ฉันต้องอยู่คอนโดเธอแล้วแหละ
“เดี๋ยว ระวัง!!” เสียงของชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าพวงมาลัยรถซูเปอร์คาร์สุดหรู มือหนาของชายหนุ่มรีบคว้าเข้าที่ข้อมือเรียวเล็กอย่างเร็ว เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะเปิดประตูรถลงกลับขึ้นไปบนคอนโดของเธอ “ว้าย!!” เสียงเล็กแหลมอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆ ก็ถูกกระชากดึงข้อมือให้ร่างเล็กล้มลงกลับเข้าไปในตัวรถคันเดิมอีกครั้ง “ชู่ววว เบาๆ อย่าเสียงดัง” เสียงทุ้มกระซิบแแผ่วเบา พร้อมกับกดศีรษะเล็กให้หมอบลงแนบกับเบาะรถ คล้ายกับว่ากำลังจะหลบอะไรสักอย่าง “อะไรของนายเนี่ย” ลิลลี่ทำน้ำเสียงหงุดหงิดถามเขา ในขณะที่ยังโดนชายหนุ่มใช้มือหนากดศีรษะเอาไว้อยู่ “เธอไม่เห็นหรือยังไงว่ามีคนน่าสงสัยดักรออยู่หน้าคอนโดเธอ ลูกน้องของไอ้พวกนั้นแน่ๆ นี่มันมาเฝ้าถึงหน้าคอนโดเธอเลยเหรอ มันรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่” ชายหนุ่มพูดขึ้น ลิลลี่ดันศีรษะขึ้นมามองแต่ก็ยังโดนชายหนุ่มกดอยู่เล็กน้อย “นี่นายจะกดหัวฉันทำไมเนี่ย” ลิลลี่โวยวายเล็กน้อย “ก็เดี๋ยวไอ้พวกนั้นเห็น” เขาบอก “จะเห็นได้ยังไง? ก็ในเมื่อฟิล์มรถนายมันเป็นแบบทึบ!” ลิลลี่แว้ดใส่เขา ชายหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้นแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ก็ทำหน้ายิ้มแหยๆ ออกมาทันที “เออเนอะ ลืมไป” เขาตอบพร้อมกับยิ้มแหยๆ ส่งให้หญิงสาว ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือที่กดศีรษะเล็กออก “นี่มันพวกที่อยู่ที่ลานจอดรถนี่นา พวกคนที่มันไล่ตามเรา ทำไมมันมาอยู่ที่นี่ล่ะ” ลิลลี่ถามเขา เมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่หน้าตึกคอนโดของเธอ “ก็บอกแล้วว่าพวกมันคิดว่าเธอเป็นแฟนฉัน เห็นฉันช่วยเธอ ตอนนี้พวกมันน่าจะพุ่งเป้าไปที่เธอแน่ๆ” เขาบอกกับเธอ ทั้งๆ ที่สายตายังจับจ้องไปที่กลุ่มคนพวกนั้น “พวกมันคือใครนะ คู่อริของนายเหรอ” ลิลลี่ถามชายหนุ่มที่กำลังมองไปที่เป้าหมายอย่างใจจดใจจ่อ “ก็พวกที่มันไล่เราเมื่อกี้ไง มันพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะมาเร็วกว่าเรา มันรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่” โคยบอกกับหญิงสาว “ช่างเถอะ ฉันไม่กลัวหรอก จะลงละ” ลิลลี่ทำท่าจะเปิดประตูรถไปอีกรอบ “นี่!! เธออยากตายหรือยังไง เดี๋ยวพวกนั้นก็เล่นงานเธอหรอก” โคยทำท่าตกใจ พร้อมกับร้องห้ามไม่ให้เธอเปิดออกไป “อะไรของนายเนี่ย มาห้ามทำไม” “เธอจะลงไปได้ยังไง พวกนั้นยังอยู่” “ก็แล้วทำไมฉันจะลงไม่ได้ล่ะ นั่นมันบ้านฉันนะ” ลิลลี่เริ่มโวยวาย เมื่อเธอเข้าคอนโดตัวเองไม่ได้ “จะลงไปก็ได้นะ แต่ระวังไอ้พวกนั้นกระทำชำเราก็แล้วกัน” โคยแกล้งพูดให้คนตัวเล็กกลัว และมันก็ดูเหมือนจะได้ผลดีเสียด้วย เมื่อมือบางที่กำลังยื่นมือไปจับเพื่อประตูรถต้องหยุดชะงักทันที “กระทำชำเรางั้นเหรอ” ลิลลี่ย้ำทวนคำพูดของเขา “ก็ใช่ไง ไม่รู้เหรอ ว่าไอ้พวกนั้นน่ะเด่นดังเรื่องนี้มากเลยนะ เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกมันก็เพิ่งไปข่มขืนผู้หญิงในมหาลัยมา” โคยโกหกคนตัวเล็กและแกล้งทำสีหน้าจริงจัง จนลิลลี่ที่ได้ฟังก็เริ่มจะเชื่อเขาบ้างแล้ว “พวกนั้นคงไม่กล้าทำอะไรฉันอะไรหรอกมั้ง” ลิลลี่พูด พร้อมกับมองไปที่คนพวกนั้นที่ไม่ยอมไปไหนเสียที พวกมันยังคงยืนอยู่ที่เดิมและหันมองไปรอบๆ เหมือนกำลังรออะไร รอใครสักคน แม้ตัวเธอจะเป็นลูกของมาเฟียยังไง แต่เธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอกว่าผู้ชาย “ทำไมพวกมันถึงจะไม่กล้าล่ะ รู้ไหมคนที่พวกมันข่มขืนล่าสุดเป็นถึงลูกมาเฟียผู้มีอิทธิพลเลยนะ” โคยแกล้งเธอเข้าไปอีก “จะ...จริงเหรอ แล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะ” ลิลลี่ทำหน้าเศร้าที่เข้าคอนโดตัวเองไม่ได้ “ไปนอนห้องฉันก่อนไหมล่ะ มีห้องว่างนะ” โคยเอ่ยชวนดื้อๆ “นอนห้องนายเนี่ยนะ จะบ้าเหรอ ฉันเป็นผู้หญิงนะ จะให้ไปนอนห้องผู้ชายได้ยังไง” ลิลลี่หันไปค้อนขวับใส่เขา “หรือจะนอนที่นี่ แล้วดีไม่ดีไอ้พวกนั้นบุกขึ้นไปคอนโดข่มขืนเอาไม่รู้ด้วยนะ” โคยพูดให้หญิงสาวกลัว “นายอย่ามาหลอกฉันเลย ฉันไม่กลัวหรอก เดี๋ยวพี่เต็มก็มา” ลิลลี่ปลอบใจตัวเอง ทั้งๆ ที่ในใจลึกๆ ก็แอบกลัว เพราะไม่รู้ว่าเต็มจะมาเมื่อไร “พี่เต็มไม่เต็มเต็งของเธอนั่นจะมาเมื่อไรก็ไม่รู้ อีกอย่างถ้าเขามาจริงๆ เธอจะให้เขาขึ้นไปอยู่ในห้องเป็นเพื่อนเธองั้นเหรอ ให้ผู้ชายเข้าห้องง่ายๆ อย่างนั้นเลยเหรอลิลลี่!” โคยพูดกับเธอด้วยสีหน้าจริงจัง และท้ายประโยคเขากดน้ำเสียงให้ทุ้มต่ำบ่งบอกว่าเขากำลังไม่พอใจ “ไม่ใช่สักหน่อย พี่เต็มทำงานกับพี่ชายของฉัน และพี่เขาก็ไม่เคยขึ้นไปอยู่ในห้องฉันด้วย แต่...” ลิลลี่พยายามอธิบายว่าเธอไม่ใช่อย่างที่เขาคิด และก็เว้นวรรคเอาไว้ เหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่ “แต่อะไร?” “ฉันคิดออกแล้ว!!” ลิลลี่โพร่งออกมาเสียงดังลั่น “อะไร!! คิดอะไรของเธอ” โคยถามกลับเสียงดังเหมือนกัน “ฉันจะให้พี่ชีร่าห์ เมียพี่เต็มมาอยู่เป็นเพื่อนก็ได้” ลิลลี่ตอบเขา พร้อมกับยิ้มร่า ว่าตัวเองคิดแผนดีๆ ออกแล้ว “มันจะต่างอะไร ในเมื่อเป็นผู้หญิงเหมือนกัน หรืออยากให้ยัยหมาล่านั่นโดนข่มขืนไปพร้อมกับเธองั้นเหรอ” เขาถาม ทำให้ลิลลี่คิดตามที่เขาถาม มันก็จริง แล้วเธอจะเอาพี่ชีร่าห์เข้ามาเดือดร้อนด้วยทำไม “โอ๊ยยยย แล้วฉันจะทำยังไงล่ะเนี่ย” ลิลลี่ร้องออกมาอย่างคิดไม่ตก พร้อมกับพิงไปที่เบาะรถของเขา “มีสองทางให้เธอเลือก” โคยเสนอความคิดเห็น “อะไร นายอย่ามาคิดอะไรที่มันสกปรกกับฉันนะ ฉันไม่ใช่คนใจง่ายที่เชื่ออะไรใครง่ายๆ หรือนอนกับใครง่ายๆ หรอกนะยะ” ลิลลี่บอกดักเขา ‘แต่นี่เธอกำลังหลงเชื่อฉันอยู่นะ แล้วที่บอกว่าไม่ได้นอนกับใครง่ายๆ นี่ ไม่ง่ายกี่โมง? หลังจากคืนนั้น ป่านนี้คงหลายคนไปแล้วมั้ง’ โคยคิดอยู่ในใจ “อย่างแรกที่จะให้เธอเลือกก็คือ เพื่อความปลอดภัยของเธอ ไปนอนห้องฉัน จนกว่าพวกนั้นจะเลิกตามและลอบทำร้ายเธอ อย่างที่สอง ถ้าเธอไม่อยากที่จะไปนอนห้องฉัน ก็นอนคอนโดเธอเนี่ยแหละ แต่ฉันจะขึ้นไปอยู่ด้วย” โคยพูดหน้าตาเฉย “แล้วทำไมต้องเป็นนายด้วย คนอื่นก็ได้นี่” ลิลลี่เริ่มโวยวาย เมื่อรู้ว่าเขาเหมือนกำลังมีแผนอะไรที่ไม่น่าไว้ใจอยู่ “ก็เพราะฉันต้องรับผิดชอบเธอ...ที่พวกนั้นมันตามเธอก็เพราะว่าฉันนี่นา” โคยรีบหาข้ออ้างมาอ้างกับหญิงสาว “ไม่ใช่เหตุผลที่ฉันจะต้องไปนอนห้องนายนะ ฉันจะขึ้นห้องฉันแล้ว” พูดจบลิลลี่ก็เปิดประตูรถออกไปทันที โดยไม่สนใจเสียงเรียกร้องห้ามของโคเยอร์อีกต่อไป เมื่อร่างบางก้าวลงจากรถซูเปอร์คาร์สีดำสุดหรู ยังไม่ทันที่เธอจะได้ก้าวเข้าตึกไป กลุ่มวัยรุ่นที่มาดักรอหันมาเห็นเธอเข้าพอดี หลังจากนั้นพวกกลุ่มคนก็วิ่งตรงเข้ามาหาเธอทันที ลิลลี่เห็นว่ากลุ่มชายที่ยืนเฝ้าคอนโดเธอตรงเข้ามาหาเธอก็ตกใจ เริ่มทำอะไรไม่ถูก เหมือนร่างกายไม่ตอบสนอง มันไม่ขยับหนีหรือเดิินหน้าต่อเลยด้วยซ้ำ แต่ก่อนที่ชายพวกนั้นจะได้มาถึงตัวของเธอ ร่างบางกลับโดนกระชากอย่างแรงจากใครบางคนจนร่างเล็กเซถลาไปอีกทางหนึ่ง “ไม่กลัวตายเลยใช่ไหมวะ?!!”Special คิลเลอร์และเมแกน 3 ปีต่อมา “เห้ย!! โคเยอร์ทางนี้ๆ” เสียงกลุ่มเพื่อนชายที่โบกมือเรียกโคเยอร์อยู่ที่โต๊ะลายหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างตึกเรียนในคณะของเขา “พวกมึงยังไม่กลับบ้านกันอีกเหรอ ไม่มีเรียนแล้วนี่ กูก็ส่งงานเสร็จละ จบละ” โคเยอร์ถามเพื่อน วันนี้เขามาที่คณะ เพื่อมาส่งงานชิ้นสุดท้ายก่อนจบการศึกษา แต่พวกเพื่อนของเขาต้องเข้าเรียนเก็บชั่วโมงอีก หลังจากที่เขาแต่งงานและพักการเรียนไปได้สองปี เขาก็กลับเข้ามาเรียนใหม่จนจบได้ภายในปีเดียว “เพิ่งออกจากห้องเรียนเมื่อกี้ มารอเจอหลานกูก่อน มาๆ ให้กูอุ้มหน่อย” เพื่อนของเขาคนหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาหาโคเยอร์ ที่ในอ้อมแขนนั้นมีเด็กน้อยรูปร่างจ้ำม่ำ หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ผิวขาวใส แก้มป่อง ผมสีดำขลับสั้นๆ แต่หยักศกเล็กน้อย ดวงตากลมโตบ้องแบ๊วสร้างความน่าเอ็นดูให้กับผู้ที่พบเห็นไม่น้อย “กูขออุ้มหน่อย” เพื่อนของเขาพูด ก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อจะเอาเด็กน้อยมาอุ้ม “มายุ่งกับลูกกูอีกแล้ว อยากอุ้มทำไมไม่มีเป็นของตัวเองกันวะ” โคเยอร์บ่นให้กับเพื่อน ที่รอจะเจอและอุ้มลูกเขา เมื่อรู้ว่าวันนี้เขาเอาลูกมาด้วย วันนี้ลิลลี่ไม่ว่าง
ลิลธิกาแต่งงานกับกฤตินนท์ นะ! (The End) “โคยมีอะไรจะบอกลี่ไหม?” เสียงของลิลลี่ที่นั่งอยู่ข้างคนขับ เอ่ยถามชายคนรักที่กำลังทอดสายตามองไปด้านหน้าท้องถนน “แต่งงานกับโคยนะลี่” โคเยอร์เอ่ยขอคนรักแต่งงานด้วยน้ำเสียงและใบหน้าจริงจัง พวงมาลัยรถถูกหักเข้าข้างทาง สภาพแวดล้อมโดยรอบที่มีแต่ป่าเขา ไร้ผู้คนและบ้านของผู้คนอยู่อาศัย เครื่องยนต์ของรถถูกดับสนิท โคเยอร์หันใบหน้าหล่อเหลาเข้าหาลิลลี่ที่ตอนนี้ก็หันมองเขาอยู่ด้วยเช่นกัน “โคยมั่นใจแล้วใช่ไหมถึงพูดมันออกมา” ลิลลี่ถามย้ำ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นมั่นใจแค่ไหน ถึงขนาดเอาผู้ใหญ่มาคุยกับผู้ใหญ่ฝ่ายเธอถึงที่บ้าน “มั่นใจ 100% เลย โคยรักลี่ รักมาก และก็รักลูกด้วย ตอนนี้โคยมั่นใจแล้วด้วยว่าสามารถดูแลลี่กับลูกได้ตลอดไปแล้ว ไม่อดตายแน่ แค่โคยยังเรียนไม่จบ เลยพักการเรียนไว้ก่อน รอลูกคลอดแล้วค่อยกลับไปเรียน” โคเยอร์บอกกับคนรัก พร้อมกับยกมือหนาขึ้นลูบบริเวณหน้าท้องน้อยของคนรัก “มั่นใจแค่ไหนที่จะดูแลลี่ได้ตลอด” เธอถามกลับอีกรอบ “มั่นใจมาก ลี่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลยนะ ถึงโคยจะยังเรียนไม่จบ แต่โคยก็มีบ้าน มีรถ มีธุรกิจเป็นขอ
จุดจบคนไม่สำนึก! “ถ้าเธอไม่รู้จักฉัน ลองถามพ่อของเธอดู!” เสียงทุ้มแค่นเสียงเป็นเชิงเย้ยหยันพูดกับน้ำขิงที่นั่งกอดผู้เป็นพ่ออยู่ที่พื้นเบื้องหน้าของทุกคน “ทำร้ายลูกกับหลานฉันอย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่ลูกกับหลานของฉันยังไม่ได้ไปทำอะไรให้แม้แต่นิดเดียว เธอกล้ามากนะ คงยังไม่รู้จักฉันสินะ” บอมพ์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว ทำให้น้ำขิงถึงกับขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว “แล้วแกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมารุมฉันกับพ่อแบบนี้” น้ำขิงมองพวกเขาด้วยสายตาแค้นเคือง “แล้วแกมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายลูกกับหลานของฉัน!” บอมพ์สวนกลับทันที อารมณ์โมโหเริ่มเก็บเอาไว้ไม่อยู่ จนลิลลี่สังเกตพ่อของตัวเองได้ “พ่อคะ...ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อของโคยเถอะค่ะ ลี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก” ลิลลี่รีบห้ามทัพ เมื่อเห็นว่าพ่อของตัวเองเริ่มโมโห “เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” โคเยอร์รีบบอกพ่อของคนรัก แล้วค่อยๆ วางร่างเล็กให้ลงยืนที่พื้นอย่างเบาๆ มือเล็กของลิลลี่คว้าแขนของโคเยอร์เอาไว้ เหมือนเป็นการห้ามเบาๆ แบบไม่ต้องใช้เสียง สายตาคมก้มมองที่แขนของตัวเองก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนรักต้องการอะไร “เดี๋ยวป๊าจัดการเอง” ค
ถ้าไม่รู้จักฉัน ลองถามพ่อเธอดู! “อาเขต!” โคเยอร์เอ่ยเรียกคนที่มาห้ามเขาไว้ ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของเขานั่นเอง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเขตนั้นตามเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร เพราะเขามัวแต่สนใจคนที่อยู่ด้านในโกดัง “อย่าวู่วามครับนายน้อย หากบุ่มบ่ามเข้าไป คุณลิลลี่จะเป็นอันตรายได้” เขตบอกกับนายน้อยของตัวเอง “ผมโมโหจนลืม” โคเยอร์บอก เขาโมโหจนอยากจะจัดการคนทีี่มันทำกับลิลลี่เสียจนลืมนึกไปถึงความปลอดภัยของคนรักด้วย เพราะตอนนี้ลิลลี่อยู่ในมือของพวกมัน “หนะ...น้ำขิง!!” เสียงเล็กแหบของลิลลี่เอ่ยเรียกคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอเพิ่งฟื้นมาจากอาการสลบ เพราะลูกน้องของน้ำขิงเอาน้ำมาราดที่ตัวเธอจนรู้สึกตัวขึ้นมา “ฟื้นแล้วเหรอ? สำออยจริงนะ อุบัติเหตุแค่นี้ทำเป็นสลบ ทำไมไม่ตายไปเลยนะ!” เสียงน้ำขิงพูดเหน็บปนแช่งกับคนที่ถูกมัดมือมัดเท้า แต่พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง “เธอ...จับฉันมาทำไม” ลิลลี่ถามคนที่จับเธอมา เธอไม่รู้ถึงสาเหตุที่ตัวเองโดนจับมา และไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้น้ำขิง เพื่อนของโคเยอร์โกรธเธอขนาดนี้ “ก็...จับมาให้เป็นเมียไอ้พวกนี้ไง 5555” น้ำขิงพูด พร้อมกับหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ เมื่อคิดไป
บุกช่วย...ถล่มโกมินทร์ “กะ...โกดัง หลังโกมินทร์ กะ...กรุป...” เสียงของคีรีพึมพำบอกพี่ชาย ก่อนที่เธอจะสลบไม่ได้สติไปในที่สุด “โกมินทร์...!” โคเยอร์พึมพำชื่อบริษัทที่ได้ยินน้องสาวบอก เขารู้ได้ในทันทีเลยว่าคนที่เป็นตัวการทำเรื่องแบบนี้คือใคร “อาเขต! ฝากยัยคีด้วย” โคเยอร์บอกกับเขต ก่อนจะกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว เขตอุ้มร่างคุณหนูที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยเช่นกัน พาไปที่รถเพื่อส่งตัวไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะต่อสายหานายใหญ่ของตัวเองที่ตอนนี้อยู่บ้านของตระกูลอีแวนสัน รายงานเรื่องนี้ให้รู้เรื่องก่อน “นายครับ! เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ รถคุณหนูคีและคุณลิลลี่ถูกเบียดชนต้นไม้ ผมกำลังพาคุณหนูคีไปโรงพยาบาล ส่วนคุณลิลลี่ถูกจับตัวไปครับ” เขตรายงานเจ้านายแบบรัวๆ “เมื่อกี้แกว่ายังไงนะ?! แล้วลูกสะใภ้ฉันถูกจับไปที่ไหน มันเป็นใคร?!!” คิงส์ตะโกนเข้ามาในสายดังลั่น “โกดังหลังโกมินทร์กรุป ครับ” เขตไม่รอช้ารีบรายงานสถานที่ให้เจ้านายฟังทันที “เดี๋ยวกูไป!!” คิงส์บอกกับเขต “คุณไปดูลูกสาวที่โรงพยาบาลเถอะ ส่วนโกมินทร์กรุป เดี๋ยวผมไปจัดการเอง” บอมพ์กัดฟัน
คำบอกเล่า...และการปองร้าย! “พี่โคยเขารักพี่มากเลยนะคะ ที่สุดในชีวิตเลย” คีรีเอ่ยบอกพี่สะใภ้ตัวเองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พี่สะใภ้คนนี้คงไม่รู้ว่าตัวเธอนั้นมีอิทธิพลต่อพี่ชายของเธอมากแน่ๆ ถึงได้งอนได้ หากรู้ว่าความจริงที่เธอจะบอกก็คงเข้าใจอะไรในตัวพี่ชายของเธอได้มากขึ้น “ไม่ขนาดนั้นมั้ง” ลิลลี่หันมามองเด็กสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองยังเบื้องหน้า “ขนาดนั้นเลยแหละค่ะ” “แล้วเราน่ะเป็นน้องสาวแท้ๆ ของโคยเหรอ” ลิลลี่เปลี่ยนเรื่อง เธอไม่อยากฟังอะไรจากปากคนอื่น นอกจากเจ้าตัวที่จะหาทางมาอธิบายกับเธอเอง “ใช่ค่ะ คีชื่อเต็มๆ ว่า คีรี เป็นน้องสาวแท้ๆ ของพี่โคย อายุห่างกันประมาณ6-7 ปีเห็นจะได้” คีรีบอก “ถึงว่าพูดเก่งเหมือนโคยเลย” ลิลลี่บอกในขณะขับรถไปเรื่อยๆ “พี่ลี่คะ...พี่โคยไม่ใช่นักศึกษาตัวเปล่านะคะ คีรู้ว่าพี่อยากให้พี่โคยมาบอกเอง แต่คีอยากบอกว่าพี่โคยตั้งใจและรักพี่มากๆ มากจนยอมรับช่วงต่อธุรกิจสายดำของพ่อทั้งหมดเลย ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนแกจะขอรับแค่ธุรกิจขาวกับเทาบางส่วนเท่านั้น แล้วจะปล่อยให้สายดำเจ๊งหรือเงียบหายไปเอง ตระกูลของพี่ก็เป็นมาเฟียใหญ่เหมือนกัน พี่คงเข้าใจและก็มี