แม้จะหลับไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงกุลนารีก็รีบตื่นขึ้นมา เมื่อคืนเธอไม่อาจทำใจให้สงบได้ ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ในหัวเต็มไปด้วยจินตานาการของร่างสองร่างที่โลดโผนอย่างโจ๋งครึ่ม แม้จะเป็นสาวใสผุดผ่องแต่เธอก็เคยดูหนังหรือซีรีส์ติดเรต อย่างน้อยก็เรื่องดังคนนิยม
ร่างบางเดินไปแอบมองห้องทำงานเห็นประตูยังปิดสนิทก็เลี่ยงไปห้องน้ำด้านนอก หาแปรงสีฟันที่ยังไม่ได้ใช้ เพราะจำได้ว่าเธอเพิ่งซื้อมาไว้เพิ่มไม่นานเผื่อให้คู่ขาของเขาและก็มีจริงๆ
ของใช้ภายในบ้าน หรืออาหารการกินเล็กน้อย เช่น ขนมปัง กาแฟ ผลไม้ เธอเป็นคนจัดซื้อมาไว้ ซึ่งพศินให้เธอจัดการได้เลยโดยเป็นเงินที่เพิ่มมาให้นอกเหนือจากเงินเดือน รัมภาเคยทำอยู่แล้วเธอเพียงรับช่วงต่อเท่านั้น
กุลนารีไม่แน่ใจว่าเจ้านายของตนอยากกินอะไรในตอนเช้าแต่ก็ชงกาแฟกับปิ้งขนมปังและปอกผลไม้เตรียมเอาไว้ แม้จะอยากกลับไปห้องของตน แต่ในเมื่อชายหนุ่มยังไม่ตื่นขึ้นมาเธอก็ยังกลับไม่ได้ ขณะกำลังล้างอุปกรณ์ต่างๆ ร่างสูงกำยำก็เข้ามา
“เตรียมอาหารไว้เหรอ ขอบใจ กินมื้อเช้าแล้วผมขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นาน แล้วจะไปส่งคุณที่ห้อง รอไปดูหนัง”
“เจ้านายจะไปรอดิฉันที่ห้อง?”
“ไม่ได้เหรอ”
“ได้ค่ะ”
ทั้งที่ประหลาดใจจนหลุดถามออกไป ทว่าพอถูกถามกลับเธอก็ไม่กล้าขัดใจอีกฝ่ายเช่นเคย
“คุณกินก่อนได้เลย ผมไปห้องน้ำสักครู่เดี๋ยวมา”
พศินบอกง่ายๆ แล้วจากไป
เป็นอีกครั้งที่กุลนารีมองตามเจ้านายของตนตาละห้อย ผมสั้นยุ่งๆ กับใบหน้าหล่อแบบเพิ่งตื่น ทั้งกระดุมเสื้อของเขายังหลุดถึงสามเม็ด มองเห็นแผงอกแกร่งรำไร เซ็กซี่จนใจสาวสั่นรัว
ยิ่งเมื่อชายหนุ่มกลับมานั่งร่วมโต๊ะด้วยสภาพที่ไม่ต่างจากเดิมนัก นอกจากล้างหน้าแปรงฟัน เธอยิ่งต้องพยายามกำหนดสายตาตัวเองเอาไว้แค่อาหารตรงหน้า ไม่ใช่ที่หน้าอกหนากำยำกับใบหน้าหล่อเหลาคมคาย
เธอพยายามนั่งอย่างสงบเสงี่ยมบนรถที่เจ้านายเป็นคนขับมาจนถึงคอนโดตน ไม่ใช่เพราะไม่เคยนั่งแต่เพราะยังไม่ได้อาบน้ำ เต็มไปด้วยเหงื่อกับกลิ่นกาแกขนมปัง ขณะที่เจ้าของร่างสูงมีกลิ่นน้ำหอมอ่อนติดตัว ทำเอาอดอายไม่ได้
ชายหนุ่มจอดรถไว้ตรงพื้นที่ที่สามารถให้คนนอกจอดได้แต่ต้องจ่ายเงิน ทั้งที่ความจริงเขาสามารถไปรอเธอที่ร้านใดร้านหนึ่งในห้างได้เลย เพราะเธอขึ้นรถไฟฟ้าไปเองได้อย่างสะดวกในเมื่ออยู่ไม่ไกล แต่เขาบอกว่าจะรอเธอจึงไม่กล้าแนะนำ
“ยังไงดิฉันจะรีบนะคะ เจ้านายจะได้ไม่ต้องรอนาน”
“ไม่เป็นไร ตามสบายเลย”
“แต่ว่า...”
“ใช้เวลาตามปกติของคุณเถอะ”
เมื่อเขาย้ำมาเป็นครั้งที่สองเท่ากับต้องตามนั้น กุลนารีจึงรับคำแล้วไปเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ชายหนุ่มก่อนจะรีบไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย
แม้จะพยายามให้เร็วแล้วแต่ก็ยังตั้งสี่สิบนาที กำลังจะหยิบมือถือที่ชาร์จแบตไว้ญาดาก็โทรมาเธอจึงนึกขึ้นได้ว่านัดเพื่อนสาวไว้
“ตายๆๆ จะบอกพริกยังไงเนี่ย”
บ่นกับตัวเองแล้วก็รีบรับสาย
‘พริกกำลังจะออกไปแล้วนะ’
“เอ่อ พริก คือว่า...วันนี้ทางไม่สะดวกแล้วล่ะ”
‘หา...ทำไมล่ะ’
“โดนเรียกด่วนนะจ้ะ”
เธอบอกเพื่อนได้เพียงเท่านี้จริงๆ ไม่กล้าพูดว่าต้องไปดูหนังกับเจ้านาย ไม่ได้กลัวเพื่อนเข้าใจผิด แต่เป็นเธอเองที่รู้สึกไม่ไว้ใจความคิดของตัวเอง
‘งั้นเหรอ วินคงยิ้มจนปากฉีก ตอนนี้หน้างออยู่’
ญาดาเอ่ยขำขันมาตามสาย ดูไม่ติดใจอะไรคงเพราะอีกฝ่ายค่อนข้างชินและรู้เกี่ยวกับงานที่เธอต้องทำเป็นอย่างดี
กุลนารีออกจากห้องทันทีหลังจากนั้น แล้วก็เห็นว่าร่างสูงกำยำนั่งไขว่ห้าง ดูมือถือของเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ร่างบางก้าวไปยืนใกล้ๆ ทว่าไม่กล้าเอ่ยขัดเกรงชายหนุ่มกำลังเช็กงานอยู่ กระทั่งอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาเอง
สายตาคู่คมจับจ้องเธอนิ่งแม้ใบหน้าจะเรียบเฉย ทว่าแววคมกล้าราวตรึงเธอเอาไว้ทั้งตัวเพื่อให้เขามองจนกว่าจะพอใจ แล้วก็เป็นชายหนุ่มที่เอ่ยขึ้นก่อน
“เสร็จแล้วเหรอ”
“ขอโทษที่ช้านะคะ”
พศินไม่เอ่ยอะไร ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ไปกันเถอะ ผมจองตั๋วรอบบ่ายไว้ เรากินข้าวกันก่อน ไปถึงคงใกล้เที่ยงพอดี”
ชายหนุ่มบอกขณะก้าวไปยังประตู ขณะที่กุลนารีได้แต่อึ้งที่เจ้านายของตนจัดการเรื่องตั๋วด้วยตัวเองโดยไม่รอเธอ ปกติหากเขาจะดูเธอจะจองไว้ให้ แต่ก็ไม่บ่อยนัก เท่าที่รู้มาพศินมักจะดูกับพนิดาน้องสาวเขา
หรือที่ก้มหน้าวุ่นอยู่หน้าจอมือถือเมื่อครู่เพราะซื้อตั๋ว?
และอีกสองชั่วโมงต่อมากุลนารีก็ได้รู้ว่า หนังที่เจ้านายตั้งใจมาดูนั้นเป็นเรื่องที่ตนอยากดู
“สวัสดีจ้ะแก้ม”
กุลนารีเงยหน้าจากมือถือของตน แล้วเผยยิ้มให้คนที่เข้ามาทัก
“สวัสดีค่ะพี่ยุ”
“กำลังจะไปกินข้าวเหรอ”
“ค่ะ”
เธอเหลือบไปด้านหลังชายหนุ่มที่ห่างออกไปเห็นว่ามีทีมออกแบบสามสี่คนยืนอยู่และมองมาด้วยสายตาสนอกสนใจ
“อืม แล้วรอใครอยู่ เพื่อนเหรอ”
“ค่ะ”
“อยากนัดแก้มกินข้าวสักมื้อ เย็นนี้ว่างไหม”
หญิงสาวจ้องใบหน้าคมเข้ม พยายามสังเกตความนัยที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ แม้จะว่างแต่เธอรู้สึกว่ายังไม่พร้อมพูดคุยกับศตายุตามลำพัง ไม่แน่ใจว่าเขาต้องการอะไร เธอไม่ได้รังเกียจชายหนุ่มและต่างก็จบกันด้วยดีก็จริงแต่ขาดการติดต่อกันมานานแล้ว เธอจึงเหมือนไม่ค่อยสนิทใจเท่าไร
ขณะนั้นญาดากำลังเดินมาพอดี กุลนารีจึงเปลี่ยนเรื่องไปแทน
“เพื่อนแก้มมาแล้วล่ะค่ะ”
“แล้วนัดล่ะ”
อีกฝ่ายยังไม่ยอมจบ
“ถ้าแก้มยังไม่แน่ใจ หรือไม่สะดวกเป็นวันอื่นก็ได้นะ พี่ขอเบอร์แก้มไว้ก็ได้ ลองไล่หาดูไม่เห็นแล้วน่ะ”
หญิงสาวแทบจะถอนหายใจทว่าก็ยั้งเอาไว้แล้วบอกเบอร์ไป
“บล็อกเพิ่มชื่อไลน์ไว้หรือเปล่า พี่แอดไปได้ใช่ไหม”
“ได้ค่ะ”
เมื่อญาดามาถึงก็ถามเธอด้วยสายตาแล้วเหลือบมองชายหนุ่มนิดๆ อีกฝ่ายเองก็หันไปยิ้มให้เพื่อนของเธอ ก่อนจะย้ำอีกครั้ง
“แล้วพี่ติดต่อไปนะ”
กุลนารียิ้มรับอีกฝ่ายก็ผละไป เมื่อกลุ่มแผนกออกแบบเดินไปแล้วญาดาก็จับแขนเธอเขย่าเบาๆ
“ใครเหรอ”
“แฟนเก่า”
“ฮึ้ย...จริงอ่ะ เข้ามาคุยด้วย มาขอเบอร์แบบนี้ อยากรีเทิร์นแน่เลย”
คนพูดตาวาววามแต่กุลนารีกลับไม่นึกตื่นเต้นแม้แต่น้อย เธอเพียงยิ้มแล้วพยักหน้าแบบงั้นๆ
“คงงั้นมั้ง”
“สงสัยคุณเลขาได้มีแฟนสมใจแล้วล่ะคราวนี้ แต่เขาเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่เหรอ ไม่เคยเห็นหน้า”
“จ้ะ”
“ทำไมแก้มดูเฉยๆ อะ”
“ไม่รู้สิ ไม่ได้คิดอะไรกันมาตั้งนานแล้วนี่นา ถ้าเขาสนใจแก้มจริงก็คงต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น”
“โห...ใจแข็งจัง ไหนบอกว่าอยากมีใครสักคนไง”
“อยากมี แต่มันก็ต้องเลือกหน่อยไม่ใช่เหรอ อีกอย่างแก้มก็ไม่ได้ชอบเขาแล้ว เฉยๆ อะ”
สิ่งที่เธอไม่กล้าบอกเพื่อนคือในใจของเธอกำลังมีเงาของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้น และกำลังก่อรูปร่างชัดเจนจนน่าหวั่นใจ
“ยังไงก็อย่าลืมอัปเดตบ้างล่ะ พริกเอาใจช่วยนะ”
สองสาวเดินไปคุยไปยังโรงอาหาร โดยที่กุลนารีไม่รู้ว่าขณะที่ตนเองยืนคุยกับศตายุอยู่นั้น รถของพศินที่นัดกินข้าวกลางวันข้างนอกกับหุ้นส่วนคนหนึ่งของบริษัทขับผ่าน ซึ่งปกติแล้วหากชายหนุ่มไม่มีนัดข้างนอก เลขาสาวจะเป็นคนสั่งอาหารแล้วถือขึ้นไปจัดใส่จานให้เจ้านาย
=====
เปิดตู้เสื้อผ้าที่ชายหนุ่มบอกว่าเป็นฝั่งของตนกุลนารีก็ต้องอึ้ง มีชุดนอนแขวนอยู่ราวตั้งใจให้เห็น เป็นชุดเครสสั้นสายเดี่ยวผ้าซาตินสีครีม ไม่แน่ใจว่าพศินเป็นคนจัดการหรือมารดาของเธอกับเขากันแน่ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ไม่เคยใส่ชุดนอนแบบนี้ แต่เสื้อผ้าที่เธอเอาไปฮันนีมูนก็ใส่ครบแล้ว และตอนนี้ก็ซักเสร็จเรียบร้อยเธอเพิ่งอาบเสร็จ ใส่เสื้อคลุมของชายหนุ่มอยู่ โดยพศินบอกให้ใส่เสื้อผ้าของเขาแทนเหมือนครั้งก่อน แต่เธอก็รู้สึกแปลกๆ ขณะนี้ชายหนุ่มอาบน้ำจึงดูนั่นนี่ไปพลาง แล้วก็มาเจอกับชุดนี้ ปากอิ่มกัดเบาๆ ครุ่นคิด ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจด้านหลังของเจ้าของร่างบางที่ยืนทาครีมอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งทำเอาคนเพิ่งออกมาจากห้องน้ำชะงักกึก ใจร้อนรุมขึ้นมาทันควัน หากก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วก้าวเข้าไปกอดอีกฝ่าย“ชุดคุณทำผมตื่นเต้นนะเนี่ย”เขาเอ่ยแซว ก่อนจะไล่จูบซอกคอหอมกับบ่าไหล่ขาวผ่องที่แทบจะไม่มีอะไรปกปิดอย่างรุกร้อน“อื้อ อย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ”กุลนารีท้วงเบาๆ ทว่าคนเป็นสามีก็ยังแตะไล้เนื้อผิวเธอไม่หยุด ไม่เพียงเท่านั้น มือหนายังเคลื่อนมาหาอกอวบอย่างรวดเร็วอีกด้วย“โอ๊ะ ไม่ใส่เหรอ?”คำถามที่น้ำเสียง
รถตู้คันโตของบ้านพศินมารับทั้งสองคนที่สนามบินหลังกลับจากฮันนีมูน กุลนารีเผลอหลับไปเพราะรถค่อนข้างติด และรู้สึกตัวเมื่อชายหนุ่มปลุก ก้าวลงจากรถตามร่างสูงกำยำก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“ที่ไหนคะ”หญิงสาวถามพศินพร้อมสีหน้างุนงง เมื่อเห็นลานจอดรถไม่คุ้นเคยชายหนุ่มยิ้มบาง มือหนาวางลงบนผมเธอแล้วโยกหัวเบาๆ ยื่นหน้ามากระซิบใกล้ๆ“คอนโดของเรา”“คอนโดเรา?”“ใช่ครับ”เขาตอบรับแล้วจับมือเธอให้เดินไปยังหลังรถที่คนขับรถยกกระเป๋าสองใบลงมาให้เรียบร้อยแล้ว“ขอบคุณครับลุงชิต”“ผมขนไปให้นะครับ”“ไม่เป็นไรครับ ที่เหลือผมกับแก้มจัดการได้ ว่าแต่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”“ครับผม คุณดารนีกับแม่ของคุณหนูจัดการดูแลทั้งหมดด้วยตัวเองเลยครับ”ลุงชิตคนขับรถตอบแล้วยื่นคีย์การ์ดให้พศิน ชายหนุ่มขอบคุณอีกครั้งก่อนจะบอกให้กลับไปได้ ขณะที่กุลนารีได้แต่ยืนงงงันว่าเรื่องอะไรกันแน่“มีอะไรเหรอคะ”“ไปคุยกันที่ห้องดีกว่า”เธอเดินตามชายหนุ่มอย่างมึนๆ พศินจัดการกับกระเป๋าทั้งสองใบด้วยตัวเอง แม้เธอจะช่วยเขาก็ส่ายหน้ากระทั่งมาถึงหน้าห้องหนึ่งชายหนุ่มก็ให้คีย์การ์ดกับเธอ“เปิดเข้าไปสิ”กุลนารีรับมาเปิด พศินพยักพเยิดให้เธอเดิน
“ไหนให้แก้มเริ่มไงคะ”เสียงหวานพร่าเบาชิดปากเขา ดูเชิญชวนจนคนถูกต่อว่าต้องกลืนน้ำลาย ยากเหลือเกินที่จะยั้งตัวเองได้ในเมื่อทุกสัดส่วนบนเรือนกายสาวที่เขาเคยสัมผัสมางดงามเย้ายวนนัก แม้ยามหลับตาก็ยังตราตรึงอยู่ในหัว ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งอยากจับร่างนวลลออกดลงมาด้านล่างแล้วล่วงล้ำโลดแรงเสียเดี๋ยวนี้ปากได้รูปเผยอเปิดรอโดยไม่พูดอะไร หากก็บ่งบอกชัดว่าเขาต้องการให้เธอต่อแล้ว กุลนารีผ่อนลมหายใจยาว รู้สึกคนตรงหน้าช่างยั่วเสียจริง เดี๋ยวเธอจะรุกให้เขาระทวยเลยคอยดูกุลนารีเข่นเขี้ยวก่อนแตะไล้ลิ้นตนบนกลีบปากกระด้าง ตั้งใจยั่วเย้าชายหนุ่มก่อนจะสอดแทรกพัวพันกับปลายลิ้นอุ่นอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานซ่านใจ มือบางลูบคลำอกหนากับกล้ามท้องเป็นมัดตามความพอใจ โดยลืมไปว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างสูงอ่อนระทวยทว่ายิ่งแกร่งกล้าขึ้นเท่าทวีคูณมากกว่าหญิงสาวถอนจูบย้ายมาขบเม้มใบหูอีกฝ่ายเมื่อคิดว่าตนเองน่าจะลองทำอย่างอื่นบ้าง แม้ในอกจะวูบวาบ เนื้อตัวร้อนผ่าว ทว่าก็อยากเดินหน้าปลุกกายหนุ่มต่อให้สำเร็จปลายลิ้นเล็กที่เลียเบาๆ ที่หูทำเอาพศินถึงกับต้องขบกรามแน่น ทั้งเจ้าตัวยังเปลี่ยนมาไล้ซอกคอเขาสลับเม้มแผ่วเบา มือหนา
ร่างบางยืนริมระเบียงกอดอกมองฝนที่โปรยปรายด้านนอกแล้วก็อดลูบแขนตนเองเพราะอากาศค่อนข้างเย็นไม่ได้ แต่เธอก็ชอบมอง ธรรมชาติแห่งขุนเขารอบทิศทางยามฝนตกให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำใจ คนที่แทบไม่มีเวลาได้พบเห็นความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ยิ้มบางครู่หนึ่งร่างกายเธอก็ถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นกับกลิ่นกรุ่นอันคุ้นเคย“อากาศเป็นใจดีจัง”เสียงทุ้มพึมพำ ใบหน้าขาวคมคายแนบแก้มกับเธอขณะวางคาง คมสันมาบนบ่า“คุณวีก็”เธอเพียงท้วงเบาๆ อย่างเขินอายที่ชายหนุ่มวกเข้ามาเรื่องนี้อีกแล้วนับแต่คืนวันแต่งงานพศินไม่เคยปล่อยให้เธอนอนนิ่งๆ จนหลับไปเลยสักคืน ทั้งสองคนแต่งงานเมื่อสองอาทิตย์ก่อนทว่าเพิ่งมีเวลามาฮันนีมูน ซึ่งจริงๆ แล้วชายหนุ่มกับกุลนารีไม่เห็นว่าจำเป็นอะไร แต่บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายอยากให้ใช้เวลาส่วนตัวด้วยกัน ทั้งคู่จึงพยายามเคลียร์งานและจองที่พักเป็นจังหวัดทางภาคเหนือ ช่วงปลายฝนเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศกำลังดี และกุลนารีโตที่ชลบุรี เธอได้เห็นทะเลบ่อยครั้งทว่ายังไม่เคยเที่ยวทางเหนือ พศินจึงตามใจ โดยมีญาดาช่วยเธอหาที่พักแสนโรแมนติกเหมาะกับคู่รัก‘บ่นว่าตัวเองไม่มีแฟนสักที สุดท้ายแต่งก่อนพริกอีกนะ’อีกฝ่ายแซ
“อะไรของแก”พ่อเธอสวนขึ้น ท่าทางไม่พอใจแต่มารดาจับแขนท่านแล้วพยักหน้าเล็กน้อย เห็นชัดว่าพ่อหงุดหงิด แต่กุลนารีลุกขึ้นก่อนแล้วเดินนำขึ้นไปชั้นบนเพราะคุยส่วนร้านด้านหน้าก็ต้องได้ยิน บิดายอมเดินตามเธอมาจนถึงชั้นสามซึ่งเป็นห้องของเธอ เป็นพื้นที่ที่กุลนารีคิดว่าน่าจะปลอดภัยเสียงไม่เล็ดลอดไปถึงแขก“แกมาขัดฉันทำไมห๊ะนังแก้ม แกก็เห็นว่าทางนั้นเขากำลังจะตกลงอยู่แล้ว”คุณสรรชัยเอ่ยเสียงเข้มทันทีที่ภรรยาของตนประตูปิดลง“มันมากไป พ่อเกรงใจบ้านคุณวีบ้างสิ แล้วก็พ่อไม่น่าพูดแบบนั้นเลย เรื่องแก้มกับเขามันต่างคนต่างเต็มใจ พ่อไปพูดเหมือนคุณวีล่วงเกินแก้มแบบนั้นได้ยังไง”เธอใส่เป็นชุด โมโหจนเสียงสั่นไปหมด“แกชักเอาใหญ่แล้วนะ ยังไงฉันก็เป็นพ่อแก ฉันมีสิทธิ์จะเรียกสินสอดแกเท่าไรก็ได้”“ไหนพ่อบอกว่าไม่ขายลูกกินไง แล้วนี่มันอะไร ถ้าพ่อเรียกขนาดนี้แก้มจะไม่แต่ง แก้มจะไปอยู่กับคุณวีเลย ไม่ต้องมีงานแต่ง สินสอดทองหมั้นอะไรทั้งนั้น”“นังแก้ม!”ร่างหนาของคุณสรรชัยพรวดเข้ามาหาลูกสาว ขณะที่หญิงสาวยืนนิ่งเชิดหน้าเข้าหา พร้อมรับมือเต็มที่ไม่ว่าจะเจอกับอะไร แต่คุณดวงกมลเข้ามาขวางสามีเอาไว้“อย่าพ่อ พ่อสัญญากับคุณวีเขา
‘แอบเก็บเงียบเลยนะคุณเลขา’ญาดาตัดพ้อมาตามสาย หากก็ไม่ได้ดูโกรธขึ้งวันนี้พศินกลับบ้านของเขา ชายหนุ่มบอกว่าจะไปคุยกับบิดามารดาเรื่องไปคุยกับที่บ้านเธอ ดูเหมือนเขาอยากไปภายในไม่กี่วันนี้ กุลนารียังกังวลว่าทางด้านครอบครัวของชายหนุ่มจะเห็นด้วยหรือไม่ กลัวกับสิ่งที่จะตามมาเมื่อครอบครัวของเขาไปเจอกับครอบครัวเธอ แต่ในใจส่วนลึกเธอมีความสุขกับคำขอแต่งงานจากพศิน“มันเกิดขึ้นเร็วน่ะ แก้มก็ตั้งตัวไม่ติดเหมือนกัน”เธอบอกไปตามตรง เพราะตัวเองก็ยังสับสนกับความสัมพันธ์ที่แปรเปลี่ยนกะทันหันอยู่‘นึกว่าแอบคบกันมานานแล้วเสียอีก’เพื่อนสาวพึมพำราวไม่น่าเชื่อ“เรียกว่าแอบมองล่ะมั้ง แก้มพยายามไม่คิดอะไรกับเจ้านาย แล้วก็คิดว่าตัวเองทำได้มาตลอด แต่มาถึงจุดนึงกลับรู้ว่าไม่ใช่”หากเป็นคนอื่นเธอคงไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจอย่างละเอียด แต่เพราะเป็นญาดา และเรื่องก็มาถึงขั้นที่อาจจะลงเอยด้วยการแต่งงานซึ่งหากเกิดขึ้นจริงเธอก็อยากให้อีกฝ่ายรู้เป็นคนแรก เป็นเพื่อนเจ้าสาวกุลนารีมีฝันหวานๆ เรื่องความรักและการแต่งงานตามประสาผู้หญิงทั่วไป แต่เพราะเธอต้องเลือกครอบครัวก่อน แม้จะอยากได้รับความรักจากใครสักคนมาตลอด ทดแทนทางบ้านที่