3
It’ s Bad! แย่แล้ว…เพื่อนสนิทฉันเป็นมาเฟีย
ช่วยเพื่อน
และนั้นมันก็เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมด ขนมผิงนั่งนึกย้อนอดีตตนเองผ่านหน้ากระจกบานเก่าภายในห้องนํ้า รอยดูดบนคอยังชัดเจน ความเจ็บตรงจุดกลางกายสาวก็เช่นกัน มันยังเจ็บอยู่ แค่ก้าวเท้าเดินก็แทบจะล้ม ขนมผิงพยายามลบเหตุการณ์เมื่อคืนออก ก่อนจะก้มล้างหน้าล้างตาเพื่อเตรียมตัวไปโรงพยาบาล เธอจัดการกับตนเองเรียบร้อยทุกอย่างก็ออกเดินทางทันที
‘ห้อง นพ. นภดล’
“คุณหมอรออยู่ด้านในแล้วค่ะ” เสียงของพยาบาลวัยกลางคนที่เดินมาส่งขนมผิงหน้าห้องนายแพทย์นภดลเอ่ยบอก ก่อนที่เธอจะเดินกลับไปทำหน้าที่ของตนเอง ขนมผิงเปิดประตูเข้ามาด้านในห้องพักส่วนตัวของคุณหมอพร้อมกับยกมือขึ้นสวัสดีทักทาย
“หนูเอาค่ารักษาของพ่อมาจ่ายค่ะ”
“เธอหาได้เร็วดีนะ”
“พอดีเพื่อนหนูช่วยไว้…” ขนมผิงตอบเสียงแผ่วแล้วหยิบเงินสดปึกละแสนออกมาจากกระเป๋าเป้ทีละสองสามปึกจนครบ จำนวนเงินทั้งหมดสี่ล้านห้าแสนบาท “หนูหามาคืนคุณหมอครบแล้วค่ะ”
“ครั้งเดียวเธอจ่ายหมดเลยเหรอ” นายแพทย์นภดลดูตกใจแต่ก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไรมากมาย
“ใช่ค่ะ แล้วอาการของพ่อหนูเป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่เกินสามวันคุณอนุพงศ์จะฟื้นขึ้นมาครับ หลังจากนั้นก็ต้องนอนโรงพยาบาลอีกหนึ่งถึงสองสัปดาห์เพื่อคอยดูอาการเรื่อย ๆ”
“ค่ะ” ขนมผิงตอบออกมาเพียงเท่านั้นก็ขอตัวออกมาจากห้องของนายแพทย์นภดล เนื่องจากการรักษาครั้งนี้เป็นการรักษาโดยเงินส่วนตัวของคุณหมอ การจ่ายเงินคืนเลยต้องคุยกับคุณหมอโดยตรงไม่ได้เกี่ยวกับทางโรงพยาบาล ขนมผิงเดินออกมาจากห้องพักส่วนตัวนายแพทย์แล้วเธอก็เข้ามาเยี่ยมอนุพงศ์ต่อ
ร้านเบเกอรี่
ร่างบางในชุดเดรสสีครีมแขนดอกบัว สั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อยเปิดประตูเข้ามาภายในร้านเบเกอรี่ย่านมหาลัยและโรงเรียนดัง วันนี้เวรเธอที่ต้องเข้าร้านมาทำงานเสิร์ฟ ขนมผิงมาก่อนเวลาก็เจอเข้ากับ ‘เมทัส’ เจ้าของร้านที่ชอบเข้ามาดูแลร้านเองทั้งวัน
“วันนี้มาก่อนเวลาอีกแล้วนะ” เมทัสเดินเข้ามาทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนกับทุกครั้ง แต่ขนมผิงกลับมีสีหน้าอ่อนเพลีย เธอยิ้มเจื่อนแล้วตอบออกมา
“มาทำธุระแถวนี้พอดีค่ะ เลยได้เข้ามาก่อนเวลา”
“ผิงเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมสีหน้าดูไม่ค่อยดี” เมทัสถามแล้วมองสำรวจคนตรงหน้า ท่าเดินของเธอมันผิดปกติ แถมหน้ายังซีดเหมือนคนอดหลับอดนอน
“สงสัยช่วงนี้ทำงานหนักไปหน่อยค่ะ ร่างกายคงอ่อนเพลีย”
“วันนี้ลาก็ได้นะ ไม่สบายก็ควรพักผ่อน ฝืนมาทำงานทำไม” เมทัสเอ่ยแล้วนั่งลงตรงหน้าขนมผิง ตอนนี้ร้านยังไม่เปิด พนักงานเวรเดียวกันกับขนมผิงก็ยังไม่มาสักคน ทำให้ภายในร้านเหลือแค่เขาและเธอสองคน เมทัสเสียพ่อไปตั้งแต่เด็กเลยทำให้เขาย้ายมาอยู่ไทยกับแม่แล้วเปิดร้านเบเกอรี่ ขนมผิงเริ่มเข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่ปีสอง กระทั่งตอนนี้เธออยู่ปีสี่ เมทัสเป็นคนใจดีและชอบอาสาไปส่งที่หอพักตลอดช่วงที่เธอทำงานถึงมืดคํ่า
“ผิงไม่อยากพักเลยค่ะ ถ้าพักสักหน่อยก็เสียเวลาหาเงินไปเยอะเลย” เธอตอบเสียงแผ่ว
“แต่ผิงไม่ไหวแล้วนะ พี่ว่ากลับไปพักเถอะ พี่ไม่ตัดเงินเราหรอก วันนี้จะจ่ายเต็มให้เหมือนเดิม”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าผิงลา ผิงจะไม่เอาเงินของพี่”
“กลับไหม พี่จะไปส่ง”
“ผิงกลับเองดีกว่าค่ะ ขอบคุณนะคะ” เสียงใสที่เจือปนความเหนื่อยล้าตอบ ไม่นานมือถือของเธอก็มีคนทักข้อความเข้ามา ขนมผิงหยิบขึ้นมาอ่านก็ปรากฏว่าเป็นข้อความจากริวเซย์
ริวเซย์ : เมื่อคืนริวไม่ได้ป้องกัน
ริวเซย์ : อย่าลืมกินยาคุมด้วย
ขนมผิง : อื้อ
ขนมผิงพิมพ์ตอบกลับไป เธอมัวแต่ยุ่งจนลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย ลืมไปว่าเมื่อคืนนอกจากจะเอาสด ยังจำได้ราง ๆ ว่าริวเซย์ปล่อยใน ความรู้สึกนั้นมันยังวนอยู่ในความคิดของเธออยู่เลย นึกถึงขึ้นมาตอนไหนท้องน้อยมันก็วูบวาบไปหมด
วันต่อมา Gabriel International University
ม้าหินอ่อนใต้ตึกวิศวะ
ขนมผิงเดินเข้ามาในคณะพร้อมกระเป๋าสะพายข้างสีชมพูคู่ใจ เท้าเรียวบนรองเท้าผ้าใบสีขาวหยุดชะงักเมื่อเจอกลุ่มเพื่อนตนเองนั่งอยู่กันสามคน เจควอน ยูกิ และ ริวเซย์ ขนมผิงยังไม่กล้าเดินเข้าไปทักทายทุกคน เธอสะบัดความคิดนั้นออกจากหัว ก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเดินเข้าไปหา
“วันนี้ไม่เข้าชมรมกันเหรอ” ขนมผิงทักทายเพื่อนด้วยนํ้าเสียงปกติ ก่อนที่เธอจะหย่อนตัวนั่งลงข้างกายริวเซย์
“เบื่ออ่ะ บรรยากาศเดิม ๆ” ยูกิตอบ
“แล้วทำไมริวสีหน้าไม่ดีเลยล่ะ มีอะไรรึเปล่า”
“มันติดเอฟเมื่อปีที่แล้วเลยต้องกลับไปเรียนซํ้าพร้อมรุ่นน้อง” เจควอนตอบ
“กี่ตัว” ขนมผิงยังถามริวเซย์ต่อ
“สาม”
“มึงควรตั้งใจเรียนกว่านี้หน่อยนะริว เดี๋ยวก็จบไม่ทันเพื่อนหรอก”
“ก็มันเรียนไม่รู้เรื่อง พวกมึงจะให้กูทำไง”
“สมองมึงดีแต่มึงไม่ตั้งใจต่างหาก”
“จริงค่ะเบ๊บ…” ยูกิเห็นด้วยแล้วเกาะแขนแฟนหนุ่มของตนเอง
“เบ๊บพ่อง”
“เมียอยู่ไกลก็ทำใจหน่อยนะ ส่วนคนอยู่ด้วยกันก็ได้กกเมียทุกคืน” เจควอนพูดโอ้อวดก่อนจะจับมือยูกิแล้วเดินขึ้นไปยังห้องเรียนก่อน สองคนนี้ตั้งแต่ลงเอยกันก็ตัวติดกันตลอด มีห่างแค่ตอนทำงานของใครของมัน ถึงแม้ทั้งสองจะคบกันแล้วแต่กระแสของทั้งคู่ก็ไม่ลดลงเลย งานเข้าเรื่อย ๆ แถมเป็นคู่ที่อวดกันเก่งมาก มีแต่คนอิจฉา
“เพื่อนขึ้นห้องเรียนกันหมดแล้ว งั้นผิงไปนะ”
หมับ !
ไม่ทันที่ขนมผิงจะได้ก้าวขาเดินข้อมือก็ถูกจับเอาไว้แน่น
“ริวอยากคุยด้วย”
“คุยอะไรเหรอ”
“ช่วยสอนพิเศษให้ริวได้ไหม ไม่อยากเรียนซํ้าอีก”
“สอนพิเศษ?”
“ใช่…มีค่าจ้าง”
“ทำไมริวไม่ลองหาคนเก่ง ๆ ดูล่ะ อาจจะดีกว่าผิงก็ได้นะ”
“ผิงไม่เก่งตรงไหน เกรดเอทุกเทอมขนาดนั้น” มันก็ถูกอย่างที่ริวเซย์พูด เธอเรียนเก่งที่สุดในกลุ่มเพื่อน รองลงมาคือเคเลน ส่วนคนที่ด้อยสุดคือริวเซย์
“แล้วริวจะจ้างเท่าไหร่”
“อยากได้เท่าไหร่”
“ราคาสอนพิเศษปกติก็ได้” ขนมผิงตอบเพราะเธอเองก็อยากจะรู้ตัวตนจริง ๆ ของริวเซย์ให้มากขึ้น จึงยอมที่จะตกลงสอนให้กับเขา
“จะให้มากกว่านั้นก็แล้วกัน”
“ริวจะเริ่มวันไหน”
“วันที่ผิงว่าง สองทุ่มมาหาริวที่บ้าน”
“อื้อ” ใบหน้าอ่อนหวานพยักตอบแล้วริวเซย์ก็ลุกขึ้นเดินแยกไปอีกตึก เพราะวิชานี้เขาต้องไปเรียนกับรุ่นน้อง ขนมผิงมองตามแผ่นหลังกว้างจนลับสายตาก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมา ทำไมตอนเจอหน้ากันมันรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกแล้วนะ เธอไม่ค่อยกล้าสู้หน้าเขาเท่าไหร่ แต่ก็ต้องทำใจดีสู้เสือต่อไป ในเมื่อก้าวเข้ามาในถํ้าเสือแล้วก็ต้องไปให้สุด
ตลอดระยะเวลาหนึ่งถึงสองสัปดาห์วันไหนที่ขนมผิงไม่ได้ทำงานพาร์ทไทม์เธอก็ไปสอนพิเศษให้กับริวเซย์ตามที่เขาบอกตรงเวลาทุกวัน สอนวันละสองสามชั่วโมงก็กลับ และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ขนมผิงต้องไปสอนริวเซย์ที่คฤหาสน์หรูหลังใหญ่มหึมา ซึ่งเขาเรียกมันว่าบ้าน
“เดี๋ยวผิง” เท้าเล็กกำลังจะก้าวออกมาจากตึก ริวเซย์ก็เรียกเอาไว้ก่อน ทำให้คนตัวเล็กหยุดชะงักแล้วหันไปมอง
“หืม ?”
“กลับพร้อมกัน”
“จะไปส่งผิงเหรอ”
“วันนี้ไม่ต้องกลับหอก่อน ไปสอนเลย” ริวเซย์บอกออกมาเพียงเท่านั้นก็เดินนำร่างคนตัวเล็กออกมาจากคณะ ขนมผิงเดินตามด้วยความงุนงงแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เธอเดินตามหลังเพื่อนสนิทขึ้นมาบนรถอัลพาร์ดคันสีดำสุดหรู จากนั้นก็นั่งนิ่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ตอนนี้อนุพงศ์พ่อของเธอออกจากโรงพยาบาลและกลับไปอยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลจิตเวชเช่นเดิมแล้ว ขนมผิงเองก็โล่งอกและหายห่วงเรื่องพ่อไปบ้าง แต่เธอยังติดใจเรื่องคนร้าย คงไม่ใช่การเข้าใจผิด มีคนจงใจอย่างแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้เธอยังไม่ได้เบาะแสอะไรมาเพิ่มเลยก็เท่านั้น
“คืนนั้น…ครั้งแรกใช่ไหม” เสียงริวเซย์ถามขึ้นท่ามกลางความเงียบบนรถ ทำให้ขนมผิงหลุดจากห้วงความคิดแล้วมองหน้าคนข้างกาย
“อื้อ ครั้งแรก”
“….”
“ริวถามทำไมเหรอ”
“แค่สงสัย แฟนสักคนก็ไม่เคยมี ?”
“ผิงจะเอาเวลาไหนไปมีแฟน ไม่ได้อยากมีด้วย ถึงริวกับเพื่อนจะมีกันหมดแล้วก็เถอะ” ขนมผิงตอบติดตลกกลบเกลื่อน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมริวเซย์ต้องถามถึงเรื่องคืนนั้นด้วย ทั้งที่เขาไม่อยากให้เธอพูด
“ไม่มีก็ดีแล้ว”
“ริวพูดว่าไงนะ ?”
“ไม่มีอะไร…”
“เราไม่พูดถึงเรื่องคืนนั้นอีกได้ไหม”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะมันผิด”
“แต่ริวลืมคืนนั้นไม่ลงเลยหน่ะสิ มันดีจนเอาออกจากหัวไม่ได้” ริวเซย์ตอบออกมาแล้วมองหน้าเธอ ขนมผิงเกิดอาการประหม่าแล้วหันหน้าหนีออกไปทางกระจกรถ เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ริวเซย์จะสื่อ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วยว่าเขากำลังจะพูดหรือคิดอะไร
“ริวลืมมันไปเถอะ เพราะมันไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแน่นอน”
“แน่ใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็ริวมีแฟนแล้วนี่ คืนนั้นเราพลาด…”
“เปล่าหรอก ริวตั้งใจ”
“….” ขนมผิงตกใจที่ได้ยินคำนี้ออกจากปากคนข้างกาย เธอนิ่งและบีบมือตนเองแน่น
“พูดเล่น แค่ช่วยเพื่อน”
พูดเล่น =?
อยากได้ยัยผิงจริง ๆ แหละเอ้ออออ ติดใจ555555566665
สามารถเข้าร่วมกลุ่มบนเฟสบุ๊คได้เรื่อย ๆ เลยนะคะ ชื่อกลุ่มชื่อเดียวกันกับชื่อเรื่องเลยค่ะ ❤️🔥