หญิงสูงวัยผู้เป็นมารดานั่งมองลูกชายของเธอกับหญิงสาวผู้เป็นเลขาส่วนตัวของเขา ตั้งแต่มานั่งร่วมโต๊ะอาหารพวกเขาทั้งคู่ก็เอาแค่เงียบใส่กัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
“อะแฮ่ม” เธอแกล้งไอ และแอบมองไปยังทั้งคู่อีกครั้ง แต่พวกเขาก็ยังนั่งนิ่งไม่ขยับ
“นี่แม่ทานข้าวร่วมกับหุ่นยนต์อยู่เหรอเนี่ย” เมื่อทนไม่ไหวเธอจึงเลือกที่จะเป็นคนเปิดประเด็นนี้เอง
“...” ทั้งคู่ยังคงเงียบ ลูกชายของเธอเอาส้อมเขี่ยข้าวในจานพร้อมกับมองไปยังเทียนไขที่นั่งมองจานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ทั้งคู่เปิดปากคุยกับแม่เดี๋ยวนี้!” เมื่อทนต่อไปไม่ไหวเธอจึงต้องใช้ไม่แข็งและเสียงแกล้งดุพวกเขา
“ค่ะคุณป้า” ในที่สุดเทียนไขก็ยอมพูด
“...” ยกเว้นแต่ลูกชายของเธอที่ยังคงเงียบอยู่
“เทียน ธาดาทำอะไรให้หนูไม่พอใจบอกป้ามาเลยลูก”
“คุณป้าคะ เทียนมีเรื่องจะถาม” เธอนั่งคิดอยู่นานจนในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะพูดมันออกมา
“ถามมาเลย”
“ธาดาขึ้นเป็นผู้บริหารแล้วตามที่เทียนเคยสัญญากับคุณป้าเอาไว้ว่าจะอยู่เป็นเลขาจนเขาขึ้นบริหารงานเต็มตัว ตอนนี้เขาก็เป็นไปตามนั้นแล้ว เทียนจะลาออกจากการเป็นเลขาของเขาได้หรือยังคะ”
เคร้ง!
สิ้นเสียงพูดของเทียนไข ธาดาก็โยนช้อนส้อมในมือลงบนจานด้วยความหงุดหงิด เขาแอบคิดมาตลอดว่าเธอต้องมีเรื่องนี้อยู่ในใจ
“...” แม่ของธาดาได้แต่แอบมองปฏิกิริยาของลูกชายของเธอ ซึ่งตอนนี้ดวงตาแข็งกร้าวมองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“เทียนจะขอลาออกสิ้นปีนี้นะคะ ก็คือ... อีก 5 เดือนข้างหน้า” ประโยคท้ายเธอตั้งใจเว้นวรรค และเงยหน้ามองไปยังบุคคลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม และพูดเน้นย้ำให้เขาเข้าใจ
“ไม่อนุญาต” ธาดาที่นั่งฟังมานานในที่สุดก็เปิดปากพูด
“ฉันลาออกกับคุณป้า ไม่ใช่คุณธาดาค่ะ” น้ำเสียงเย็นชาของเธอเวลาเรียกชื่อเขามันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยชอบเอาซะเลย
“ฉันไม่ให้ออก ใครก็ทำอะไรไม่ได้”
“เทียนเป็นคนตกลงกับคุณป้า ขอให้เป็นไปตามที่เราเคยคุยกันไว้ด้วยนะคะ” ธาดาจ้องมองไปยังเทียนไข ซึ่งตอนนี้เธอก็ทำเป็นไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาสักนิด
“อีกห้าเดือนใช่มั้ย” เมื่อเริ่มเห็นว่าทั้งคู่จะต้องทะเลาะกัน เธอจึงพูดขัดบทสนทนาของพวกเขาเอาไว้
“ใช่ค่ะ” เทียนไขขานรับ และมองไปยังผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา เขาโน้มตัวด้านหลังและกระซิบพูดกับเธอ
“ผู้หญิงเมื่อเช้าเธอไม่ยอมไปครับ เธอยืนยันจะต้องพบคุณธาดาให้ได้” ถึงจะเป็นเพียงเสียงกระซิบ แต่ผู้เป็นแม่ก็หูดีพอที่จะได้ยินบางประโยคและจับใจความได้เอง เธอปาดสายตามองไปยังลูกชายที่ยังคงนั่งจ้องหน้าเทียนไขไม่ละสายตา
“เทียนขอตัวแป๊บนะคะ” เธอหันมาบอกพวกเขาทั้งคู่ และลุกขึ้นเดินตามหลังผู้ชายออกไป
ปึง! เมื่อประตูห้องรับประทานอาหารปิดลง ผู้เป็นแม่ก็หันกลับมาหาลูกชายของเธอทันที
“ธาดามัวทำอะไรอยู่ฮะ!” เธอล่ะเหนื่อยใจกับลูกชายจริงๆ ทำให้ผู้หญิงหลงหัวปักหัวปำมานักต่อนัก แต่กับเทียนไขดันทำให้เธอรู้สึกด้วยยังไม่ได้
“ก็ทำงานไงครับ” เขาตอบไม่ตรงคำถาม เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคำถามของแม่มันหมายถึงอะไร
“ธาดา ลูกก็รู้ว่าแม่หมายถึงอะไร”
“ครับ”
“หลายปีที่ผ่านชะล่าใจเกินไปหรือเปล่า ไม่คิดหาวิธีมาทำให้เทียนชอบลูกบ้างเลยเหรอ”
“ทำแล้ว แต่วิธีเบาใช้ไม่ได้กับยายนั่นครับแม่” ที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำอะไรยายนั่นเลยด้วยซ้ำ มีเพียงแต่เผลอตัวไปบ้าง แต่เพราะกลัวเธอจะห่างจากเขาเลยพยายามจะไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ แต่ดูแล้วที่ผ่านมาจะชะล่าใจไปหน่อย ผลที่ออกมาตอนนี้คือเธอกำลังจะมาขอลาออกเพื่อหนีจากเขาไป
“แกน่ะชะล่าใจเกินไปคิดว่าเทียนไขจะรู้สึกแบบตัวเอง แต่ตรงกันข้ามหนูเทียนมองลูกเป็นแค่เพื่อนมาตลอด” ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งตอกย้ำ
“เทียนจะไม่ได้ลาออกหรอก” พอกันทีกับวิธีอยู่ใกล้ชิดให้ยายซึนนั่นมารักเขาเหมือนที่เขากำลังเป็น ถ้าไม่ไล่ต้อนก็ไม่จนมุมสินะ
“แล้วอีกอย่าง ถ้ายังไม่เลิกยุ่งกับผู้หญิงก็อย่าหวังว่าเทียนเขาจะมาสนใจแก ฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องของเทียนไข แม่ล่ะปวดหัวกับแกจริงๆธาดา”
“ไม่เห็นยายนั่นจะเอ่ยปากสั่งแบบแม่บ้างเลย” ขอแค่พูดออกมาเขาก็พร้อมจะทำตามทุกอย่างทันที
“ก็เพราะแกมันงี่เง่าไง เขาเลยไม่อยากพูดด้วย ถ้าจะยุ่งไปเรื่อยแบบนี้ทำไมไม่หาเป็นตัวเป็นตนไปเลย มีไปก่อนแล้วก็เลิกทำให้เทียนเขาเห็นว่าแกไม่ได้มั่ว แต่ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วใช่มั้ย เขาเห็นแกมาตลอดสิบปี” เธอพูดพร้อมกับยกมือกุมขมับตัวเอง ลูกชายที่ไม่ได้เรื่องคนนี้ เธอทำทุกอย่างตามคำขอร้องของลูกเธอมาตลอด ให้เทียนไขมาอยู่ข้างๆแต่เขาก็ชะล่าใจทำเหมือนว่าเธอจะไม่หนีไปจากเขาได้
“ลูกแม่เป็นผู้ชายนะครับ” เรื่องแบบนั้นมันก็ต้องมีกันบ้าง ส่วนเทียนไขแทบจะยืนห่างกันเป็นกิโล จะเข้าใกล้ก็ต้องหาจังหวะดีๆ ไม่งั้นก็โดยยายนั่นสวนกลับมาอีก
“เป็นผู้ชายแล้วยังไง ไม่คิดจะมีเมียดีๆกับเขาเหรอ แต่ถึงแกจะไปคว้าเอาผู้หญิงที่ไหนมาแม่ก็ไม่ยอมรับหรอกนะ” เขารู้ว่าแม่รักเทียนไขมากแค่ไหน แล้วแม่ก็รู้ว่าเขาชอบเธอมากแค่ไหนเช่นกัน
“ได้ครับ ผมจะยุ่งแค่เทียนคนเดียว แม่เตรียมตัวจัดการฝั่งครอบครัวเทียนให้ด้วยนะ”
“ธาดา อย่าทำอะไรที่เทียนไม่สมยอม” เธอออกปากเตือนลูกชายของตัวเอง
ธาดาเป็นคนใจร้อน แต่จะใจเย็นเมื่อมีเทียนไข แต่ตอนนี้เขากำลังใจร้อนเพราะเรื่องของเธอ นั่นหมายความว่าทุกอย่างที่เขาทำต่อจากนี้มันจะเกิดขึ้นจริงตามความต้องการของตัวเขาเอง
“ไม่มีทางที่เธอไม่สมยอม” ก็ความลับระหว่างพวกเขามันมีแค่เราทั้ง 2 คนเท่านั้นที่รู้
“แต่เวลาที่ผ่านมาเกือบสิบปี คิดว่าเทียนเขาจะไม่รู้สึกกับลูกของแม่บ้างเลยเหรอ” ผู้เป็นแม่ถามด้วยความสงสัย
“เดาอะไรได้ด้วยเหรอครับเทียนไขน่ะ”
“แล้วลูกล่ะ เดาอะไรหนูเทียนเขาได้ด้วยหรือไง”
“ไม่ต้องเดาครับ ผมรู้จักเทียนดีกว่าใคร” ถ้ารู้แบบนี้จัดการไปตั้งแต่แรกก็จบแล้ว
“ปากเก่งไปเถอะ ทำให้มันสำเร็จแล้วกัน”
“แม่รู้แค่ว่าสิ้นปีนี้เทียนจะไม่มีทางได้ลาออกก็พอ” ผู้เป็นแม่หันกลับมามองที่ลูกของเธอ ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พ่อกับแม่ตัดสินใจแล้วนะ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ลูกสะใภ้ของแม่ต้องเป็นเทียนไขเท่านั้น” คำพูดของแม่ทำให้เขาเผยยิ้มอย่างพอใจ สายตามองตรงไปยังร่างบางที่กำลังเดินกลับเข้ามา เทียนไขมองรอยยิ้มของผู้ชายตรงหน้า ในใจก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ว่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ ความรู้สึกแปลกๆจากรอยยิ้มและสายตาของเขา
“รู้แล้วครับ มันเป็นของเธอมาตั้งแต่แรกแล้ว”
(ช่วงวัยเด็กของเทียนไขกับธาดา (ช่วงเกรด7หรือมัธยมชั้นปีที่ 1) ปึง!ประตูห้องครัวหอพักคนงานถูกเปิดออกเต็มแรง พร้อมกับเด็กชายผู้เป็นคุณหนูของบ้านนี้ และยังเป็นเพื่อนสนิทของลูกสาวหัวหน้าแม่บ้านอย่าง...เทียนไข“เทียนไข! ทำไมไม่บอกว่าจะสอบเข้าด้วยคะแนนเต็มเพื่อไปอยู่ห้องคิงล่ะ เรานึกว่าเทียนจะเลือกทำคะแนนน้อยแล้วไปอยู่ห้องสุดท้ายเพราะจะได้มีเวลาไปเล่นกับเรา”เด็กสาวเงยหน้าจากตะกร้าผักที่เธอกำลังเด็ดอยู่แล้วเงยมองขึ้นใบหน้าของ ธาดา ลูกชายเจ้าของบ้าน และเป็นเพื่อนของเธอด้วยสายตาไร้ความรู้สึก“ทำไมต้องทำแบบนั้น”“เพราะเทียนต้องไปเล่นกับเราทุกวันหลังเลิกเรียนไง”“ไม่ไปหรอก เทียนรำคาญธาดา”“...เทียนใจร้าย เทียนทำแบบนี้เราต้องอยู่คนละห้องเลยนะ เราต้องแยกกันตลอดหกปีนะเทียน!”“....” เด็กสาวหันมองธาดาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนพร้อมกับอุ้มตะกร้าผักเดินหนี“เราอยากอยู่กับเทียน!” ธาดาวิ่งตามหลัง และพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ไปตลอดทาง“รำคาญ....” ไม่ว่าจะโดนเทียนไขว่าสักกี่ครั้งก็ไม่เคยทำให้ธาดาละความพยายามไปได้“เราจะไปรับเทียนที่ห้องทุกวัน! เทียนห้ามมีแฟนนะ เทียนต้องอยู่กับเรา!”“...รำคาญ” น้ำเสียงเย็
“หายไปไหนของเขา”เสียงบ่นพึมพำกับตัวเอง สายตาสอดส่องมองซ้ายมองขวาเพื่อหาตัวธาดาที่ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนสักพักแล้ว โทรศัพท์ก็ไม่พกติดตัวนี่เดินรอบแล้วเหลือแต่ที่หอพักคนงาน แต่ปกติธาดาจะไม่ได้ไปที่นั่นถ้าไม่มีธุระสำคัญ“ป้าขวัญคะ เห็นคุณธาดามั้ย” ในระหว่างที่กำลังหยุดยืนคิดอยู่หน้าบ้านใหญ่ ป้าขวัญ แม่ครัวของบ้านก็เดินออกมาจากมุมมืดพอดี“คุณธาดาเห็นนั่งอยู่กับเก้าตรงสวนด้านหลังนะ ไอ้เก้ามันเมาด้วยเห็นขวดเบียร์ตั้งอยู่”“ขอบคุณค่ะป้า” เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉันก็รีบเดินไปยังสวนด้านหลังทันทีเก้าเมาแล้วจะพูดอะไรไม่เข้าหูธาดามั้ยเนี่ย แล้วสิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดเขาไปนั่งอยู่กับเก้าทำไม ในระหว่างที่เดินไป และในหัวเองก็กำลังประมวลผลเรื่องราวที่คาดว่าจะเกิดขึ้น สายตาก็เพ่งมองไปยังร่างบางของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนพื้นแอบมองอะไรบางอย่างอยู่ก่อนแล้ว“น้ำหวาน” ฉันย่อตัวนั่งลงด้านหลังน้ำหวานแล้วกระซิบเรียกชื่อเธอ“อุ้ย! พี่เทียนตกใจหมด” เมื่อหันมาพบว่าเป็นฉันน้ำหวานก็สะดุ้งสุดตัว แต่ก็เก็บเสียงได้อย่างดี“สองคนนั้นทำอะไร” ฉันมองตรงไปยังโต๊ะม้าหินขวดเบียร์วางเรียงกันบนโต๊ะ และด้านข้างที่ถังน้
แอด!ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับร่างบางในชุดนอนสีฟ้าอ่อนกำลังเดินออกมา แต่สองเท้าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสบตากับคนตัวสูงที่ยืนกอดอกรออยู่หน้าประตู“....” เราทั้งสองคนสบตากัน และธาดาก็ยังคงยืนทำหน้าเครียดไม่พูดไม่จา“....” เอาแต่ยืนมองหน้าแล้ววันนี้จะเข้าใจมั้ยว่าต้องการอะไร“เป็นอะไร” ต้องเป็นฝ่ายถามซะเอง เพราะธาดาเอาแต่ยืนเงียบ“ทำไมไม่ไปนอนด้วยกัน” ที่ไม่พอใจเพราะเรื่องนี้นี่เอง“ก็ของยังอยู่ห้องนี้”“ไปนอนก่อน เดี๋ยวให้คนมาย้ายของให้”“แล้วถ้าไม่ไป” ฉันเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าแล้วกอดอกถาม“....” เขาก้มมองคนตัวเล็ก“จะบังคับหรือเปล่า”“ไม่ ถ้าเทียนไขไม่ไป เราก็นอนที่ห้องนี้ อยากกอดเมียแล้วก็ลูก” ริมฝีปากบางอมยิ้มให้กับสิ่งที่เขาพูด ใช่...ฉันกำลังท้อง“ยังไม่แน่ชัดสักหน่อยว่าท้อง เดี๋ยวต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อนสิ”“ที่ตรวจสามอันขึ้นสองขีดเนี่ยยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ หรือว่าต้องว่าย้ำ” มือหนาโอบเข้าที่เอวบางแล้วดึงมาชิดตัว“อาจจะเป็นหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่คลาดเคลื่อนก็ได้” แกล้งเขานี่มันสนุกดีจริง“จะบอกว่ากินยามาตลอดยังไงก็ไม่ติดน่ะเหรอ”“....” เขายังจำทุกอย่างที่ฉันเคยพูดเอาไว้ได้อีกนะ“ยาไม่แ
เวลา 05.45 น.ตึก ตึก ตึก!เท้าเล็กวิ่งขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของตัวเองในบ้านใหญ่ ยังพอมีเวลาที่จะอาบน้ำแต่งตัวมาดักรอธาดา ถึงเขาจะพูดว่าไม่ให้ฉันมาดูแลในตอนเช้า และก็เพราะนิสัยไม่ดีของตัวเองที่พยายามปฏิเสธความรู้สึกมาตลอดโอเค! จะทำตามใจตัวเองบ้างแล้วนะ มันก็จะเหมือนกับว่าจะเป็นฉันเองที่เป็นฝ่ายไล่ตามเขา เหมือนที่ธาดาก็ทำมาตลอดก่อนหน้านี้ ต่อจากนี้ไม่สนแล้วว่าผลที่ออกจะเป็นยังไง หรือเขาจะปฏิเสธเหมือนที่ฉันเคยทำ แต่ต่อให้เขาปฏิเสธฉันก็ไม่สนแอด!มือเล็กเอื้อมจับลูกบิดประตูแล้วดันเปิดออก สายตามองผ่านความมืดเข้าไปในห้องของธาดา มองจากมุมนี้จะเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างที่นอนตะแคงหันหลังให้ เขายังไม่ตื่น ฉันจัดการตัวเองก่อนที่เขาจะออกไปทันแน่“เดี๋ยวเราเจอกัน” เสียงเล็กพึมพำเบา ๆ แล้วดึงประตูปิด ก่อนที่จะมุ่งตรงไปยังห้องนอนตัวเองเพื่อจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย30 นาทีผ่านไป ก๊อก ก๊อก แอด!มือเล็กค้างกลางอากาศเมื่อประตูเปิดออกทันที ร่างสูงเปลือยกายท่อนบน ส่วนล่างมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอว ร่างกายเปียกซึ่งน่าจะพึ่งออกมาจากห้องน้ำ เขามองฉันด้วยสีหน้าตกใจ“....” ธาดามองหน้าฉันโดยที่ไม่คิดจะพูดท
หลายวันต่อมา “พี่เทียนจะร้องไห้กับหนังผีไม่ได้นะ”เสียงบ่นของน้ำหวานทำให้ฉันได้สติกลับมา ดวงตากลมโตเลอะคราบน้ำตาหันไปมองยังบุคคลที่นั่งอยู่ข้างกัน ตอนนี้เราทั้งคู่อยู่ในห้องนอนของน้ำหวาน ฉันถูกชวนให้มาดูหนังเป็นเพื่อน เพราะเธอเองก็ไม่อยากให้ฉันต้องอยู่เพียงลำพัง“ก็สงสารผีที่ถูกฆ่าตาย”“สงสารตาตัวเองก่อนเถอะ หันมาทางนี้หน่อย”“....” น้ำหวานดึงผ้าห่มที่คลุมหัวออกแล้วจับตัวฉันให้หันมาประจันหน้ากับเธอ“เฮ้อ ตาช้ำแล้วช้ำอีกพี่ร้องไห้ติดต่อกันมากี่วันแล้วเนี่ย” น้ำหวานถามอย่างรู้ทัน พร้อมกับเอาถุงเจลเย็นประคบลงบนเปลือกตา“ไม่ได้ร้องแล้ว มีวันนี้ร้องเพราะหนังนี่ไง”“พี่เทียนกลายเป็นคนโกหกไม่เนียนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เวลาไปทำงานทำยังไง”“ก็แต่งหน้า” ฉันปาดสายตามองเด็กรู้ทัน“ไม่ต้องมาทำตาดุ เดี๋ยวจะไปบอกคุณธาดาว่าพี่อยู่ที่นี่”“บอกแล้วได้อะไรขึ้นมา” ฉันหันไปถามน้ำหวานด้วยสีหน้าเศร้า“แล้วพี่คิดว่าคุณธาดาเขาจะรู้มั้ยว่าพี่ไม่ได้ที่นอนห้องตัวเองเลยสักคืน”“แล้วเขาจะต้องรู้ไปทำไม”“ปกติพี่อยู่ที่ไหน หายไปไหนเขาจะตามหามั้ย”“ไม่รู้ เลิกถามได้มั้ย เจ้านายของน้ำหวานเขาไม่ได้สนใจหรอกว่าพี่จะอยู่ไหน
“.....” ตอนนี้ได้แต่นั่งนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองด้วยซ้ำว่าเป็นธาดาจริงหรือเปล่าด้วยตาของตัวเอง แต่ดูจากปฏิกิริยาจากทั้งสองคนก็รู้แล้วว่าเป็นเขาจริง ๆ“เห็นลุงบุญมั้ยน้ำหวาน” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังของฉัน น้ำหวานลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีลนลาน หันมองซ้ายมองขวาหาบุคคลที่ธาดาถามถึง“เดี๋ยวน้ำหวานไปตามหาให้นะคะ”“ถ้าเจอแล้วค่อยบอกว่าให้มาหาฉันหน่อย ไม่ต้องไปตาม”“ได้ค่ะ” น้ำหวานตอบรับเขา แต่สายตามองมาที่ฉันทุกอย่างรอบตัวเงียบสงบไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนกระทั่งเสียงฝีเท้าดังขึ้น เพราะธาดาเดินออกไปทันทีไม่คิดจะพูดอะไรกับฉัน น้ำหวานกับเก้ามองมาที่ฉันเป็นจุดเดียวไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ แต่ความอึดอัดแบบนี้ไม่ชอบเลยพึ่บ! ร่างบางลุกจากเก้าอี้แล้วหันหลังเดินตามหลังคนตัวสูงไปติด ๆหมับ!“ขอคุยด้วยหน่อย”มือเล็กคว้าเข้าที่ข้อมือ แต่ธาดาก็ไม่มีอาการตกใจหรือสะบัดออก เขาปล่อยฉันลากเข้าบ้านตรงไปยังห้องโดยไม่มีทีท่าขัดขืน สายตาของคนรอบตัวหันมามองด้วยความสนใจ ดีนะที่ไม่มีพวกผู้ใหญ่อยู่ตอนนี้ปึง! ประตูห้องปิดลงแล้วทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบ“ช่วงนี้เป็นอะไร” ฉันทนต่อความรู้สึกอึดอัดแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล