กรงรักในมือซาตาน
ตอนที่ 22
(เห็นเต็มสองตา)
"หะ ห้องแดงอย่างนั้นหรือ"
"ค่ะ"
"ไหนบอกว่าต้องห้าม?"
"ท่านอนุญาตเลยเข้าไปได้ค่ะ"
คนที่ได้ยินคำตอบถึงกับย้อนถามติดขัด เมื่อความคิดนั้นเตลิดล่องลอย ไม่รู้ว่าตอนนี้มีความรู้สึกอะไรอยู่ภายใน หัวใจที่เต้นปกติกลับเต้นเร็วถี่ จึงย้อนถามซาดียะห์อีกรอบ และคำตอบที่ได้ทำให้ฟาตินนั้นถึงกลับเงียบทันที
(เข้าไปทำอะไรนะ)
ฟาตินนั่งจ้องมองดอกไม้สีสด พลางคิดในใจกับสิ่งที่ได้รับฟัง ทำให้นึกหวั่นในอก
"เข้าข้างในคฤหาสน์ไหมคะ นี่ก็ออกมานานแล้ว" ซาดียะห์เอ่ยถามอย่างนึกห่วง เพราะตั้งแต่ออกมาชมธรรมชาติเธอก็นิ่งเงียบไม่คิดปลีกตัวไปจุดไหน
"ยังจ้ะ ขออยู่แบบนี้อีกสักพักนะ" ฟาตินตอบรับเสียงเรียบนิ่ง สายตายังคงไม่ลดละจากดอกไม้ไปไหน เธอมองอยู่แบบนั้นอย่างคนเลื่อนลอย สีหน้าที่ไม่อาจเดาความรู้สึกได้ว่าตอนนี้เธอเป็นแบบไหน คนที่อยู่ใกล้จึงทำได้เพียงดูแลห่วงใยเท่านั้น
"ค่ะ"
เธอนั่งนิ่งแบบนี้อยู่นาน สายตามองไกลทอดยาวออกไปอย่างคนเลื่อนลอยไร้จุดหมาย จวบจนพระอาทิตย์ที่เปล่งแสงจ้าเลือนหาย ดวงตะวันเริ่มลาลับขอบฟ้าลงสู่พื้นพสุธาจนมืดมิด
"เข้าไปข้างในเถอะนะคะ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว อากาศข้างนอกก็เริ่มจะเย็นเดี๋ยวไม่สบายเอานะคะ" ซาดียะห์ที่เห็นควรแก่เวลา เอ่ยชวนด้วยหน้าที่อันต้องดูแลผู้หญิงของนายให้ดีไม่บกพร่อง
"อืม" ฟาตินพยักหน้าและแค่นเสียงตอบรับ
...รถเข็นที่มีฟาตินนั่งอยู่ถูกเข็นเข้ามาในตัวคฤหาสน์หลังโต สายตามองไปยังประตูห้องแดงอย่างพินิจจ้องมอง ในใจฉงนคิดมโนภาพอิริยาบถต่าง ๆ ของคนที่อยู่ด้านใน คงมีกิจกรรมหลากหลายให้กระทำ อยู่ ๆ หัวใจของเธอก็เต้นเร็วจนต้องวางมือทาบอก กำเสื้อแน่นจนเส้นเลือดผุดตามหลังมือ
"เป็นอะไรหรือเปล่าคะ? ทำไมสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย" ซาดียะห์จอดรถเข็นเยื้องกับห้องแดง แล้วเอ่ยถามเมื่อเห็นฟาตินดูแปลกไป ขยับเดินมานั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าแล้วจับมือของเธอกอบกุมไว้ด้วยความห่วงใย
"มะ ไม่เป็นอะไร แค่รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงผิดปกติ" ฟาตินรีบปฏิเสธและบอกเล่าให้หญิงรับใช้ฟัง
แอ๊ด เสียงประตูห้องเป้าหมายเปิดออกพร้อมกับหญิงสาวที่อยู่ในชุดของสาวรับใช้เดินออกมาพอดิบพอดี สายตาของฟาตินจ้องมองไม่กะพริบตา ยิ่งเห็นก็ยิ่งทำให้จังหวะหัวใจของเธอเต้นรัวเร็วดั่งกลองมโหรี
"ฮาน่า" ซาดียะห์เรียกขาน แต่เธอก็เดินเลี่ยงไปทางด้านหลังของคฤหาสน์โดยไม่ได้สนใจเสียงเรียกแม้แต่น้อย "ทำไมดูรีบร้อนนักนะ"
"ไปกันเถอะซาดียะห์ ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่?" ฟาตินบอกกล่าว เมื่อสิ่งที่เห็นทำให้หัวใจของเธอวูบไหว หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มือไม้ของเธอเริ่มสั่นเทาไปเสียหมดตามมโนภาพในห้วงความคิดในตอนนี้
"ได้ค่ะ ไหวไหมคะตอนนี้สีหน้าของคุณดูไม่สู้ดีเลย เหลืองซีดไปเสียหมด" ซาดียะห์รีบดีดตัวลุกยืนแล้วเดินอ้อมเพื่อจะพาคนที่ยังไม่หายดีกลับไปพัก
"สงสัยอากาศจะเย็นน่ะ ไม่มีอะไรหรอก อย่าห่วงไปเลยนะ" ฟาตินยิ้มอ่อนและปฏิเสธอาการเพราะไม่อยากให้ซาดียะห์กังวลมากจนเกินไป
...จวบเหมาะกับอีกคนที่หายหน้าไปนานหลายชั่วโมง เปิดประตูเดินออกมาพอดี ฟาตินจ้องมองหน้าเขาอย่างไม่คิดเกรง เพ่งพิศมองลึกจนทำให้ เชคฮ อานัส เดินเข้ามาใกล้ แววตาที่ฉายออกมาบ่งบอกถึงความรู้สึกบางอย่างที่เรียกธารน้ำตาของเธอให้ไหลรินโดยไม่รู้สึกตัว มันไหลออกมาจากความรู้สึกลึก ๆ ภายในอกโดยไม่รู้สาเหตุ
"หายดีแล้วหรือไงถึงได้ออกมาข้างนอกแบบนี้" อานัสเอ่ยถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ น้ำเสียงที่เคยแข็งกร้าวดุดันผันเปลี่ยนไปเมื่อพูดกับเธอในยามนี้ ที่เขานั้นพยายามจะปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อเธอ
"คุณฟาตินเธอขอมาสูดอากาศค่ะ อยู่ในห้องคงอึดอัด" เป็นซาดียะห์ที่ตอบแทน เพราะฟาตินนั้นเอาแต่นิ่งเงียบเท่านั้น
"ต่อไปเรียกเธอว่านายหญิง" อานัสหันไปออกคำสั่งกับซาดียะห์
".........." คนที่นิ่งก็ยังคงนิ่งไม่ไหวติง เพราะหูที่เคยได้ยินตอนนี้เหมือนดับมอดลง เพราะมีสิ่งที่เหมือนบาดลึกขั้วใจให้ขาดสะบั้นเจ็บแปลบ
"เป็นอะไร? ทำไมถึงร้องไห้" อานัสนั่งยอง ๆ แล้วเอ่ยถามเมื่อเห็นน้ำตาของเธอนั้นไหลรินอาบแก้มไม่หยุดหย่อน ไร้เสียงสะอึกสะอื้น ใช้นิ้วหัวแม่มือไล้เช็ดน้ำตาให้เธอแผ่วเบาจนเธอสะดุ้งรู้สึกตัว
"ร้องไห้?...เปล่าร้อง" เธอเรียกคืนสติพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลรินไม่รู้ตัว ก่อนจะพูดปฏิเสธออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
"ไม่ร้องไห้...แล้วทำไมน้ำตาถึงไหล" อานัสยังคงถามต่อด้วยความสนใจใครรู้ เพราะตอนนี้น้ำตาของเธอมีผลกระทบต่อจิตใจของเขาอย่างมาก
"สนใจทำไมกับแค่น้ำตา..." ฟาตินพูดเสียงนิ่งไม่มองหน้าชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้า
"เพราะว่ามันเป็นน้ำตาของเธอ" อานัสพูดขึ้นเสียงเรียบ ความหมายของคำที่เปล่งออกไปทำให้ฟาตินถึงกับชะงักงันไปชั่วขณะ ไม่เข้าใจว่าจะสื่อถึงอะไรทั้งที่การกระทำที่ผ่านนั้นก็ไม่ต่างจากการเห็นเธอเป็นที่รองรับอารมณ์โกรธ
"พูดอย่างกับมันมีค่ากับท่าน" ฟาตินพูดย้ำอีกครั้ง สิ่งที่หลุดจากปากชายผู้เเข็งกร้าวทำให้เธอใจสั่น แม้จะสื่อความหมายเป็นนัยยะให้เธอคิดก็ตาม
".........." อานัสเงียบในบัดดลไม่รู้จะตอบคนตรงหน้าคำไหน
"พาฉันกลับเธอซาดียะห์" เธอสั่งการกับหญิงรับใช้ด้วยความต้องการ เมื่อความเงียบเข้าปกคลุม
"......พานางไปพักเถอะซาดียะห์ เดี๋ยวเราชำระร่างกายเสร็จจะตามไป" อานัสเงียบชั่วครู่เมื่อฟาตินพูดจบ และออกคำสั่งกับหญิงรับใช้ในถัดมา แล้วจึงเดินจากไปเหมือนคนไร้ความรู้สึกและเย็นชา
"เห็นเต็มสองตาขนาดนี้ ถ้าไม่คิดไยดีกันจะกักขังไว้ทำไม?" ฟาตินพึงพำกับตัวเองแผ่วเบาขณะที่ซาดียะห์เข็นเธอไปตามทางเดินคฤหาสน์
...ห้วงความคิดที่ฉายประมวลภาพต่าง ๆ การอยู่ในห้องที่บอกว่าต้องห้าม ต้องได้รับอนุญาตเท่านั้นถึงเข้าไปได้ ความคิดไกลยิ่งทำให้น้ำตาของฟาตินนั้นรินไหล จนหยดกระทบกับฝ่ามือ ไม่รู้ว่ามันคือน้ำตาแห่งความเสียใจหรือว่าเป็นความรู้สึกผิดหวังกันแน่?
เธอไม่เข้าใจ?
**********
กาลเวลาผ่านพ้นไป ความรักมั่นไม่เคยเสื่อมคลาย บัดนี้รานีแห่ง เชคฮ อานัส ตั้งครรภ์บุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแค่รอให้กำเนิดทายาท มันทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงถึงกับศิโรราบ"เป็นอย่างไรบ้าง" ถามไถ่ภริยาที่มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทั้งที่ท้องแก่เจียนใกล้คลอด อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีด เชคฮ อานัส ค่อย ๆ ประคองภริยาให้เอนหลังพิงกับหัวเตียง จับยาหอมจ่อจมูกให้นางได้สูดดม"เหนื่อยค่ะ" จากน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนึกสงสารคนรักเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นแทนเสียเอง"ลูกคนนี้คงจะดื้อรั้นน่าดู ขนาดอยู่ในท้องยังทำแม่หอบเหนื่อยขนาดนี้""เหมือนท่านไงคะ" ฟาตินนางแย้งทันที แม้จะมีสีหน้าอ่อนแรง ทว่าปากของนางนั้นยังสามารถตอบโต้ได้อย่างลืมเหนื่อย"โธ่ ฟาตินที่รักตอนนี้ผัวน่ารักแล้วนะ" กลายเป็นคนขี้อ้อนเอาดื้อ ๆ ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีทายาท ราชกิจที่เคยจัดการ ก็รีบสะสางเพื่อมาคอยดูแลรานีอันเป็นที่รัก"น่ารักอะไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านยังชวน เชคฮ บราฮิม ไปฮาเร็มแบบนี้น่ารักตรงไหนคะ นึกแล้วโมโห!" ฟาตินที่จำไม่ลืม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวสวามีให้ผมหลุด ทั้งที่นางตั้งครร
พิเศษ : รักที่สุดแม้ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทของคนทั้งสองได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามเนื้อผิวหน้าและผิวกายของคนทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของรสสวาทนั้นมีมากล้นเกินบรรยาย ความโหยหายิ่งสร้างแรงกระสันให้แก่พวกเขา เธอพร้อมรองรับทุกแรงขับเคลื่อนตามที่เขานั้นปรารถนาตับ ตับ ตับ เอวหนาสวนเด้งกระแทกเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและถี่ในการควบเอวยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวนั้นแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกครั้งที่เขาถาโถมเอวสอบยิ่งทำให้ความกระสันในกายนั้นแทบมอดไหม้เป็นจุนดุจไฟเผา“อี๊ อึก อร๊าย”"เสียวที่สุด...อ่า...แม่งแตกเร็วจังวะ""ไม่ไหวแล้ว อะ ๆ...จะแตก"อ่า / ซี๊ด และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงของคนทั้งสองความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เมื่อชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาน้ำรักที่พุ่งฉีดอัดในมดลูกของเธอเต็ม ๆ“แฮ่ก ๆ ๆ”แรงหายใจหอบเหนื่อยของหญิงสาวที่นอนราบนิ่ง ดวงตาสวยจ้องมองชายหนุ่มด้วยรัก การสัมผัสที่ลึกซึ้งของคนทั้งสองยิ่งก่อความรักให้ทวีเพิ่มพูนกว่าเดิม“ฟาตินจ๋า”“อะไรคะ”เขาที่จ้องมองหน้าเธอที่อิดโรย เอ่ยเสียงหวานขึ้น พร้อมกับสายตาที่เดาได้ไม่ยาก
พิเศษ : รักไปแล้ว "ท่านอานัส!! อย่ามาแสร้งนะคะ มาอธิบายเดี๋ยวนี้เลย!""โอ๊ะ ๆ ๆ เจ็บ ๆ นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผัวเลยเหรอ....กล้าเกินไปแล้วที่รัก"เธอทุบตีลงอกของเขาเร็วถี่อย่างเจ็บใจ พูดพร่ำออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ และเริ่มรินไหลเป็นสายไม่หยุดหย่อนเขาไม่ต้องพูดมาก เธอก็พอจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่ามันคืออะไร แค่อยากจะฟังมันให้ชัดเจนก็เท่านั้น ว่าสิ่งที่เธอคิดมันคือความจริงที่เขาเสแสร้งแกล้งเธอ"ท่านมันคนเจ้าเล่ห์ คนหลอกลวง มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงได้ใจร้ายไม่จบไม่สิ้น อึก อึก ทำไมใจร้ายแบบนี้ ฮือ~~~รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน เจ็บหัวใจจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม ฮึก อึก ฮือ~~"เธอยังคงทุบตีเขาเรื่อยไป พูดพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตา จนเขาต้องรีบกอดเธอไว้แน่นอย่างห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเธอคงทุบเขาไม่หยุด"รักเราไหม""ไม่รักจะมาทนดูแล มาอยู่แบบนี้ทำไม...ท่านมันใจร้าย คนผีทะเล ฮือ~~ไม่ต้องมากอด! ปล่อยฟาตินเดี๋ยวนี้! ปล่อยเลย!"เธอพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขานั้นกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"จะปล่อยเมียตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ กว่าจะม
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
พิเศษ : น่าเบื่อ“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”“นายหญิงคะ?”“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”“แต่ว่า....”“ขอร้อง”เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ“อึก ฮึก”เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใ
พิเศษ : ลืมสองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป มุ่งตรงสู่ห้องส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีเครื่องใช้และเสื้อผ้าเพียบพร้อม เธอจัดการชำระร่างกายตามสมควร ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินกลับหาคนป่วยดังเดิม“นายหญิงคะ นายหญิง”ขณะเดินท้าวไปตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องของคนป่วย ระหว่างก็เห็นหญิงรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา“มีอะไรเหรอซาดียะห์”“นายท่านค่ะ นายท่าน”“ท่านอานัสเป็นอะไร”“นายหญิงรีบไปดูด้วยตาตัวเองเถอะค่ะ”สีหน้าที่เห็นและการบอกเล่าที่ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มใจไม่ดี เธอย้อนถามด้วยความพะวงใจ กลัวว่าคนที่นอนป่วยจะอาการทรุด แม้จะบอกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม“ท่านอานัส”เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นทำให้เธอนั้นขอบตาร้อนผ่าว เขาที่เคยนอนหลับตานิ่ง ตอนนี้ไหวติงกะพริบตาแล้วมองมาที่เธอ“ซาดียะห์ บอกอัมกาสด้วยนะว่าท่านอานัสฟื้นแล้ว และให้ตามหมอมาดูอาการด่วนเลย”“ค่ะนายหญิง”ฟาตินออกคำสั่งด้วยความดีใจ เธอรีบปรี่เข้าไปหา แล้วยืนเคียงข้างกายเขา พร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ ที่รินไหลอาบสองข้างแก้มเนียนใส“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”เธอเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ สายตากวาดมองตามร่างกา