“เทียนไข ~” เสียงของธาดาดังลอยออกมาจากในห้องแต่งตัว ฉันละสายตาจากหนังสือแล้วหันไปมองตามเสียงเรียก
“อะไรอีก” ไม่เรียกสักวันจะตายหรือไงไอ้บ้าธาดา
“มานี่หน่อย ~”
“หาอะไรไม่เจออีก ครีมอยู่ตู้ด้านบนมุมซ้ายสุด นาฬิกาเรือนใหม่ฉันเรียงไว้ให้ในลิ้นชักเรียบร้อยแล้ว และถ้าน้ำหอมฉันก็แกะกล่องเรียงให้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน” นี่ฉันเป็นเลขาส่วนตัวหรือเมียกันแน่ วุ่นวายมาตลอดชีวิตไม่เคยเปลี่ยน
“...” เงียบ ตายแล้วมั้ง
“หาเจอแล้วใช่มั้ย” ฉันตะโกนถามย้ำกลับไป
“...” เงียบ
“ช่วยเร็วกว่านี้หน่อยนะคุณป้าจะมาแล้ว อย่าให้ท่านต้องรอ”
“...” เงียบเช่นเดิม
ฉันหันกลับไปมองยังห้องแต่งตัวอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายแล้วลุกเดินตรงเข้าไปยังในห้อง
ภาพตรงหน้าคือธาดายืนถือขวดน้ำหอม ไม่ได้สวมเสื้อหันมามองฉันที่กำลังเดินเข้าไปหาเขา
“นึกว่าตายแล้วนะคะคุณธาดา” เขาหันมามองฉันและก้าวเดินเข้ามาใกล้
“ฉันจะตายก็ต่อเมื่อแต่งงานกับเทียนแล้วเท่านั้น” วันหนึ่งฉันต้องเจอกับความบ้าบอของหมอนี่ทุกวัน
“ได้ เดี๋ยวไปแต่งงานกันเลยแล้วนายก็ตายเลยนะ” ธาดามองฉันด้วยสายตาไม่พอใจ
“ถ้าฉันตายเธอจะต้องเสียใจ แต่ฉันจะไม่ให้เธอมีสามีใหม่ฉันจะตามเฝ้าเธอ” ฉันถอนหายใจอีกครั้ง
“คุณธาดาหยุดบ้าได้มั้ยคะ แล้วที่เรียกมานี่มีอะไรพิเศษหรือเปล่าคะ” ต้องหยุดเขาก่อนที่จะบ้าไปมากกว่านี้
“จะเทสต์น้ำหอม” เขาชูน้ำหอมขวดใหม่ในมือให้ดู
“เป็นคนเลือกเองนะกลิ่นนี้ แล้วก็เทสต์มาแล้วนี่คะ สมองกลับอีกแล้วเหรอคะเนี่ย” ถึงฉันจะพูดแรงใส่เขาแค่ไหน ธาดาก็ไม่เคยโกรธหรือโมโห เขากลับชอบใจที่ฉันพูดกับเขามากกว่า
“ดมแบบนั้นไม่รู้เรื่องหรอก ต้องแบบนี้”
ฟุด ๆ
น้ำหอมในมือถูกพ่นในคอเสื้อ และตามตัวของฉันอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่จะดึงตัวเข้าไปกอดพร้อมกับซุกหน้าลงดมกลิ่นน้ำหอม ฉันเอามือดันอกเปลือยของเขาไว้ และเอียงหน้าหนี
“หยุดนะธาดา...”
“...” ถึงจะทำเสียงดุแค่ไหน แต่คนตัวใหญ่กว่าก็ไม่ยอมฟัง เขาพรมจูบไปตามลำคอ มือหนาโอบรัดเอวกระชับให้แน่นขึ้น
“ธาดา” ฉันพยายามดันตัวเขาออก แต่กลับถูกเขากอดแน่นขึ้นจนแทบจะหายใจไม่ออก
“หอม...” เสียงกระซิบลอยออกมาจากคนตัวสูงที่ซุกหน้าอยู่ตรงหน้าอก
“ถ้าพอแล้วก็ปล่อย”
“พูดอะไรน่ะ กว่าเธอจะเข้าใกล้ฉันมันยากมากเลยรู้มั้ย” เขาเงยหน้าขึ้นสบตา และเอียงหน้ามาพูดข้างหู เมื่อพูดจบเขาก็ซุกหน้าดมไปตามลำคอเหมือนเดิม
“คุณป้ามาถึงแล้ว ปล่อย” ฉันยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย มือก็ดันอกเขาไว้ ยิ่งดันมากแค่ไหนก็ถูกกอดรัดแน่นมากขึ้นเท่านั้น
“ก็ปล่อยแม่รอไป” มือข้างหนึ่งของธาดาปล่อยจากเอว แล้วมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของฉันออกทีละเม็ด
“หยุดนะ หยุดธาดา!”
ฉันเริ่มออกแรงดิ้น เพราะตัวที่เล็กกว่าเลยทำให้ถูกดันจนหลังติดกับตู้เสื้อผ้า ขายาวแทรกกลางระหว่างขาของฉันเพื่อไม่ให้ต่อต้านเขาได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น เรื่องนี้ถือว่าเป็นความลับของฉันกับเขาก็ว่าได้
“เธอโกรธหรือเปล่าที่ฉันยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น” เขาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ เพราะฉะนั้นไปทำกับผู้หญิงคนอื่นซะ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” อยู่กับเขาก็เว้นระยะห่างตลอดเวลา ฉันจะใกล้เขามากไม่ได้ เพราะถ้าใกล้เกินไปผลมันก็จะออกมาเป็นแบบตอนนี้
ฟุบ! ธาดาฟุบหน้าลงบนไหล่ฉัน ลมหายใจร้อนเป่ารดบริเวณไหปลาร้า
“แค่เธอพูดว่าให้ฉันเลิกยุ่งกับคนอื่น แล้วมายุ่งกับเธอคนเดียว ฉันก็จะทำตามที่เธอบอกทันทีเลยแท้ๆ ทำไมไม่ยอมฉันสักทีล่ะเทียน” พูดบ้าอะไรของเขาอีก
“นายจะไปยุ่งกับใครก็ได้นะธาดา แต่อย่ายุ่งกับฉัน ยังไงเราก็เป็น...เพื่อนกัน” ฉันเว้นวรรคหายใจก่อนที่จะพูดคำต้องห้ามออกมา ธาดาเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
“เคยบอกว่าห้ามพูดคำนี้ ไม่เชื่อฟังกันเลยใช่มั้ย” น้ำเสียงเย็นของเขากำลังทำให้ฉันเสียวสันหลัง
“ยอมรับความจริงมันยากมากนักหรือไง” ฉันพูดพร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาเขา
“เงยหน้าขึ้นมา”
“....” เงยก็โง่เต็มทีแล้ว เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะโดนอะไรจึงเลือกที่จะไม่ทำตาม
“เทียนไข...”
“....” ฉันยังคงยืนก้มหน้าไม่ทำตามคำสั่งของเขา มือก็พยายามดันอกกว้างออกให้ห่างจากตัว
“ขอเห็นหน้าหน่อย...ไม่ทำอะไรหรอก” คนแบบธาดาจะเชื่อได้กี่เปอร์เซ็นต์กัน
“....” ฉันยังคงก้มหน้านิ่ง
“ถ้าไม่เงยหน้าขึ้นมาฉันจะจัดการทำให้มันเงยขึ้นมาเองนะ” คำขู่ของเขาก็ไม่มีผลกับฉัน คำขู่แบบนี้ฉันเคยโดนมาแล้ว ฉันรู้ดีว่าต้องทำยังไง ถ้าฉันดื้อดึงมากเดี๋ยวเขาก็ยอมแพ้เอง
“หยุดขู่ฉันแล้วไปแต่งตัวให้เรียบร้อย คุณป้ากำลังมาถึงแล้ว” ฉันพูดในขณะที่ตัวเองยังก้มหน้าอยู่เหมือนเดิม
“....” ครั้งนี้เขาเงียบ แต่ทุกสัมผัสจากเขายังคงอยู่ มือที่โอบเอวยังคงกอดฉันแน่นไม่ยอมปล่อย
“จะเล่นสงครามประสาทหรือไงคะคุณธาดา” ยังไงก็จะก้มหน้าแบบนี้ไปจนกว่าเขาจะปล่อย
“...” เงียบไม่มีการตอบกลับ
“ถ้าจะเงียบก็ช่วยปล่อยด้วยอึดอัด” ฉันพยายามดันเขาออก แต่ก็ไม่เป็นผล ขาของธาดายังคงแทรกกั้นกลางระหว่างขาทั้ง 2 ข้าง
“เฮ้อ~” ธาดาถอนหายใจออกมาทำเอาฉันสะดุ้งด้วยความตกใจ แต่ต้องตกใจสุดขีดเมื่อมือของเขาสอดเข้ามาใต้ชายเสื้อแล้วปลดตะขอบราเซียอย่างชำนาญ ฉันคว้ามือของเขาไว้ในขณะที่มันเลื่อนมากุมอกอวบไว้
“หยุดธาดา!”
“ไม่” สั่งได้ทุกเรื่องก็จริง แต่ก็มีเรื่องนี้ที่ไม่เคยทำตาม ต้องใช้กำลังตลอด
“นับหนึ่ง” ฉันเริ่มนับถอยหลังพร้อมกับจ้องหน้าเขา
“สอง” เขากลับช่วยฉันนับอีกต่างหาก
“อย่า” ธาดาซุกหน้าลงจูบต้นคอ ทำเอาฉันขนลุกไปทั้งตัว มือเล็กทั้งผลักและดันเขาออก ทำไมแรงเยอะขนาดนี้เนี่ย
“ขอห้านาที”
“ทำอะไร” ธาดาเงยหน้ามองและยิ้มมุมปาก
“จูบฉันห้านาที แล้วจะปล่อย”
“เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก เมื่อคืนก็อยู่กับผู้หญิงอีกคน แล้วตอนนี้จะมาวุ่นวายกับฉัน” เบื่อหมอนี่จริงๆ
“ไม่พอใจเหรอ” ธาดาทำหน้าสำนึกผิด
“พอใจมาก ช่วยไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นที”
“เธอพูดจาทำร้ายจิตใจฉันมากเกินไปแล้ว” น้ำเสียงและสีหน้าของเขาเริ่มแสดงออกว่าไม่พอใจในคำพูดของฉันมากแค่ไหน
“ปล่อยเถอะ”
“เทียนไข” ฉันหันหน้าไปทางอื่นพร้อมกับดันตัวเขาออก
เมื่อหลุดพ้นก็รีบเดินหนีออกจากห้องทันที โดยไม่หันไปมองเขาว่าจะเป็นยังไง คุณป้าก็มาแล้ว ฉันต้องคุยเรื่องงานของฉันให้ชัดเจน ธาดาเป็นผู้บริหารตามความตั้งใจของพวกเขาได้แล้ว ก็เท่ากับว่าหมดหน้าที่ฉันแล้ว
(ช่วงวัยเด็กของเทียนไขกับธาดา (ช่วงเกรด7หรือมัธยมชั้นปีที่ 1) ปึง!ประตูห้องครัวหอพักคนงานถูกเปิดออกเต็มแรง พร้อมกับเด็กชายผู้เป็นคุณหนูของบ้านนี้ และยังเป็นเพื่อนสนิทของลูกสาวหัวหน้าแม่บ้านอย่าง...เทียนไข“เทียนไข! ทำไมไม่บอกว่าจะสอบเข้าด้วยคะแนนเต็มเพื่อไปอยู่ห้องคิงล่ะ เรานึกว่าเทียนจะเลือกทำคะแนนน้อยแล้วไปอยู่ห้องสุดท้ายเพราะจะได้มีเวลาไปเล่นกับเรา”เด็กสาวเงยหน้าจากตะกร้าผักที่เธอกำลังเด็ดอยู่แล้วเงยมองขึ้นใบหน้าของ ธาดา ลูกชายเจ้าของบ้าน และเป็นเพื่อนของเธอด้วยสายตาไร้ความรู้สึก“ทำไมต้องทำแบบนั้น”“เพราะเทียนต้องไปเล่นกับเราทุกวันหลังเลิกเรียนไง”“ไม่ไปหรอก เทียนรำคาญธาดา”“...เทียนใจร้าย เทียนทำแบบนี้เราต้องอยู่คนละห้องเลยนะ เราต้องแยกกันตลอดหกปีนะเทียน!”“....” เด็กสาวหันมองธาดาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนพร้อมกับอุ้มตะกร้าผักเดินหนี“เราอยากอยู่กับเทียน!” ธาดาวิ่งตามหลัง และพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ไปตลอดทาง“รำคาญ....” ไม่ว่าจะโดนเทียนไขว่าสักกี่ครั้งก็ไม่เคยทำให้ธาดาละความพยายามไปได้“เราจะไปรับเทียนที่ห้องทุกวัน! เทียนห้ามมีแฟนนะ เทียนต้องอยู่กับเรา!”“...รำคาญ” น้ำเสียงเย็
“หายไปไหนของเขา”เสียงบ่นพึมพำกับตัวเอง สายตาสอดส่องมองซ้ายมองขวาเพื่อหาตัวธาดาที่ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนสักพักแล้ว โทรศัพท์ก็ไม่พกติดตัวนี่เดินรอบแล้วเหลือแต่ที่หอพักคนงาน แต่ปกติธาดาจะไม่ได้ไปที่นั่นถ้าไม่มีธุระสำคัญ“ป้าขวัญคะ เห็นคุณธาดามั้ย” ในระหว่างที่กำลังหยุดยืนคิดอยู่หน้าบ้านใหญ่ ป้าขวัญ แม่ครัวของบ้านก็เดินออกมาจากมุมมืดพอดี“คุณธาดาเห็นนั่งอยู่กับเก้าตรงสวนด้านหลังนะ ไอ้เก้ามันเมาด้วยเห็นขวดเบียร์ตั้งอยู่”“ขอบคุณค่ะป้า” เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉันก็รีบเดินไปยังสวนด้านหลังทันทีเก้าเมาแล้วจะพูดอะไรไม่เข้าหูธาดามั้ยเนี่ย แล้วสิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดเขาไปนั่งอยู่กับเก้าทำไม ในระหว่างที่เดินไป และในหัวเองก็กำลังประมวลผลเรื่องราวที่คาดว่าจะเกิดขึ้น สายตาก็เพ่งมองไปยังร่างบางของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนพื้นแอบมองอะไรบางอย่างอยู่ก่อนแล้ว“น้ำหวาน” ฉันย่อตัวนั่งลงด้านหลังน้ำหวานแล้วกระซิบเรียกชื่อเธอ“อุ้ย! พี่เทียนตกใจหมด” เมื่อหันมาพบว่าเป็นฉันน้ำหวานก็สะดุ้งสุดตัว แต่ก็เก็บเสียงได้อย่างดี“สองคนนั้นทำอะไร” ฉันมองตรงไปยังโต๊ะม้าหินขวดเบียร์วางเรียงกันบนโต๊ะ และด้านข้างที่ถังน้
แอด!ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับร่างบางในชุดนอนสีฟ้าอ่อนกำลังเดินออกมา แต่สองเท้าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสบตากับคนตัวสูงที่ยืนกอดอกรออยู่หน้าประตู“....” เราทั้งสองคนสบตากัน และธาดาก็ยังคงยืนทำหน้าเครียดไม่พูดไม่จา“....” เอาแต่ยืนมองหน้าแล้ววันนี้จะเข้าใจมั้ยว่าต้องการอะไร“เป็นอะไร” ต้องเป็นฝ่ายถามซะเอง เพราะธาดาเอาแต่ยืนเงียบ“ทำไมไม่ไปนอนด้วยกัน” ที่ไม่พอใจเพราะเรื่องนี้นี่เอง“ก็ของยังอยู่ห้องนี้”“ไปนอนก่อน เดี๋ยวให้คนมาย้ายของให้”“แล้วถ้าไม่ไป” ฉันเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าแล้วกอดอกถาม“....” เขาก้มมองคนตัวเล็ก“จะบังคับหรือเปล่า”“ไม่ ถ้าเทียนไขไม่ไป เราก็นอนที่ห้องนี้ อยากกอดเมียแล้วก็ลูก” ริมฝีปากบางอมยิ้มให้กับสิ่งที่เขาพูด ใช่...ฉันกำลังท้อง“ยังไม่แน่ชัดสักหน่อยว่าท้อง เดี๋ยวต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อนสิ”“ที่ตรวจสามอันขึ้นสองขีดเนี่ยยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ หรือว่าต้องว่าย้ำ” มือหนาโอบเข้าที่เอวบางแล้วดึงมาชิดตัว“อาจจะเป็นหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่คลาดเคลื่อนก็ได้” แกล้งเขานี่มันสนุกดีจริง“จะบอกว่ากินยามาตลอดยังไงก็ไม่ติดน่ะเหรอ”“....” เขายังจำทุกอย่างที่ฉันเคยพูดเอาไว้ได้อีกนะ“ยาไม่แ
เวลา 05.45 น.ตึก ตึก ตึก!เท้าเล็กวิ่งขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของตัวเองในบ้านใหญ่ ยังพอมีเวลาที่จะอาบน้ำแต่งตัวมาดักรอธาดา ถึงเขาจะพูดว่าไม่ให้ฉันมาดูแลในตอนเช้า และก็เพราะนิสัยไม่ดีของตัวเองที่พยายามปฏิเสธความรู้สึกมาตลอดโอเค! จะทำตามใจตัวเองบ้างแล้วนะ มันก็จะเหมือนกับว่าจะเป็นฉันเองที่เป็นฝ่ายไล่ตามเขา เหมือนที่ธาดาก็ทำมาตลอดก่อนหน้านี้ ต่อจากนี้ไม่สนแล้วว่าผลที่ออกจะเป็นยังไง หรือเขาจะปฏิเสธเหมือนที่ฉันเคยทำ แต่ต่อให้เขาปฏิเสธฉันก็ไม่สนแอด!มือเล็กเอื้อมจับลูกบิดประตูแล้วดันเปิดออก สายตามองผ่านความมืดเข้าไปในห้องของธาดา มองจากมุมนี้จะเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างที่นอนตะแคงหันหลังให้ เขายังไม่ตื่น ฉันจัดการตัวเองก่อนที่เขาจะออกไปทันแน่“เดี๋ยวเราเจอกัน” เสียงเล็กพึมพำเบา ๆ แล้วดึงประตูปิด ก่อนที่จะมุ่งตรงไปยังห้องนอนตัวเองเพื่อจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย30 นาทีผ่านไป ก๊อก ก๊อก แอด!มือเล็กค้างกลางอากาศเมื่อประตูเปิดออกทันที ร่างสูงเปลือยกายท่อนบน ส่วนล่างมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอว ร่างกายเปียกซึ่งน่าจะพึ่งออกมาจากห้องน้ำ เขามองฉันด้วยสีหน้าตกใจ“....” ธาดามองหน้าฉันโดยที่ไม่คิดจะพูดท
หลายวันต่อมา “พี่เทียนจะร้องไห้กับหนังผีไม่ได้นะ”เสียงบ่นของน้ำหวานทำให้ฉันได้สติกลับมา ดวงตากลมโตเลอะคราบน้ำตาหันไปมองยังบุคคลที่นั่งอยู่ข้างกัน ตอนนี้เราทั้งคู่อยู่ในห้องนอนของน้ำหวาน ฉันถูกชวนให้มาดูหนังเป็นเพื่อน เพราะเธอเองก็ไม่อยากให้ฉันต้องอยู่เพียงลำพัง“ก็สงสารผีที่ถูกฆ่าตาย”“สงสารตาตัวเองก่อนเถอะ หันมาทางนี้หน่อย”“....” น้ำหวานดึงผ้าห่มที่คลุมหัวออกแล้วจับตัวฉันให้หันมาประจันหน้ากับเธอ“เฮ้อ ตาช้ำแล้วช้ำอีกพี่ร้องไห้ติดต่อกันมากี่วันแล้วเนี่ย” น้ำหวานถามอย่างรู้ทัน พร้อมกับเอาถุงเจลเย็นประคบลงบนเปลือกตา“ไม่ได้ร้องแล้ว มีวันนี้ร้องเพราะหนังนี่ไง”“พี่เทียนกลายเป็นคนโกหกไม่เนียนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เวลาไปทำงานทำยังไง”“ก็แต่งหน้า” ฉันปาดสายตามองเด็กรู้ทัน“ไม่ต้องมาทำตาดุ เดี๋ยวจะไปบอกคุณธาดาว่าพี่อยู่ที่นี่”“บอกแล้วได้อะไรขึ้นมา” ฉันหันไปถามน้ำหวานด้วยสีหน้าเศร้า“แล้วพี่คิดว่าคุณธาดาเขาจะรู้มั้ยว่าพี่ไม่ได้ที่นอนห้องตัวเองเลยสักคืน”“แล้วเขาจะต้องรู้ไปทำไม”“ปกติพี่อยู่ที่ไหน หายไปไหนเขาจะตามหามั้ย”“ไม่รู้ เลิกถามได้มั้ย เจ้านายของน้ำหวานเขาไม่ได้สนใจหรอกว่าพี่จะอยู่ไหน
“.....” ตอนนี้ได้แต่นั่งนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองด้วยซ้ำว่าเป็นธาดาจริงหรือเปล่าด้วยตาของตัวเอง แต่ดูจากปฏิกิริยาจากทั้งสองคนก็รู้แล้วว่าเป็นเขาจริง ๆ“เห็นลุงบุญมั้ยน้ำหวาน” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังของฉัน น้ำหวานลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีลนลาน หันมองซ้ายมองขวาหาบุคคลที่ธาดาถามถึง“เดี๋ยวน้ำหวานไปตามหาให้นะคะ”“ถ้าเจอแล้วค่อยบอกว่าให้มาหาฉันหน่อย ไม่ต้องไปตาม”“ได้ค่ะ” น้ำหวานตอบรับเขา แต่สายตามองมาที่ฉันทุกอย่างรอบตัวเงียบสงบไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนกระทั่งเสียงฝีเท้าดังขึ้น เพราะธาดาเดินออกไปทันทีไม่คิดจะพูดอะไรกับฉัน น้ำหวานกับเก้ามองมาที่ฉันเป็นจุดเดียวไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ แต่ความอึดอัดแบบนี้ไม่ชอบเลยพึ่บ! ร่างบางลุกจากเก้าอี้แล้วหันหลังเดินตามหลังคนตัวสูงไปติด ๆหมับ!“ขอคุยด้วยหน่อย”มือเล็กคว้าเข้าที่ข้อมือ แต่ธาดาก็ไม่มีอาการตกใจหรือสะบัดออก เขาปล่อยฉันลากเข้าบ้านตรงไปยังห้องโดยไม่มีทีท่าขัดขืน สายตาของคนรอบตัวหันมามองด้วยความสนใจ ดีนะที่ไม่มีพวกผู้ใหญ่อยู่ตอนนี้ปึง! ประตูห้องปิดลงแล้วทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบ“ช่วงนี้เป็นอะไร” ฉันทนต่อความรู้สึกอึดอัดแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล