Share

PLAYBOY : 5

Penulis: C
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-23 12:35:57

Pream Part

.

 ก๊อก ก๊อก

 “คุณครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงเคาะกระจกที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ฉันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อกี้รู้สึกเวียนหัวหนักจนเผลอซบลงกับพวงมาลัย แต่หน้าผากเจ้ากรรมกลับไปโดนแตรรถเสียอย่างนั้น และเสียงแตรรถที่ดังลั่นแบบนั้นคงทำให้คนแตกตื่นไม่น้อยจนต้องมีคนเดินมาดูแบบนี้

 “คุณครับ”

 “ค่ะ...” ฉันลดกระจกลงและเอ่ยตอบรับยามรักษาความปลอดภัยด้วยเสียงที่แผ่วเบา

 “ไหวไหมครับ หน้าคุณซีดมากเลย”

 “ไหวค่ะ ขอฉันพักซักครู่นะคะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เวียนหัวเท่านั้น”

 “ได้ครับ ๆ” ยามวัยกลางคนพยักหน้ารับก่อนจะเดินจากไป แต่ยังไม่วายหันกลับมามองเรื่อย ๆ ด้วยความเป็นกังวล และพอฉันเห็นตัวเองในกระจกก็ไม่แปลกใจเลยที่ลุงยามคนนั้นจะเป็นห่วง เพราะหน้าของฉันซีดขาวจนแทบจะไร้สีเลือดเหมือนคนป่วยหนัก

 “สองแสบ เล่นงานแม่หนักเลยนะวันนี้” ฉันลูบหน้าท้องแผ่วเบา เอ่ยดุลูกแต่ไม่ได้จริงจังมากนัก ก่อนจะแกะลูกอมรสเปรี้ยวที่แวะซื้อระหว่างทางเข้าปาก รสชาติเปรี้ยวจัดของมันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก ความพะอืดพะอมเริ่มจางหายไป ฉันจึงเอนกายลงกับเบาะรถพร้อมกับลูบหน้าท้องของตัวเองไปมา

 “เด็กดี วันนี้แม่มีงาน อย่าเพิ่งรังแกแม่นักเลยนะลูก”

 วันนี้ฉันมีบรรยายเรื่องการเรียนต่อที่ออสเตรเลียที่มหาวิทยาลัยนี้ มันเป็นงานที่ใหญ่จนไม่กล้ายกเลิกแม้ร่างกายและจิตใจจะไม่พร้อมแค่ไหน และที่สำคัญงานนี้มีเรื่องของนามสกุลเข้ามาเกี่ยวข้อง... แม่เป็นคนสั่งให้ฉันมาบรรยายที่นี่เพราะอธิการบดีรู้จักกับแม่เป็นการส่วนตัว ฉันไม่อยากให้ตัวเองเป็นกลายคนที่ไร้ความรับผิดชอบในสายตาแม่ และนามสกุลที่วางอยู่บนบ่าไว้ทำให้ฉันต้องแบกร่างมาทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ต่อให้ใกล้จะตายฉันก็ต้องมา

 พอได้ลูกอมเปรี้ยว ๆ ร่างกายก็สดชื่นขึ้น เวลาที่ใกล้เที่ยงครึ่งเต็มทนเป็นสัญญาณว่าหมดเวลาพักผ่อนแล้ว ฉันหยิบเครื่องสำอางมาเติมใบหน้าให้พอมีสีสันขึ้นมาบ้าง ก่อนจะหยิบของสำคัญที่ต้องใช้และก้าวลงจากรถอย่างสง่างามตามที่ถูกสั่งสอนมา ตอนนี้ฉันเป็นพริมาตา ลูกสาวคนเดียวของตระกูลเก่าแก่และมีชื่อเสียงในประเทศไทย ไม่ว่าภายในฉันจะอ่อนล้าและพังแค่ไหน แต่ฉันก็ต้องดูดีและไร้ข้อผิดพลาดในสายตาของคนที่พบเห็น

 “สวัสดีค่ะ” ฉันเดินเข้าไปในตึกคณะ ก่อนจะเอ่ยทักเจ้าหน้าที่ที่นั่งทำงานอยู่อย่างสุภาพ โชคดีที่อาการเวียนหัวและพะอืดพะอมหายไปแล้วจึงสามารถพูดคุยได้ปกติ

 “สวัสดีค่ะ ติดต่อเรื่องอะไรคะ”

 “ที่จะมาบรรยายเรื่องการเรียนต่อที่ออสเตรเลียวันนี้ พริมาตาค่ะ”

 “อ๋อ คุณพริมาตา เดี๋ยวเชิญที่ห้องรับรองก่อนนะคะ” เจ้าหน้าที่สาวผายมือไปที่ห้องที่มีป้ายติดไว้ว่าเป็นห้องรับรอง ก่อนจะบอกให้ฉันไปนั่งรออยู่ในนั้น ฉันทำตามอย่างว่าง่าย เพียงแค่หย่อนกายลงนั่งน้ำเย็น ๆ ก็ถูกเจ้าหน้าที่คนเดิมยกมาเสิร์ฟ ฉันส่งยิ้มให้อย่างขอบคุณ ก่อนจะหันมาสนใจงานตัวเองต่อ

 ฉันเปิดโน้ตบุ๊คคู่ใจขึ้นเพื่อเช็กพรีเซนเทชั่นว่ามีอะไรต้องปรับแก้หรือเปล่า เมื่อเช็กจนแน่ใจแล้วจึงหยิบมือถือขึ้นมาท่องไปตามโลกอินเตอร์เน็ตเพื่อฆ่าเวลาและขจัดความฟุ้งซ่านของตัวเอง

 .​

 itsmenapdao : ทำไมเป็นคนมือใหญ่ @fiamafia

 fiamafia : มือใหญ่จะได้ไว้กุมมือคนแถวนี้ @itsmenapdao

 .​

 ฉันอมยิ้มให้กับคู่รักแห่งปีที่พอคืนดีกันก็หวานจนเพื่อนพากันแซวเต็มไปหมด ฉันเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่านับดาวและพี่มาเฟียเป็นดาวและเดือนที่ดังมาก แม้แต่ละปีจะมีดาวเดือนใหม่ ๆ แต่ก็ยังไม่มีใครลบกระแสของสองคนนี้ได้ ไม่ใช่ดังแค่ในมหาวิทยาลัย แต่แม้แต่คนนอกก็รู้จัก จะว่าเป็นเน็ตไอดอลก็ไม่เชิง เรียกว่าเป็นคนหล่อสวยที่มีคนรู้จักมากมายดีกว่า อินสตราแกรมของทั้งสองมีคนติดตามเกือบห้าแสนคน และส่วนมากก็ลุ้นให้สองคนนี้ลงเอยกันทั้งนั้น พอนับดาวกับพี่มาเฟียเปิดเผยว่าคบกัน เหล่าคนที่เชียร์ก็ดูจะชอบออกชอบใจใหญ่ นับดาวเล่าให้ฟังว่าถึงกับมีคนสร้างเพจคู่ยอดติดตามตั้งหลายหมื่นขึ้นมาด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าคนรักคู่นี้มากแค่ไหน แต่ก็ไม่แปลก...เพราะไม่ว่าจะมองกี่ครั้งนับดาวและพี่มาเฟียก็เหมาะสมกันมากจริง ๆ

 ฉันไล่อ่านคอมเมนต์ที่เข้ามาแซวสองคนฆ่าเวลาเพลิน ๆ เวลาที่รู้สึกแย่ ๆ ได้อ่านอะไรที่มันน่ารักแบบนี้ทำให้ผ่อนคลายและยิ้มได้จริง ๆ แต่แล้วชื่ออินสตราแกรมของคน ๆ หนึ่งก็ทำให้รอยยิ้มของฉันจางหายไป

 .

 chrisxxd : อิจฉาคนมีแฟนว่ะ

 .

 พอกดอ่านคอมเมนต์ย่อยก็เห็นว่ามีสาว ๆ น่ารัก ๆ หลายคนมาเสนอตัวเป็นแฟนเขาเกือบร้อยคอมเมนต์ ฉันกดปิดแอพนั้นลงทันที ไม่อยากเห็น ไม่อยากสนใจ

 ความสัมพันธ์แค่คืนเดียวมันควรจะจบลงถาวรและไม่ควรมาพบเจอกันอีก แต่เพราะผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของพี่มาเฟีย ช่วงที่ฉันไปเยี่ยมคุณย่าจึงได้เจอเขาบ่อย ๆ ตอนที่เจอกันครั้งแรกเขาทำเหมือนไม่รู้จักฉัน ฉันเองก็ทำเหมือนไม่รู้จักเขา เราสองคนแทบจะไม่มีพิรุธให้ใครเห็นเลยว่าเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยกันมาก่อน แม้บางครั้งมันจะอึดอัดไปบ้างที่ต้องแสร้งคุยกันเพื่อไม่ให้คนสงสัย แต่ก็ยังดีกว่าให้คนอื่นมารับรู้เรื่องน่าอายแบบนั้น

 แต่เมื่อกี้ที่เจอเขาที่โรงพยาบาลฉันตกใจมากจริง ๆ ถ้าเจอในเวลาปกติฉันคงทำเป็นไม่รู้สึกอะไรเหมือนที่ผ่านมาได้ แต่พอมาเจอหลังจากรู้ว่าตัวเองกำลังอุ้มท้องลูกของเขาอยู่ฉันเลยทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าเขาเห็นรูปอัลตราซาวน์หรือเปล่า แต่ถ้าเขาเห็นฉันก็ได้แต่ภาวนาให้เขาคิดว่าฉันท้องกับคนอื่น ไม่ได้ท้องกับเขา

 ฉันไม่มีวันกลายเป็นผู้หญิงไร้ศักดิ์ศรีที่ไปอ้อนวอนขอความรับผิดชอบจากใครเด็ดขาด ให้เขาไม่รู้ว่ากำลังจะมีลูกแหละดีแล้ว ลูกแค่สองคนฉันเลี้ยงได้

 “คุณพริมาตาคะ พร้อมหรือยังคะ”

 “คะ...ค่ะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าปอด วันนี้เป็นครั้งแรกที่จะได้มาบรรยายอะไรที่เป็นการเป็นงานแบบนี้ และอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน เพราะฉะนั้นต้องลืมเรื่องที่ทำให้เสียสมาธิและทำหน้าที่ออกมาให้ดีที่สุด

 “พักเบรกสิบนาทีนะคะ”

 สิ้นเสียงนักศึกษาก็พากันเดินออกไปนอกห้องเหมือนผึ้งแตกรัง การบรรยายชั่วโมงแรกผ่านไปด้วยดี นักศึกษาที่นี่ให้ความสนใจรวมถึงถามตอบเป็นอย่างดีฉันเลยใจชื้นขึ้นมาบ้าง

 “อย่ามาขี้โม้น่ายัยโบตั๋น”

 “เรื่องจริงย่ะ”

 ฉันหันไปมองสองนักศึกษาที่ยังนั่งอยู่ในห้องประชุม พวกเธอคุยกันเสียงดังจนฉันสามารถได้ยินครบทุกประโยค คงคิดว่าไม่มีใครอยู่ในนี้สินะ... แต่ช่างเถอะ ฉันเบนหน้ากลับมาสนใจเครื่องดื่มของตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องของฉันก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ

 “ไหนแกบอกว่าพี่คริสเขาเป็นญาติ” แต่ชื่อที่หลอกหลอนอยู่ในสมองมานานก็ทำให้ฉันชะงักมือที่กำลังยกถ้วยชาขึ้น ก่อนจะหันไปมองนักศึกษาสองคนนั้นอีกครั้ง

 “เป็นญาติห่าง ๆ ไม่มีสายเลือดเดียวกัน”

 “แกก็เลยจะจับเขา”

 “แร๊งงงงง” แม้จะพูดแบบนั้นแต่นักศึกษาที่ชื่อโบตั๋นก็หัวเราะคิกคักออกมาอย่างชอบอกชอบใจ “ผู้ชายที่หล่อ เรียนเก่ง บ้านรวย สุภาพ รักครอบครัวแบบนั้น ใครไม่อยากได้บ้างล่ะยะ”

 “แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่าพี่คริสเจ้าชู้จะตาย ขนาดอยู่คนละมหาวิทยาลัยชื่อเสียงยังดังมาถึงนี่”

 “ผู้ชายเจ้าชู้นี่แหละ สนุก”

 “แล้วเธอมั่นใจได้ไงว่าเขาจะเอาเธอ”

 “มั่นใจสิ” สายตาคนที่ชื่อโบตั๋นฉายแววมั่นใจเกินร้อย “วันนี้เขาจับ วันต่อไปก็คงจูบ และหลังจากนั้นก็...คิกคิก ฉันไปเข้าห้องน้ำดีกว่า ไปไหมยัยนิ้ง”

 “ไปสิไป” บทสนทนาทั้งหมดจบลงพร้อมร่างทั้งสองที่พากันเดินออกจากห้องประชุมไป ทิ้งให้ฉันมองตามด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

 คนชื่อคริสมีเป็นแสนบนโลกใบนี้ คงไม่ใช่เขาหรอก

 .

 .​

 “เรียนต่อต่างประเทศไม่ยากเลย ถ้าคุณได้ภาษา ยิ่งได้ภาษาของเขายิ่งช่วยคุณได้มาก แต่เพราะแค่เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มก็ยากมากแล้ว ประเทศที่พี่แนะนำจึงเป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักมากกว่าประเทศที่มีภาษาประจำชาติ ซึ่งออสเตรเลียเป็นประเทศที่น่าสนใจนะคะ”

 “...”

 “โดยเฉพาะที่ที่พี่เคยอยู่ ซิดนีย์ เป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย รับรองได้ว่าไม่มีทางเหงาหรือคิดถึงประเทศไทยแน่ ๆ เพราะเดินผ่านที่นั่นร้อยคนแทบจะเจอคนไทยอย่างน้อยหนึ่งคนด้วยซ้ำ ร้านอาหารไทยก็มีมากจนเลือกทานไม่ถูก น้อง ๆ ที่เรียนเอกภาษาอังกฤษควรลองไปเรียนภาษาที่นั่นดู เพราะมันต่างกับตอนเรียนที่ไทยแน่นอน แต่ถ้าไม่มีงบ... ทุนมากมายรอพวกคุณอยู่ค่ะ พี่เป็นกำลังใจให้ทุกคน ภาษาอังกฤษไม่ยาก แค่ต้องฝึกฝนและให้เวลากับมัน ขอบคุณค่ะ”

 แปะ แปะ แปะ

 เสียงปรบมือที่ดังกึกก้องทำให้ฉันยิ้มออกมา ภารกิจที่แสนท้าทายจบลงไปด้วยดี หลังจากนั้นก็มีน้อง ๆ หลายคนเข้ามาขอถ่ายรูปกับฉันไว้เป็นที่ระลึกและฉันไม่คิดจะปฏิเสธ กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก็เป็นเวลาเกือบสี่โมงเย็น ท้องฉันส่งเสียงประท้วงเบา ๆ ว่าหิว แต่เพราะวันนี้ต้องกลับไปคุยเรื่องสำคัญกับทางบ้านจึงต้องหิ้วท้องกลับไปกินข้าวที่บ้าน

 “ทนหน่อยนะคนดี” ฉันลูบท้องตัวเองเบา ๆ เพื่อปลอบลูกน้อยที่ดูท่าจะหิวน่าดู แรกเริ่มมันตกใจอยู่ไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็รู้ว่าตัวเองกำลังตั้งท้องแถมยังเป็นลูกแฝดอีก แต่พอได้สติฉันก็เลิกเครียดเพราะรู้ดีว่าถ้าแม่เครียดจะส่งผลต่อลูก เรื่องมันเกิดไปแล้วตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือยอมรับมัน ลูกสำหรับฉันไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายหรือเป็นตราบาป แต่พวกเขาคือของขวัญ... แม้จะมาผิดเวลาไปหน่อยแต่ยังไงลูกก็คือลูก แม้จะยังไม่ไ้ด้เห็นหน้าแต่ก็เหมือนว่าฉันจะตกหลุมรักพวกเขาไปแล้ว...

 “คุณพรีม” เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกทันทีที่ฉันก้าวเข้าไปในบ้าน แม่เพียรเดินออกมาจากฝั่งของห้องครัวด้วยรอยยิ้มกว้าง

 “แม่เพียร คิดถึงจังค่ะ”

 “ปากหวานนะคะวันนี้ หิวหรือยังคะ”

 “หิวม๊ากมากแล้วค่ะ” ฉันกอดเอวหนา ๆ ของแม่เพียรพลางเดินเข้าบ้าน “วันนี้อยากกินแกงส้มมากเลยค่ะ แม่เพียรได้ทำไว้หรือเปล่าคะ”

 “ตายจริง ไม่รู้ว่าคุณพรีมอยากทานแกงส้ม รอได้หรือเปล่าคะจะรีบทำให้”

 “รอได้ค่ะ อย่างไรคุณแม่ก็ให้ตั้งโต๊ะทุ่มหนึ่งอยู่แล้ว” ฉันตอบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ตอนนี้ขอน้ำส้มสด ๆ ไม่ต้องใส่อะไรผสมเลย แล้วก็คุกกี้ให้พรีมก่อนนะคะ หิวมากจริง ๆ”

 “ได้ค่ะ” ฉันส่งยิ้มให้แม่เพียรก่อนจะลงบนโซฟา และใช้มือลูบลงบนท้องที่ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรไปมากเบา ๆ พอรู้ว่าในนี้มีเด็กสองคนกำลังเจริญเติบโตอยู่ฉันก็เผลอลูบท้องตัวเองทั้งวัน เหมือนจะเห็นอนาคตตัวเองราง ๆ แล้วว่าต้องเห่อลูกมากแน่ ๆ

 “หลังจากนี้พวกหนูต้องเป็นเด็กดี ห้ามประท้วงแม่นะรู้ไหม เดี๋ยวคุณตากับคุณยายรู้เข้าแม่จะถูกดุเอาได้” ฉันกระซิบเบา ๆ ก่อนจะขำออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลูกคงไม่ได้ยิน ถึงได้ยินก็คงไม่เข้าใจ ไม่รู้ตอนนี้มีตามีปากมีจมูกมีหูหรือยังด้วยซ้ำ

 “หัวเราะอะไรคะคุณพรีม” เสียงทักของแม่เพียรทำให้รีบดึงมือออกจากหน้าท้อง ก่อนจะตอบคำถามนั้นด้วยรอยยิ้ม

 “เปล่าค่ะ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

 “ดูอารมณ์ดีนะคะ”

 “ได้กลับบ้านก็ต้องอารมณ์ดีอยู่แล้วค่ะแม่เพียร”

 “ดีแล้วค่ะ อย่างนั้นดิฉันขอตัวไปทำแกงส้มให้คนอารมณ์ดีก่อน อย่าทานของว่างเยอะนะคะ ประเดี๋ยวจะทานข้าวเย็นไม่ลง”

 “ค่า” ฉันตอบรับเสียงยานคาง ก่อนจะลงมือทานของว่างตรงหน้าด้วยความหิวที่ไม่รู้ว่าตัวเองหิวหรือลูกหิวกันแน่

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   ตอนพิเศษ : วันของเรา

    Chris Part . ข้อดีของความรักที่ไม่ได้เริ่มจากร้อย คือเวลาผ่านไปมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด . เช้าวันเสาร์ วันนี้พอใจและพีทไปนอนที่บ้านพ่อและแม่ของพรีม ส่วนน้องพอร์ชก็ไปนอนที่บ้านของป๊ากับหม่าม้า เท่ากับว่าวันนี้เราสองคนจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันแบบที่ไม่มีลูกอยู่ด้วย ผมรักลูกมากนะ แต่เพราะผมกับพรีมแต่งงานกันตอนที่พรีมท้องแล้ว เพราะฉะนั้นมันน้อยมากจริง ๆ ที่เราจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมเลยจะเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้ไว้ให้มากที่สุด ผมมองคนขี้เซาที่ยังหลับอยู่ เมื่อคืนพรีมนั่งคิดงานจนดึกดื่น ผมรอจนหลับไปเลยไม่รู้ว่าพรีมเข้านอนตอนไหน แต่ดูจากขอบตาที่คล้ำลงเล็กน้อยก็ทำให้รู้ว่าคงดึกพอสมควร ช่วงนี้พรีมกำลังจะเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ พรีมเลยทำงานหนักกว่าปกติ ไหนจะต้องเลี้ยงลูกที่ยังเล็กทั้งสามคนอีก เราสองคนไม่ได้มีเวลาพูดคุยหรือสวีทกันเลย สองเดือนแล้วมั้ง เมคเลิฟครั้งล่าสุดของเรา ผมก้มลงไปหอมแก้มนิ่มเบา ๆ โดยที่ไม่รบกวนคนที่นอนหลับสบายอยู่ ก่อนจะค่อย ๆ ย่องลงจากเตียงและเดินออกมาที่สวนหน้าบ้าน ออสก้าพอเห็นผมปุ๊ปมันก็รีบวิ่งหน้าตั้งมาทันที “โฮ่ง!” “

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   ตอนพิเศษ : ไปโรงเรียนวันแรก

    เวลาเดินเร็วจนใจหาย เผลอแปปเดียวพอใจและพีทก็ต้องเข้าโรงเรียนแล้ว คริสปรึกษากับพรีมค่อนข้างจริงจังสำหรับเรื่องนี้ ทั้งอายุที่ควรให้ลูกเข้าอนุบาลหนึ่ง หรือโรงเรียนที่จะให้ลูกเรียน แต่ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าช่วงสามถึงห้าขวบจะหาครูมาสอนเด็ก ๆ ที่บ้านเพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าโรงเรียนจริง และให้ลูกเริ่มเข้าอนุบาลหนึ่งตอนห้าขวบ คริสเครียดหนักกว่าใครเพื่อน เพราะเขาเคยอ่านเจอมาว่าถ้าส่งลูกเข้าเรียนเร็วไปก็ไม่ดี เด็ก ๆ จะยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ครูก็ไม่ใช่พ่อแม่ที่จะรักและดูแลเด็กได้ดีเท่ากับพ่อแม่แท้ ๆ เขาปรึกษากับพรีม พ่อแม่ของพรีม พ่อแม่ของตัวเอง รวมถึงเพื่อน ๆ ในกลุ่มอยู่หลายเดือน และสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าห้าขวบคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด ส่วนโรงเรียนเนตั้นเป็นคนแนะนำมา ซึ่งพอได้เข้าไปเดินดูและพูดคุยกับครูหลาย ๆ ครั้งก็ทำให้เขารู้สึกพอใจมากกับโรงเรียนนี้ เมื่อได้โรงเรียนที่ถูกใจแล้วเขาก็สมัครให้ลูกเสร็จสรรพ เพียงไม่นานก็ถึงวันแรกที่ลูก ๆ ต้องไปเรียน เช้าแรกของการพาลูกไปโรงเรียนวุ่นวายเสมอ เขาได้รู้ซึ้งถึงการเป็นพ่อจริง ๆ เมื่อตอนที่ลูกงอแงไม่ยอมตื่นนี่แหละ “พอใจขา ตื่นได้แล้วลูก” “...” เงียบ ไ

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   PLAYBOY : Epilogue

    Chris Part . สองปีต่อมา . ผมได้แต่คิดว่าบางทีเวลามันก็เดินไวเกินไป เหมือนผมกระพริบตาแค่ครั้งเดียว เวลาก็ล่วงเลยมาสองปีแล้วหลังจากที่ได้ยินคำว่ารักจากพรีม ตอนนี้เราทั้งครอบครัวย้ายกลับมาอยู่ที่ไทยถาวรได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว เลยกำหนดที่ควรกลับไปสี่เดือนกว่า เพราะอาชีพของพรีมกำลังเติบโต ผมเลยไม่คิดจะเร่งรัดเธอและเฝ้ารออย่างอดทน พรีมขอเวลาเพิ่มอีกสี่เดือน ผมได้แต่ยิ้มและพยักหน้ารับว่ารอได้ ก็ผมรอเธอมาสองปีแล้ว ทำไมจะรอต่ออีกสี่เดือนไม่ได้ และเมื่อครบสี่เดือนปุ๊ป เราก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยทันที และเนื่องจากความไม่ลงตัวของสองบ้าน ที่อยากให้ผมและพรีมรวมถึงลูก ๆ ไปอยู่ด้วย ผมเลยตัดสินใจสร้างบ้านของตัวเองขึ้นมา และสัญญากับพวกท่านว่าจะพาหลานกลับไปนอนบ้านทุกอาทิตย์สลับกันไป พวกท่านฮึดฮัดนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ยอมตามใจผมและพรีมแต่โดยดี ผมจัดการเรื่องบ้านตั้งแต่ลูกอายุหนึ่งขวบ พรีมให้ผมเป็นคนตัดสนใจเกือบทั้งหมด เพราะผมมีความรู้เรื่องนี้ ส่วนพรีมจะช่วยตัดสินใจแค่บางอย่างเท่านั้น บ้านหลังนี้จึงเป็นบ้านที่ค่อนข้างมีกลิ่นอายของผมอยู่มาก แต่ดูเหมือนว่าพรีมเองก็พอใจกับมันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะพื้

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   PLAYBOY : 47

    Pream Part . “ตื่นเต้นไหมพิมมี่” เสียงของนิโคลัสทำให้ฉันละความสนใจจากงานตรงหน้าและหันกลับไปมอง ก่อนจะส่งยิ้มให้เขา “ถ้าบอกว่าไม่เลยค่ะ ฉันไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่นิดเดียว แบบนี้บอสจะเชื่อฉันไหมคะ?” “ไม่มีทาง แฟชั่นโชว์แรกของผมตื่นเต้นจนแทบจะเป็นลม คุณจะมาแข็งแกร่งกว่าผมไม่ได้นะ” นิโคลัสตอบกลับขำ ๆ และคำพูดของเขาก็ทำให้ฉันหัวเราะออกมาจนได้ ไม่ว่าเมื่อไหร่นิโคลัสก็มักจะผ่อนคลายความเครียดและความกังวลให้คนอื่นได้เสมอ เขาเก่งเรื่องนี้จริง ๆ “ตื่นเต้นค่ะ แต่ตอนนี้หายตื่นเต้นนิดหนึ่งแล้วเพราะได้คุยกับบอสนี่แหละ” นิโคลัสขำออกมาเสียงดัง ฉันไม่ได้พูดเกินจริงหรืออยากจะยอเขา แต่เพราะพอได้คุยกับนิโคลัสฉันก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นจริง ๆ เรายืนคุยกันได้ไม่นานนิโคลัสก็ถูกตามตัว เขาหันมาชูกำปั้นให้ฉันเป็นเชิงว่าให้สู้ ๆ ก่อนจะเดินตามทีมงานไป ฉันหันกลับมาดูชุดที่เตรียมไว้ให้นางแบบใส่อีกครั้ง มองผลงานของตัวเองด้วยความชื่นใจ กว่าเก้าเดือนที่ฉันลงแรงไปกับมัน วันนี้ผลงานของฉันกำลังจะเปิดเผยให้คนอื่นได้เห็นแล้ว แม้คอลเลคชั่นนี้จะเปิดตัวภายใต้แบรนด์ของนิโคลัส แต่นิโคลัสก็ให้เครดิตฉันร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาใช

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   PLAYBOY : 46

    Pream Part . หนึ่งเดือนต่อมา . “น้องพีท หนูจะเอาอะไรคะลูก หืม... มองน้าไม่หยุดเลยนะคะ” ฉันหัวเราะออกมาเมื่อนับดาวเอาแต่ชวนน้องพีทคุยไม่หยุด น้องพีทกลับมาอยู่ที่บ้านได้สามวันแล้ว พอรู้เรื่องทุกคนก็รีบบินมาเยี่ยมหลานทันที ร่างกายของน้องพีทเติบโตขึ้นเร็วมาก จนคิดไม่ถึงว่าเด็กแก้มกลมคนนี้จะเคยเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาก่อน ตอนนี้น้องพีทกลายเป็นเด็กสดใสและคุยเก่งอย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะเพราะว่าเขาอยู่โรงพยาบาลมาเป็นเวลานาน เวลาเจอคนเยอะ ๆ เลยตื่นเต้นและคอยแต่จะร้องเรียกหาไม่หยุด ในขณะที่พอใจกลับติดแค่พ่อและแม่มากขึ้น ไม่ค่อยเล่นกับคนอื่น ๆ เหมือนตอนแรก ๆ แล้ว ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ใช่... ในที่สุดพอใจกับคริสก็เข้าขากันได้ แม้จะชอบแหย่กันมากกว่ารักกันก็ตาม... แต่ทุกวันนี้คริสสามารถช่วยฉันกล่อมพอใจนอน ช่วยอาบน้ำ และเปลี่ยนผ้าอ้อมให้พอใจได้โดยที่พอใจไม่โยเยแล้ว เขาแบ่งเบาฉันได้เยอะมากเลยทีเดียว ช่วงสองอาทิตย์ก่อนที่น้องพีทจะออกจากโรงพยาบาล หมอมิเชลให้ฉันลองเอาน้องพีทเข้าเต้า เพราะฉันแจ้งกับหมอไปว่าต้องการให้น้องพีทดื่มนมจากเต้าเป็น วันแรก ๆ น้องพีททำไม่เป็นเลย ฝึกกันอยู่หลายวันจนสุดท้า

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   PLAYBOY : 45

    Chris Part . “ฉันรักเธอ” “เรื่อง...จริงเหรอ” “เรื่องจริง” ผมยืนยันหนักแน่น “ฉันไม่ได้พูดเพื่อให้เธอหายโกรธ ฉันถามตัวเองมาทั้งคืนแล้ว และคำตอบที่ได้ก็อย่างที่ฉันบอกไป ว่าฉันรักเธอ” พรีมเงียบไป เธอมองหน้าผมนิ่ง ๆ ผมเองก็มองเธอกลับไม่คิดจะหลบตา ผมรู้ดีว่าทั้งประวัติที่ผ่านมาของผม และเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อคืนอาจจะทำให้พรีมไม่มั่นใจ แต่ผมไม่เคยโกหกความรู้สึกตัวเอง ผมไม่คิดจะพูดคำว่ารักออกไปเพียงเพื่อให้พรีมหายโกรธ แต่ผมพูด เพราะผมรู้ตัวแล้วว่าผมรักเธอจริง ๆ “เธอยังไม่เชื่อว่าฉันรักเธอก็ไม่เป็นไร แต่อย่าพูดเหมือนไม่หวงฉันแบบนี้ได้ไหม ฉันเสียใจนะรู้ไหม” พอเห็นว่าพรีมเริ่มอ่อนลงผมก็ใช้ลูกอ้อนทันที ผมใช้วิธีนี้อ้อนหม่าม้าเวลาทำให้หม่าม้าโกรธอยู่บ่อย ๆ ซึ่งก็พิสูจน์แล้วว่าการพูดด้วยเสียงอ่อน ๆ ทำหน้าตาให้น่าสงสารแบบนี้ ใช้ได้ผลกับหม่าม้าทุกครั้ง รวมถึงพรีมด้วย เพราะตอนนี้พรีมกำลังยิ้มออกมาทั้ง ๆ ที่ตาแดง จมูกแดงจากการร้องไห้ก่อนหน้า แต่เพียงแค่ครู่เดียวเธอก็กลับไปทำหน้านิ่งอีกครั้ง “แล้วนายจะอธิบายเรื่องผู้หญิงคนนั้นยังไง ฉันเห็นรูปที่นายจูบกับเธอด้วย” “อย่าใช้คำว่าฉันจ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status