เสียงเพลงเปียโนบรรเลงช้า ๆ ไหลวนในอากาศอย่างไร้จุดสิ้นสุด — เป็นทำนองเดิมที่เปิดทุกวันในคอนโดสูงชั้นสุดของใจกลางกรุงเทพมหานคร
แต่กับไลลา...มันไม่ใช่เพลงอีกต่อไป
มันคือเสียงหลอน
มันคือหลักฐานว่าเธอกำลังอยู่ในฉากซ้ำเดิมที่ไม่ใช่ของตัวเอง
เธอนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ แนวฟลอรัลที่อบอวลอยู่ทั่วห้องยังคงเป็นกลิ่นเดิม — กลิ่นที่ไม่เคยเปลี่ยนมาตั้งแต่วันแรกที่เธอก้าวเข้ามาในสถานที่นี้
สถานที่ที่เธอไม่เคยรู้สึกว่าเป็น ‘บ้าน’
อคินไม่พูดมาก เขายังคงทำหน้าที่ของเขาในโรงพยาบาลอย่างเคร่งครัด แต่ทุกคืนเขากลับมาที่นี่ — พร้อมกับกิจวัตรที่เป๊ะเหมือนจับวาง
เปิดเพลงเดิม เวลาเดิม
เปิดแอร์ที่อุณหภูมิเดิม...แม้ไลลาจะปรับขึ้นให้สูงเพียงใด มันก็จะถูกเปลี่ยนกลับทุกครั้งที่เขาเข้าห้อง
ที่แย่กว่านั้นคือ...แม้แต่คำพูดของเขา
“นอนได้แล้ว ลลิน...”
นั่นไม่ใช่ชื่อเธอ
และเขาก็รู้...ว่าไม่ใช่
แต่เขาก็ยังเรียกมัน
“กินข้าวให้หมด...เหมือนทุกที”
เมนูอาหารไม่เคยเปลี่ยน — แกงจืดหมูสับ ไข่ต้มยางมะตูม และข้าวกล้องร้อน ๆ
มันไม่ใช่ของโปรดของเธอ แต่เขาไม่เคยถามว่าเธอชอบอะไร
เหมือนเขารู้ ‘แล้ว’ ว่าเธอชอบอะไร...แต่ไม่ใช่เธอคนนี้
เหมือนเขาเขียนบทไว้ล่วงหน้า และแค่รอให้เธอ “เล่น” ตาม
ไลลายืนอยู่หน้า walk-in closet ที่เธอไม่เคยเลือกเปิดด้วยตัวเองสักครั้ง
ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ที่อยู่ถัดจากเตียงนอน ตู้ที่เขาบอกว่า “เตรียมไว้ให้เธอหมดแล้ว”
เธอเปิดมันออก...ช้า ๆ
เสื้อผ้าทั้งหมดเรียงรายอย่างประณีต — เสื้อเชิ้ตผ้าซาตินสีขาวเดิมซ้ำ ๆ เดรสผ้าชีฟองลายดอกเล็ก ๆ สีซีด กางเกงผ้าลินินขาเต่อแบบเดียวกันหลายตัว รองเท้าไม่มีคู่ไหนเกินเบอร์ 38 และไม่มีสีอื่นนอกจากขาว ครีม น้ำตาล
ไม่ใช่สไตล์ของ ‘เธอ’
และบางชิ้น...มีกลิ่นของน้ำหอมแบบเดียวกับที่วางอยู่ในห้องน้ำ
กลิ่นเดียวกับที่เขาใช้...หรือใครอีกคนเคยใช้?
เธอลองหยิบเดรสตัวหนึ่งออกมาถือไว้ในมือ
ปลายแขนเสื้อมีรอยปักชื่อเล็ก ๆ สีขาวซีด
L.L. — หรือ...ลลิน?
เธอไม่แน่ใจว่ามันเป็นชื่อย่อ หรือแค่ความบังเอิญ
แต่ในวินาทีนั้น ร่างกายเธอกลับเย็นเยียบเหมือนถูกสาดน้ำเย็นจัดจากฝันร้าย
เธอหันกลับไปมองเตียง
ผ้าห่มลายดอกสีซีดที่เขาวางไว้ให้เธอห่มทุกคืน...เหมือนกันกับสีเสื้อผ้าที่เธอเห็นในตู้
ผืนผ้าที่เหมือนมี ‘กลิ่นของใครบางคน’
โคมไฟข้างเตียงที่เป็นลายลูกไม้...ดูไม่เข้ากับเขาเลยแม้แต่น้อย
ตุ๊กตาผ้าเล็ก ๆ ที่วางอยู่ตรงหัวเตียงฝั่งเธอ — เธอไม่ได้เอามา
แต่เขาไม่เคยเก็บมันออกไป
ราวกับว่า...
ทั้งหมดนี่เคยเป็นของใครบางคน
และเธอ...แค่ถูก ‘วางแทนที่’ ลงในภาพจำ
คืนนั้น ฝนตกหนัก
ไลลานั่งกอดเข่าบนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่น ขณะอีกฝ่ายนอนอยู่ในห้องนอนที่พวกเขาใช้ร่วมกัน
เธอไม่ได้หนี...แต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้เขาอีกแล้ว
เธอเคยพยายามทำความเข้าใจเขา เคยคิดว่าเขาแค่เย็นชา — ไม่รู้วิธีรักใคร
แต่ตอนนี้...เธอเริ่มแน่ใจว่าเขากำลัง ‘รักใครบางคนผ่านเธอ’
และที่น่ากลัวกว่านั้น...
เขาอาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ...ว่าเธอไม่ใช่ ‘ลลิน’
ตีสอง — เธอยังไม่หลับ
เสียงเพลงเปียโนยังคงบรรเลง...ช้า ๆ วนซ้ำ ๆ ทุกคีย์ที่ดังขึ้น ไม่ใช่แค่เสียงเปียโน — แต่มันคือเสียงตอกตะปูปิดโลงให้เธอช้า ๆ ทุกวัน
อคินเดินออกจากห้องนอน เสื้อยืดสีดำกับกางเกงวอร์มที่เขาใส่ทุกคืนยิ่งทำให้เขาดูเหมือนภาพซ้ำในฝัน
เขาเดินผ่านเธอไปที่ห้องครัว
“คุณจะไม่เบื่อเพลงนี้หน่อยเหรอคะ?” เธอถามเสียงเบา ขณะยังหันหน้ามองออกไปที่หน้าต่างกระจกสูง
เขาหยุดชะงักเล็กน้อย
“…ไม่” คำตอบของเขาสั้น และห้วน
“คุณเปิดมันทุกวันเลยนะคะ”
“เธอก็แค่ฟังไป อย่าคิดมาก” น้ำเสียงเขาเย็นเฉียบ
ไลลาเม้มริมฝีปาก เธอลุกขึ้นช้า ๆ แล้วเดินตามเข้าไปในครัว
“ฉันหนาวค่ะ”
“แอร์มันปรับอัตโนมัติ อย่าไปยุ่งกับมัน”
“แต่มันหนาวเกินไป ฉัน—”
“เธออยู่ได้” เขาตัดบท ไม่มองหน้าเธอแม้แต่น้อย
เธอนิ่งไป
นี่ไม่ใช่บ้านของเธอ
ไม่ใช่เสื้อของเธอ ไม่ใช่กลิ่นของเธอ ไม่ใช่เพลงของเธอ ไม่ใช่เตียงของเธอ
และเขาก็ไม่ได้เห็นว่าเธอเป็น “เธอ”
เขาเห็นเธอเป็น “เธอคนนั้น”
“คุณเห็นฉันเป็นใครกันแน่คะ?” เธอถามออกมาในที่สุด
เสียงนั้นแผ่ว แต่ตรง — และตรงพอจะทำให้มือเขาหยุดค้างตรงแก้วน้ำที่กำลังจะหยิบ
อคินเงียบ — เงียบจนได้ยินเสียงหยดน้ำจากก็อกที่ปิดไม่สนิท
เธอมองเขาเต็มตา
“…คุณเรียกชื่อคนอื่นตอนหลับ” เธอพูดต่อ
“คุณกอดฉัน เหมือนกำลังกอดคนอื่น”
เขายังเงียบ
เหมือนทุกคำที่เธอพูดกำลังแทงทะลุเข้ากลางอก — แต่เขาไม่ยอมให้มันไหลออกมาทางสายตาหรือสีหน้า
“ฉันไม่ใช่ลลินค่ะ” เธอพูดชัดเจน
เขาหันมาช้า ๆ ดวงตานั้นยังคงไร้อารมณ์
“ฉันจะไม่เป็นตัวแทนของใครอีกแล้ว...” เธอกระซิบต่อ
แล้วก็เดินกลับเข้าห้องไป
เสียงเพลงยังคงเล่น
ทำนองเดิม คีย์เดิม จังหวะเดิม
แต่มันคือเสียงของความป่วยไข้ — ไม่ใช่เสียงดนตรีอีกต่อไป
บรรยากาศในห้องนอนเย็นจัด แม้ไม่มีใครแตะรีโมตปรับอุณหภูมิก็ตาม
ไลลานอนนิ่งบนเตียง ร่างกายสั่นเพราะพิษไข้เก่าที่ยังไม่หายดีนัก แต่นั่นไม่ร้ายแรงเท่าใจที่เริ่มปริแตกในแต่ละวัน
ตั้งแต่คืนนั้น...คืนนั้นที่เธอถามเขาว่าเห็นเธอเป็นใครกันแน่ — และตอบกับตัวเองว่าเธอจะไม่ยอมเป็นตัวแทนของใครอีกต่อไปแล้ว — ความเงียบก็เริ่มเปลี่ยนโทน
ไม่ใช่ความเงียบที่สงบ
แต่คือความเงียบที่เต็มไปด้วยแรงสะท้อนจากความตึงเครียดที่ไม่มีใครยอมพูด
อคินยังคงใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ — เปิดเพลงเดิม ปรับอุณหภูมิห้องแบบเดิม จัดเตียง จัดอาหาร จัดชุดนอนเหมือนทุกวัน
และเธอ...ก็เริ่ม “ต่อต้าน”
“ไปนอนได้แล้ว” เขาสั่งขณะยืนพิงขอบประตูห้องนอน
“ฉันยังไม่ง่วงค่ะ” เธอตอบโดยไม่หันมามอง ขณะยังจ้องมองหน้าต่างเมืองยามค่ำจากโซฟาตัวเดิม
อคินนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวกลับออกไป โดยไม่พูดอะไร
แต่แววตาที่เขามองหลังเธอ — ราวกับเปลวไฟในเงาสะท้อน
วันต่อมา
“กินข้าว” เขาวางจานข้าวบนโต๊ะ กระชับเสียงสั้น ๆ
“เดี๋ยวค่ะ ฉันยังไม่หิว” ไลลาตอบอย่างนุ่ม แต่หนักแน่น
เงียบ...
เขาเดินออกไปอีกเช่นกัน
แต่ประตูห้องถูกปิดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม
ไลลารู้ตัวดี
เธอกำลังเล่นกับ ‘เงื่อนไข’ ที่อคินไม่เคยให้ใครล้ำเส้น
และแล้ว…วันหนึ่ง
วันพฤหัสบดีที่เขาพาเธอไปเยี่ยมนที — เธอแอบใช้เงินเล็ก ๆ ที่ซ่อนไว้ติดกระเป๋า ซื้อลูกไม้ผืนบางและเสื้อมือสองตัวใหม่จากตลาดใกล้โรงพยาบาล
เสื้อนั้นเรียบง่าย สีฟ้าอ่อน ผ้าบางเบา
ไม่หรูหรา ไม่แพง...แต่คือ “เสื้อของเธอ”
เสื้อตัวนี้ไม่ใช่แค่ผ้า...แต่มันคือการประกาศว่าฉันยังมีอยู่
ไม่ใช่ของใครบางคนที่เขาเอามาให้เธอใส่จนเหมือนกลายเป็นหุ่นเชิดในความหลอนซ้ำเดิมของเขา
และนั่น...คือวันที่เขาระเบิด
หลังกลับจากโรงพยาบาล
ประตูห้องถูกปิดด้วยเสียงที่ทำให้พื้นสะเทือน
อคินก้าวเข้ามาหาเธอ — ดวงตาคมกริบเหมือนมีดผ่าตัดที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ
“นั่น...เสื้อมาจากไหน?” เสียงเขานิ่ง แต่เย็นเฉียบ
ไลลากำชายเสื้อตัวเองแน่น สูดลมหายใจ
“ฉันซื้อเองค่ะ...”
“ไม่ได้ถามว่าเธอซื้อได้ยังไง — ถามว่าใครอนุญาต”
“ฉันไม่คิดว่าต้องขออนุญาตใส่เสื้อของตัวเอง...” เธอตอบช้า ๆ น้ำเสียงแผ่วแต่หนักแน่น
เสียงนั้นคือประกายไฟสุดท้าย ก่อนที่เงามืดจะครอบคลุมห้องไปทั้งหมด
เขาก้าวเข้ามา แล้วกระชากเสื้อตัวนั้นจนขาด
เส้นด้ายหลุดออกมาเหมือนหัวใจที่ฉีกกระชากในวินาทีเดียว
ผ้าเบาบางนั้นหลุดจากร่างเธอ ทิ้งไว้เพียงบราเก่าที่เขาเองก็เคยเห็นมาแล้วหลายครั้ง — เพราะมันคือหนึ่งใน ‘ของใช้ของใครบางคน’ ที่เขาไม่เคยเปลี่ยนให้
ไลลาเบิกตา น้ำตาพร่า...แต่ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
“ถ้าเธอจะหนีจากบทที่ฉันเขียน...เธอไม่ต้องอยู่ที่นี่” เขากระซิบชิดริมใบหู
แล้วเขาก็ผลักเธอลงกับโซฟา ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง พร้อมกับ ‘ล็อกประตู’
ประตูที่เคยเปิด...กลายเป็นผนังทึบ เสียงล็อคที่ดังแกร๊กคล้ายเสียงตอกตรึงตรา — เธอไม่ใช่คนอีกต่อไป...แต่เป็นทรัพย์สินที่ถูกเก็บไว้
คืนนั้น...เธอถูกขัง
เหมือนนักโทษ
เหมือนสัตว์เลี้ยง
เหมือน ‘ร่างหนึ่ง’ ที่ไม่มีสิทธิจะเป็นตัวเอง
เธอเคยคิดว่าห้องนี้คือกรง
แต่คืนนี้...มันคือคุกจริง ๆ
ลานหน้าศูนย์การแพทย์ขนาดย่อมที่ตั้งอยู่ชานเมืองได้รับการตกแต่งด้วยโคมกระดาษหลากสี พวงมาลัยดอกดาวเรือง และผ้าริบบิ้นขาวสะอาดตา เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ แทรกอยู่ในจังหวะดนตรีบรรเลงแบบไทยประยุกต์ และเสียงแม่ค้าเรียกลูกค้าตามบูธอาหารวันนี้ไม่ใช่งานของโรงพยาบาลใหญ่ ไม่ใช่งานรัฐ ไม่ใช่โครงการของกระทรวง แต่เป็น ‘งานวันเปิดคลินิก’ ที่ชายคนหนึ่งในอดีตเคยเป็นหมอชื่อดังแห่ง Raven ตั้งใจจัดขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเองอคิน — ในเสื้อเชิ้ตลินินสีขาว กางเกงสแลคเนื้อเบา และรอยยิ้มมุมปากที่ไลลาไม่เคยเห็นในตอนที่เขายังอยู่ในโลกเก่าเขาเดินเคียงข้างไลลา มือหนึ่งกุมมือนุ่มของเธอไว้แน่น อีกมือลูบหัวเด็กที่เข้ามาทักแล้วแจกขนมที่เตรียมมาให้"ใครจะไปคิด..." ไลลาหันมายิ้มให้เขา"...ว่า ‘คุณหมออคิน’ ที่เคยหน้านิ่งกับทุกคน จะยอมแจกขนมเด็ก"เขายิ้มในลำคอ “ก็เพราะเธออยู่ข้าง ๆ ผมไง ผมเลยอยากยิ้มให้คนอื่นได้บ้าง”เสียงเพลงในงานแทรกด้วยเสียงประกาศจากเวทีหลัก“ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานเปิดตัว ‘คลินิกใจกลางบ
ใบหน้าอคินซีดเผือด แต่สายตาของเขานั้นไหม้เกรียมด้วยไฟที่ไม่มีใครดับได้“...นี่คือสิ่งที่เธอได้ยิน ก่อนเธอจะตัดสินใจจบชีวิต”เขาเว้นจังหวะ หายใจเข้าลึก“และผม...คือลูกชายของคนที่พูดแบบนั้น”ไม่มีใครในห้องขยับแม้แต่นิ้วนอกจากชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่นั่งนิ่งในมุมขวาของโต๊ะวงรีเขา...ที่เคยเป็นเสาหลักของโรงพยาบาลเขา...ที่เคยกำกับทุกเสียงให้เป็นไปตามต้องการวันนี้ ไม่มีใครมองเขาด้วยความเคารพอีกต่อไปมือใหญ่ของเขากำแน่นบนขอบโต๊ะ เหงื่อเย็นชื้นเต็มไรผมนัยน์ตาคู่นั้นแดงก่ำ แต่ไม่ใช่เพราะเศร้า...เพราะโกรธโกรธลูกชายที่ทำลายภาพลวงตาที่เขาสร้างขึ้นมาทั้งชีวิต“มัน...ไม่มีน้ำหนักทางกฎหมาย...” เขาพูดเบา ๆ เหมือนสะอึกแต่อคินหันกลับมาช้า ๆ เสียงของเขาคมเท่ามีดในมือหมอ“แต่คนฟังรู้ว่า...มัน ‘จริง’ มากพอที่จะฆ่าผู้หญิงคนหนึ่งได้”อคินหันหน้ามาทางโต๊ะประชุมอีกครั้ง นัยน์ตาเขาแดงเรื่อ แต่ยังนิ่งแน่ว"ผมไม่ได้ออกจากตำแหน่งเพราะความ
เสียงรองเท้าหนังของอคินกระทบพื้นหินอ่อนของลานจอดรถชั้นใต้ดิน ท่ามกลางแสงไฟสีเหลืองหม่น เขาเดินตรงไปยังรถของตัวเองโดยไม่พูดอะไร มือข้างหนึ่งกำโทรศัพท์ที่ยังคงมีสายมาจากชื่อเดิมซ้ำ ๆ — ไลลาเขาไม่รับ ไม่แม้แต่จะมองหน้าจอสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องทำงานเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ยังคงก้องในหัว... เสียงของพ่อเขา เสียงของความเงียบ เสียงของความเจ็บปวดที่เขาปล่อยให้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่ารถคันหรูแล่นฝ่าความเงียบของยามค่ำคืนจนมาถึงบาร์ส่วนตัวของคิรินทร์ — มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลที่รู้จักเขามานาน“มึงมาคนเดียว?” คิรินทร์เงยหน้าจากแก้ววิสกี้เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาอคินไม่ตอบ เขาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาหนัง ตรงข้ามกับบาร์ไม้โอ๊ค เสียงแก้วกระทบโต๊ะเบา ๆ ขณะที่คิรินทร์รินวิสกี้ใส่แก้วอีกใบแล้วยื่นให้เสียงแก้วกระทบขอบโต๊ะไม้ดังแผ่ว ภายในบาร์ส่วนตัวของคิรินทร์เงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงแจ๊สคลอเบา ๆ จากลำโพงฝังผนัง อคินนั่งก้มหน้ามองแก้วเหล้าสีอำพันในมือ พลันถอนหายใจออกมาอย่างช้า ๆ“มึงโทรหากู...เพื่อมานั่งเงียบ ๆ แบบนี้?” คิรินทร์ถาม ขณ
ห้องประชุมเล็กชั้นบนสุดของโรงพยาบาล — เงียบราวกับหลุมศพอคินยืนอยู่ปลายโต๊ะวงรีขนาดยาว ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องเขา ราวกับเขาคือเข็มนาฬิกาที่หยุดเดิน โลกในตอนนี้ไม่มีเสียงเครื่องมือแพทย์ ไม่มีเสียงผู้ป่วย มีเพียง “ความจริง” ที่กำลังจะถูกชำแหละ“ผมเรียกประชุมในวันนี้...เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่พวกคุณควรได้รู้ — ไม่ใช่แค่ในฐานะแพทย์ แต่ในฐานะมนุษย์”เสียงของอคินหนักแน่นแต่คุมอารมณ์ไม่มีใครพูดสอด ทุกคนต่างขยับตัวในที่นั่ง บ้างนิ่งงัน บ้างเลิกคิ้ว แต่ไม่มีใครหัวเราะ หรือเบ้หน้าเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่เขาเคยกลายเป็นข่าวลือเสียสติหลังคนรักตายอคินวางแฟลชไดรฟ์ลงบนโต๊ะ ก่อนจะเสียบเข้ากับโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง เสียงบูตเครื่องดังขึ้นในห้องอันวังเวงไม่ใช่ภาพ...แต่คือเสียง“...เขาบอกให้ปล่อยไป อย่าปั๊มหัวใจ อย่าใช้ยากระตุ้นใด ๆ... เขาไม่อยากให้เธอ ‘ตื่น’ ขึ้นมาอีกแล้ว...”เสียงผู้หญิงวัยกลางคนสั่นเครือในคลิปสัมภาษณ์บุคลากรเก่าของโรงพยาบาลที่เคยอยู่เวรฉุกเฉินวันนั้นเสียงนั้น
แสงแดดบ่ายส่องลอดม่านบางในห้องรับรองส่วนตัวของตึกวีไอพีชั้นบนสุด — ห้องที่ไม่มีใครกล้ารบกวนหากไม่ได้รับคำสั่งจากคนในอคินยืนพิงหน้าต่างกระจกสูง เงาสะท้อนของเขาทอดยาวลงบนพื้นหินอ่อน ความนิ่งเงียบรอบกายเหมือนจะกลืนเขาให้หายเข้าไปในเงาของตึกประตูไม้หนักถูกเคาะสองครั้ง ก่อนจะถูกเปิดเข้ามาอย่างแน่นหนัก“ขอโทษที่ให้รอนาน”เสียงทุ้มต่ำและทรงอำนาจของผู้มาใหม่ทำลายความเงียบลงอคินหันกลับไปทันทีที่เห็นคิรินทร์ในชุดสูทสีดำสนิท ก้าวเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารบาง ๆ ในมือ“นี่คือทั้งหมดที่ฉันหาได้” เขาพูด ก่อนจะวางแฟ้มลงบนโต๊ะกลางห้อง“มันเกี่ยวกับลลิน...เกี่ยวกับการตายของเธอ”แววตาอคินเปลี่ยนทันที — ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนเขาก้าวเข้าไปหยิบแฟ้มขึ้นมา เปิดอย่างระมัดระวังภายในคือสำเนาเอกสารทางการแพทย์ เวชระเบียนที่ถูกปรับเปลี่ยน ตราประทับโรงพยาบาล รายงานจากเจ้าหน้าที่เวร และสำเนาการสืบสวนภายในที่ไม่เคยเปิดเผยหน้าแรกของเอกสารแนบด้วยโน้ตเล็ก ๆ ที่เขียนด้วยลายมือของคิรินทร์ &mdash
เคสผ่านไปด้วยดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เด็กหญิงปลอดภัยอคินออกจากห้องผ่าตัดด้วยเหงื่อชื้นที่ขมับ เขาเดินไปที่ห้องพักแพทย์ — แล้วพบว่าไลลานั่งรออยู่ที่นั่นแล้วเขาทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอ ร่างสูงเอนพิงโซฟา ปิดเปลือกตาลงเงียบ...อยู่นานก่อนจะเอ่ยเสียงเบา"ตอนผ่าตัด...ฉันไม่เห็นลลินเลย"เธอหันไปมองเขา — แต่เขายังคงหลับตา"ไม่มีเสียง ไม่มีเงา ไม่มีความหลอน...มีแค่เสียงหัวใจของเด็กคนนั้นที่ฉันต้องรักษาให้ได้"เขาเปิดเปลือกตาอีกครั้ง แล้วหันมาสบตาเธอเต็ม ๆ“และมีเธอ...อยู่ข้างนอกตรงนั้น”ไลลาไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ แต่ในหัวใจของเธอเต็มไปด้วยคลื่นน้ำที่กำลังไหลเชี่ยวเขายื่นมือมาจับมือเธอไว้แน่น“ฉันอยากจะบอกอะไรบางอย่าง...ที่ไม่เกี่ยวกับอดีต ไม่ใช่เพราะเธอเหมือนใคร ไม่ใช่เพราะเธอเยียวยาฉันจากใคร”“ฉันต้องการเธอ...ในแบบที่เธอเป็น”มือที่จับแน่นขึ้น ริมฝีปากที่เคยแข็งเรียบสั่นน้อย ๆ“การผ่าตัดครั้งนี้...มันไม่ใช่แค่การหัวใจของคนไข้&rdquo