“แต่แม่ตูนบอกว่าถ้าเกี่ยวกับอาบอลก็ต้องบอกค่ะ”
จบสิ้นประโยคไอ้บอลหันใบหน้ามาหาผมและขยับปากแบบไม่มีเสียงอีกครั้ง ไอ้สันขวานตามลูกแม่ไหมล่ะ มันตั้งใจบอกว่าต้องตาลูกผมได้เชื้อแม่มาเยอะหรือว่าเข้าข้างทางตูนประมาณนั้น
นี่ก็คือความฉลาดของเมียผมบวกกับความฉลาดของลูกเข้าไปสร้างความปวดหัวได้ทันทีที่ได้ฟังพาราคงได้ใช้แหละคืนนี้ ทางแก้ปัญหาเหลือแค่ความมืดมิดของทางตันเท่านั้นมองยังไงก็ไม่มีแสงสว่าง
“แต่ถ้าต้องตาบอกอาบอลต้องถูกตีแน่ๆ เลยค่ะ” คราวนี้ไอ้บอลสวมบทดารานำชายทำหน้าเศร้าแบกโลกเอาไว้ทั้งใบต่อหน้าลูกสาวผม อีกอย่างที่ผมอยากบอกมันคือเพื่อนที่ใช้คำว่าไอ้ปัญญาอ่อนได้เหลือเดนที่สุด “ถูกตีป้าบๆ”
“ต้องตาอยากเห็นอาบอลถูกตี”
นั่นไงลูกผมฉลาดไหม คำตอบที่ชวนหักมุมหักหน้าไอ้บอลซึ่งๆ หน้าไม่มีการลีลาอะไรให้มากความก็บอกแล้วว่าเด็กคิดอะไรก็จะพูดออกไปแบบนั้น ไม่กั๊ก
“ต้องตาลูก”
“ขาพ่อตาม”
เพียงแค่เอ่ยใบหน้าเล็กก็เงยขึ้นมองหน้าของผมอีกครั้งเพื่อไม่ให้ลูกสาวตัวเองมีอาการปวดเมื่อยลำคอตามหลังผมจึงอุ้มต้องตาเปลี่ยนท่าทางให้หันตัวมาทางตัวเอง เพราะฉะนั้นตอนนี้ลูกก็นั่งบนพาดขาของผมไปข้างหนึ่งโดยมืออวบเล็กยังถือโทรศัพท์แน่นเหมือนกลัวทำตก ผมไม่หวงสักนิดตกได้ก็ซื้อใหม่ได้
“แล้วต้องตาอยากให้แม่ตูนตีพ่อมั้ย?”
ศีรษะเล็กปฏิเสธทันที
“พ่อตามขาไม่ดื้อ แม่ตูนไม่ตีหรอกค่า”
ให้ตายสิเด็กน้อย จะรับรู้ไหมว่าพ่อคนนี้โดนไม่น้อยเลยเวลาลับสายตาของผู้เป็นลูก จิกข่วนทุกอย่างพ่อล้วนโดนมาหมดแล้วนับประสาอะไรกับครั้งนี้
“ถ้าอาบอลของต้องตาโดนรู้ไหมว่าพ่อก็โดนด้วย” ผมเชื่อนะว่าอย่างน้อยลูกคนนี้ก็ได้เชื้อจากผู้เป็นพ่อมาไม่น้อยเหมือนกันเช่นกัน จึงพยายามโน้มน้าวใจต้องตาโดยการฉุดเอาความน่าสงสารมาเป็นจุดเด่น “อาจโดนก้านมะยม”
“เจ็บๆ”
ถ้อยคำมาพร้อมกับอ้อมแขนอวบๆ กอดรอบเอวของผมทันทีในขนาดที่ความยาวของแขนอวบยังเอื้อมไม่ถึง ใบหน้าเล็กกลมแนบชิดกับหน้าท้องอาจเป็นเพราะได้ยินว่าก้านมะยมที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของต้องตาก็ได้นะ
ต้องตาไม่ถูกกับก้านมะยมเท่าไหร่นักถ้าจะสาวความยาวของเหตุการณ์ก็ประมาณสองอาทิตย์ก่อน ตูนใช้ก้านมะยมฟาดเพื่อทำโทษลูกแค่ทีเดียวก่อนหน้าที่ผมไปเห็นและคว้าตัวลูกมาอุ้มครั้งที่สองจึงถูกมือของผมเองแบบเต็มๆ เหตุการณ์นั้นทำให้ต้องตาร้องไห้สนั่นลั่นบ้านไปหลายชั่วโมง
และตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ระหว่างผมกับตูนก็ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่
“พ่อกลัวเจ็บ”
ติ้ง!
TOON’ TT : รู้ว่าอยู่ร้านไอติมรีบกลับบ้าน อย่าพาลูกเถลไถล
รอบคอบมาก
อยากได้ฉายาแม่บ้านปราบผัว2018 หรือไง
มันเป็นข้อความแรกที่ผมพึ่งได้จากคนที่ขึ้นชื่อว่าเมีย เชื่อเถอะถ้าต้องตาไม่ได้อยู่กับผมข้อความนี้ก็จะไม่ถูกส่งมาอีกเช่นกัน
สรุปสั้นๆ ก็คือตูนห่วงลูก
ผมจะเป็นตายร้ายดียังไงเธอไม่สนอยู่แล้ว
ไม่สนใจในที่นี้ไม่ใช่ว่าแค่เรื่องเดียวแต่มันเป็นทุกๆ เรื่องเลยต่างหากเช่น การพูดจาถามคำตอบคำ การพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ไม่ทำอาหารให้ เรียกได้ว่าสิ่งที่เป็นหน้าที่เมียเธอไม่ทำสักอย่าง
ผมโกรธเธอเรื่องใช้ก้านมะยมตีลูก
ส่วนตูน... เธอโกรธผมเรื่องไปเที่ยวกลับดึก
“ไม่บอกแม่ตูนแล้ว พ่อตามขาจะได้ไม่ถูกตี”
เสียงชัดแจ๋วพูดออกมาสร้างรอยยิ้มให้กับผมและไอ้บอล ส่วนหนึ่งก็มีความโลงอกโล่งใจด้วยแหละบอกเลยว่าผมไม่อยากทะเลาะอะไรกับเมียในช่วงนี้เพราะทั้งวันพรุ่งนี้และวันมะรืนเป็นวันหยุด เป็นวันครอบครัวที่ทั้งผมตูนและต้องตาต้องอยู่ร่วมกันทั้งวันทั้งคืน ขืนมีเรื่องทะเลาะก็ทำให้บรรยากาศเสียทั้งที่เป็นอยู่ก็ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วด้วย
ไม่อยากซ้ำเอาน้ำมันราดลงบนกองไฟ
“แบบนี้สิเด็กดีของพ่อ”
“แต่ตาต้องได้ไปเที่ยวทะเล พ่อตามขาไปพาหน่อยย...”
ใบหน้ากลมผละออกจากตัวของผมก่อนที่ต้องตาจะเงยหน้าขึ้นทำพร้อมกับกระพริบดวงตาโตถี่ๆ เป็นสัญญาณการออดอ้อนอย่างเต็มที่
“แลกเปลี่ยนกันแบบเลยเหรอค่ะต้องตาของอาบอล”
“ค่าอาบอล”
ฉันตกคำว่า ‘เมื่อก่อน’ ที่ควรอยู่หน้าคำว่าล้วนของประโยค“ทุกคนในครอบครัวที่ใช้นามสกุลประริชานันท์ก็ช่วยๆ คุณพี่ตาลดูแลงานกันหมดแหละยัยตูน คงเหลือแค่เธอเท่านั้นแหละที่หายหัว”ช่วยใช้ให้ล้มละลายมากกว่านั่นไง...ออกตัวขนาดนี้จะบอกว่ามรดกทั้งหมดเป็นของทุกๆ คนงั้นสิ ปัญญาอ่อนมาก ใครเชื่อก็ควายที่โผล่หน้ามาก็แค่อยากรับรู้ด้วยตัวเองว่าฉันมากระบี่เพื่อเรื่องอะไร คงกลัวว่าจะมารับมรดกจากคุณแม่มั้งคนเลวก็เลววันยังค่ำนั่นแหละเพราะฉันคนเดียวในตระกูลที่ไม่เคยย่างกายเข้ามาช่วยเหลืออะไรจากผู้เป็นแม่ เหมือนตัวเองตัดขาดออกไปด้วยซ้ำพอปรากฏตัวสองคนนี้ก็กลัวว่าฉันจะเข้ามาชุบมือเปิบในฐานนะลูกสาวคนเดียวของคุณแม่“ค่ะ ตูนไม่ได้ช่วยอะไรเลยเหมือนอย่างที่อากันบอกจริงๆ” การทำหน้าเศร้าสำนึกผิดมันเป็นแค่หน้ากากที่สร้างขึ้นมาเท่านั้นชั่วพริบตาฉันก็เลือกส่งรอยยิ้มกว้างไปหาอาทั้งสองคน “ขนาดไม่ได้ช่วย อยู่นิ่งๆ ทุกอย่างก็เป็นของตัวเองหมด”“หมายความว่าไง!”ทั้งสองพูดพร้อมกันทั้งกิริยาท่าทางแสดงถึงความตื่นตระหนกอยากสอดรู้สอดเห็น น่าสมเพชไม่แพ้กันเลยสักนิด“เอาเถอะๆ ”เสียงคุณแม่หยุดทุกอย่างก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายไ
ไม่มีทางที่จะไหว้แน่...“ต้องตาลูก”“ขา.... พ่อตาม”อย่านะพี่ตามอย่าเด็ดขาดฉันพยายามหันไปมองส่งสายตาห้ามเด็ดขาดกับสิ่งที่พี่ตามกำลังจะสั่งให้ต้องตาทำ รู้ไหมว่าถึงแม้จะอยู่ใกล้มันกับเหมือนว่าฉันอยู่ไกลจากตัวพี่ตามมาก“ไหว้คุณยายทั้งสองด้วยลูก” พอเห็นต้องตาพนมมืออวบเข้าหากันจากนั้นก็ทำความเคารพโดยไร้เสียงพูดฉันก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยแต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ทำเหมือนต้องตาแน่ ฉันไม่ไหว้ยอมเป็นเด็กใจแตกไม่มีมารยาทดีกว่า “เมื่อกี้พวกเรารีบไปหน่อย สวัสดีอีกครั้งนะครับ”พอเห็นพี่ตามไหว้ มารยาทดีมากผัวฉันแต่สายตาของผู้หญิงสองคนนั้นกลับมองมาทางฉันอย่างคาดหวังอะไรบางอย่าง“ต้องตาลูกไหนบอกแม่ว่าหิวไงจ๊ะ ให้พ่อตามขาพาไปทานขนมก่อนมั้ย?”“พ่อตามขา... พาไปหน่อย” ร้อยเอาร้อย พันเอาพันลูกอ้อนจากลูกสาวมีเหรอที่พี่ตามจะปฏิเสธได้ เผลอแป๊บเดียวลูกสาวของฉันก็อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อกำลังจะมุ่งหน้าไปห้องครัว “เดี๋ยวต้องตาเอาขนมมาฝากคุณยายนะค่า”“ยัยตูนสอนลูกมาดีนะ คุณน้องเกตดูสิประจบพี่ตาลใหญ่เลย”ตาล... คือชื่อของแม่ฉันพอร่างของพี่ตามกับต้องตาลับสายตาไปสงครามย่อมๆ กำลังจะปะทะขึ้นระหว่างฉันกับผู้หญิงตรงหน้
พื้นที่กว้างใหญ่อลังการสมกับฐานนะเจ้าของบริษัทส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งรายใหญ่ของภาคใต้และติด 1ใน 3 ของประเทศ บ้านที่ร่มรื่นประดับไปด้วยต้นปาล์มตั้งแต่ทางเข้าประตูบ้านเรียงรายไปสิ้นสุดตรงลานจอดรถที่ตอนนี้มีรถจำนวนหลายคันจอดซ้อนกันอยู่ แค่เบี่ยงสายตาไปก็รับรู้แล้วว่าเจ้าบ้านกำลังมีแขกมาเยือนแขกที่รู้ว่าผมกับเมียมา“สวัสดีค่ะคุณตูน คุณตาม”“สวัสดีจ๊ะ”ตูนขานรับโดยที่ยังอุ้มลูกอยู่ในมือส่วนสายตานั้นพลางมองสังเกตไปที่รถหลานคันจอดอยู่ เธออาจรู้ดีกว่าผมว่าเป็นรถใคร“ต้องตาลูกมาเดี๋ยวพ่ออุ้ม”สาวใช้เข้ามาทำหน้าที่ยกกระเป๋าไป ผมจึงเข้าไปคว้าตัวอ้วนๆ ของต้องตามาไว้ในอ้อมกอดโดยที่มีลูกสมัครใจมาก มือป้อมอวบสอดเข้ามาคล้องลำคอผมแน่นแน่นอนว่าต้องตาไม่ชินกับสถานที่ก็มีนิสัยแบบนี้กลัว... ประหม่า...“เข้าไปกันเถอะตูน”มืออีกข้างหนึ่งของผมโอบกอดร่างเล็กของตูนเข้ามาแนบชิดร่างของตัวเอง ผมรู้ว่าเธอไม่อยากเข้าไปสักนิดแต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทำตาม พอเข้าไปในบ้านหลังใหญ่โซนห้องรับแขกเท้าผมกับตูนก็ต่างชะงักหยุด“มันจะมาจริงเหรอ หายหน้าหายตาออกไปอยู่กับผัวเป็นปีๆ ไม่คิดกลับมาดูดำดูดีครอบครัวหรือโผล่หน้ามาให้เห็
ความคับแคบก็ยังเกิดขึ้นอยู่ ดีที่ผมใส่ไปครั้งเดียวแบบมิดสุดไม่รีรออะไรส่วนตูนนั้นก็เอามือเข้าคล้องลำคอผมแน่นอีกทั้งยังหายใจแรงสั่นแบบสม่ำเสมอใกล้ๆ ใบหู ไม่วายพลางจิกเล็บระบายความรู้สึกลงแผ่นหลังของผมไปตามระเบียบเหมือนอย่างที่เคยทำ “ขะ ขยับพี่ตาม ไม่ไหวแล้ว...” “ครับ” การขยับเกิดขึ้นไปตามระดับ แน่นอนว่าพอตูนขยับตัวออกมือของผมที่ตอนนี้อยู่ตรงสะโพกสวยก็สามารถดันสะโพกเธอเข้ามาใหม่ได้แทบนับครั้งไม่ถ้วน เสียงกระทบกันของเนื้อเกิดขึ้นเป็นจังหวะ ผมตั้งใจส่งเข้าไปด้านในตัวของตูนแบบเน้นๆ อัพเวลความถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผิวน้ำที่อยู่ในอ่างก็เกิดเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ คลื่นน้อยบ้างก็ล้นทะลักออกไปจากขอบอ่างก็มีพร้อมกับเสียงครวญครางไม่ได้ศัพท์ที่ต่างสลับสับเปลี่ยนกันเกิดขึ้น “อ่าส์...” จนทุกอย่างมันดำเนินการมาจนสุดทางร่างกายเล็กที่โอบกอดผมอยู่นั้นเกิดการสั่นไหวเล็กน้อยและเธอก็เปล่งเสียงหวานๆ ออกมาตามเสียงของผมแบบติดๆ “อ่า...” เส้นผมเปียกไหลลงมาปิดบังใบหน้าสวยที่มีสีแดงกร่ำอยู่แล้วผมจึงยื่นมือไปเกล
เล่นแบบนี้เลยเหรอตูนเหรอ แม่ง... “อื้ม...” กระทั่งหายหายใจร้อนๆ ปัดเป่าลงไล้เรียงข้างใบหูมาทีละนิดๆ วนเวียนเรียบเคียงตามสันกรามลงมาแบบแผ่วเบา ตูนเธอต้องการยั่วอารมณ์และกระตุ้นอารมณ์ของผมให้เกิดภายในเวลาเดียวกัน บอกได้เลยว่าเธอทำสำเร็จ ตอนนี้ภายในร่างกายของผมมันปั่นป่วนไปหมดเสมือนพายุร้ายกำลังก่อตัวขึ้นเพิ่มระดับความรุนแรงเรื่อยๆ ไร้การหยุดยั้งได้ ด้วยความอยากรุนแรงอยากปลดปล่อยใจแทบขาดแต่ก็ทำได้เพียงยืนนิ่งบีบแก้มก้นอันงามงอนของเธอเท่านั้น เย็นไว้ไอ้ตาม ยังไงมึงต้องเย็นไว้... กระทั่งปลายลิ้นเล็กเผยออกมาไล่เลียเคลื่อนที่ไปทีละนิดๆ กับริมฝีปากของผมเนิ่นนานจนถึงซอกลำคอริมฝีปากร้อนก็จัดการประทับจูบพรมซุกไซ้เลียถึงไหปลาร้าลงมันเรื่อยๆ กระทั่ง... ตูนอ้าปากงับหัวนมผม... ปลายลิ้นเล็กร้อนๆ เลียไปรอบๆ หัวนมจากนั้นไม่นานปลายลิ้นก็หยุดก่อนจะกระดกหยอกล้อเล่นเพิ่มความถี่เรื่อยๆ ไม่ไหวแล้ว... คราวนี้มันเกินความอดทนแล้วจริงๆ ผมตวัดอุ้มร่างเล็กขึ้นม
“อย่าตามบ้าจี้ด้วยคำพูดเฮียติเลย พี่ตามโตแล้วนะคะ” ใบหน้าสวยหวานของเมียดูมุ่ย ดวงตากลมโตจับจ้องตัวเองแบบขวางๆ ไม่พอใจในการกระทำของผม ท่าทางพวกนี้รวมๆ แล้วดูน่าตีมากกว่าน่าโกรธ ขอบอกเลยว่าการทำแบบนี้ของเมียมันไม่ได้ทำให้ผมกลัวสักนิด “ใช่พี่โตแล้ว มีลูกมีเมียแล้วด้วย” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและก็เชื่อว่าประโยคนี้อาจทำให้ตูนหัวร้อนตามมาติดๆ มันเป็นประโยคแก้ของประโยคที่ออกมาจากปากของตูนก่อนหน้า “โตแต่ตัวแต่สมองเท่ามดสิไม่ว่า” นั่นไงพูดไม่ทันขาดคำ “จะพูดอะไรก็คิดดีๆ หน่อยนะ” ผมปรายสายตาหลุบลงเพื่อเป็นเชิงบอกว่าเธอกำลังเสียเปรียบตัวเองมากเอาการอยู่เพราะผมประชิดตัวตูนอย่างรวดเร็วในขณะเธอกำลังล้างตัวที่เต็มไปด้วยฟองสบู่อีกอย่างฝักบัวนั้นก็มาอยู่ในมือของผมแทนที่ก่อนหน้าอยู่ในมือของตูน มือเล็กจึงว่างงานผลักตรงอกของผมออกแต่ก็นะแรงเล็กแรงน้อยหรือจะสู้คนอย่างผมได้ “งั้นพี่ตามก็ออกไปก่อนสิคะ” “จะปฏิเสธไม่ทำการบ้านอีกสิ” มันเรื่องปกติสำหรับผัวเมีย ใครเ