พาไปบ้าน
“ตามิว!” เสียงของรัญดาเรียกสติ ให้มิวนิคกลับมา เมื่อเขากำลังมองไปทางห้องแต่งตัวของนางแบบ เพื่อรอคนตัวเล็กที่เขาสั่งให้ไปเปลี่ยนชุดออกมา เขาจะพาไปดูบ้านที่จะให้เธอเข้าพัก มิวนิคดึงสติตัวเองกลับมาตามเสียงเรียก พบว่าเป็นแม่ของเขา ใบหน้านิ่งเฉย สายตาคมดุมองไปที่คนเป็นแม่ “ผมไม่ชอบการกระทำของแม่ที่ขัดใจผม” เขาเอ่ยขึ้นก่อนที่แม่ของเขาจะได้พูดอะไร “แม่ทำอะไร แม่ไม่ได้ทำอะไรน้องกี้เลย แม่แค่อยากให้น้องสวยๆ ใส่ชุดแม่แล้วสวยมากแกก็เห็น” รัญดาอธิบายให้ลูกฟัง “กี้สวย ใส่แล้วสวย...” มิวนิคพูดทวนคำพูดของแม่ “ใช่ไหม เห็นไหมล่ะ น้องสวยแล้วแกจะมาโมโหอะไร ไม่ชอบเหรอที่คนอื่นมองน้องสวย” รัญดาเข้าใจผิดเข้าไปอีก “จะใส่สวยหรือไม่สวยก็ไม่เกี่ยวกับผม ที่ผมไม่โอเค ก็เพราะผมสั่งนางแบบของผมไว้แล้วว่าห้ามใส่ชุดนี้ แต่แม่ขัดคำสั่งของผม” มิวนิคบอกออกไปตรงๆ แม่ของเขาจะได้หายเข้าใจผิด คิดไปเองเสียทีว่า เขาหวง เขาชอบมาร์กี้คนที่แม่หามาให้ สำหรับมาร์กี้เขารู้สึกได้แค่น้องสาวเท่านั้น “อ้าว แล้วที่แกโมโห หงุดหงิดให้แม่เมื่อกี้ มันเพราะอะไร เพราะใครถ้าไม่ใช่หนูกี้” รัญดาเอ่ยถาม “นางแบบของผม!” เขาตอบห้วนๆ แล้วเดินออกไป เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคนตัวเล็กที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเดินออกไปไม่รอเขา ทิ้งให้รัญดายืนอึ้ง งง กับคำตอบของลูกชายตัวเอง... หมับ! แขนเรียวบางถูกคว้าดึงอย่างกระทันหัน ทำให้ร่างบางเซถลาไปปะทะกับอกกว้างของมิวนิค “ว้าย!” เสียงร้องตกใจคิดว่าตัวเองกำลังจะล้ม “ทำไมไม่รอ” มิวนิคเอ่ยถาม ในขณะแฟร์รี่ยกมือลูบจมูกตัวเองป้อยๆ “นึกว่ากลับไปแล้วนี่คะ ใครจะคิดว่าคุณรออยู่ด้านใน” “คิดเอง เออเอง ตั้งแต่เมื่อกี้ละ” เขาดุเบาๆ “แล้วนี่คุณจะไปไหนคะ” “จะพาไปบ้าน” เขาตอบ คำตอบของเขาทำเอาแฟร์รี่หน้าแดง เพราะคิดไปไกล คำว่า ‘พาไปบ้าน’ ฟังแล้วรู้สึกเหมือนการพาแฟนไปบ้านไปรู้จักกับพ่อแม่เลย แต่แล้วหน้าแดงๆ ของเธอก็หายไป เมื่อคิดไปถึงแม่ของเขา แฟร์รี่รู้สึกได้ว่ารัญดา แม่ของเขาไม่ค่อยชอบเธอเท่าไรนัก “เป็นไบโพล่าเหรอ เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวหน้าแดง เดี๋ยวหน้าเศร้า” เขาก้มลงถามร่างเล็กที่อยู่ระดับอก “เอ๊ะ! ปากไม่ดี” เธอเผลอว่าเขา โดยลืมตัวไปว่าเขาเป็นเจ้านาย “ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ พูดกับฉันดีดี” เขาบอก “คุณว่าแฟร์ก่อน หายกัน!” แฟร์รี่พูดจบก็เดินไปที่รถด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ไม่พอใจที่เขาว่าเธอ แถมเธอว่ากลับก็มาดุเขา เอาความเป็นเจ้านายมาอ้างอีก “หึ” ชายหนุ่มหัวเราะในความขี้งอนของเธอ แล้วเดินตามไป “เอาของเธอขึ้นรถ” มิวนิคหันไปสั่งองศา ลูกน้องคนสนิทของเขา “ให้แฟร์ไปกับคุณเหรอคะ” แฟร์รี่ถามขึ้นในขณะที่กำลังมองดูองศายกกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอขึ้นรถ “เดี๋ยวไปส่งที่บ้าน” “นี่คุณ...ไม่มีงานทำเหรอคะ ว่างเหรอ งานการไม่ทำเหรอคะ” แฟร์รี่ถามเขาโต้งๆ ทำเอาคนถูกถามสะอึกไปนิดหนึ่ง ความจริงเขามีงานที่จะต้องทำ แต่ไม่ได้สำคัญอะไรมากเลยยังไม่ทำ เลือกจะมาหาเธอ เพราะอะไรไม่รู้ รู้สึกอยากเห็นหน้า อยากอยู่ใกล้คนตัวเล็กคนนี้ “มี แต่ไม่ทำ” เขาพูดสั้นๆ ก่อนเดินนำขึ้นไปนั่งบนรถรอ มือหนาตบลงที่เบาะดัง ตุบ ตุบ ตุบ เพื่อเป็นการเรียกให้หญิงสาวขึ้นรถมานั่งข้างๆ “ตานี่...แปลกคนจริงๆ” แฟร์รี่พึมพำก่อนขึ้นรถตามไป รถหรูสีขาวปรอทแล่นมาจอดหน้าบ้านไม้สองชั้นสไตล์ลอฟท์ มีกระจกใสรอบบ้าน ชั้นบนมีระเบียงกว้างยื่นออกมาไว้สำหรับนั่งชมวิว นอนดูท้องฟ้าดูดาวได้ หน้าบ้านมีสนามหญ้า มีสวนดอกไม้เล็ก และมีเรือนกระจกปลูกต้นไม้ขนาดย่อมๆ ตั้งอยู่ด้านข้าง มีรั้วไม้ที่ปลูกดอกไม้กั้นไว้รอบบ้าน ภายในบ้านตกแต่งด้วยสีขาว ผ้าม่านสีขาวดูสะอาดตาหน้าอยู่ ร่มรื่น แฟร์รี่ลงจากรถ ยืนมองบ้านที่รถแล่นมาจอด บ้านในฝันของเธอ...เธอรู้สึกชอบบ้านหลังนี้ ร่มรื่น น่าอยู่และรู้สึกอบอุ่นเป็นส่วนตัว “อยู่ได้ไหม” เสียงทุ้มของมิวนิคถามขึ้น “ชอบค่ะ” แฟร์รี่ตอบเขาแบบไม่ตรงคำถาม สายตายังคงจ้องไปที่ตัวบ้าน ใบหน้ายิ้มแย้ม บ่งบอกว่าเธอชอบที่นี่มาก “ชอบก็อยู่...นานๆ” เขาเว้นวรรค คำพูดท้ายๆ ออกมาเบาๆ กลัวว่าเธอจะได้ยิน “ไม่มีคนอยู่จริงหรือเปล่าคะเนี่ย ทำไมดูสะอาดจัง” ร่างบางเอ่ยขึ้น เมื่อเดินเข้ามาในตัวบ้าน เธอชอบบ้านโปร่งๆ โล่งๆ รอบบ้านมีกระจกใสทำให้แสงแดดส่งเข้ามาได้ดี ดูสว่างปลอดโปร่ง “มี!” เขาตอบ พร้อมกับทิ้งตัวลงบนโซฟา “อ้าว ใครเหรอคะ แฟร์ต้องอยู่ร่วมกับเขาเหรอ เขาจะชอบไหมมีคนอื่นมาอยู่ด้วย แฟร์ไปหาบ้านเช่าอื่นอยู่ก็ได้ค่ะ” แฟร์รี่พูดพร้อมกับจะหยิบกระเป๋าสะพายที่เธอวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา เตรียมออกไปหาบ้านเช่า ยังไม่ทันที่เธอจะได้หยิบกระเป๋า มือหนากลับคว้าแขนเธอ ออกแรงดึงเพียงนิดเดียวทำให้ร่างเล็กล้มลงนั่งบนตักเขาได้พอดี “อุ๊ย!” แฟร์รี่อุทานอย่างตกใจ “เขาชอบ ชอบมาก” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูของคนบนตัก ทำเอาคนตัวเล็กแก้มแดงถึงหูร้อนฉ่า “คุณจะรู้ได้ไงคะ แล้วนี่อะไร ดึงแฟร์ทำไม เห็นไหมล้มลงบนตักคุณเลย” แฟร์รี่บ่นอุบอิบ “เห็น...ตัวก็ใช่ว่าจะเบาๆ ไม่เห็นได้ไง” เขาตอบกวนๆ “เอ๊ะ!! คุณนี่ “แฟร์รี่ตีไปที่อกเขาเบาๆ เพราะหมั่นเขี้ยวคนพูด ก่อนจะลุกขึ้นไปจากตักเขา “ห้องนอนเธออยู่ชั้นบน เอาของไปเก็บแล้วพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยทำงาน ขาดเหลืออะไรบอกองศา ให้หามาให้” เขาบอกกับร่างบาง เพราะเขาตั้งใจว่าจะกลับไปดูความเรียบร้อยของคลับพ่อเขาสักหน่อย “แฟร์อยากได้ของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย กับของกินค่ะ” เธอเอ่ยบอกเขา “เอาไว้จะพาไปซื้อ ตอนนี้ให้องศาหามาให้เท่าที่หาได้ก่อน จดให้มันหน่อย” เขาบอกเธอ “ค่ะ ขอบคุณนะคะ แล้ว...ค่าเช่าที่นี่ ราคาเท่าไรคะ” แฟร์รี่ถามถึงค่าเช่าบ้าน “ไม่เอาเงิน” “ให้อยู่ฟรีเหรอคะ” เธอถามอย่างแปลกใจ แต่ก็คิดว่าที่เขาไม่คิดเงินอาจจะเป็นเพราะว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย “เอาอย่างอื่น” “อะไรนะคะ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ” แฟร์รี่ได้ยินไม่ถนัด ว่าเขาพูดว่าอะไรกันแน่ “ไม่มีอะไร ฉันไปละ พักผ่อนแล้วกัน” เขาพูดจบก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถแล้ว องศาขับรถออกไปทันที แฟร์รี่ลากกระเป๋าเดินทาง และสัมภาระเดินขึ้นชั้นสอง บนชั้นสองมีสองห้องนอน มีห้องน้ำในตัวห้อง เธอเลือกห้องที่ติดกับระเบียงหน้าบ้าน เพื่อจะได้เห็นวิวด้านนอกและมีแสงแดดส่องถึง หญิงสาวล้มตัวลงบนที่นอนอย่างแผ่หราหมดสภาพ วันนี้จะว่าเหนื่อยก็เหนื่อย จะว่าไม่เหนื่อยก็ไม่เหนื่อย เพราะไปทำงานแต่ไม่ได้ทำงาน หญิงสาวเปิดหาของกินในอินเตอร์เน็ต แต่ไม่รู้จะกินอะไร ค้นไปค้นมากลับไปค้นเจอคลับดังที่อยู่ในย่านนั้นแทน หรือเธอควรจะเปลี่ยนใจจากหาของกินไปหาเหล้ากินแทนดี ตั้งแต่มาอยู่ประเทศไทยเธอไม่ได้เที่ยว ไม่ได้กินเหล้าสังสรรค์เหมือนตอนอยู่เกาหลีเลย เธอไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะเธอชอบการอยู่คนเดียวสบายใจกว่า และก็ไม่รู้ว่า มาอยู่ประเทศไทยเธอจะมีเพื่อนเหมือนคนอื่นเขาบ้างไหม “ไปเที่ยวไปหาเหล้ากินดีกว่า เผื่อจะมีเพื่อน เผื่อจะเจอเพื่อนใหม่กับเขาบ้าง” แฟร์รี่พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่งหน้า แต่งตัวเตรียมออกไปเที่ยวคืนนี้...ต้อนรับเข้าสู่ สมาคมพ่อบ้าน หลังจากที่วินเซ่และแบล็คเกอร์ได้แต่งงานกันไปแล้ว 3 เดือน “ห้ามใส่ชุดที่โป๊เกินไป ชุดว่ายน้ำก็ห้ามใส่ บิกินี่ ทูพีช วันพีช อะไรก็ห้ามทั้งนั้นเข้าใจไหม” เสียงของมิวนิคสั่งกำชับแฟนสาว น้ำเสียงจริงจัง สั่งไว้เมื่อแฟร์รี่กำลังจะลงจากรถไปถ่ายแบบให้กับแบรนด์เสื้อผ้าของรัญดาในวันนี้ ความจริงแล้ววันนี้ไม่มีถ่ายงาน แต่เขาขอร้องให้แม่บอกแฟร์รี่ว่าให้มาถ่ายงานให้แม่หน่อย เป็นตรีมชุดแต่งงานแบบริมทะเลที่แม่ออกแบบ เพราะเขาตั้งใจจะขอแฟร์รี่แต่งงาน “แต่...แบรนด์ของคุณน้าเป็นชุดว่ายน้ำนะคะ” แฟร์รี่ตอบเขา ชุดของรัญดาส่วนมากเป็นชุดว่ายน้ำ และที่แฟร์รี่ถ่ายๆ มาก็ชุดว่ายน้ำมีทั้งแบบน่ารัก ทั้งเซ็กซี่ และทั้งวาบหวิว “เออจริงว่ะ ไม่รู้แหละ เลือกชุดที่ไม่โป๊ เดี๋ยวเฮียบอกเชอรี่ไว้อีกที ว่าถ้าโป๊ห้ามให้หนูใส่” มิวนิคบอก เขากดต่อสายหาเชอรี่ ที่ตอนนี้มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับแฟร์รี่แล้ว สั่งงานเรียบร้อยเขาก็ส่งคนตัวเล็กขึ้นไปชั้นบนของบริษัทแม่เขา “โอเคค่ะ แฟร์ไปทำงานก่อนนะ” “เสร็จแล้วรออยู่นี่กับแม่ เดี๋ยวเฮียมารับ ห้ามกลับก่อน ห้ามหนีเที่ยวที่ไหนเด็ดขาด” เขากำชับ “
ของเขาคนเดียว คนเดียวเท่านั้น มิวนิคอาบน้ำแต่งตัว ด้วยชุดสบายๆ เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำ วันนี้เขาตั้งใจจะไปเช็คของที่โกดัง เพื่่อรับสินค้าล็อตใหม่ที่เพิ่งส่งมาถึงกับพวกมังกรและซันที่ไปรออยู่ที่โกดังแล้ว ก่อนออกจากห้องเขาหันไปหาคนตัวเล็กที่นอนหลับใหลอยู่บนที่นอนนุ่ม จึงอดใจไม่ไหว เดินไปก้มกดริมฝีปากหนาลงบนหน้าผากนวล ไล่ลงจมูก เปลือกตาบางและจุมพิตที่ปากบางอมชมพูอ่อนอย่างนุ่มนวล แต่แม้จะนุ่มนวลแค่ไหนการกระทำนั้นก็ยังปลุกให้หญิงสาวบนที่นอนตื่นได้อยู่ดี “อื้อออ” แฟร์รี่งัวเงียลืมตาตื่นมองใบหน้าคมที่กำลังก้มมาใกล้ใบหน้าหวาน “ตื่นแล้วเหรอ ไอดื้อ” “ตื่นแล้ว เฮียจะไปไหนอ่ะ” คนตัวเล็กถามชายหนุ่ม ก่อนจะยกแขนเรียวขึ้นโอบรอบคอหนาไว้ “เฮียจะไปเช็คของที่โกดังกับพวกไอ้ซันกับไอ้มังกร” “จะกลับตอนไหน” “ยังไม่รู้เลย หนูไม่ต้องรอนะ สั่งอะไรมาทานเลย เฮียอาจจะกลับดึกหน่อย” ชายหนุ่มบอกเธอ แกมสั่งไว้ “ได้ค่ะ รีบกลับมานะ แฟร์เหงา” “ห้ามหนีเที่ยวรู้ไหม ห้ามดื้อ บ้านแม่ บริษัทแม่ก็ไม่ต้องไป รอเฮียกลับมาก่อนค่อยไป” เขาสั่ง “ถ้าพี่เชอรี่มารับก็ไปไม่ได้เหรอ” “ไม่ได้ อันตราย รอไปพร้
ขอเอาแลกเบอร์โทร มิวนิคพาแฟร์รี่มายืนหยุดที่หน้าตึกแห่งหนึ่งใกล้กับบริษัทของเขา ตึกหรูหรา10 ชั้นกลางเมือง ภายในตึกเงียบเหมือนกับว่าไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ มีเพียงลูกน้องของมิวนิคหลายสิบคนเท่านั้นที่ยืนอยู่โดยรอบ “บริษัทของเฮียเหรอคะ ทำไมเงียบจัง ไม่เห็นมีพนักงานเลย” แฟร์รี่เอ่ยถามอย่างสงสัย “ไม่ใช่บริษัท ที่นี่เป็นบ้าน” เขาตอบ พร้อมกับดันหญิงสาวให้เดินเข้าไปด้านใน “บ้านเหรอคะ บ้านใคร แล้วเฮียพาแฟร์มาที่นี่ทำไม” “บ้านของเรา เฮียซื้อไว้ให้หนูอยู่ จะได้อยู่ใกล้ๆ บริษัท” “ค่ะ แล้วอยู่ชั้นไหนคะ เฮียซื้อห้องชั้นไหน ไม่เห็นจะมีคนอยู่เลย” แฟร์รี่ถามพร้อมกับมองเข้าไปด้านในตึก “ทุกชั้น!” มิวนิคพูดหน้าตาย “ห๊ะ? เมื่อกี้เฮียว่าอะไรนะ” “ก็ทุกชั้น บ้านเราอ่ะทุกชั้น” “อย่าบอกนะ ว่าเฮียซื้อทั้งตึกเลยอ่ะ” “ตามนั้นแหละ” มิวนิคพูดแบบไม่รู้สีกรู้สาเดือดร้อนอะไร แล้วเดินนำเข้าตึกไปสำรวจความเรียบร้อย “เฮียบ้าไปแล้วใช่ไหมเนี่ย ซื้อทั้งตึก เงินเยอะเหรอคะ” ร่างบางวิ่งตามพร้อมกับพูดบ่นอุบอิบไปด้วย “อือ เงินเยอะ เหลือใช้ อยู่กับเฮียช่วยเฮียใช้ด้วยนะ” ชายหนุ่มหันมาพูดและส่งยิ้มเท่ๆ ให้กับ
แต่งงานกับเฮียไหม? รถสีขาวปรอทแล่นออกจากโกดัง พุ่งทะยานไปบนถนนโล่งด้วยความเร็ว ภายในรถเงียบสนิทไม่มีแม้แต่ใครพูดสักคำ แฟร์รี่เงียบเพราะยังรู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มิวนิคเงียบเพราะเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง หลายครั้งหลายหนที่แฟร์รี่อยู่ห่างเขาแล้วเขาไม่สามารถดูแลเธอได้ ขนาดเขาให้เธออยู่บ้านอย่างเดียวก็ยังไม่วายที่จะโดนลอบทำร้าย เขาจะทำอย่างไรให้เธออยู่กับเขาตลอดเวลา และจะทำยังไงให้เธอได้ปลอดภัย “แฟร์...” มิวนิคเรียกชื่อคนข้างๆ เบาๆ “คะ?” “แต่งงานกันไหม?” มิวนิคถามเอาดื้อๆ ทำเอาคนฟังและคนได้ยินอย่างองศาที่ขับรถอยู่ชะงักกึกไปพักหนึ่ง เจ้านายเขาจะสุดโต่งอะไรขนาดนั้น ขอแต่งงานกับสาวง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ “อะ...เอ่อ” แฟร์รี่ตกใจเล็กน้อย อ้ำๆ อึ้งๆ แบบ งงๆ กับสิ่งที่ได้ยิน เธอไม่เคยถูกขอแต่งงาน และการขอแต่งงานที่เธอเคยเห็น เคยรู้จักมันไม่เหมือนแบบนี้ เขาต้องขอแบบโรแมนติกไม่ใช่หรือ เลยทำให้เธอไม่รู้จะต้องตอบเขายังไง “ไม่แต่งกับเฮียเหรอ” มิวนิคถามย้ำ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ยอมตอบ องศาลอบมองทั้งคู่ผ่านกระจกแวบหนึ่ง ‘จะตอบได้ยังไงก่อนครับเจ้านาย ใครเขาสอนให้ถามผู้หญิงแบบน
บทลงโทษของเพื่อนใหม่ “ใช่ ฉันเอง” รัญดาเปลี่ยนสรรพนามที่เคยใช้แทนตัวเธอกับหญิงสาวตรงหน้าที่เธอเคยเอ็นดูเหมือนลูก เหมือนหลานคนหนึ่ง แต่มาวันนี้เด็กคนนี้กลับกำลังจะทำร้ายคนในครอบครัวเธอ “คุณน้ามาได้ยังไง...” มาร์กี้ยังคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่ารัญดาจะอยู่และมาที่นี่ “ทำไม? แปลกใจมากเหรอที่เห็นฉันอยู่ที่นี่” “กี้...” มาร์กี้ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรดีให้ฟังขึ้น จะบอกว่ามาช่วยแฟร์รี่ก็คงไม่ทัน สถานการณ์ที่แฟร์รี่ถูกจับมัดและมีเธอกับลูกน้องยืนล้อมเต็มไปหมดมันบ่งบอกว่าเธอคือ คนสั่งการ “ไม่ต้องหาคำแก้ตัวหรอก เพราะฉันได้ยินหมดแล้ว ตอนแรกก็กะว่าจะรอตามิวมาจัดการเอง แต่ได้ยินเสียงปืนเมื่อกี้ กับรอยเลือดที่ปากน้องแฟร์ ฉันคงไม่ต้องถามอะไรแล้วมั้งว่าใครเป็นคนทำ ฉันคงต้องถามว่า เธออยากจะตายแบบไหน ที่กล้ามาทำร้ายคนในครอบครัวฉัน!” รัญดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก ทำเอาคนฟังขนลุกไปทั่วทั้งตัว “คนในครอบครัว?” มาร์กี้ถามออกมาเบาๆ เหมือนยังไม่เชื่อหูตัวเอง “ก็คงไม่ต้องบอกว่าเป็นอะไรกับลูกชายฉัน ถึงเข้ามาเป็นคนในครอบครัวฉันได้!” “ไม่! ไม่จริงอ่ะ ไหนค
ไม่เลือกเธอ “อะไรนะคะคุณน้า คุณน้าเซ็นสัญญา กับ ยัยฟะ...เอ้ย นางแบบชื่อแฟร์รี่ ให้เป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ RD เหรอคะ” เสียงแหลมเล็กของมาร์กี้ถามรัญดา เมื่อรู้เรื่องว่ารัญดาเปลี่ยนนางแบบเซ็นสัญญาพรีเซนเตอร์แบรนด์เสื้อผ้าที่รัญดาออกแบบเป็นแฟร์รี่คู่แข่งแทนที่จะเป็นตัวเธอ “ใช่จ้ะ หนูมาร์กี้มีปัญหาอะไรไหมจ๊ะ” รัญดาถามมาร์กี้กลับเมื่อเห็นอีกฝ่ายตกใจ คงมั่นใจว่าต้องเป็นตัวเอง ก่อนหน้านี้เธอเอ็นดูอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้แทนแฟร์รี่ที่เธอไม่ชอบ แต่ตอนนี้เธอรู้พฤติกรรมหลายๆ อย่างของเธอจากองศา ลูกน้องคนสนิทของมิวนิคแล้ว จึงเห็นสมควรว่าเธอคนนี้ยังเด็กเกินไป ยังไม่เหมาะที่จะเป็นภรรยาของมิวนิค อีกอย่างตอนนี้เธอเองเข้าใจอะไรในตัวแฟร์รี่หมดแล้ว “เอ่อ กี้คิดว่า...” “อ่อ สำหรับหนูกี้ใช่ไหมจ๊ะ น้าให้หนูกี้ไปถ่ายให้อีกแบรนด์หนึ่ง เป็นแบรนด์ของเพื่อนน้าเอง” รัญดาบอกมาร์กี้ แล้วเตรียมจะเดินออกไป แต่มาร์กี้ไม่ต้องการแบบนั้น เธออยากถ่ายของแม่มิวนิค อยากสนิท อยากให้แม่ของเขาเชียร์เธอให้ได้ใกล้ชิดกับมิวนิค เพื่อนของพี่ชายที่เธอแอบชอบมาตั้งแต่เด็กๆ “คะ...ค่ะ” มาร์กี้รับคำอย่างจำใจ ในใจแอบโกรธและเสียดายที่