Share

บทที่10

แนสซิริย์ยา – อาหารเย็น

พันเอกฮัดสันและเอลิซาต่างกำลังดื่มแชมเปญหมดแก้วที่สาม และบรรยากาศระหว่างทั้งสองได้กลายเป็นทางการน้อยลงอย่างชัดเจน  

“ ฉันต้องพูดเลย แจ็ก แมสกูฟ นี่เหมือนอาหารจากสวรรค์ แต่ฉันกินไม่หมด เยอะมาก”  

“ ใช่ มันยอดเยี่ยมจริงๆ เราควรฝากคำชมไปให้เชฟนะ”  

“ บางทีฉันควรแต่งงานกับเขา เขาจะได้ทำให้ฉันกินได้” เอลิซากล่าวโดยหัวเราะเกินจริงไปเล็กน้อย แอลกอฮอล์กำลังเริ่มออกฤทธิ์แล้ว  

“ ไม่ได้ เขาต้องเข้าแถวรอ ผมก่อน” เขาเสี่ยงกล่าวตลกโดยหวังว่าจะไม่เป็นการไม่เหมาะสมเกินไป เอลิซาแกล้งทำเป็นไม่สังเกตและเล็มปลาสเตอร์เจียนของตนต่อไป  

“ คุณยังไม่แต่งงานจริงเหรอคะ”  

“ ยัง ผมยังไม่เคยมีเวลาสำหรับเรื่องนั้น”  

“ นั่นเป็นข้อแก้ตัวเก่าๆ” เอลิซากล่าวโดยมองเขาแบบเขี้ยวลากดิน  

“ เอ่อ ที่จริงผมเกือบแล้วครั้งหนึ่ง แต่ชีวิตทหารไม่ไปด้วยกันกับการแต่งงานเท่าไร คุณล่ะ” เขากล่าวเพิ่มเติมโดยเปลี่ยนเรื่องไปจากเรื่องที่ยังคงทำให้ตนรู้สึกเจ็บ “คุณเคยแต่งงานไหม”  

“ พูดเล่นหรือเปล่าคะ และใครจะทนผู้หญิงที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปรอบโลกขุดใต้ดินเหมือนตัวตุ่นและเพลิดเพลินกับการทำลายหลุมฝังศพอายุเป็นพันๆ ปี”  

“ เข้าใจล่ะ” แจ็กกล่าวโดยยิ้มอย่างขมขื่น “เห็นได้ชัดว่าคุณไม่ได้เกิดมาเพื่อแต่งงาน” แจ็กยกแก้วขึ้นเสนอให้ดื่มให้แก่ความเศร้า “แก่เราสองคน”  

บริกรมาถึงพร้อมด้วย ซามูน 13

อบใหม่จากเตาอีกสองสามชิ้นซึ่งเป็นการดีที่ขัดจังหวะความเศร้านั้นพอดี  

แจ็กรู้สึกขอบคุณการขัดจังหวะนี้และพยายามขจัดความทรงจำเป็นระลอกที่ได้เข้ามาในใจอย่างกะทันหันให้ออกไปอย่างรวดเร็ว มันเป็นเรื่องที่ล่วงเลยไปแล้ว ตอนนี้แจ็กมีสาวงามนั่งอยู่ด้วย และแจ็กต้องสนใจเธอซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป  

 

ดนตรีเบาๆ ในฉากหลังนั้นดังกำลังดี เอลิซาดูสวยมากในแสงเทียนสามเล่มที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะ ผมมีประกายทองและทองแดง และแสงแดดทำให้ผิวเรียบนั้นเป็นสีน้ำตาลสวย ดวงตาคมเป็นสีเขียวเข้มที่สุด เอลิซากำลังพยายามใช้ริมฝีปากอ่อนนุ่มงับชิ้นปลาสเตอร์เจียนออกจากก้างที่ถืออยู่ระหว่างนิ้วมือ แสนจะเซ็กซี่  

 

เอลิซาจะไม่ยอมปล่อยให้จังหวะความอ่อนแอของพันเอกฮัดสันผ่านไปอย่างแน่นอน เอลิซาวางก้างบนขอบจานของตนและดูดน้ำจากนิ้วหัวแม่มือและนิ้วมือด้วยอาการเหมือนเฉยเมย เธอก้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วจ้องมองแจ็กอย่างจริงจังจนแจ็กกลัวว่าหัวใจของตนจะหลุดออกมาจากอกไปกองอยู่บนจาน  

 

เมื่อตระหนักว่าตนไม่ได้ควบคุมสถานการณ์อีกต่อไป พันเอกฮัดสันก็พยายามรวบรวมสมาธิ เขาแก่เกินกว่าจะประพฤติเหมือนเด็กนักเรียนที่เป็นไข้ใจ แต่มีบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับเอลิซาที่เขารู้สึกว่าน่าดึงดูดใจอย่างต้านทานไม่ไหว  

 

เขาหายใจลึกแล้วใช้มือเช็ดหน้าและพยายามกล่าวว่า “คุณคิดว่าเราจะกินชิ้นสุดท้ายนี้หมดไหม”  

เอลิซายิ้ม ค่อยๆ หยิบปลาสเตอร์เจียนอันโอชะชิ้นสุดท้ายและนำขึ้นมาที่ปากโดยนั่งโน้มตัวไปด้านหน้า ในท่านั้นคอของชุดถ่วงลงเล็กน้อย เผยให้เห็นทรวงอกเต่งตึง แจ็กซึ่งเขินอย่างเห็นได้ชัดเพียงแต่กัดคำเล็กๆ อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงตอนที่เอลิซาใช้นิ้วมือของเธอสัมผัสกับริมฝีปากของเขา เขารู้สึกถึงความตื่นเต้นที่เพิ่มขึ้น เอลิซากำลังเล่นกับเขาเหมือนแมวแหย่หนู และแจ็กไม่สามารถป้องกันตัวเองได้  

 

แล้วด้วยอาการเหมือนเด็กสาวไร้เดียงสา เอลิซากลับไปนั่งพิงพนักเก้าอี้ประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นและส่งสัญญาณเรียกบริกรผอมสูงผู้เข้ามาหาในทันที  

“ ฉันคิดว่าถึงเวลาของชากระวานบ้างแล้ว คุณว่าไงคะแจ็ก”  

แจ็กผู้เพิ่งฟื้นตัวจากเหตุการณ์ก่อนหน้าพูดตะกุกตะกักคล้ายๆ ว่า “เอ่อ ครับ ตกลง...” แจ็กดึงเสื้อคลุมให้ตึงแล้วพยายามใช้น้ำเสียงสบายขึ้นกล่าวว่า “ผมเชื่อว่ามันดีมากสำหรับการย่อย”  

แจ็กตระหนักว่าได้กล่าวบางสิ่งบางอย่างน่าขันออกไป แต่ในเวลานั้นแจ็กคิดอะไรไม่ออก  

“ ทั้งหมดนี้น่ารื่นรมย์ใจมากค่ะแจ็ก เป็นค่ำคืนที่น่ารัก แต่เราต้องไม่ลืมเหตุผลที่เรามาพบกันคืนนี้ มีบางอย่างที่ฉันต้องให้คุณดู จำได้ไหมคะ”  

ในจังหวะนั้นพันเอกฮัดสันกำลังคิดถึงอะไรก็ตามที่ไม่ใช่งาน  

 

อย่างไรก็ตาม เอลิซาพูดถูก มีสิ่งที่กำลังเสี่ยงอยู่ที่สำคัญกว่าการเกี้ยวพาราสีโง่ๆ แต่ความจริงคือ สำหรับเขาแล้วการเกี้ยวพาราสีไม่ได้ดูเป็นอะไรโง่ๆ เลย  

“ แน่นอน” เขาตอบโดยพยายามนำสีหน้าทรงอำนาจกลับมา “ผมอดใจรอดูสิ่งที่คุณค้นพบไม่ไหว”  

 

ณ จุดนี้ ชายอ้วนในรถยนต์ใกล้เคียงผู้กำลังฟังทุกสิ่งทุกอย่างตะโกนขึ้นว่า “แพศยา ! ผู้หญิงเหมือนกันหมด ตอนแรกทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังจะพาเราไปดวงจันทร์แล้วกลับทิ้งเราลงมาเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น”  

“ ฉันคิดว่าสิบดอลลาร์ของนายจะมาอยู่ก้นกระเป๋าของฉันในไม่ช้า” ชายคนผอมกว่ากล่าวแล้วหัวเราะอย่างจริงจังตามหลังความเห็นของตน  

“ ว่ากันตามจริง ฉันไม่สนแม้แต่นิดเดียวว่าใครจะได้ขึ้นเตียงกับอาจารย์นั่น อย่าลืมว่าเราอยู่ตรงนี้แค่เพื่อหาว่าอาจารย์เขารู้อะไร” ในขณะที่เขาพยายามหาท่านั่งให้สบายขึ้นเนื่องจากหลังกำลังปวด เขาก็เพิ่มเติมว่า “เราน่าจะหาวิธีใส่กล้องเข้าไปในไอ้ภัตตาคารนั่นนะเนี่ย”  

“ ใช่ ใต้โต๊ะยิ่งดี แบบนั้นเราคงได้มองดูขาอ่อนของเธอเต็มๆ”  

“ ไอ้บ้า ไอ้โง่ที่ไหนเลือกนายมาทำภารกิจนี้เนี่ย”  

“ เจ้านายไงเพื่อน และฉันขอแนะนำว่านายไม่ควรดูถูกท่าน ท่านรู้เรื่องอุปกรณ์ดักฟัง และท่านอาจดักฟังรถคันนี้แล้วด้วยซ้ำ”  

ชายร่างใหญ่เสียวสะดุ้ง ชั่วขณะหนึ่งเขานึกว่าหัวใจของตนได้หยุดเต้นไปแล้ว เขากำลังพยายามสร้างอาชีพการงาน และการดูถูกเจ้านายโดยตรงของตนไม่ใช่วิธีก้าวหน้าแน่ๆ  

“ หยุดคุยไร้สาระ” เขากล่าวโดยพยายามให้ฟังดูจริงจังและเป็นมืออาชีพ “แค่คิดเรื่องทำงานนี้ต่อและกลับไปฐานพร้อมกับอะไรเป็นรูปธรรมกันเถอะ” ขณะที่เขากำลังพูดเช่นนี้ เขาก็เหม่อมองไปที่จุดจุดหนึ่งในความมืดยามค่ำคืนซึ่งเป็นจุดที่มีขอบเขตไม่ชัดเจนเมื่อมองผ่านกระจกหน้ารถที่เป็นไอน้ำเล็กน้อย  

 

 

เอลิซานำคอมพิวเตอร์สุดรักออกจากกระเป๋ามาวางบนโต๊ะแล้วเริ่มเลื่อนดูรูปถ่ายต่างๆ พันเอกฮัดสันผู้เกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาพยายามมุ่งความสนใจไปที่บางสิ่งบางอย่าง แต่มุมไม่เอื้ออำนวย เมื่อพบสิ่งที่หาอยู่แล้วเอลิซาก็ลุกขึ้นและขยับไปยังที่นั่งติดกับเขา  

“ ทีนี้” เอลิซาเริ่มต้น “ทำตัวให้สบายค่ะ เรื่องมันยาว ฉันจะพยายามสรุปให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”  

เอลิซาเลื่อนดูจอของคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็วแล้วพบรูปถ่ายของจารึกที่สลักไว้ด้วยภาพวาดและอักษรรูปลิ่ม  

“ นี่เป็นรูปถ่ายของหนึ่งในจารึกที่พบในหลุมฝังศพของพระเจ้า

บอลดวินที่ 2 แห่งเยรูซาเลม ” เอลิซากล่าวต่อไป “คาดกันว่าเขาเป็นคนแรกที่เปิดถ้ำแห่งแม็กเพล่าซึ่งรู้จักกันในชื่อถ้ำแห่งพระบิดรด้วย เมื่อปี พ.ศ. 1662 ซึ่งเป็นที่ที่เชื่อว่าฝังอับราฮัมและลูกชายคือ

ไอแซ็กกับเจคอบไว้ หลุมฝังศพใต้ตินพวกนี้พบใต้สิ่งที่ทุกวันนี้เรียกว่ามอสค์หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของอับราฮัมในเมืองฮีบรอนบนเวสต์แบงก์ ” ณ จุดนี้ เอลิซาแสดงรูปของมัสยิดให้เขาดู  

“ ข้างในหลุมฝังศพพวกนี้ นอกจากสิ่งอื่นจำนวนมากแล้ว พระเจ้า

บอลดวินพบชุดจารึกที่คงเป็นของอับราฮัม เชื่อกันว่าเป็นบันทึกบางอย่างของเขาด้วยซ้ำซึ่งเขาบันทึกเหตุการณ์สำคัญๆ ที่สุดบางเหตุการณ์ในชีวิตไว้”  

“ บันทึกการเดินทาง” แจ็กเสนอแนะโดยหวังสร้างความประทับใจในเชิงบวก  

“ ในแง่หนึ่งก็ใช่ค่ะ บางคนในระยะประวัติศาสตร์ช่วงนั้นจดอะไรเยอะในขณะที่กำลังเดินทาง”  

เอลิซาเลื่อนไปยังรูปถ่ายอีกรูปหนึ่งและอธิบายต่อไป “ผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุดด้านภาษาและเครื่องหมายแสดงออกต่างๆ ของ  

เวลานั้นพยายามแปลสิ่งที่ได้บันทึกไว้บนจารึกนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าความคิดเห็นแบ่งแยกกันในหลายแง่ แต่ทุกคนเห็นด้วยว่านี่”

เอลิซากล่าวต่อไปพร้อมกับขยายรายละเอียดบนรูปถ่าย “ตีความได้ว่าเป็น “พาหนะ” หรือ “ภาชนะของเทพเจ้า” แล้วมีคำว่า “ฝัง” “ความลับ” “การปกป้องคุ้มครอง” ซึ่งค่อนข้างชัดเจนด้วย”  

แจ็กเริ่มรู้สึกงงเล็กน้อย แต่พยักหน้าไปเรื่อยๆ เพื่อโน้มน้าวเอลิซาว่าตนเข้าใจอย่างที่สุดแล้ว เอลิซามองดูเขาปราดหนึ่งแล้วกล่าวต่อไป “สัญลักษณ์นี้ ในทางตรงกันข้าม” เอลิซากล่าวพร้อมกับปรับจอให้ภาพชัดเจนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ “ตามความเห็นบางคน คงเป็นตัวแทนถึงหลุมฝังศพและหลุมฝังศพของพระเจ้า ในขณะที่ส่วนนี้อาจพรรณนาถึงพระเจ้าองค์หนึ่งที่เตือนหรือแม้แต่ขู่คนที่ล้อมรอบตัวอยู่”  

พันเอกฮัดสันตามไม่ทันสิ่งที่เอลิซากล่าวอยู่อีกต่อไปซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะแอลกอฮอล์ ส่วนหนึ่งเพราะน้ำหอมที่ทำให้เคลิบเคลิ้มที่ฟุ้งออกมาจากตัวเอลิซา และส่วนหนึ่งอาจเพราะกำลังถูกดวงตาของเอลิซาสะกด ถึงอย่างนั้นเขาก็พยักหน้าต่อไปเสมือนทุกอย่างชัดเจน  

“ พูดง่ายๆ” เอลิซากล่าวโดยได้สังเกตเห็นว่าแจ็กเกิดความงงงวยมากขึ้นกว่าเดิม “ผู้เชี่ยวชาญได้ตีความเนื้อหาของจารึกนี้ว่าเป็นการแสดงเหตุการณ์ที่ยืนยันว่าได้เกิดขึ้นในระหว่างเวลาของ

อับราฮัมซึ่งพระเจ้าที่กล่าวอ้างกันหรือเทพเจ้าหลายองค์ตามที่กล่าวกว้างๆ คงได้ซ่อนหรือฝังมันไว้ใกล้หนึ่งในหลุมศพของตน มันเป็นบางอย่างที่มีค่ามาก อย่างน้อยก็สำหรับพวกเทพเจ้า”  

“ นั่นดูเหมือนการด่วนสรุปไปหน่อย” แจ็กเริ่มโดยพยายามกล่าวอะไรบ้างในเรื่องนี้ “การกล่าวว่าบางอย่างที่มีค่าถูกฝังไว้ใกล้หลุมฝังศพของเทพเจ้า มันไม่ใช่ว่าเขาให้พิกัด จีพีเอสมา มันอาจหมายถึงแทบจะอะไรก็ได้ที่ไหนก็ได้ ”  

“ คุณพูดถูก แต่สิ่งที่จารึกทั้งหมดโดยเฉพาะที่มีอายุแสนนานมาแล้วต้องไปผ่านกระบวนการตีความและอรรถาธิบายจํากัดแวดวงเฉพาะในบริบท นั่นล่ะทำไมถึงต้องมีผู้เชี่ยวชาญ และฉันก็เผอิญเป็นหนึ่งในนั้นด้วย” ขณะที่เอลิซากล่าวเช่นนี้ก็แกล้งทำท่าเป็นนางแบบที่กำลังตั้งท่าต่อหน้ากล้องปาปารัสซีไปด้วย  

“ ตกลง ตกลง ผมรู้ว่าคุณฉลาดขนาดไหน แต่ตอนนี้พยายามทำให้นี่ชัดเจนสำหรับเราผู้เป็นแค่มนุษย์หน่อย”  

“ ได้แน่นอนค่ะ” เอลิซากล่าวต่อไปทันทีที่ได้ตั้งสติใหม่ “เมื่อได้วิเคราะห์และเปรียบเทียบสิ่งที่ค้นพบทางประวัติศาสตร์ทุกประเภทซึ่งรวมถึงข้อเท็จจริง ตำนาน ข่าวลือและอื่นๆ แล้ว ความเห็นพ้องต้องกันของกลุ่มคนฉลาดที่สุดในโลกคือ มีองค์ประกอบแห่งความจริงอยู่ในการบูรณะนี้ จากพื้นฐานนี้ได้ทำให้นักโบราณคดีจากทั่วโลกพากันค้นหาวัตถุลึกลับนี้”  

“ แต่เอลแซดเกี่ยวกับทั้งหมดนี้ตรงไหน” การทำงานของสมองของพันเอกฮัดสันเริ่มกลับสู่ปรกติ “เขาบอกผมว่า การวิจัยนี้มุ่งเป้ากู้สิ่งประดิษฐ์ต่างดาวในจินตนาการ”  

“ และนั่นอาจเป็นจริงเลยล่ะค่ะ” เอลิซาตอบ “ปัจจุบันเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า “เทพเจ้า” เหล่านี้ซึ่งท่องเที่ยวรอบโลกในยุคโบราณนั้นไม่ใช่อะไรนอกเหนือไปจากสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์จากดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะของเรา เนื่องจากความเหนือกว่าทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะในทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ จึงเป็นไปได้ทีเดียวว่าพวกเขาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเทพที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้”  

“ ผมเข้าใจ” แจ็กขัดจังหวะ “ถ้าผมปรากฏตัวตรงหน้าเผ่าใจกลางป่าแอมะซอนในเฮลิคอปเตอร์โจมตีแบบอาปาเช่และเริ่มปล่อยขีปนาวุธ แม้แต่ผมก็อาจถูกเข้าใจผิดเป็นพระเจ้าที่กำลังโกรธได้”  

“ นี่เป็นผลที่พวกนั้นคงมีต่อประชาชนในเวลานั้นแท้ๆ เลยล่ะค่ะ มีบางคนที่เชื่อด้วยซ้ำว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ที่ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาเข้าไปในโฮโมอีเร็กตัสหรือมนุษย์ที่ยืนตรง จึงเปลี่ยนสภาพพวกเขาในเวลาเพียงไม่กี่หมื่นปีไปเป็นพวกที่เราเรียกว่าโฮโมเซเปียนส์เซเปียนส์หรือมนุษย์ในปัจจุบัน ”  

เอลิซามองอย่างระมัดระวังไปที่พันเอกฮัดสันผู้ที่สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และตัดสินใจต่อยใต้เข็มขัดเข้าไป “ว่าตามจริง ในฐานะคนรับผิดชอบภารกิจนี้ ฉันนึกว่าคุณจะได้รับข้อมูลดีกว่านี้”  

“ ผมนึกอย่างนั้นเหมือนกัน” แจ็กโพล่ง “เห็นได้ชัดว่าพวกที่อยู่ในอำนาจปฏิบัติตามปรัชญา “นิ่งเสียตำลึงทอง”” ความโกรธกำลังเริ่มเข้ามาแทนที่ความซาบซึ้งอย่างมากมายก่อนหน้านี้  

 

เมื่อรู้สึกเช่นนี้ เอลิซาจึงวางคอมพิวเตอร์บนโต๊ะและนำใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของพันเอกฮัดสันเสียจนเขากลั้นหายใจไปชั่วครู่ด้วยความคิดว่าเอลิซาต้องการจุมพิตเขา “ทีนี้ส่วนที่ดีที่สุด” เอลิซากล่าว  

เอลิซากลับไปยังที่นั่งด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วแล้วแสดงรูปถ่ายอีกรูปหนึ่งให้เขาดู "ในขณะที่ทุกคนพากันทุ่มเทให้กับการค้นหา “หลุมฝังศพของเทพเจ้า” อันเลื่องชื่อนี้โดยไปขุดคุ้ยพ ี ระมิดอียิปต์หรือหลุมฝังศพที่เป็นตัวแทนอันยอดเยี่ยมของเทพเจ้า ฉันกลับตีความสิ่งที่สลักอยู่บนจารึกต่างออกไปซึ่งฉันเชื่อว่าเป็นการตีความที่ถูกต้อง ดูนี่สิคะ” เอลิซากล่าวพร้อมกับแสดงภาพที่มีข้อความตามการตีความของตัวเธอเองให้เขาดูอย่างอิ่มเอมใจ  

 

เพื่อนสนิททั้งสองคนที่ฟังการสนทนาของผู้รับประทานอาหารเย็นคงยอมเสียอะไรก็ได้เพื่อให้สามารถเห็นรูปถ่ายที่กำลังแสดงให้พันเอกฮัดสันดู  

“ ให้ตายเถอะ!” คนร่างใหญ่กว่าร้อง “เราต้องเอาอุปกรณ์เคลื่อนที่นั่นมาให้ได้”  

“ หวังกันเถอะว่าอย่างน้อยคนหนึ่งจะอ่านออกเสียง” เพื่อนที่ผอมกว่าตอบ  

“ หวังกันเถอะว่า “อาหารเย็นโรแมนติก” นี่จะจบในไม่ช้า ฉันเซ็งที่ต้องนั่งอยู่ข้างนอกในความมืด และยิ่งไปกว่านั้น ฉันหิวมาก”  

“ หิวมากหรือ นายหมายความว่ายังไง นายเพิ่งกินแซนด์วิชส่วนของฉันไป”  

“ ไม่ทั้งหมดนี่เพื่อน มีเหลืออันหนึ่ง และฉันตั้งใจจะรีบกินให้หมด ” เขาหันตัวเพื่อนำแซนด์วิชออกจากถุงบนเบาะหลังอย่างสบายใจ อย่างไรก็ตาม ขณะที่หันไป เข่าของเขาก็กระแทกปุ่มเปิดปิดบนระบบบันทึกเสียงซึ่งส่งเสียงบี๊ปเบาๆ ออกมา และดับไป  

“ เจ้าคนงี่เง่างุ่มง่าม! นายพยายามดึงดูดความสนใจอยู่หรือไง” ชายร่างผอมรีบเปิดสวิตช์เครื่องมืออีกครั้ง “ตอนนี้ฉันจะต้องเริ่มเดินระบบใหม่ และนั่นก็จะใช้เวลาอย่างน้อยนาทีหนึ่ง ภาวนาเถอะว่าเขาไม่พูดอะไรสำคัญ ไม่อย่างนั้นคราวนี้ฉันจะเตะโด่งก้นอ้วนของนายไปอ่าวเปอร์เซียเลย!”  

“ ขอโทษ” ชายร่างอ้วนกล่าวเบาๆ “ฉันคิดว่าถึงเวลาที่ใครบางคนต้องลดอาหารแล้ว”  

 

“ พระเจ้าฝังภาชนะพร้อมสิ่งของภายในอันมีค่าไว้ทางใต้ของวิหารโดยสั่งให้คนอยู่ห่างไว้จนกว่าพวกเขาจะกลับมา ด้วยความกลัวว่ามิเช่นนั้น จะเกิดภัยพิบัติน่ากลัวขึ้นกับทุกชาติ สี่ผู้คุ้มครองผู้ช่วงโชติประจำอยู่ที่นั่นเพื่อปกป้องสถานที่”  

 

“ ฉันแปลว่าอย่างนี้” เอลิซากล่าวอย่างภูมิใจ “ในความเห็นของฉัน ชื่อที่ถูกต้องของมันไม่ใช่ “หลุมฝังศพ” แต่เป็น “วิหาร” และ ซิกกูแรตแห่งเมืองอูร์ ที่ที่ฉันทำการวิจัยก็ไม่ใช่อะไรนอกจากวิหารที่ตั้งตระหง่านเพื่อพระเจ้า มี ซิกกูแรต มากมายแน่ๆ ใน พื้นที่นี้ แต่ไม่มีอันไหนใกล้กับบ้านที่เป็นของคนที่สันนิษฐานว่าเป็นคนที่สลักจารึกขนาดนี้ : อับราฮัมเจ้าเก่านั่นเอง”  

“ น่าสนใจมาก” พันเอกฮัดสันกำลังพินิจพิเคราะห์ข้อความ “สถานที่ที่ทุกคนได้ระบุว่าเป็น “บ้านของอับราฮัม” อยู่ห่างจากวิหารแค่ไม่กี่ร้อยเมตร”  

“ นอกจากนั้น” เอลิซากล่าวต่อไป “ถ้าสิ่งมีชีวิตพวกนี้เป็นมนุษย์ต่างดาวจริงๆ จินตนาการสิคะว่า “ภาชนะ” นี้อาจน่าสนใจสำหรับ ทหารขนาดไหน อาจน่าสนใจมากกว่า “สิ่งของภายในอันมีค่า” ด้วยซ้ำ ”  

แจ็กครุ่นคิดชั่วครู่แล้วตอบว่า “นั่นเป็นเหตุผลที่ส่วนของเอลแซดสนใจทั้งหมดนี้ ภาชนะที่ฝังอยู่อาจเป็นมากกว่าภาชนะ เอิร์ทเทนแวร์ธรรมดา ”  

“ เก่งค่ะ และทีนี้ สำหรับเวลาแห่งความจริง ” เอลิซาร้องเหมือนกำลังแสดง “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีคะ ตอนนี้ฉันขอนำเสนอสิ่งที่ฉันพบเช้านี้”  

เอลิซาสัมผัสจอ และรูปถ่ายใหม่ปรากฏขึ้นบนอุปกรณ์ “แต่มันเป็นสัญลักษณ์เดียวกับที่อยู่บนจารึกนี่นา” แจ็กอุทาน  

“ ใช่แล้วค่ะ แต่ฉันเพิ่งถ่ายรูปนี้วันนี้” เอลิซาตอบโดยรู้สึกพอใจในตนเอง “เห็นได้ว่าอัมบราฮัมใช้สัญลักษณ์ที่แทน “เทพเจ้า” เหมือนกับที่ชาวซูเมเรียนได้ใช้ไปแล้ว: ดาวที่มีดาวเคราะห์สิบสองดวงล้อมรอบ และมันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่ฉันพบสลักอยู่บนฝาของ “ภาชนะ” ที่เรากำลังอยู่ในขั้นขุด”  

“ อาจไม่มีความหมายอะไร” แจ็กตั้งข้อสังเกต “อาจเป็นแค่ความบังเอิญ สัญลักษณ์นั้นอาจมีความหมายหลายร้อยอย่างก็ได้”  

“ คุณคิดอย่างนั้นเหรอคะ แล้วอันนี้ล่ะ คุณคิดว่าคืออะไร” เอลิซาถามโดยแสดงรูปถ่ายสุดท้ายให้ดู “เราได้นี่จากด้านนอกของภาชนะโดยใช้อุปกรณ์เอกซ์เรย์พกพา”  

แจ็กทำได้แต่จ้องมองด้วยความทึ่ง ดวงตาเบิ่งกว้าง  

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status