“สายรายงานข่าวมาครับ”“ว่าไงบ้างพูดมาเลย”“คืนเกิดเหตุ มีคนพบรถหกล้อจอดอยู่ริมถนน ซึ่งจอดค้างไว้นานพอสมควร เที่ยงคืนกว่าๆ ถึงขับออกไป”ประโยคที่ได้ยิน มันทำให้ก่อสกุลยิ้มออกมา นั่นเพราะนี่คือข่าวดีพอๆ กับการพบสัญญาณโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายจากเครื่องของเพลงขวัญก็ว่าได้“แล้วมุ่งหน้าไปทางไหน รู้มั้ย”“ไม่ทราบครับ แต่รถคันดังกล่าวผมว่าน่าสงสัยนะผู้กอง”“อืม...แต่เดี๋ยวผมจะลาราชการสักสามสี่วันนะจ่า”“ผู้กองจะขึ้นไปตามข่าวที่ตากหรือครับ”“ใช่...งานนี้ไม่ลุยเองไม่ได้จริงๆ หนึ่งก็เพื่อนสองก็เมียเพื่อน”“แต่ผมว่าน่าจะมีสามนะครับ”“สามอะไร” แม้จะทำเป็นสงสัย แต่ในแววตาก็แฝงอะไรบางอย่างอยู่“ก็คุณผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้ไง ผมว่า...” ยังไม่ทันที่จ่าสมานจะเอ่ยจบประโยค คนร้อนตัวก็รีบแก้ต่างให้ตัวเอง
“ฉันพูดดีๆ แล้วนะคุณผู้กอง” น้ำเสียงของนรากรฟังดูห้วนขึ้น“ยังไงก็ไม่ได้จริงๆ ครับ” หัวเด็ดตีนขาด ก่อสกุลก็ยอมให้นรากรไปด้วยไม่ได้จริงๆ แต่จู่ๆ นายตำรวจหนุ่มก็ตาโตเป็นไข่ห่าน เมื่อนรากรที่เวลานี้เลือดขึ้นหน้าคว้ามือของเขาแล้วนำไปวางบนหน้าอกของตัวเธอเองเห็นแบบนั้นนายตำรวจหนุ่มก็หมายจะดึงมือกลับ แต่ก็ถูกนรากรยื้อไว้ ทำให้เวลานี้ฝ่ามืออุ่นๆ ของเขายังคงค้างอยู่บนหน้าอกอวบหยุ่น ที่สัมผัสจังหวะการเต้นของหัวใจนรากรได้ชัดเจนตึ้กๆๆ ตั้กๆๆ“ถ้าคุณยังไม่ยอมให้ฉันไปด้วย ฉันจะตะโกนให้คนรู้ว่าคุณกำลังลวนลามฉัน” นรากรพยายามคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ ใบหน้าร้อนผ่าวๆ ราวกับคนเป็นไข้ นั่นเพราะเวลานี้เธอประหม่าจนแข้งขาสั่นไปหมด เกิดมาก็ไม่เคยให้ผู้ชายที่ไหนแตะเนื้อต้องตัว แต่เพื่อเพลงขวัญเธอยอม“คุณก้อย”“หนึ่ง สอง สะ...” จังหวะที่นรากรจะเอ่ยคำว่าสาม นายตำรวจหนุ่มก็รีบพูดขึ้น“โอเคๆ ผมยอมแล้ว”
จากนั้นก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่ชุดลำลองสบายๆ ไม่ถึงสิบนาทีนายตำรวจหนุ่มก็แบกกระเป๋าเดินทางลงมาจากชั้นบน โดยนรากรที่เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วนั่งรออยู่บนโซฟารับแขก“ไปครับ ผมพร้อมแล้ว”“ผู้กองจะไม่ปิดบ้านก่อนเหรอ” เมื่อเห็นก่อสกุลเดินออกจากบ้านมาแบบไม่มีท่าทีจะปิดบ้าน ใส่กุญแจอะไรให้เรียบร้อย นรากรก็เอ่ยถามขึ้น จะว่าไปตอนมาชายหนุ่มก็ไม่ได้ไขกุญแจอะไรนี่นา“อ้อ...ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวคนที่บ้านผมก็คงกลับมา”“ไปกับฉันแบบนี้ คนที่บ้านผู้กองคงไม่เข้าใจผิดใช่มั้ย” นรากรเข้าใจความหมายของคำว่าคนที่บ้านที่นายตำรวจหนุ่มเอ่ยผิดเสียแล้ว เพราะเธอเข้าใจว่านั่นคือภรรยาของเขา“ผมว่าไม่”“ตามใจ” เอ่ยจบนรากรก็เดินออกไปจากบ้านก่อนคนแรกตามด้วยก่อสกุล จากนั้นรถกระบะสี่ประตูคันใหญ่ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัว มุ่งหน้าสู่จังหวัดตากทันทีและเพื่อจะทำลายความเงียบ นรากรจึงเอ่ยขึ้น นั่นเพราะเธอมีอะไรสงสัยอยู่หลายต่อหลายข้อ บางทีนายตำรวจหนุ
เพราะนั่นหมายถึงเธอกับสามารถไม่ได้มีอะไรกันเลย เธอจะลงแดงตายอยู่แล้ว เพราะอ่อยยังไงเขาก็บอกไม่ว่าง ไม่มีอารมณ์ จนเธออยากไปมีอารมณ์กับคนอื่นให้มันรู้แล้วรู้รอด“งั้นผมขอยืมเครื่องเพชรแม่ไปจำนำหน่อยสิ เอาชุดเล็กๆ ก็พอ”“เอ้! แกนี่ สรุปจะเอาให้ได้ใช่มั้ย”“โธ่...แม่ มันจะได้คืนมาอยู่แล้ว รับรองรอบนี้ไม่พลาด” ทัตเทพเข้าไปสวมกอดแม่อย่างประจบ สลับหอมแก้มขวาทีซ้ายที“ไม่พลาดอะไร เงินแกจมอยู่ในบ่อนไปเท่าไหร่แล้ว”“ไม่เท่าไหร่หรอก รับรองว่าผมจะเอามาคืนให้แม่ทุกบาททุกสตางค์...สัญญา”“อื้อ...รอตรงนี้ เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอาเครื่องเพชรให้” แม้จะไม่พอใจ แต่ทุกครั้งที่ทัตเทพขอสายปอมักจะใจอ่อนให้ลูกชายคนนี้เสมอ“พี่เทพ”“อะไร” ทัตเทพหันมามองน้องสาวที่นั่งอยู่ไม่ไกล“เข้าบ่อนมันสนุกเหรอ” สายป่านเอ่ยถามขึ้น นั่นเพราะเวลานี้เธอเบื่อที่จะนั่งๆ น
นรากรนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงพื้นที่ส่วนทานอาหาร ที่ถูกออกแบบเป็นระเบียงยื่นลงไปในสระบัวสายตานั้นทอดมองออกไปยังทุ่งกว้างตรงหน้า เธอกับก่อสกุลมาถึงที่ตากเมื่อช่วงกลางดึก แต่กว่าจะหาที่พักได้ก็ลุ้นแทบแย่ ที่นี่ตอนกลางคืนดูวังเวงน่ากลัวบอกไม่ถูก แต่พอเช้ามากลับสวยจนคาดไม่ถึงขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ก่อสกุลก็เดินมานั่งข้างๆ อันที่จริงเขาตื่นนานแล้ว แต่ออกไปคุยกับชาวบ้านในพื้นที่มา“คุณหายไปไหนมาตั้งนาน”“ออกไปคุยกับคนในพื้นที่มาครับ”“สืบข่าวเหรอ” นรากรกระซิบถาม นั่นทำให้นายตำรวจหนุ่มยิ้มที่เธอรู้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เฉไฉทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้“ไปคุยครับ ไม่ได้ไปสืบข่าวอะไรเลย”“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เออ...ผู้กองตอนนี้เราอยู่ห่างจากจุดที่พบสัญญาณโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายของไหมมากมั้ย”“ไม่มากครับ” เอ่ยจบก็มองตรงไปยังเขาลูกใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า“งั้นเราไปกันเถอะ ฉันใจร้อนจะแย่
“ไปทำอะไรคะ”“ผมมีเพื่อนทำงานที่นั่น จะไปส่งข่าวและขอให้เขาช่วยอีกแรง”“อ้อ...ค่ะ” นรากรเอ่ยรับ เธอรู้สึกตัวเองคิดไม่ผิดที่มาพร้อมก่อสกุลจากนั้นนายตำรวจหนุ่มพร้อมเพื่อนเดินทางอย่างนรากรก็ตรงไปยังจังหวัดแม่ฮ่องสอนทันที ทั้งคู่แวะทำธุระส่วนตัวและทานอาหารง่ายๆ ระหว่างทาง เสร็จก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อเมื่อมาถึง นรากรก็ได้พบนายตำรวจอีกคนหนึ่งที่เป็นตำรวจท้องที่ ซึ่งก่อสกุลแนะนำว่าเขาคือเพื่อนตำรวจร่วมรุ่น ที่คบหาเป็นเพื่อนกันมานาน นรากรฝากฝังตำรวจคนนั้นเรื่องคดีเพลงขวัญ ซึ่งเขาก็รับปากว่าจะตามข่าวให้มากที่สุดเมื่อคุยธุระกันเสร็จ ทั้งสองฝ่ายก็แยกย้าย“เป็นอะไรคุณ”“ฉันเป็นห่วงไหม ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”“ผมเองก็เป็นห่วงอชิมากเหมือนกัน แต่ถ้าหากสองคนนั้นถูกจับไปด้วยกันจริงๆ ผมมั่นใจว่าอชิจะดูแลเพื่อนคุณได้”“อื้อ” นรากรเอ่ยรับสั้นๆ จากนั้นทั้งคู่ก็ขับรถหาที่พัก&nb
อชิและเพลงขวัญยังคงเข้าไร่ฝิ่นเพื่อกรีดผลฝิ่นในทุกๆ วัน แม้จะเป็นงานที่ไม่ต้องการแต่ทั้งคู่ก็หลีกเลี่ยงอะไรไม่ได้ กระแตเองก็ยังคงตามติดชายหนุ่มแทบจะตลอดเวลาก็ว่าได้ แต่พอเจอสายตาของพี่ชายรวมไปถึงสายตาของย่าใหญ่ที่คอยส่งมาปรามก็เบาลงไปบ้างเมื่อมีจังหวะกระแตก็เข้าหาอชิแม้บางครั้งกระแตจะพูดจาไม่เพราะกับเพลงขวัญแม้จะได้ชื่อว่าอ่อยแต่ก็อ่อยแบบเก้ๆ กังๆ ไปหมด“พี่อชิจ๋า พี่อชิ”“ฉันไปก่อนนะคุณ” ทันทีที่ได้ยินเสียงของกระแต เพลงขวัญก็รีบขอตัว แต่กลับถูกอชิคว้าข้อมือไว้ วันนี้โตสั่งให้ทุกคนพัก เพราะทำงานติดต่อกันมาหลายวัน“เดี๋ยว คุณต้องอยู่กับผมด้วย” สีหน้าของอชิดูระอากระแตเล็กน้อย แต่เลเวลการอ่อยของกระแตนั้นเหมือนจะเทียบไม่ได้กับที่เขาเคยพบเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะสายป่านทำถึงขนาดแก้ผ้าเข้าหาเขามาแล้ว คิดๆ ดูอชิเหมือนจะหนีเรื่องนี้ไม่พ้น เพราะขนาดอยู่ในป่าก็ยังไม่เว้น“อะไร ฉันไม่อยากอยู่เป็นกอขอคองอ”“พี่อชิ” เสียงของกระ
ภาพที่กระแตวิ่งร้องไห้ สักพักก็เห็นเจษฎาพรวิ่งตามมาอีกคน อยู่ในสายตาของอชิและเพลงขวัญเข้าพอดี ทั้งคู่หันมามองตากันปริบๆ ชวนให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น“เกิดอะไรขึ้นจ๊ะพี่โต” เพลงขวัญเอ่ยถามขึ้น“ข้าดุมันเรื่องไปวุ่นวายกับผัวเอ็ง”“ค่อยๆ พูดกันก็ได้นะพี่โต กระแตยังเด็ก ฉันไม่ถือสา” อชิเอ่ยขึ้น นั่นเพราะหากเขาไม่เล่นด้วย กระแตก็คงถอดใจไปเอง“เอ็งไม่ถือ แต่ข้าถือ เพราะมันจะเอาเอ็งทำผัวให้ได้ นี่ข้าขู่มันไปว่าถ้าไม่ตัดใจจากเอ็ง ข้าจะให้มันแต่งงานกับไอ้เจษฎาพร”“พี่โตอย่าบังคับกระแตแบบนั้นเลยนะจ้ะ” เพลงขวัญรีบบอก นั่นเพราะการถูกบังคับให้ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก มันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกสักเท่าไหร่ ซึ่งอชิเองก็เห็นด้วย“ใช่จ้ะพี่ เอาเป็นว่าเรื่องกระแต เดี๋ยวผมไปคุยเอง”“เออ...ฝากเอ็งด้วยแล้วกัน” โตถอนหายใจออกมาหนักๆ ขณะที่อชิเดินตามไปหากระแตในป่ากระทั่งเห็นเจษฎาพรยืนอยู่จึงเดินเข้าไปหา เพร
ย่าใหญ่เดินออกจากบ้านมาพร้อมสมุนไพรเกือบสี่สิบชนิดในมือ ความที่มากประสบการณ์แค่เห็นปากแผลก็รู้ได้ทันทีว่างูมีพิษ ทุกคนได้แต่เฝ้าภาวนาให้เจษฎาพรนั้นปลอดภัย โดยเฉพาะกระแตที่เธอร้องห่มร้องไห้จนแทบไม่มีกะจิตกะใจไปทำอะไรทว่าการรักษาผ่านพ้นไปสามวันแล้ว อาการของเจษฎาพรกลับไม่ดีขึ้นและดูเหมือนจะทรุดลงเสียมากกว่า ย่าใหญ่เองก็รักษาอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงเดินออกมาบอกให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจรับกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อทุกคนฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เพลงขวัญถึงกับแอบร้องไห้เพราะสงสารเจษฎาพร รวมไปถึงสงสารกระแตด้วย ที่ป่านนี้คงรู้ใจตัวเองแล้วว่าคิดยังไงกับเจษฎาพร“พี่ชัย ไม่สิ พี่เจษฎาพร พี่อย่าเป็นอะไรไปนะ” กระแตเอ่ยเรียกชื่อใหม่ของเจษฎาพรเป็นครั้งแรก ชื่อนี้ย่าใหญ่เปลี่ยนให้ตอนที่เจษฎาพรล้มป่วยเพราะไข้ป่าจนเกือบตาย แต่ก็ฟื้นกลับมาได้นี่นา ครั้งนี้ก็ต้องเหมือนกันสิ“พี่รักเอ็งนะกระแต” เจษฎาพรเปล่งเสียงออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก แต่ก็กลัวว่าหากไม่พูดออกไปตอนนี้ก็จะไ
“กะ...ก็ไม่รู้สึกอะไร นอกจากหนักๆ หัว”“นั่นเพราะผมไม่ได้ทำอะไรคุณ”“ละ...แล้วเสื้อผ้าพวกนี้ใครเป็นคนเปลี่ยนให้ฉัน”“ผม”“คุณเหรอ!” คนฟังอุทานออกมาหน้าตาตื่น“ครับ...ก็คุณอ้วกจนเลอะเทอะไปหมด ผมเลยหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้”“งั้นแสดงว่าคุณก็เห็น...เห็น...”“เห็นหมดแล้วครับ อย่าห่วงไปเลย เพราะทรวดทรงองค์เอวคุณเหมือนเด็กยังไม่โตจะตายไป ยั่วอะไรผมไม่ได้หรอก” อชิไหวไหล่ทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องเล็กเข้าไว้“แล้วคุณขึ้นมานอนบนเตียงฉันได้ยังไง” น้ำเสียงตึงๆ ห้วนๆ ของเพลงขวัญเอ่ยถาม นั่นเพราะชักจะไม่พอใจประโยคที่ได้ยินจากอชิเมื่อครู่เข้าเสียแล้ว เขาว่ารูปร่างเธอมันเหมือนเด็กยังไม่โตอย่างนั้นเหรอ...หน็อยยยยยย“ก็เพราะคุณนั่นแหละที่คว้าตัวผมให้ลงไปนอนด้วย”“ฉันเหรอ” เพลงขวัญชี้นิ้วมาที่ตัวเอง เ
“พออารายยย อาวววมา ฉานนยังไม่มาววววสักหน่อย” เพลงขวัญพยายามยื้อแก้วเหล้าคืนมาจากอชิ แต่ทำไมมือเขาถึงอยู่ไกลอย่างกับมือแม่นาคแบบนี้นะ“ไม่เมาสักหน่อยเลยครับ นั่นเพราะตอนนี้คุณเมาหนักมากแล้วต่างหาก” อชิส่ายหน้าให้คนเมาที่บอกว่าตัวเองไม่เมา“เมียเอ็งเมาขนาดนี้ ข้าว่ารีบพาไปนอนก่อนเถอะ”“จ้ะพี่” อชิเอ่ยรับคำของโต จากนั้นก็พยุงเพลงขวัญกลับมาที่บ้านเพื่อให้เธอนอนพัก โดยคนเมาโวยวายมาตลอดทางว่าไม่เมากระทั่งใกล้ถึงบ้านเพลงขวัญก็อ้วกเอาทุกอย่างที่กินไปออกมาจากท้องจนหมดอชิเห็นแล้วก็สงสารและคงปล่อยให้เพลงขวัญนอนทั้งๆ ที่เสื้อผ้าเลอะเทอะแบบนี้ไม่ได้ จึงไปเอาผ้ามาชุบน้ำแล้วนำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เธอ แต่ที่หนักใจคือจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เพลงขวัญยังไงนี่สิ“คุณไหม...ไหมตั้งสติหน่อย”“ตั้งสาติแล้ว” คนเมาพูดชัดบ้างไม่ชัดบ้าง“ผมจะถอดเสื้อผ้าตัวที่คุณใส่อยู่ตอนนี้ออกแล้วเอาตัวใหม่มาใส่ให้แทน โอเคนะ”“ม่ายยยโอเค”“แล้วจะให้ผมทำยังไง ไหนคุณบอกม
ทิศทางที่หมูป่าวิ่งหนีไปนั้นคือเหว เจษฎาพรเห็นท่าไม่ดีจึงตั้งใจจะรีบวิ่งไปดักหน้ามันไว้ โดยมีอชิตามมาสมทบ แต่ทั้งสองคนกลับวิ่งเร็วจนแซงเพลงขวัญและกระแตไปเสียแล้วแม้จะงงว่าอชิกับเจษฎาพรมาอยู่กันที่นี่ได้ยังไง แต่ก็ไม่มีเวลาให้ได้ซักถาม เจษฎาพรกระโดดข้ามกิ่งไม้ ต้นไม้อย่างไม่กลัวเจ็บ ส่วนคนไม่ชินทางอย่างอชิและสองสาวก็หาจุดอื่นข้ามแทน และคนที่ถึงตัวหมูป่าได้ก่อนก็ไม่ใช่ใครอื่นทันทีที่จับตัวหมูป่าได้ เจษฎาพรก็ล็อกตัวมันไว้แล้วใช้มีดที่พกมาปักลงไปบนคอของมันเพื่อให้สิ้นใจตายในทันที แม้จะโหดร้ายแต่หมูป่าก็ไม่ต้องทรมานอีกต่อไป“จับหมูป่าได้มั้ยพี่ชัย” กระแตที่ตามมาสมทบรีบถาม เจษฎาพรที่เวลานี้นั่งหันหลังให้อยู่จึงค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมกับหลีกทางให้ทั้งสามเห็นว่าตรงหน้าเขามีอะไร“กรี๊ดดด เราจับหมู่ป่าได้จริงๆ ด้วยพี่ไหม” เอ่ยจบกระแตก็กระโดดโลดเต้นไปมา ส่วนเพลงขวัญนั้นดีใจจนเธอยืนค้างเพราะทำอะไรไม่ถูกแล้วนั่นเอง จากที่เหนื่อยๆ เพราะวิ่งไล่หมูป่ามาจู่ๆ ความเหนื่อยนั้นก็หายไปเสียดื้อๆ“ตัวนั้นคือตัวที่ถูกฉันยิงเหรอพี่ชัย” เพล
“หมู่บ้านเรามีข่าวดีเรื่องลูกชายพี่โตแล้ว น่าจะมีงานฉลองสักหน่อยนะ” ดามที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าอยู่เอ่ยขึ้น นั่นเพราะทุกครั้งที่มีสมาชิกใหม่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน พวกเขามักจะมีงานเลี้ยงเสมอ“งั้นพวกเราออกไปล่าหมูป่าสักตัวสองตัวดีมั้ย” ชายอีกคนเอ่ยเห็นด้วยกับดาม จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็เออออตามกัน ทำให้เช้านี้พวกเขามีเป้าหมายจะออกไปล่าหมูป่าให้ได้สักหนึ่งหรือสองตัว“ฉันขอไปด้วยนะจ้ะพี่ๆ” เสียงของเพลงขวัญที่นั่งฟังอยู่ดังขึ้นเช่นกัน เธอหูผึ่งตั้งแต่แรกที่ได้ยินว่าจะมีการออกไปล่าหมูป่าแล้ว“ไม่ได้” และคนแรกที่ค้านคืออชิ ซึ่งนั่งกินข้าวอยู่ข้างๆ เธอ ชายหนุ่มส่งสายตาเขียวปัดมาปราม“ผัวเอ็งพูดถูก งานล่าสัตว์มันของพวกผู้ชาย ผู้หญิงอยู่ที่นี่เตรียมของไว้รอแล้วกัน” ดามเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจว่าวันนี้ต้องได้หมูป่าติดมือกลับมาแน่นอน“พี่ดามพูดถูก” อชิเข้าข้างดามทันที“แต่ฉันอยากแก้มือ ไถ่โทษที่ครั้งก่อนทำหมูป่าหลุด
อชิกำลังมอบจูบแรกให้เธอ จูบที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของชายหนุ่มเพื่อปิดคำกล่าวหาเรื่องที่เธอคิดว่าเขานั้นเป็นเกย์ แต่จูบนี้ก็แฝงไว้ซึ่งความรู้สึกบางอย่างที่มันค่อยๆ เกิดขึ้นกับอชิ ก่อนหน้านี้เขาพยายามปฏิเสธมันมาตลอด แต่สุดท้ายแล้วเขากลับพ่ายแพ้ จะเป็นอะไรไหมหากว่าเขานั้นได้หลงรักภรรยาตามกฎหมายคนนี้เข้าให้เสียแล้ว และต่อให้เธอจะรักจะชอบใครมาก่อนเขาก็ไม่สน เขาจะทำให้เธอเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวจูบท่ามกลางแสงดาวเกิดขึ้นเนิ่นนาน นานเสียจนเพลงขวัญเกือบหมดลมหายใจ มีบางจังหวะที่อชิเผยอริมฝีปากออกเพื่อให้เธอได้สูดอากาศเข้าปอด แต่เพียงไม่นานชายหนุ่มก็วกกลับมามอบจูบให้เธอใหม่อีกครั้ง ประสบการณ์จูบครั้งแรกของเพลงขวัญช่างน่าตื่นเต้น เธอเพิ่งรู้ว่าการจูบกันจะให้ความรู้สึกวาบหวามไปทั้งตัวได้อย่างมากมายขนาดนี้ ริมฝีปากและปลายลิ้นของอชิเองก็ร้ายกาจ“เชื่อได้หรือยังว่าผมไม่ได้เป็นเกย์” เมื่อถอนจูบออกเสียงทุ้มก็เอ่ยถามขึ้น ใจจริงอชิไม่อยากหยุดจูบออกด้วยซ้ำ เพราะริมฝีปากนุ่มๆ หวานๆ ของเพลงขวัญมันทำให้เขาหลง“เกย์จูบเก่งก็มี” เพ
คืนแรกของการมีสมาชิกใหม่พลอยทำให้โตนอนไม่หลับตามไปด้วย จนย่าใหญ่ต้องมานอนเป็นเพื่อน เพื่อสอนเรื่องการดูแลเจ้าตัวเล็ก นั่นเพราะตอนนี้แสงจันทร์ต้องพักผ่อนให้มากๆ สองสามวันก็จะได้อยู่ไฟส่วนอีกคู่ที่นอนไม่หลับคือเพลงขวัญและอชิ ที่ต่างนอนกลิ้งไปกลิ้งมากันอยู่บนที่นอนของตัวเอง เพราะภาพเหตุการณ์วันนี้ต่างติดตาพวกเขาอยู่“นอนไม่หลับหรือคุณ”“อื้อ...นึกถึงเรื่องวันนี้แล้วก็กลัวไม่หาย กลัวจนไม่อยากมีลูก”“ไม่ได้” จู่ๆ อชิก็เอ่ยขึ้น แต่เพราะมัวคิดเรื่องอื่นอยู่ เพลงขวัญจึงได้ยินไม่ค่อยชัด“อะไรนะ ตะกี้คุณพูดว่าอะไร”“เปล่า ผมไม่ได้พูดอะไร” คนเผลอพูดรีบแก้ต่างทันที ซึ่งก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรีบแย้งเสียขนาดนั้น“ถ้าผู้ชายท้องได้ก็คงดี”“ผู้ชายเราถ้าหากท้องแทนได้ก็คงทำไปแล้ว”“เฮ้อ! ยาก”“ไหนๆ ก็นอนไม่หลับแบบ
“น้ำเดิน” เพลงขวัญโพล่งออกมา แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์คลอดลูก แต่เรื่องนี้ก็เคยเรียน เคยได้ยินมาบ้าง ถ้าน้ำเดินแล้วยังไม่คลอด คราวนี้ยิ่งอันตราย“น้ำเดินคืออะไร” โตตะโกนถามขึ้น“แสงจันทร์มันใกล้จะคลอดเต็มแก่แล้วน่ะสิโต รีบๆ เข้าไปดูเมียเอ็งก่อน” หญิงคนหนึ่งที่อายุอานามน่าจะพอๆ กับโตหรือมากกว่าเอ่ยบอก นั่นเพราะเธอก็เพิ่งคลอดลูกมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เอง จึงพอจะเข้าใจว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาบ้าง“โอ๊ย...พี่โต ฉันเจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว” ได้ยินแบบนั้นโตก็รีบจ้ำกลับเข้าไปในบ้านทันที ตามด้วยเพลงขวัญและอชิ ส่วนกระแตเวลานี้ยืนช็อกไปแล้ว“เจ็บมากมั้ยแสงจันทร์”“เจ็บมากพี่ ฉันเจ็บ” แสงจันทร์กัดฟันพูดออกไป เส้นเลือดบนหน้าปูดโปนจนน่ากลัว“พี่แสงจันทร์อดทนอีกหน่อยนะจ้ะ ย่าใหญ่กำลังมา” เพลงขวัญเอ่ยบอก เห็นแสงจันทร์เจ็บท้องคลอดมากขนาดนี้แล้วก็ยิ่งสงสาร“พี่ทนไม่ไหวแล้วไหม พี่จะ&helli
“หายใจลึกๆ นะพี่แสงจันทร์ แล้วผ่อนลมหายใจออกช้าๆ” เพลงขวัญพยายามทำให้แสงจันทร์นั้นผ่อนคลาย แม้จะไม่เคยทำคลอด ไม่รู้วิธี แต่เวลานี้ก็งัดเอาความทรงจำตอนดูฉากคลอดลูกในละครหรือซีรีส์มาใช้ก่อน“ไม่ได้ พี่เจ็บท้องเกินไป ทำไม่ได้” คนเจ็บท้องคลอดแย้งขึ้นมาทันที“ค่อยๆ ทำพี่ ค่อยๆ ทำ” และเพลงขวัญก็เริ่มทำเป็นตัวอย่างให้แสงจันทร์ได้ดู เพราะถ้าเธอไม่ผ่อนคลายหรือเจ็บจนกลัวไปหมด การคลอดลูกก็อาจจะยิ่งยากในขณะที่เพลงขวัญกำลังอยู่ดูแลแสงจันทร์อยู่นั้น กระแตก็วิ่งลัดเลาะไปตามทางเท้าอย่างเร็ว แต่ที่ระวังหน่อยคือทางเดินในป่าเขาวงกตที่มีกับดักอยู่หลายจุดและทันทีที่เดินทะลุผ่านมาได้ก็ตะโกนหาโตไปทั่วไร่ฝิ่น“พี่โต! พี่โต!”“อะไรของเอ็งกระแต ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย เดี๋ยวช้างป่าตกใจกันพอดี” โตเอ็ดน้องสาวขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาหา โดยมีอชิกับเจษฎาพรที่มาพร้อมกับโตเดินเข้ามารอฟังด้วย“กลับบ้านด่วนพี่” กระแตพูดไปก็หอบไป