Share

บทที่ 10

Author: Phat_sara
last update Last Updated: 2025-05-04 16:36:11

ฉันมานั่งรอที่โซฟาตัวเดิมตั้งแต่ 7 โมงครึ่งตอนนี้บ่าย 2 ฉันยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าของบริษัทที่เป็นคนพูดเองว่าให้มาแต่เช้า ไม่มีแม้แต่เงา มีแต่กรุ่นไอนางมารร้ายที่ลุกโชนออกมาจากตัวยัยเจ้เลขาเนี่ย

“กลับได้แล้วมั้ง!” เสียงนางดังลอย ๆ กระแทกใส่ ซึ่งฉันก็ไม่ได้หันไปสนใจหรอกค่ะ ว่าจะกลับอยู่เหมือนกัน แล้วพรุ่งนี้ก็จะไปพบอาจารย์แล้วก็บอกไปซะว่ามานั่งรอตามที่เขานัดแต่เขาไม่มาให้สัมภาษณ์ แค่นี้ก็มีเหตุผลให้เปลี่ยนคนสัมภาษณ์แล้วแต่เสียงของยัยเจ้เลขามันดังกระทบประสาทมาขัดจังหวะก็เลยยังไม่ไปดีกว่า ขอนั่งกวนอารมณ์นางต่อสัก 10-20 นาทีแล้วกัน

“ท่านประธาน มาแล้วเหรอคะ” เสียงยัยเลขาที่เสียงอ่อนเสียงหวานดังขึ้นทำให้สันหลังฉันรู้สึกเย็นวาบขึ้นมา

“ครับ บอกเขาตามผมเข้าไปได้เลยนะ” ผู้ชายคนนั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มแล้วก็เดินเข้าไปในห้องทำงาน บอกเขาตามผมเข้าไปได้เลยนะ ชิส์ นั่งอยู่ตรงนี้เรียกเองไม่เป็นรึไง

“นี่เธอ” เสียงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นส้นตีนเชียวนะยัยเลขา ฉันก็เลยหันไปพูดกับนาง

“ไม่ต้องบอกค่ะ ได้ยิน” พูดจบฉันก็เดินไปที่ประตูแล้วก็ผลักมันเข้าไปในทันที ไม่ต้องหวั่นอะไรหรอกนับเงินกับคนชั่วในห้องนี้ รีบสัมภาษณ์ให้จบ ๆ ไปเถอะ

“สวัสดีค่ะ” พอเดินเข้าไปฉันก็เจอเขาที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ใบหน้าเคร่งขรึมเป็นการเป็นงานเชียว หึ! นอกจากตอแหลฟันผู้หญิงแล้วยังขี้เก๊กอีกนะ ไอ้นกเขาระทวยเซินเจิ้น!

“อืม รีบมาสัมภาษณ์ให้มันจบ ๆ เถอะ” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เหอะ! แคร์ไหม ไม่ค่ะไม่เลยสักนิด

“ก็ดีค่ะ” ฉันยักไหล่ให้แล้วก็เดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามก่อนที่จะสัมภาษณ์เขาไปตามหัวข้อที่อาจารย์วางไว้ ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเพราะถึงเขาจะดูเย็นชาแต่ก็ยังอุตส่าห์กรุณาให้ความร่วมมือในการตอบคำถามได้เป็นอย่างดี

“ขอบคุณที่ให้สัมภาษณ์นะคะ ขอลาเลยค่ะ สวัสดี” พอสัมภาษณ์คำถามสุดท้ายเสร็จฉันก็รีบยัดทุกอย่างลงกระเป๋าแล้วก็ยกมือไหว้เขาอย่างจำใจ รีบไปให้มันเร็วที่สุดไม่อยากใช้อากาศร่วมกับคนแบบนี้นานกว่านี้แล้ว

“ย้ายไปทำงานที่ไหน” พอฉันจะลุกเขาก็เอ่ยขึ้นก็เลยมองหน้าเขากลับเพราะไม่เข้าใจว่าจะถามทำไม แต่พอเขาเห็นฉันมองเขากลับยักคิ้วข้างหนึ่งให้แบบตั้งใจกวนประสาท

“ถามทำไมคะ”

“เปล่า ก็แค่ไปดื่มแล้วไม่เจอเธอ ก็ถามดูถามประสาคนเคยรู้จักแบบ...เผิน ๆ” เผินพ่อง! เล่นซะอีนับเงินเป็นไข้ตั้งหลายวัน

“ไม่ได้ทำค่ะ ตอนนี้โชคดีมีผู้ชายเลี้ยง ลาแล้วนะคะ สวัสดีอีกครั้งค่ะ” ฉันตอกกลับแค่นั้นแล้วก็เดินเชิดหน้าออกมาทันที

#NUB NGERN END

#KRICH TALK

ผมนั่งมองนับเงินเดินออกจากห้องไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรแต่ในใจโคตรโกรธกับคำตอบของเธอ ผมเป็นบ้าอะไรวะถึงต้องรู้สึกโกรธ มันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอที่ผู้หญิงแบบนี้จะหาคนเลี้ยง แล้วอีกอย่างทำไมใจผมต้องกระตุกแค่เพราะเห็นผู้หญิงคนนี้กำลังหันหลังเดินหนีผมไป มึงจะสนใจผู้หญิงแบบนี้ทำไมวะไอ้คริช

ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด

...ซิลเวียร์

“ว่าไงครับซิลเวียร์” เลิกสนใจผู้หญิงคนนั้นแล้วมาสนใจคนปลายสายดีกว่าเผื่อผมจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง ทั้งขี้อ้อน ทั้งเอาใจเก่ง เจอแค่วันเดียวแต่ผมบอกได้เลยครับว่า เด็ด

“คืนนี้อย่าลืมนัดของเรานะคะ เวียร์จะแต่งตัวรอ”

“ครับ เดี๋ยวพี่ไปรับที่คอนโด แต่งตัวสวย ๆ รอนะ” ผมตอบกลับไปเพราะมีนัดกับซิลเวียร์ในคืนนี้ ไปสนุกกับชีวิตของผมดีกว่าอย่าไปสนใจผู้หญิงลวงโลกคนนั้นเลย

-23.30 น.-

“พี่คริชไม่ค่อยดื่มเลยค่ะ” ซิลเวียร์นั่งซบอกผมที่โซฟาในผับหรูที่ผมไม่ค่อยได้มาเที่ยวที่นี่เท่าไหร่ แต่บรรยากาศก็ไม่เลว

“ถ้าพี่ดื่มเยอะจนเมาแล้วใครจะดูแลซิลเวียร์ล่ะครับ” ผมป้อนคำหวานใส่เธอจนซิลเวียร์ยิ้นเขิน หึ ๆๆ แต่เรื่องจริงคือผมไม่อยากเมาต่างหากเลยจิบแค่นิดหน่อยไม่งั้นก็อดฟัดสาวแบบจัดเต็มสิวะ

อย่าคิดว่าผมคออ่อนนะครับ ผมคอแข็ง แต่ผมเป็นพวกเหล้าเข้าปากเยอะแล้วผมจะหยุดมือไม่ได้มันต้องกระดกเข้าไปเหมือนน้ำทุกทีแล้วสุดท้ายผมก็เมาเละ

“ถ้างั้นเวียร์สั่งอะไรมาทานเล่นหน่อยดีกว่า” ซิลเวียร์หันมาอ้อนผมแล้วก็ยกมือเรียกพนักงานมา

“คุณลูกค้าต้องการรับอะไรดีคะ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นมาทำให้ผมต้องเงยหน้าไปมองพนักงานคนนั้น

“อ้าว! นับเงินมาเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่เหรอ” ซิลเวียร์เป็นคนเอ่ยทัก ใช่ครับพนักงานที่มารับออเดอร์คือนับเงิน โลกจะกลมไปไหนวะ แล้วไหนเธอบอกผมว่าไม่ได้ทำงานแล้วไง

“ต้องการรับอะไรคะ” นับเงินไม่ตอบคำถามซิลเวียร์แต่ยืนนิ่งพร้อมกับทวนคำถามเดิมแทน

“ฉันถามว่าเธอมาหาเงินที่นี่เหรอ ทำไมไม่ตอบล่ะจ้ะ เพื่อนถามอยู่มีมารยาทหน่อยสิ” ซิลเวียร์ถามด้วยรอยยิ้มแต่ผมดูออกว่าสองคนนี้ท่าทางคงจะไม่ลงรอยกัน

“ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในหน้าที่ค่ะ ถ้าคุณลูกค้ายังไม่ต้องการที่จะสั่งอะไรในตอนนี้ก็เชิญดูเมนูก่อนได้เลยนะคะ” นับเงินบอกแล้วก็ขยับเมนูที่วางอยู่ที่โต๊ะให้ซิลเวียร์

“ฉันอุตส่าห์ลดตัวมาคุยกับเธอนะยัยกระจอก” ซิลเวียร์ขยับไปใกล้นับเงินแล้วพูดอะไรผมก็ไม่ได้ยินหรอกครับเพลงมันดัง อีกอย่างผมก็เอาแต่มองหน้าเธอ

“เชิญดูเมนูได้เลยนะคะ” นับเงินตาวาวขึ้นด้วยความโกรธแต่ก็ยังคงรักษาน้ำเสียงให้มันเป็นปกติ

“เลือกให้ฉันหน่อยสิ เอาอะไรก็ได้ที่แพงที่สุด เอาอันที่คนอย่างเธอไม่เคยได้กินน่ะ” ซิลเวียร์พูดกับนับเงิน แต่ผมได้ยินแค่เธอบอกให้นับเงินเลือกให้เท่านั้น เพราะประโยคหลังซิลเวียร์กระซิบบอกนับเงินแทน

“ค่ะ” นับเงินยิ้มรับก่อนที่เธอจะเดินจากไป ผมว่าซิลเวียร์คงไม่ได้พูดดีกับนับเงินเท่าไหร่หรอกครับ แต่ทำไมผมต้องมาสนใจผู้หญิงคนนั้นด้วยวะ

“อาหารที่คุณลูกค้าให้ดิฉันเลือกให้มาแล้วค่ะ” ผ่านไปไม่นานนับเงินก็เดินถือถาดอาหารมาเสิร์ฟขัดจังหวะซิลเวียร์เพราะตอนนี้เธอกำลังเริ่มนัวเนียผมอยู่

“ก็เสิร์ฟสิ” ซิลเวียร์ขยับหน้าออกจากซอกคอของผมแล้วก็หันไปบอกนับเงินด้วยความไม่พอใจ

“ค่ะ นี่ค่ะร้อน ๆ เลย ปูผัดผงกะหรี่กับซุปแกงกะหรี่ทานเล่น ๆ จะเผ็ด ๆ ร้อน ๆ มันแซ่บดีนะคะ แต่อย่าทานบ่อยเดี๋ยวเลี่ยนผง...กะหรี่ ได้นะคะ” นับเงินวางอาหารสองอย่างลงตรงหน้าพร้อมกับพูดไปปะทะสายตากับซิลเวียร์ไปดวย แต่ประโยคสุดท้ายเธอตั้งใจหันมาเหมือนจะบอกผม ซึ่งเป็นใครก็รู้ครับว่านับเงินกำลังหลอกด่าซิลเวียร์

“นี่เธอหลอกด่าฉันเหรอ!” ซิลเวียร์ตะคอกใส่นับเงินในทันที แถมตอนนี้ตัวเธอก็เริ่มสั่น

“เอาปูผัดผงกะหรี่กับซุปแกงกะหรี่มาเสิร์ฟมันเป็นการหลอกด่าตรงไหนคะ” นับเงินยิ้มตอบซิลเวียร์ หึ ๆๆ แสบไม่เบาเลยว่ะ

“อีนับเงิน! ไม่มีพ่อแม่สั่งสอนเหรอฮะ! ถึงคิดว่าคนอื่นเขาจะโง่ไม่รู้ว่าแกกำลังหลอกด่า!” ซิลเวียร์ตะคอกใส่นับเงินแต่เหมือนคำพูดของซิลเวียร์จะไปกระตุกต่อมโกรธของนับเงินเข้าเพราะเธอตาวาวขึ้นตั้งแต่ซิลเวียร์พูดยังไม่ทันจบประโยค

“ด่าฉันไม่มีพ่อแม่ใช่ไหม ได้! โดนไล่ออกกูก็ยอม!” หลังจากที่นับเงินพูดจบจานปูผัดผงกะหรี่ก็ถูกคว่ำใส่หัวซิลเวียร์แล้วหลังจากนั้นก็มีการตะลุมบอนกันเล็กน้อยผมต้องรีบแยกเธอสองคนออกจากกันก่อนที่ผู้จัดการร้านจะเข้ามาเคลียร์แล้วก็ขอโทษซิลเวียร์กับผม

“ฉันไม่ยอม! ไล่มันออกเดี๋ยวนี้เลยนะคะไม่งั้นฉันจะทำให้ผับคุณเสียชื่อแน่ที่มีพนักงานแย่ ๆ แบบนี้!” ซิลเวียร์ตะโกนลั่นแล้วก็ชี้หน้านับเงิน

“เออ! ฉันออกแน่! สะใจรึยังล่ะที่ฉันตกงาน แต่มันก็คุ้มนะแลกกับการที่ได้จัดการผู้หญิงปากเสียแบบเธอ!” นับเงินพูดใส่หน้าซิลเวียร์แล้วก็เดินหายไปด้านหลังร้านทันทีส่วนผู้จัดการก็รีบขอโทษขอโพยยกใหญ่

ผมไม่อยากให้วุ่นวายไปมากกว่านี้ก็เลยเลือกที่จะพาซิลเวียร์กลับเพราะเธอเริ่มอาละวาดจะไม่ยอมให้จบแค่ไล่นับเงินออกแต่กำลังบังคับให้ผู้จัดการร้านโทรไปเรียกตำรวจมาจับนับเงินข้อหาทำร้ายร่างกาย

กว่าผมจะไปส่งซิลเวียร์แล้วปลีกตัวจากเธอมาได้ก็เล่นซะเหนื่อย ไม่ใช่เหนื่อยเพราะเรื่องบนเตียงนะ เหนื่อยกับการรบเร้าให้ผมอยู่ต่อของเธอต่างหาก เห็นท่าทางไม่น่ารักของซิลเวียร์วันนี้แล้วบอกตรง ๆ ว่าผมไม่มีอารมณ์จะสานต่อ

ผมขับรถมาเรื่อย ๆ จากคอนโดของซิลเวียร์ผมต้องขับย้อนกลับไปทางผับเมื่อกี้เพื่อจะกลับคอนโดของผม พอผ่านผับนั้นมาสักพักในระหว่างที่รถติดไฟแดงสายตาผมก็มองอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนไปเห็นร่างที่คุ้นตากำลังนั่งไม่มีสติอยู่หน้าร้านเหล้า

บ้าเอ๊ย! คืนวันศุกร์ที่ร้านเหล้าแทบทุกร้านเต็มไปด้วยผู้คนแต่ยัยนี่นั่งอมหลอดดูดเหล้าถังอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่คนเดียวนี่นะ แล้วดูโต๊ะข้าง ๆ มีแต่ผู้ชายกำลังมองยัยนี่ไม่วางตาเลย

ผมยูเทิร์นรถกลับมาจอดเทียบฟุตบาทแล้วก็ทำให้ทุกสายตาในร้านนั้นหันมามองที่รถผมด้วยความสนใจ แต่ผมไม่สนอะไรนอกจากยัยขี้เมานั่น

“มานั่งกินเหล้าอะไรตรงนี้คนเดียว กลับบ้านซะ” ผมเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามนับเงินแล้วก็ถามเธอด้วยความไม่สบอารมณ์

“ใคร~ มากินเหล้าแล้วไม่มีเพื่อนนั่งเหรอ นั่งด้วยกันดิ~” นับเงินมองหน้าผมแล้วก็ถามเสียงอ้อแอ้ ท่าทางจะเมาจนจำผมไม่ได้ นับจำนวนถังที่เธอกินบนโต๊ะถ้ายังไม่มีพนักงานร้านมาเก็บก็น่าจะถังที่ 4 ดื่มขนาดนี้จะจำผมไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอก

“เลิกกินได้แล้วนับเงิน พี่ครับเก็บเงินด้วยครับ” ผมตะโกนเรียกคนในร้านให้มาเก็บเงิน พนักงานของร้านอายุประมาณ 30 กว่า ๆ ก็เดินมามองผมด้วยสายตาไม่ไว้ใจ

“แฟนผมเองครับ ทะเลาะกันแล้วหนีออกมากินเหล้า ชื่อนับเงิน” ผมรู้ว่าเธอกำลังกลัวว่าผมจะมาหลอกเอานับเงินไปฟันผมก็เลยต้องบอกแบบนี้

“แน่นะคะ” เธอมองหน้าผมแล้วก็ถามย้ำ

“ร้านพี่มีกล้องวงจรปิด ผมไม่กล้ามาหลอกใครไปฟันหรอกครับ รถผมก็อยู่ตรงนี้จะถ่ายรูปรถเอาไว้ก็ได้” ผมบอกเธอเพื่อให้เธอสบายใจจนพี่คนนี้ยอมเชื่อแล้วก็เก็บเงินก่อนที่ผมจะอุ้มนับเงินที่เมาเละไปขึ้นรถ

“นี่คุณ~” นั่งกันไปสักพักนับเงินก็เริ่มพูดขึ้นมาแต่ไม่ยอมลืมตาตามประสาคนเมา

“ว่าไง”

“จะพาฉันไปข่มขืนเหรอ~” นับเงินหันมามองผมแล้วก็ชี้ที่ตัวเอง ยัยนี่เมาแล้วพูดจาเลอะเทอะแบบนี้ประจำรึเปล่าวะ

“เปล่า จะพาไปส่งบ้าน”

“แน่ใจนะ! ดีแล้วที่คุณไม่ข่มขืนฉัน! เพราะอะไรรู้ไหม” เฮ้อ! ทำไมเมาได้ขนาดนี้วะ

“เพราะ?” ผมก็บ้าจี้ไปคุยกับคนเมาเป็นตุเป็นตะเลยว่ะ

“เพราะฉันไม่ซิง!” นับเงินพูดออกมาเสียงดังแล้วแม่งมันกระทบใจผมทำให้ผมหักพวงมาลัยจอดข้างทาง

“พูดบ้าอะไรของเธอวะ เมาแล้วก็นอนไป” ผมหันไปดุเธอแล้วก็จะเอื้อมไปปรับเบาะให้เธอนอน แต่เสียงนับเงินกลับดังขึ้นมาซะก่อน

“ฮึก! จริง ๆ นะคุณ ฉันไม่ซิงจริง ๆ เพราะอะไรรู้ไหม~ เพราะฉันดันไปห่วงไอ้คนที่ฉันแอบชอบที่มันกำลังเมาเหมือนหมาแล้วก็หลับอยู่บนรถ!” นับเงินพูดขึ้นมาทำให้ผมชะงักไปในทันทีแล้วก็มองหน้าเธอที่กำลังจะพร่ำอะไรออกมาตามความเมา เขาว่าคนเมามักจะพูดความจริงใช่ไหม

“อึก~ กลิ่นรถไอ้บ้านั่นเหมือนรถคันนี้เลยว่ะ” นับเงินทำจมูกฟุตฟิตแล้วก็บ่นออกมา ตลกเป็นบ้าเลย

“รู้ไหม~ เขาบอกให้ฉันขับรถไปส่ง! แล้วพอไปส่งก็บังคับให้ฉันนอนให้เขากอดทั้งที่ฉันกำลังจะกลับ! ฉันแม่งก็ยอม แล้วรู้ไหมทำไมฉันถึงยอม~”

“เพราะอะไร” ผมถามต่อด้วยความอยากรู้ ที่เธอพูดหมายถึงผมรึเปล่า หรืออาจจะเป็นคนอื่น

“เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะเขาบอกว่าเขาทำอะไรฉันไม่ได้ไง มันตอแหลว่าเวลามันเมาแล้วนกเขามันไม่ขัน!” พอเธอพูดแบบนี้ออกมาผมใจสั่นไม่เป็นจังหวะเพราะมันชัดเจนมากว่าเธอกำลังพูดถึงผมอยู่

“ละ แล้วยังไงต่อ” ผมถามไปด้วยเสียงสั่น รู้สึกระทึกเหมือนกำลังฟังเรื่องผีเพราะอยากรู้ตอนต่อไป

“ยังไงน่ะเหรอ~ ไอ้นั่นก็เล้าโลมฉัน ฉันก็เคลิ้มนะคุณ ก็เลยยอมเพราะเชื่อว่ามันไม่ขันจริง ๆ คงทำได้แค่กอดจูบ ก็คนเมามันพูดความจริงไม่ใช่เหรอวะ!”

“...” อย่าบอกนะว่า...

“แล้วอยู่ ๆ มันก็พูดว่า~ มันตื่น! หลังจากนั้นมันก็เสียบเข้ามา! แม่งเจ็บที่สุดในชีวิตแล้ว ตั้งหลายรอบนะคุณแต่ตื่นมาแล้วก็หาว่าฉัน...ฮึก! ฮื่อ ๆๆๆ” นับเงินหยุดเล่าก่อนที่เธอจะก้มหน้าร้องไห้ออกมาเสียงดัง

“นับเงิน” ผมเรียกชื่อเธอเสียงเบา

“ฮื่อ ๆๆ คุณรู้ไหมว่าโดนผู้ชายพรากพรหมจรรย์แต่พอตื่นเขาบอกว่าไม่ได้ทำแล้วหาว่าเราโกหกจะจับเขามันรู้สึกยังไง! กว่าฉันจะผ่านมันมาได้นะคุณ ฮึก! ฮื่อ ๆๆ” นับเงินร้องไห้น้ำตาไหลออกมาเป็นสายไม่หยุด แววตาที่เลื่อนลอยเพราะความเมามันฉายความรู้สึกออกมาชัดเจน ความรู้สึก...เจ็บปวดของเธอ

หมับ!

ผมกระชากเธอเข้ามากอดเต็มแรงด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี

“เงียบ เรานั่นแหละผิดถ้าไม่พูดประชดให้พี่เข้าใจผิดเมื่อตอนบ่ายคงไม่ต้องมานั่งเมาประชดชีวิตแบบนี้หรอกยัยเด็กบ้า”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • So Sick รักษาหัวใจนายเจ้าเล่ห์   บทที่ 121

    “อ๋อ สินสอดไงครับ”“อ้าว พี่คริชไม่เอาไปเก็บเหรอคะ”“เก็บทำไมไม่ใช่ของพี่ สินสอดหนูก็ต้องให้หนูเก็บสิครับ คนของคุณแม่ที่ดูแลสินสอดในงานเขายกเข้ามาให้”“ของนับอะไรคะของพี่คริชต่างหาก รีบเก็บเลยค่ะมันอันตราย” ฉันรีบบอกพี่เขาที่เอาแต่พูดเล่น ถ้าบอกว่าเป็นกระเป๋าสินสอดฉันก็อยากให้รีบเก็บในที่ปลอดภัย คือ

  • So Sick รักษาหัวใจนายเจ้าเล่ห์   บทที่ 120

    “ยังไม่เคยทำได้สักครั้งเลยนะคะพี่คริช นับกินยาคุมดีกว่าค่ะ แล้วนั่นถุงอะไรคะถุงร้านขายยารึเปล่าทำไมมันใบใหญ่จังเลย” ฉันเพิ่งสังเกตเห็นถุงที่พี่คริชวางไว้ที่โต๊ะ ถุงจากร้านขายยาแต่ใบใหญ่ ไม่รู้พี่คริชเป็นอะไรรึเปล่า“อ๋อ ถุงของใช้ส่วนตัวพี่ หนูอยากดูไหม” พี่คริชยิ้มแล้วก็ยื่นถุงร้านขายยามาให้ฉัน ของใ

  • So Sick รักษาหัวใจนายเจ้าเล่ห์   บทที่ 119

    ​“ว่าไงครับ แต่งงานกับพี่ได้ไหม เราแต่งงานกันนะ” พี่คริชกอดฉันพร้อมกับจูบที่ผมแล้วก็พูดออกมา น้ำเสียงของเขามันมีแต่ความอบอุ่น ฉันอุ่นใจทุกครั้งที่ได้ยิน เฮียเร่งให้ตอบน้องก็อยากตอบ อยากตอบตั้งแต่เฮียพูดคำแรกแล้วแต่มันมัวแต่ตะลึงตื่นเต้นดีใจร้องไห้น้ำตาไหลพรากเลยไม่ทันได้ตอบไงคะ“แต่งค่ะ นับจะแต่งงาน

  • So Sick รักษาหัวใจนายเจ้าเล่ห์   บทที่ 118

    หมับ!“ไม่ต้องกิน” พี่คริชคว้าข้อมือฉันที่กำลังจะลุกวิ่งเอาไว้พร้อมกับพูดเสียงแข็ง“คะ?” พูดมาว่า ไม่ต้องกิน แสดงว่าพี่เขาเข้าใจสินะว่าฉันหมายถึงอะไร“พี่บอกว่าไม่ต้องกินไงครับ ห้ามกินพี่ไม่ให้หนูกิน”“กินฉุกเฉินแค่วันนี้แล้วค่อยกินแบบปกติค่ะ ไม่ได้กินยาคุมฉุกเฉินมานานแล้วไม่อันตรายหรอกนะคะ” ลืมไปค่

  • So Sick รักษาหัวใจนายเจ้าเล่ห์   บทที่ 117

    ไม่อยากจะบอกแต่ก็ต้องบอกว่าสาว ๆ ที่นี่จ้องพี่คริชตาเป็นมันกันทั้งนั้น ซึ่งมันก็เรื่องปกตินะคะไม่มองสิแปลกผู้ชายของนับเงินหล่อลากไส้ หล่อระทดนกเขาระทวยขนาดนี้ ฮ่า ๆๆ“คริช~ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ นีน่าคิดถึงจังเลย” นั่งสวีทกันได้สักพักก็มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ใส่ชุดเดรสสีแดงเพลิงเดินเข้ามาทักพี่คริช อื้อ

  • So Sick รักษาหัวใจนายเจ้าเล่ห์   บทที่ 116

    “เลิกหื่นก่อนค่ะ หิวรึยังคะ” ฉันดุเบา ๆ แล้วก็ถามพี่คริชที่กำลังเอามือมาปัดปอยผมให้ฉัน“หิวแล้วครับ แต่ที่จริงขอไข่ลวกสัก 10 ฟองกับนมสัก 2 ก็น่าจะพอนะ” พี่คริชบอกแล้วก็ลดสายตาลงมองหน้าอกของฉัน“พี่คริช!”“ฮ่า ๆๆ ไม่เขินสิที่รัก มา ๆ มาให้ผัวโอ๋เร็ว” พี่คริชหัวเราะอารมณ์ดีแล้วก็ดึงฉันไปกอด นึกว่าจะจบ

  • So Sick รักษาหัวใจนายเจ้าเล่ห์   บทที่ 115

    เมียผมเป็นตัวร้าย! นอกจากความคิดความอ่านจะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาแล้วสกิลการยั่วยังก้าวกระโดด ตอนแรกที่ก้มหน้าลงมาจูบผมก็ไม่ได้ว่าหรอกนะครับ อยากจูบแฟนอยู่เหมือนกัน แต่ใครจะคิดว่าจะกล้าขนาดล้วงเข้าไปจับลูกชายของผมคลึงเล่นขนาดนั้น พอห้ามเหมือนทุกครั้งก็นึกว่าจะฟัง ที่ไหนได้ดันเอานมมายัดปากแทน แล้วผมจะ

  • So Sick รักษาหัวใจนายเจ้าเล่ห์   บทที่ 114

    “นกเขาของพี่คริชก็ห้ามระทวยก่อนนะคะ” ฉันลูบแก้มของเขาด้วยความรัก แล้วก็ข่มกลับเพื่อแกล้งเล่น พี่คริชถึงกับกระตุกยิ้มร้าย ๆ พร้อมกับมองฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์“พูดเหมือนไม่รู้จักผัวตัวเอง~” พอพูดจบพี่คริชก็ปิดปากของฉันด้วยปากของเขา จูบดุเดือดเริ่มต้นอีกครั้ง พร้อมกับความบ้าของฉันที่เพิ่มมากขึ้น ก็ไอ้นั

  • So Sick รักษาหัวใจนายเจ้าเล่ห์   บทที่ 113

    “อืม~” พี่คริชครางในลำคอแล้วก็เหมือนจะผลักฉันออก มือที่กำลังลวนลามหน้าอกของพี่คริชก็เลยดิ่งลงไปตรงเป้าพี่เขาอย่างรวดเร็ว ไม่อยากจะกรี๊ดแต่ขอกรี๊ดในใจเพราะว่าตอนนี้สากพี่เขาพร้อมตำมาก~ >///เห็นนางนิ่ง ๆ ที่จริงนางตื่นนะคะ ตื่นตอนไหนก็ไม่รู้“อืม~”ฉันทั้งบีบทั้งนวดท่อนเอ็นแข็ง ๆ อุ่น ๆ ที่มีกางเกงน

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status