็นวันเดียวกัน
เขานั่งอยู่ในห้องพักแพทย์ ร่างกายทรุดตัวลงกับโซฟา มือกำผ้าสูทแน่นจนยับ
โทรศัพท์บนโต๊ะเงียบสนิท
ไม่มีข้อความจากใคร
ไม่มีการติดต่อกลับจากไลลา
อคินยกมือกดที่ขมับ ขณะสายตามองออกไปนอกกระจกของห้องพักแพทย์
ดวงอาทิตย์ตกลงหลังตึกสูง
แต่เขารู้ดี...ความมืดยังมาไม่ถึงที่สุด
ไม่ใช่จนกว่าเขาจะ “หายไปจากตัวเอง” โดยสมบูรณ์
เสียงเปิดประตูคอนโดดังขึ้นอย่างช้า ๆ ท่ามกลางความเงียบของห้องสูงชั้นบนสุด ไลลานั่งกอดเข่าอยู่ริมหน้าต่าง หันหน้าออกไปยังทิวทัศน์ของเมืองที่เริ่มมืดลงจนมีเพียงแสงจากตึกสูงและไฟถนนทอดยาวเหมือนเส้นเลือดของเมืองที่ไม่มีวันหลับ
เธอไม่ได้หันไปมองในทันที — แค่รู้...จากแรงยุบตัวของโซฟาด้านข้างที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง น้ำหนักที่คุ้นเคยนั้นบอกทุกอย่างได้ดีกว่าคำพูด
อคินกลับมาแล้ว
เขานั่งเงียบ ไม่พูด ไม่แตะต้อง และไม่เปิดไฟห้องเหมือนทุกครั้ง
ไลลาหันไปมอง เห็นเพียงเงาของเขาท่ามกลางแสงสลัวจากโคมไฟมุมห้อง แว่นตาถูกถอดวางไว้ข้างตัว เส้นผมยุ่งเล็กน้อย และเงาสีเทาหม่นที่ทอดอยู่ใต้ดวงตาคมเข้มบ่งบอกว่า...เขาไม่ได้หลับมาหลายคืน
เขาดู ‘พัง’ ลงอย่างช้า ๆ
“…ผมฆ่าเด็กคนหนึ่ง” เสียงของเขาดังขึ้นเบา ๆ ราวกับพูดกับตัวเองมากกว่าพูดกับเธอ
ไลลาขยับนิดเดียว แต่ไม่ตอบ
“มันเป็นเคสที่ซับซ้อน...เด็กชายอายุแค่เก้าขวบ...มีซีสต์ในสมองกดเบนเส้นประสาทหลัก ผ่าตัดไม่เกินสี่ชั่วโมงก็เสร็จ”
เขาหัวเราะเบา ๆ — แห้งแล้ง และปวดร้าว
“ผมเคยทำเคสยากกว่านี้มานับไม่ถ้วน...แต่วันนี้...ผมพลาด...”
มือเขาขยี้เส้นผมตัวเองแรง ๆ ขณะที่ยังจ้องไปที่พื้นราวกับมันสามารถกลืนเขาไปได้
“ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมือผมหรือเพราะหัวใจผมวอกแวก...แต่ตอนผมเฉือนเส้นนั้น...เด็กคนนั้นก็ไม่หายใจอีกเลย”
เธอหันหน้ากลับไปยังหน้าต่างอีกครั้ง ฟังทุกคำ...อย่างเงียบงัน
ไม่มีคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ หรือ ‘ปลอบใจ’ หลุดออกมาจากริมฝีปากเธอ
มีเพียงร่างบางที่ยังนั่งนิ่ง...แต่มือข้างหนึ่งขยับช้า ๆ วางลงใกล้มือของเขาที่วางอยู่บนเบาะโซฟา
ไม่ได้จับ — แค่...วางไว้ตรงนั้น
พอให้เขารู้ว่าเขา ‘ไม่ลำพัง’
อคินค่อย ๆ เบนสายตามามองมือของเธอ
เขาไม่คว้ากลับ ไม่ยื้อ ไม่พูดแม้แต่คำขอบคุณ แต่แววตาของเขา...เหมือนกระจกแตกร้าวที่เงียบงัน
รอยร้าวของเขา...เริ่มปรากฏชัดขึ้น
“ผม...เคยคิดว่าผมเป็นหมอที่ไม่มีวันพลาด” เขากระซิบ น้ำเสียงพร่าอย่างคนที่ยอมรับความอ่อนแอของตัวเองได้ยากเย็นเหลือเกิน
“เคยคิดว่าผมควบคุมได้ทุกอย่าง...รวมถึงหัวใจคนอื่น”
ไลลาหลับตาลงช้า ๆ
เธอรู้ — ว่าประโยคนี้ไม่ได้พูดถึงแค่การผ่าตัด
เขาพูดถึงเธอด้วย
การควบคุม การเขียนบท การแทนที่เธอด้วย ‘ลลิน’ — เขาคิดว่าคุมได้ทุกอย่าง
แต่หัวใจ...มันไม่ใช่กลไกที่ยอมจำนนง่าย ๆ
“คนอย่างผม...ไม่ควรมีสิทธิรักษาใครอีก” เขาพูดเบาราวกับลมหายใจ
ความเงียบถาโถมเข้ามาอีกครั้ง
ครั้งนี้เธอไม่ได้พูดอะไร...แต่เธอไม่เดินหนีเช่นกัน
และนั่น...คือคำปลอบที่ลึกที่สุด
ในคืนนั้น อคินเดินตามเธอเข้ามาในห้องนอน โดยไม่พูดอะไรเลย
เขาไม่เปิดเพลงเดิม
ไม่ปรับแอร์
ไม่แตะต้องชุดนอนของเธอเหมือนทุกคืน
เขาแค่เดินเข้ามา...นั่งลงบนเตียง
เธอขยับตัวจะหลีก แต่เขาเอื้อมแขนโอบกอดจากด้านหลัง
แน่น — แน่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
แน่นเหมือนคนกำลังจะจมลงไปในเงา...แล้วต้องคว้าอะไรไว้เพื่อรอด
แต่เขาไม่ร้องไห้
ไม่ครางชื่อใคร
ไม่พูดแม้แต่คำเดียว
มีเพียงเสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่ซ่อนความปวดร้าวไว้ลึกจนแทบระเบิด
ไลลานอนนิ่ง ปล่อยให้แขนของเขากอดรัดเธอไว้จนร่างแทบขยับไม่ได้
คืนนี้...ไม่มีใครต้องการคำพูด
เพราะบางครั้ง...แค่ ‘เงียบอยู่ด้วยกัน’ ก็เพียงพอแล้ว
เพียงพอให้เห็นว่า...หมอผู้เย็นชา ก็ ‘บาดเจ็บ’ ได้เช่นกัน
เพียงพอให้ไลลารู้ว่า...
คนอย่างหมออคิน — ไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากคนที่ไม่ทิ้งเขา...แม้ในวันที่เขารักษาใครไม่ได้เลย
คอนโดชั้นบนสุดยังคงปิดเงียบเหมือนถูกลืมไว้กลางเมือง แสงเช้าอ่อนสาดผ่านม่านสีเทา มัวซึมเหมือนความรู้สึกของใครบางคนที่ไม่เคยเปลี่ยนบนเตียงขนาดคิงไซส์ ร่างของไลลานอนหันหลังให้เขา ไหล่บางนั้นเกร็งแน่นแม้ในยามหลับ รอยแดงช้ำตามลำคอ ไหล่ และข้อมือยังไม่ทันจางไปจากคืนก่อนอคินนอนลืมตาอยู่ด้านหลัง สายตาจ้องเพดานด้วยความคิดที่พันกันยุ่งเหยิงมือของเขายังวางอยู่บนเอวเธอ — ไม่ใช่เพราะต้องการจะกอด แต่เพราะกลัวว่าเธอจะลุกหนีโดยที่เขาไม่รู้ตัวอีกเธอไม่ได้พูดกับเขาเลยนับจากเมื่อคืนไม่มีคำต่อว่า ไม่มีแม้แต่เสียงกดดันใด ๆแต่นั่นแหละ...ที่ทำให้เขารู้ว่าเธอ “พัง” ข้างในและเขาเองก็...ไม่ต่างกันหลังอาบน้ำเสร็จ เขาเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่พับไว้อย่างเนี้ยบ ใบหน้าเย็นชาเหมือนเดิม แต่ดวงตา...กลับอ่อนล้ากว่าทุกวันไลลายังนั่งกอดเข่าข้างเตียง สวมเสื้อคลุมที่เขาโยนให้เมื่อเช้า เธอไม่ได้พูด และเขาก็ไม่ถามเขาเดินเข้าครัว จัดอาหารเช้าอย่างเคย — ไข่ต้ม ขนมปังปิ้ง ข้าวต้มไก่สูตรเดิมที่เขาเคยทำให้ล
เสียงนาฬิกาเดินอย่างเงียบงันบนผนังคอนโดหรู…ความเงียบในห้องยังหนาวเหมือนเคย — แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคืออคิน…ที่ยืนอยู่กลางห้องอย่างคนที่ควบคุมอะไรไม่ได้อีกแล้วชายหนุ่มยืนพิงเคาน์เตอร์ครัว แขนไขว้แน่นบนแผ่นอกที่เต็มไปด้วยความคุกรุ่น ใบหน้าคมสันเคร่งเครียดแม้ในความเงียบ แววตาใต้กรอบแว่นสะท้อนแสงไฟอ่อนในห้อง ลึก…และมืดกว่าที่เคยเป็นหลายวันแล้ว...นับจากวันที่เขาพลาดนับจากวันที่มือที่เคยเชื่อมั่นในตัวเอง…สั่นไหวและเพราะถูกพักงานอคินไม่มีผ่าตัด ไม่มีคนไข้ ไม่มีตารางเร่งรีบไม่มีอะไรให้โฟกัส—นอกจากเธอไลลา.เขาเริ่มจัดตารางวันของเธอใหม่อีกครั้งเช้า 7 โมง – อาหารเช้า9 โมง – เดินในสวนที่เขาเตรียมไว้บ่าย 1 โมง – อ่านหนังสือที่เขาเลือกเย็น – อาหารมื้อเดิมกลางคืน – อยู่กับเขา จนนอนหลับตารางที่เขาคิดว่า “ดี” สำหรับเธอตารางที่เขาเชื่อว่าจะ “ควบคุมความวุ่นวายในหัวใจ” ได้เหมื
แสงแดดอ่อนจางลอดผ่านผ้าม่านสีเทาในคอนโดหรูหราที่เหมือนถูกแช่แข็งไว้ด้วยอุณหภูมิความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันอุ่นขึ้น ร่างบางของไลลานั่งสงบอยู่ตรงเก้าอี้ตัวเดิมริมหน้าต่าง เธอไม่ได้พูดอะไร...และไม่คิดจะพูดอีกต่อไปผ่านมาเกือบสัปดาห์นับจากที่เธอตัดสินใจเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับอคิน — ‘สัญญาที่ไม่ยุติธรรม’ ที่แลกชีวิตน้องชายกับความเป็นตัวเองเขากลับมาอยู่ที่คอนโดทุกวัน ทำทุกอย่างตรงตามเวลาเหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้วอาหารตรงเวลาการจัดตารางชีวิตคำสั่งสั้น ๆ ที่ไม่มีคำอธิบายแต่ไลลาไม่ได้ต่อต้านอย่างเปิดเผยอีกแล้ว เธอไม่พูด ไม่ขัดขืน...แต่ก็ไม่ยอม ‘ยอมรับ’และอคินรู้ดีเธอเปลี่ยนแม้ไม่มีคำใดต่อต้านในน้ำเสียง แม้เธอจะเดินตามเขา กินอาหารที่เขาเตรียมให้ และไม่พยายามหลบหนีอีก แต่เขาก็รู้ — จากสายตาที่มองเขาราวกับเขาเป็นคนแปลกหน้าในบ้านของตัวเองเขาเริ่มหลับไม่สนิทบางคืนตื่นมาแล้วพบว่าเธอนั่งอยู่ริมเตียง มองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่รู้ว่าผ่านมากี่ชั่วโมงเธอเหมือน ‘เงา’ ที่เ
วันถัดมาเมื่อเธอคิดจะลอง “หนี” อีกครั้ง — เธอสวมเสื้อที่ตัวเองเย็บปะด้วยมือ ซ่อนเงินที่เหลือไว้อีกเล็กน้อย และรีบเดินออกจากห้องเงียบที่สุดแต่เมื่อเธอกดลิฟต์เสียงเตือนก็ดังขึ้น...“Access Denied. Invalid Code.”เธอกดใหม่...อีกครั้ง...และอีกครั้งจนกระทั่งเธอเข้าใจ...เขาเปลี่ยนรหัสเขาขังเธอไว้เขา...คุมเธอจากจอที่เธอมองไม่เห็นกล้องวงจรปิดทุกมุมในห้อง — ที่เธอเคยคิดว่าเป็นของระบบอัตโนมัติของคอนโด — ตอนนี้...เธอรู้แล้วว่าทุกตัวเชื่อมเข้ากับเขา”“แม้ไม่มีคำพูดใด แต่เธอรู้ว่าทุกการหายใจของเธอ...ถูกเขา ‘รู้”ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่รู้เลยว่า...ในห้องควบคุมลับของคอนโดนั้นภาพเธอที่ยืนคอตก เดินกลับห้อง — ถูกจับจ้องอยู่ผ่านจอใหญ่ขนาดครึ่งฝาโดยดวงตาที่ไม่ได้แสดงอารมณ์แม้แต่นิดเดียวคืนนั้น เธอกลับมานั่งที่โซฟาเดิมกอดตัวเองแน่นห้องทั้งห้องมืดเงียบเหมือน ‘ไลลา’ ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว
เสียงเพลงเปียโนบรรเลงช้า ๆ ไหลวนในอากาศอย่างไร้จุดสิ้นสุด — เป็นทำนองเดิมที่เปิดทุกวันในคอนโดสูงชั้นสุดของใจกลางกรุงเทพมหานครแต่กับไลลา...มันไม่ใช่เพลงอีกต่อไปมันคือเสียงหลอนมันคือหลักฐานว่าเธอกำลังอยู่ในฉากซ้ำเดิมที่ไม่ใช่ของตัวเองเธอนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ แนวฟลอรัลที่อบอวลอยู่ทั่วห้องยังคงเป็นกลิ่นเดิม — กลิ่นที่ไม่เคยเปลี่ยนมาตั้งแต่วันแรกที่เธอก้าวเข้ามาในสถานที่นี้สถานที่ที่เธอไม่เคยรู้สึกว่าเป็น ‘บ้าน’อคินไม่พูดมาก เขายังคงทำหน้าที่ของเขาในโรงพยาบาลอย่างเคร่งครัด แต่ทุกคืนเขากลับมาที่นี่ — พร้อมกับกิจวัตรที่เป๊ะเหมือนจับวางเปิดเพลงเดิม เวลาเดิมเปิดแอร์ที่อุณหภูมิเดิม...แม้ไลลาจะปรับขึ้นให้สูงเพียงใด มันก็จะถูกเปลี่ยนกลับทุกครั้งที่เขาเข้าห้องที่แย่กว่านั้นคือ...แม้แต่คำพูดของเขา“นอนได้แล้ว ลลิน...”นั่นไม่ใช่ชื่อเธอและเขาก็รู้...ว่าไม่ใช่แต่เขาก็ยังเรียกมัน“กินข้าวให้หมด...เหมือนทุกที”
เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนของฤดูฝนลอดผ่านม่านทึบแสงในห้องนอนสีเทาอมน้ำเงิน ความเงียบยังคงปกคลุมอย่างเหนียวแน่น ราวกับเวลาที่นี่เดินช้ากว่าทุกแห่งบนโลกบนเตียงขนาดคิงไซส์ ร่างบางของไลลานอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหนา ดวงตายังหลับพริ้ม แต่เหงื่อที่ซึมตามไรผม และสีหน้าซีดเซียวบ่งบอกว่าเธอไม่ได้หลับสบายอย่างที่ควรเป็นพิษไข้จากความเครียดและความเหนื่อยสะสมกำลังเล่นงานเธอจนไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวประตูห้องนอนถูกเปิดออกช้า ๆอคินยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาคมกริบใต้กรอบแว่นทรงเรียบจ้องร่างเธอแน่นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้“ไข้ขึ้น...” เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินออกจากห้องทันทีไม่ถึงสิบห้านาทีต่อมา เขากลับมาพร้อมถาดข้าวต้มร้อน ๆ และกล่องยาสีขาวสะอาดเสียงช้อนกระทบถ้วยเบา ๆ ทำให้ไลลาค่อย ๆ ลืมตา ดวงตากลมโตที่แดงก่ำมองเขาอย่างเลื่อนลอย“คุณ...ทำข้าวต้มเหรอคะ?” เสียงเธอแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน“กินซะ จะได้กินยา” เขาตอบสั้น ๆ วางถาดไว้บนโต๊ะหัวเตียง ก่อนจะยื่นผ้าเย็นเช็ดหน้ามาให้เธอรับไว้เงียบ ๆ ซับ