LOGINเรื่องราวความรักลับ ๆ ระหว่างทั้งคู่ เธอเชื่อหมดหัวใจว่าเกิดขึ้นจากความรักระหว่างทั้งสอง แต่สำหรับเขานั้นไม่ใช่... เขาย้ำกับตัวเองอยู่เสมอว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการแก้แค้นเท่านั้น!!
View Moreเจ้าของร่างสูงยังโอบกอดเธอไว้จากด้านหลัง
ต่อให้ช่วงเวลาของการร่วมรักกันจบลงไปแล้ว แต่ชื่นชีวาก็รับรู้ได้ว่าความพิศวาสในเรื่องนั้นก็ยังไม่เลือนหายยังตลบอบอวลไปทั่วห้องนอนใหญ่บนเตียงกว้าง ไม่ใช่แค่เขาหากเธอเองก็ต้องการ เพราะทุกครั้งที่มีโอกาสได้แนบชิด มันทำให้หญิงสาวรู้สึกได้ว่าตัวเองมีคุณค่า อย่างน้อยที่สุดเรือนร่างของเธอก็สามารถดับความปรารถนาของเขาได้
“ต้องกลับแล้วค่ะ...”
เธออยากอยู่ต่อ อยากนอนอยู่ข้างเขาตลอดไป แต่ด้วยความจำเป็นส่งผลให้ต้องยับยั้งความคิดของตัวเองไว้
“คุณฌานคะ แจ่มต้องรี...”
ไม่มีโอกาสมากพอให้ได้เอ่ยถึงความจำเป็นหรอก เพราะทันทีที่เธอเปิดปากพูดในสิ่งที่เขาไม่อยากได้ยิน ชายหนุ่มก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้และจัดการปิดเสียงพูดของหญิงสาวด้วยเรียวปากชุ่มชื้น
ในขณะที่มือใหญ่ก็เลื่อนจากเอวคอดที่เขากอดกก ขึ้นมากอบกุมหน้าอกกลมแน่นของวัยสาว ส่งแรงบีบเคล้นราวกับเป็นของเล่นจนพอใจ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นปัดป่ายหัวนิ้วโป้งไปตรงยอดปทุมถัน
“อือ คุณฌาน”
เพียงไม่นาน... คนที่คิดจะจากไปก็เผลอตัวเผลอใจอ่อนระทวยในอ้อมกอดเขาอีกครั้ง อารมณ์ที่นิ่งเฉยไปแล้วถูกปลุกขึ้นมาด้วยการกระทำเนิบช้าไม่กี่อย่างและความต้องการแล่นพล่านไปทั่วร่างส่งผลให้เธอกล้าพอที่จะเคลื่อนมือไปวางไว้ที่ความเป็นชายของคนที่นอนเคียงข้าง
ปลุกให้มันตื่นจากความหลับใหลเพียงชั่วครู่ด้วยการรูดขึ้นรูดลงอย่างเบามือ ส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ เมื่อใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ความอ่อนนุ่มในตอนแรกก็เปลี่ยนเป็นความแข็งขืนราวกับโกรธเคืองที่ถูกแตะต้อง ซึ่งมีวิธีเดียวที่จะปลดปล่อยมันได้
“ขึ้น...”
และพอต่างคนต่างไปจนถึงขีดสุด ภายใต้ร่างกายของชื่นชีวาชุ่มชื้นไปด้วยเมือกใส ฌานก็เอ่ยปากสั่งการด้วยคำคำเดียว หากแต่เป็นคำที่มีความหมายและทำให้อีกฝ่ายเข้าใจได้
ในทันทีที่เขาปล่อยให้เธอเป็นอิสระ หญิงสาวก็รีบทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะ ‘ขึ้น’ ตามที่เขาสั่งด้วยการคร่อมไปที่ร่างสูง จับแก่นกายของชายหนุ่มไว้ในมือ จากนั้นก็ ‘นั่ง’ ลงไป ท่ามกลางเสียงครางอย่างเร่าร้อนของคนสองคนที่ดังประสานกันไปทั่วบ้าน
เมื่อร่างกายอวบอัดรับเขาเข้ามาจนสุดลำ เจ้าของใบหน้างามที่ประจำตำแหน่งด้านบนก็เริ่มขยับด้วยการโยกเบา ๆ ในคราวแรก เพิ่มความรุนแรงขึ้นในคราวหลัง และปิดท้ายด้วยจังหวะที่เขาชอบ หาจุดกึ่งกลางระหว่างตัวเองกับชายหนุ่มที่อยู่ใต้ร่าง
ด้านฌานเองก็ไม่รอเฉย ๆ ให้เธอจัดการเขาเพียงฝ่ายเดียว เพราะหลังจากที่เข้าได้เข้าเข็ม ร่างสูงก็ลุกขึ้นนั่งโดยใช้มือข้างหนึ่งโอบกอดเอวคอดของเธอไว้ ส่วนมืออีกข้างนั้นมีหน้าที่บีบเคล้นไปที่โนนเนื้อที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
ในขณะที่เธอปรนนิบัติด้วยช่องแคบของความเป็นหญิง เขาก็มอบความเคลิบเคลิ้มให้กับเธอด้วยมือและปาก ลิ้นร้อน ๆ ตวัดไปมาบนยอดอกที่สวยงาม มีดูดบ้าง เม้มบ้างเพื่อส่งมอบความเสียวซ่านให้กับเจ้าของร่างที่โยกย้ายสะโพกในจังหวะที่เขาพึงใจ
เพียงไม่นาน ไม่นานจริง ๆ ชื่นชีวาก็ปลดปล่อยเสียงครางออกมา แบบที่มองออกว่าเธอไม่น่าจะรู้ตัวเลยด้วยซ้ำเพราะนอกจากมันจะดังขึ้นแบบที่ไม่คิดอายคนฟัง
เธอยังควบคุมทุกอย่างด้วยความรวดเร็วและรุนแรงที่ชัดเจนว่า ทุกอย่างได้ถึงฝั่งฝันซึ่งเขารู้ดีว่าท่าทางที่ทำอยู่ตอนนี้มันง่ายที่หญิงสาวจะสุขสมได้อย่างง่ายดาย
“ดี… มันดีจัง”
ชื่นชีวายังคงพึมพำไม่หยุดปากเพราะจังหวะ ท่าทาง และตำแหน่งที่วางมันส่งให้เธอกลายเป็นคนที่คุมเกมอยู่ โดยทุกการขยับเขยื้อนมันจะเป็นไปอย่างที่ชื่นชีวาพึงใจ
“แจ่มรักคุณฌานจังเลยค่ะ”
และหลังจากที่เธอปลดปล่อยเป็นครั้งที่เท่าไรของวันก็ไม่ทราบ เจ้าของเนื้อตัวขาวเนียนที่โอบกอดรอบคอก็มักจะเอ่ยออกมาอย่างนั้น
เฉกเช่นปกตินั่นแหละ เมื่อได้ยินแล้วฌานก็เลือกที่จะนิ่งเฉยให้กับมัน ไม่พูด ไม่ตอบ ไม่แสดงออกว่ายินดีหรือยินร้าย สิ่งเดียวที่เขาทำหลังจากที่เธอเสร็จด้วยท่านี้ ก็คือการเหวี่ยงตัวหญิงสาวลงไปบนเตียง บังคับให้นอนคว่ำ
จากนั้นก็ดึงสะโพกกลมกลึงขึ้นมา ให้เธออยู่ในท่าโก้งโค้งเพื่อเปิดทางให้เขาได้สอดใส่ส่วนหนึ่งของร่างกายเข้าไป และเป็นเขาบ้างที่ ‘คุมเกม’ เป็นเขาบ้างที่เอาแต่ใจ...
เขาไม่ชอบแม่เธอ ฌานแสดงออกชัดเจนตั้งแต่ทั้งสองท่านยังไม่เริ่มต้นชีวิตกันด้วยซ้ำ และอันที่จริงอาจจะไม่ชอบผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของโตมร เพราะแม่แท้ ๆ ของเขาเพิ่งเสียไปก่อนหน้านั้นได้ไม่กี่ปี ทรัพย์สินที่มีส่วนใหญ่ก็มาจากการทำงานตรากตรำของท่าน แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อท่านไม่อยู่ แต่กลับมีผู้หญิงอายุอานามที่อ่อนกว่าพ่อตัวเองกว่ายี่สิบปีเข้ามาในชีวิตจึงไม่แปลกหรอกที่ตอนนั้นเขาจะอาละวาดบ้านแทบแตก และหนีไปอยู่เพียงลำพัง“พี่ก็เข้าใจนะ โต ๆ กันแล้ว จะให้ทำเหมือนพี่น้องก็คงไม่ได้”“อีกอย่างก็ ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันด้วยนี่... ใช่ไหม?”ชื่นชีวาฟังคนนั้นถาม คนนี้สงสัย... จะไม่มีท่าทีอึดอัดใจหรอก ถ้าเธอกับฌานไม่ได้มีความสัมพันธ์กันทางกาย เพราะเธอก็คิดเหมือนอย่างที่พี่ ๆ บอกนั่นแหละ โต ๆ กันแล้ว คงตลกที่จู่ ๆ ก็ต้องกลายมาเป็นพี่น้องทั้งที่ไม่ได้มีสายเลือดเกี่ยวข้องกัน“ใช่ค่ะ... คุณฌานย้ายออกมาตอนที่ผู้ใหญ่แต่งงานกัน ส่วนแจ่มก็อยู่ในบ้านนั้นต่อ เพิ่งจะมาเจอกันก็ตอนทำงานนี่แหละค่ะ” เพราะบรรยากาศพาไปล่ะมั้ง ชื่นชีวาเลยพูดมาเกินกว่าปกติ อีกทั้งพูดถึงเรื่องครอบครัวที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนอี
หลังเลิกงาน... กว่าจะรอพี่ ๆ ทำงานเสร็จจนครบทุกคน ชื่นชีวาก็ต้องรอแล้วรออีก กว่าจะออกมาจากบริษัทได้ก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มตรงซึ่งทุกคนก็พร้อมสำหรับการไปดื่มมาก ไม่มีใครงอแงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือแต่งตัวให้ดีกว่านี้เลย บางคนอยู่ในชุดขาสั้น บางคนเป็นเสื้อผ้าใส่ทำงานแบบสบาย ๆ หรือไม่ก็พากันลากแตะด้วยซ้ำและร้านที่เลือกจะมานั่ง ก็เป็นเพียงบาร์เล็ก ๆ แถวที่ทำงาน เหล่าบรรดาพี่ ๆ ดูเหมือนว่าจะมาที่นี่กันเป็นประจำ ดูจากการสั่งแบบคล่องปาก ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของอาหารหรือเครื่องดื่ม ต่างก็มีของที่แต่ละคนโปรดปรานซึ่งพวกเขาก็ไม่ลืมที่จะจัดการให้ชื่นชีวา เธอกลายเป็นดาวเด่นของงานไม่เพียงเท่านั้นยังถูกใส่ใจเป็นคนสำคัญ ต่างกับตอนที่ใช้เธอทำงานเป็นเบ๊ราวฟ้ากับเหว“อยากกินอะไรเพิ่มก็สั่งเลยนะแจ่มใส เดี๋ยวพวกพี่เลี้ยงเอง” หนึ่งในนั้นตะโกนบอก ส่วนคนที่เหลือก็พยักหน้ายืนยัน “ถือเป็นการต้อนรับ ถึงจะดูเหมือนข้ออ้างไปหน่อยก็ตาม”ซึ่งมันทำให้คนที่ไม่เคยถูกเอาใจใส่มาก่อนยิ้มออกมากลายเป็นว่าความอึดอัดใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดจากการทำงานทั้งเมื่อวานและวันนี้มลายหายไปเหลือไว้เพียงจุดเริ่มต้นของความสนิทสนมที่ค่อย ๆ ก่อตัว
“เค้กน่ากินมาก ๆ”“ทานให้อร่อยนะคะ” ระหว่างที่พูดออกไป ชื่นชีวาก็ลอบมองไปทั่วใบหน้าของสาวงามที่ฌานพาเข้ามาในบริษัท จากตอนแรกที่เธอน้อยใจเขา คราวนี้สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาในจิตใจก็คงเป็นการน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองบ้างเพราะคะนึงนิจไม่ได้งามล้ำที่ภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่กิริยา ท่าทาง รวมไปถึงสิ่งที่สื่อผ่านออกมาทางแววตาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นผู้ดีมีสกุลเรียกได้ว่ามีออร่าแผ่หลาออกมาจนทำให้คนที่เกิดชุมชนแออัดอย่างเธอตาพร่าคนนี้แหละที่สมควรเป็นตัวจริง... หรือถ้าสักวัน ฌานเลือกที่จะเปลี่ยนใจ อยากมีครอบครัวขึ้นมาก็คงเป็นผู้หญิงอย่างคะนึงนิจนี่แหละที่จะเปลี่ยนความคิดเปลี่ยนเป้าหมายของเขาได้คิดแล้วก็เศร้า... ชื่นชีวาจึงเดินออกจากห้องทำงานของผู้บริหารหนุ่มด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวนัก แต่ก็มาดีขึ้นเมื่อเดินเข้าแผนกมาแล้วเห็นเหล่าพี่ ๆ กำลังพูดคุยกันด้วยท่าทีผ่อนคลายดูเหมือนว่ากาแฟที่แต่ละคนดื่มเข้าไปจะทำให้ความง่วงเหงาหาวนอนดีขึ้นมาบ้างนอกเหนือจากการทำงานที่เคร่งเครียด แต่ละคนจึงมีอารมณ์ที่สดชื่นมากพอที่จะทำอย่างอื่นเช่นการหาเรื่องสังสรรค์กันระหว่างที่ชื่นชีวากำลังเดินเข้าไปนั่งโต๊ะประจำของตัวเอง
แต่เพียงเสี้ยววินาที รอยยิ้มของชื่นชีวาก็ต้องหายวับ เรียวปากโค้งมนเมื่อสักครู่ก็กลับกลายเป็นเหยียดตรง แก้มที่แดงระเรื่อตลอดเวลาก็แปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด ไม่เพียงเท่านั้นดวงตาเฉี่ยวสวยคู่งามก็ยังเต็มไปด้วยความหม่นหมอง เมื่อมีโอกาสได้เห็นว่าฌานไม่ได้ยืนอยู่ลำพัง หากยังมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนข้างกายแถมแขนของทั้งสองคนยังเกาะเกี่ยวกันไว้ ไม่บอกก็ควรรับรู้ได้ ว่าความสัมพันธ์ที่มีให้กันนั้น มันลึกซึ้งเกินกว่าที่จะเป็นคนรู้จัก ซึ่งความใกล้ชิดในระดับนี้... แม้แต่เพื่อนสนิทก็เป็นไม่ได้เพียงแต่ชื่นชีวาไม่เคยเห็นมาก่อน อันที่จริงไม่ยักจะรู้ด้วยว่าเขามีผู้หญิงคนอื่น เมื่อความสัมพันธ์ลับ ๆ ของเธอกับเขายังคงดำเนินต่อไปเช่นปกติ ชายหนุ่มไม่ได้มีท่าทีว่าจะเลิกรากับเธอ ความต้องการของเขายังคงสม่ำเสมอ และบางทีก็มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะเธอไม่ได้เป็นเด็กเหมือนเมื่อก่อน หากแต่อยู่ในวัยทำงานที่ไปไหนมาไหนแบบอิสระได้“หมายความว่ายังไง...” ชื่นชีวาพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกชัดเจนว่าเสียใจด้วยความที่ยังเป็นเด็ก ด้วยอายุที่ห่างกันถึงสิบปี... เธอจึงไม่สามารถควบคุมสีหน้าและความรู้สึกของตัวเองได้อย่างที่อีกฝ่ายทำ





