ยามรักน้ำต้มผักก็ยังหวาน พอผ่านไปไม่ถึงปีไอ้คนดีมันกับออกฤทธิ์แล้ว นิสัยธรรมดาโลกอาจไม่จำคู่เวรคู่กรรมอย่างฉันกับมันถึงต้องสู้กันเอง "บอกให้กลับบ้านกลับช่องไม่ใช่ไปซ่องหาสาว!" "เธอบอกไม่เคลียร์เองอย่าโทษกัน" ทุกวันมันก็เป็นแบบนี้น่าเบื่อหน่ายหยุดก็แพ้ตามก็เหนื่อย ไม่มีอะไรพอดีกับชีวิตฉันสักนิด โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย อย่าให้ฉันใช้ไม้ตายสุดท้ายนะไอ้ผัวเฮงซวย รับรองถ้ายังไม่กลับก็... "จะให้บอกลูกว่าไง พ่อกำลังจะหาแม่ใหม่ให้งั้นเหรอ?"
Voir plusตาม ภูมิรพี: TALK
@ร้านไอศกรีม Banana
“ไอศกรีมมาแล้วค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
สิ้นเสียงตอบรับถ้วยไอศกรีมแก้วใหญ่บนโต๊ะก็ถูกมือขาวอวบอั๋นขนาดเล็กเลื่อนไปด้านหน้าตัวเองท่าทางเตรียมพร้อมจะทานมากที่สุด สักพักในเวลาต่อมารอยยิ้มหวานถูกส่งผ่านมาทั้งที่ไอศกรีมรสช็อตโกแลตยังคาปากเล็กสีเชอร์รี่สุกอันจิ้มลิ้ม
ภาพน่ารักตรงหน้าชวนให้เกิดความสุขจนอดทำให้นิ้วมือเรียวขาวใหญ่มีเส้นเลือดปูดตามประสาผู้ชายเข้าไปเช็ดมุมปากที่เลอะออกมาอย่างเบามือ
เกือบห้าโมงเย็นแสงสุดท้ายของฤดูหนาวกำลังจะลาลับขอบฟ้าของเอเชีย โซนเอ้าท์ดอร์ชั้นสองของร้านไอศกรีมยังมีผู้คนคับคั่งเข้ามาใช้บริการกันเนืองแน่น ผมมาที่นี่หลายครั้งต่อหลายครั้งแต่ยังไม่เคยเห็นคนเยอะขนาดนี้ทั้งที่อากาศเย็นแต่ผู้คนก็ยังไม่ห่างจากของหวานที่ขึ้นชื่อว่าไอศกรีม โซนที่ผมนั่งอยู่มีหลายโต๊ะส่วนมากเป็นผู้หญิงทั้งนั้นไม่ว่าวัยทำงานวัยรุ่นมัธยมหรือแม้กระทั่งวัยนักศึกษา
ไอศกรีมคงเป็นของหวานสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจชั้นดีอีกทั้งยังดับความร้อนในช่วงบ่ายที่ถึงแม้จะอยู่ในช่วงฤดูหนาวแต่ก็อย่างที่ทุกคนสัมผัสได้เมืองไทยไม่ว่าจะฤดูไหนก็ร้อนเหงื่อแตกได้ทุกเมื่อไม่เว้นแม้แต่ฤดูหนาว ฤดูหนาวถ้าเป็นในเมืองหลวงก็แค่รู้สึกเย็นในตอนเช้าและตอนกลางคืนเท่านั้นเว้นแต่ปีนั้นๆ จะหนาวจริงหน่อย
“ไงมึงสบายดีนะ?”
เหอะ...
ไอ้คนถามไม่แม้แต่จะมองหน้าผมเลยสักนิดแต่กับลากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามออกก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงไปในไขว่ห้างกระดิกเท้าอย่างสบายอกสบายใจเหมือนไม่ทุกข์ร้อนห่าใดๆ สักนิด ประโยคเมื่อกี้มันประชดผมชัดๆ ไม่ตั้งใจถามเพื่อเอาคำตอบอะไรทั้งนั้นหรอกทว่าผมกับอยากตอบมันเหลือเกิน
“ตามึงก็เห็น”
“ตากูอยู่บ้านไม่ได้มาด้วยคงไม่เห็นมึงหรอกวะ”
ควาย...
ประโยคที่ผมพูดต่อแต่ไม่เปล่งเสียงออกมาได้ส่วนไอ้คนที่พึ่งตอบกวนตีนก็ยิ้มเยาะชอบใจส่งกลับมาแทน มันรู้ว่าผมตอบอะไรให้มัน ไอ้นี่มันชอบกวนส้นตีนเหลือเกินอยู่ดีๆ ไม่ดีจะตายมั้ง มันชื่อ ‘บอล’ ครับ เป็นเพื่อนผมคนนี้
มันเท่เบ้าหน้าก็พอเอาเข้าวัดเข้าวาได้แต่ถ้าจะถามถึงรูปร่างส่วนสูงโคตรดูดีระดับเดียวกับนายแบบ คิดดูแล้วกันว่าจะจัดให้มันอยู่ในระดับไหนส่วนผมให้เพื่อนเวรของตัวเองจัดอยู่ในระดับที่ดีมากถ้าไม่รวมกับปากหมาๆ ของมัน
“วันหลังมึงก็เอามาด้วยแล้วกัน ชีวิตกูมันน่าให้มึงเสือกเหลือเกิน”
แล้วผมก็พูดขึ้นอีกครั้ง ตอบมันอย่างไม่ใส่ใจไม่สนใจด้วยซ้ำว่าหน้าคนฟังจะมีสีหน้าท่าทางยังไงเพราะสายตาตัวเองจดจ้องกับอะไรบางอย่างซึ่งแน่นอนว่ามันสำคัญกว่าเพื่อนปากหมาๆ หลายเท่าตัว
“งั้นก็สมที่คนบาปอย่างมึงจะตกอยู่ในสภาพนี้”
“สภาพนี้ก็ดีกว่าตกอยู่กับพวกมึงไอ้บอล”
พวกมึง... บอกได้เลยว่าไม่ได้มีแค่ผมกับไอ้บอลเท่านั้นแต่ยังมีอีกหลายคนด้วยกัน เดี๋ยวพวกมันก็เข้ามาในชีวิตของผมเองนั่นแหละเข้ามาทีละคนสองคนหรือไม่ก็เข้ามาแบบรวบยอดทีเดียวเป็นกลุ่มแต่ไม่เข้ามามันจะสงบสุขมากกว่า
“ครับไอ้คุณตาม” ไอ้บอลมันยอมสงบปากหมาๆ ของตัวเองก็เพื่อหันไปยิ้มหวานจนตาหยีให้กับอีกคนหนึ่งที่นั่งเงียบทานไอศกรีมพร่องไปเกือบถ้วยใหญ่แล้ว “สวัสดีค่ะสาวน้อยต้องตาของน้าบอลคนหล่อ”
‘ตาม’ ชื่อของผมเองส่วน ‘ต้องตา’ เป็นชื่อลูกสาวคนเดียวของผมในปัจจุบัน ฟังไม่ผิดนะครับต้องตาเป็นลูกสาวของผมจริงๆ รู้แบบนี้แล้วคงไม่ต้องถามหาสถานะว่าโสดหรือเปล่า
มีลูกก็ต้องมีเมียไม่เห็นแปลก
“สวัสดีค่ะอาบอล”
ต้องตาวางช้อนไอศกรีมลงในถ้วยพนมมืออวบเล็กๆ ไหว้ไอ้บอลหลังจากนั้นก็กับไปสนใจสิ่งที่ชอบต่อโดยปล่อยให้คนถามกลายเป็นหมาหัวเน่าทันที
“ไม่น่าเชื่อ พ่อกับลูกโคตรเหมือนกันเลย”
ฉันตกคำว่า ‘เมื่อก่อน’ ที่ควรอยู่หน้าคำว่าล้วนของประโยค“ทุกคนในครอบครัวที่ใช้นามสกุลประริชานันท์ก็ช่วยๆ คุณพี่ตาลดูแลงานกันหมดแหละยัยตูน คงเหลือแค่เธอเท่านั้นแหละที่หายหัว”ช่วยใช้ให้ล้มละลายมากกว่านั่นไง...ออกตัวขนาดนี้จะบอกว่ามรดกทั้งหมดเป็นของทุกๆ คนงั้นสิ ปัญญาอ่อนมาก ใครเชื่อก็ควายที่โผล่หน้ามาก็แค่อยากรับรู้ด้วยตัวเองว่าฉันมากระบี่เพื่อเรื่องอะไร คงกลัวว่าจะมารับมรดกจากคุณแม่มั้งคนเลวก็เลววันยังค่ำนั่นแหละเพราะฉันคนเดียวในตระกูลที่ไม่เคยย่างกายเข้ามาช่วยเหลืออะไรจากผู้เป็นแม่ เหมือนตัวเองตัดขาดออกไปด้วยซ้ำพอปรากฏตัวสองคนนี้ก็กลัวว่าฉันจะเข้ามาชุบมือเปิบในฐานนะลูกสาวคนเดียวของคุณแม่“ค่ะ ตูนไม่ได้ช่วยอะไรเลยเหมือนอย่างที่อากันบอกจริงๆ” การทำหน้าเศร้าสำนึกผิดมันเป็นแค่หน้ากากที่สร้างขึ้นมาเท่านั้นชั่วพริบตาฉันก็เลือกส่งรอยยิ้มกว้างไปหาอาทั้งสองคน “ขนาดไม่ได้ช่วย อยู่นิ่งๆ ทุกอย่างก็เป็นของตัวเองหมด”“หมายความว่าไง!”ทั้งสองพูดพร้อมกันทั้งกิริยาท่าทางแสดงถึงความตื่นตระหนกอยากสอดรู้สอดเห็น น่าสมเพชไม่แพ้กันเลยสักนิด“เอาเถอะๆ ”เสียงคุณแม่หยุดทุกอย่างก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายไ
ไม่มีทางที่จะไหว้แน่...“ต้องตาลูก”“ขา.... พ่อตาม”อย่านะพี่ตามอย่าเด็ดขาดฉันพยายามหันไปมองส่งสายตาห้ามเด็ดขาดกับสิ่งที่พี่ตามกำลังจะสั่งให้ต้องตาทำ รู้ไหมว่าถึงแม้จะอยู่ใกล้มันกับเหมือนว่าฉันอยู่ไกลจากตัวพี่ตามมาก“ไหว้คุณยายทั้งสองด้วยลูก” พอเห็นต้องตาพนมมืออวบเข้าหากันจากนั้นก็ทำความเคารพโดยไร้เสียงพูดฉันก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยแต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ทำเหมือนต้องตาแน่ ฉันไม่ไหว้ยอมเป็นเด็กใจแตกไม่มีมารยาทดีกว่า “เมื่อกี้พวกเรารีบไปหน่อย สวัสดีอีกครั้งนะครับ”พอเห็นพี่ตามไหว้ มารยาทดีมากผัวฉันแต่สายตาของผู้หญิงสองคนนั้นกลับมองมาทางฉันอย่างคาดหวังอะไรบางอย่าง“ต้องตาลูกไหนบอกแม่ว่าหิวไงจ๊ะ ให้พ่อตามขาพาไปทานขนมก่อนมั้ย?”“พ่อตามขา... พาไปหน่อย” ร้อยเอาร้อย พันเอาพันลูกอ้อนจากลูกสาวมีเหรอที่พี่ตามจะปฏิเสธได้ เผลอแป๊บเดียวลูกสาวของฉันก็อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อกำลังจะมุ่งหน้าไปห้องครัว “เดี๋ยวต้องตาเอาขนมมาฝากคุณยายนะค่า”“ยัยตูนสอนลูกมาดีนะ คุณน้องเกตดูสิประจบพี่ตาลใหญ่เลย”ตาล... คือชื่อของแม่ฉันพอร่างของพี่ตามกับต้องตาลับสายตาไปสงครามย่อมๆ กำลังจะปะทะขึ้นระหว่างฉันกับผู้หญิงตรงหน้
พื้นที่กว้างใหญ่อลังการสมกับฐานนะเจ้าของบริษัทส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งรายใหญ่ของภาคใต้และติด 1ใน 3 ของประเทศ บ้านที่ร่มรื่นประดับไปด้วยต้นปาล์มตั้งแต่ทางเข้าประตูบ้านเรียงรายไปสิ้นสุดตรงลานจอดรถที่ตอนนี้มีรถจำนวนหลายคันจอดซ้อนกันอยู่ แค่เบี่ยงสายตาไปก็รับรู้แล้วว่าเจ้าบ้านกำลังมีแขกมาเยือนแขกที่รู้ว่าผมกับเมียมา“สวัสดีค่ะคุณตูน คุณตาม”“สวัสดีจ๊ะ”ตูนขานรับโดยที่ยังอุ้มลูกอยู่ในมือส่วนสายตานั้นพลางมองสังเกตไปที่รถหลานคันจอดอยู่ เธออาจรู้ดีกว่าผมว่าเป็นรถใคร“ต้องตาลูกมาเดี๋ยวพ่ออุ้ม”สาวใช้เข้ามาทำหน้าที่ยกกระเป๋าไป ผมจึงเข้าไปคว้าตัวอ้วนๆ ของต้องตามาไว้ในอ้อมกอดโดยที่มีลูกสมัครใจมาก มือป้อมอวบสอดเข้ามาคล้องลำคอผมแน่นแน่นอนว่าต้องตาไม่ชินกับสถานที่ก็มีนิสัยแบบนี้กลัว... ประหม่า...“เข้าไปกันเถอะตูน”มืออีกข้างหนึ่งของผมโอบกอดร่างเล็กของตูนเข้ามาแนบชิดร่างของตัวเอง ผมรู้ว่าเธอไม่อยากเข้าไปสักนิดแต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทำตาม พอเข้าไปในบ้านหลังใหญ่โซนห้องรับแขกเท้าผมกับตูนก็ต่างชะงักหยุด“มันจะมาจริงเหรอ หายหน้าหายตาออกไปอยู่กับผัวเป็นปีๆ ไม่คิดกลับมาดูดำดูดีครอบครัวหรือโผล่หน้ามาให้เห็
ความคับแคบก็ยังเกิดขึ้นอยู่ ดีที่ผมใส่ไปครั้งเดียวแบบมิดสุดไม่รีรออะไรส่วนตูนนั้นก็เอามือเข้าคล้องลำคอผมแน่นอีกทั้งยังหายใจแรงสั่นแบบสม่ำเสมอใกล้ๆ ใบหู ไม่วายพลางจิกเล็บระบายความรู้สึกลงแผ่นหลังของผมไปตามระเบียบเหมือนอย่างที่เคยทำ “ขะ ขยับพี่ตาม ไม่ไหวแล้ว...” “ครับ” การขยับเกิดขึ้นไปตามระดับ แน่นอนว่าพอตูนขยับตัวออกมือของผมที่ตอนนี้อยู่ตรงสะโพกสวยก็สามารถดันสะโพกเธอเข้ามาใหม่ได้แทบนับครั้งไม่ถ้วน เสียงกระทบกันของเนื้อเกิดขึ้นเป็นจังหวะ ผมตั้งใจส่งเข้าไปด้านในตัวของตูนแบบเน้นๆ อัพเวลความถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผิวน้ำที่อยู่ในอ่างก็เกิดเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ คลื่นน้อยบ้างก็ล้นทะลักออกไปจากขอบอ่างก็มีพร้อมกับเสียงครวญครางไม่ได้ศัพท์ที่ต่างสลับสับเปลี่ยนกันเกิดขึ้น “อ่าส์...” จนทุกอย่างมันดำเนินการมาจนสุดทางร่างกายเล็กที่โอบกอดผมอยู่นั้นเกิดการสั่นไหวเล็กน้อยและเธอก็เปล่งเสียงหวานๆ ออกมาตามเสียงของผมแบบติดๆ “อ่า...” เส้นผมเปียกไหลลงมาปิดบังใบหน้าสวยที่มีสีแดงกร่ำอยู่แล้วผมจึงยื่นมือไปเกล
เล่นแบบนี้เลยเหรอตูนเหรอ แม่ง... “อื้ม...” กระทั่งหายหายใจร้อนๆ ปัดเป่าลงไล้เรียงข้างใบหูมาทีละนิดๆ วนเวียนเรียบเคียงตามสันกรามลงมาแบบแผ่วเบา ตูนเธอต้องการยั่วอารมณ์และกระตุ้นอารมณ์ของผมให้เกิดภายในเวลาเดียวกัน บอกได้เลยว่าเธอทำสำเร็จ ตอนนี้ภายในร่างกายของผมมันปั่นป่วนไปหมดเสมือนพายุร้ายกำลังก่อตัวขึ้นเพิ่มระดับความรุนแรงเรื่อยๆ ไร้การหยุดยั้งได้ ด้วยความอยากรุนแรงอยากปลดปล่อยใจแทบขาดแต่ก็ทำได้เพียงยืนนิ่งบีบแก้มก้นอันงามงอนของเธอเท่านั้น เย็นไว้ไอ้ตาม ยังไงมึงต้องเย็นไว้... กระทั่งปลายลิ้นเล็กเผยออกมาไล่เลียเคลื่อนที่ไปทีละนิดๆ กับริมฝีปากของผมเนิ่นนานจนถึงซอกลำคอริมฝีปากร้อนก็จัดการประทับจูบพรมซุกไซ้เลียถึงไหปลาร้าลงมันเรื่อยๆ กระทั่ง... ตูนอ้าปากงับหัวนมผม... ปลายลิ้นเล็กร้อนๆ เลียไปรอบๆ หัวนมจากนั้นไม่นานปลายลิ้นก็หยุดก่อนจะกระดกหยอกล้อเล่นเพิ่มความถี่เรื่อยๆ ไม่ไหวแล้ว... คราวนี้มันเกินความอดทนแล้วจริงๆ ผมตวัดอุ้มร่างเล็กขึ้นม
“อย่าตามบ้าจี้ด้วยคำพูดเฮียติเลย พี่ตามโตแล้วนะคะ” ใบหน้าสวยหวานของเมียดูมุ่ย ดวงตากลมโตจับจ้องตัวเองแบบขวางๆ ไม่พอใจในการกระทำของผม ท่าทางพวกนี้รวมๆ แล้วดูน่าตีมากกว่าน่าโกรธ ขอบอกเลยว่าการทำแบบนี้ของเมียมันไม่ได้ทำให้ผมกลัวสักนิด “ใช่พี่โตแล้ว มีลูกมีเมียแล้วด้วย” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและก็เชื่อว่าประโยคนี้อาจทำให้ตูนหัวร้อนตามมาติดๆ มันเป็นประโยคแก้ของประโยคที่ออกมาจากปากของตูนก่อนหน้า “โตแต่ตัวแต่สมองเท่ามดสิไม่ว่า” นั่นไงพูดไม่ทันขาดคำ “จะพูดอะไรก็คิดดีๆ หน่อยนะ” ผมปรายสายตาหลุบลงเพื่อเป็นเชิงบอกว่าเธอกำลังเสียเปรียบตัวเองมากเอาการอยู่เพราะผมประชิดตัวตูนอย่างรวดเร็วในขณะเธอกำลังล้างตัวที่เต็มไปด้วยฟองสบู่อีกอย่างฝักบัวนั้นก็มาอยู่ในมือของผมแทนที่ก่อนหน้าอยู่ในมือของตูน มือเล็กจึงว่างงานผลักตรงอกของผมออกแต่ก็นะแรงเล็กแรงน้อยหรือจะสู้คนอย่างผมได้ “งั้นพี่ตามก็ออกไปก่อนสิคะ” “จะปฏิเสธไม่ทำการบ้านอีกสิ” มันเรื่องปกติสำหรับผัวเมีย ใครเ
Commentaires