Share

บทที่9

ยานธีออส – วัตถุลึกลับ

วัตถุที่ได้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นตรงหน้านักเดินทางผู้แปลกใจทั้งสองนั้นไม่เหมือนสิ่งใดที่ธรรมชาติจะสร้างได้ทั้งที่จินตนาการได้ไม่สิ้นสุด วัตถุมีลักษณะปรากฏเหมือนดอกไม้โลหะที่มีกลีบยาว 3 กลีบ ไม่มีก้าน และมีเกสรเพศเมียรูปกรวยเล็กน้อยอยู่ตรงกลาง ด้านหลังของเกสรเพศเมียมีรูปร่างเป็นผลึกหกเหลี่ยมที่มีพื้นผิวส่วนฐานใหญ่กว่าพื้นผิวของกรวยที่อยู่ในด้านตรงกันข้ามเล็กน้อย ซึ่งด้านตรงกันข้ามนี้ทำหน้าที่เป็นตัวพยุงทั้งโครงสร้างไว้ กลีบรูปสี่เหลี่ยมแผ่ออกจากสามด้านของหกเหลี่ยมที่ห่างเท่าๆ กัน โดยมีความยาวอย่างน้อยสี่เท่าของฐาน  

“ มันดูเหมือนกังหันลมเก่าอะไรสักประเภทหนึ่ง เหมือนที่เขาใช้กันในทุ่งแพรีใหญ่ๆ ทางตะวันออกเมื่อหลายศตวรรษที่แล้ว” เพทรีร้องโดยไม่ถอนสายตาจากวัตถุที่แสดงอยู่บนจอขนาดใหญ่  

 

แอซากิสรู้สึกเสียวไปตามสันหลัง เขากำลังระลึกถึงต้นแบบเก่าๆ ที่ ผู้เฒ่า ได้เสนอแนะให้ตนศึกษาก่อนออกเดินทาง  

“ ต้องเป็นหัวตรวจอวกาศแน่” แอซากิสสรุป “ ฉันเคยเห็นแบบนี้ที่มีการออกแบบอย่างน้อยเหมือนอย่างนี้ในหอจดหมายเหตุ จีซีเอส เก่าๆ ” แอซากิสกล่าวต่อพร้อมกับรีบสกัดข้อมูลเรื่องดังกล่าวให้มากที่สุดเท่าที่ตนทำได้จาก เอ็น ^ คอม  

“ หัวตรวจอวกาศเหรอ” เพทรีถามโดยหันไปหาเพื่อนด้วยสีหน้าแปลกใจ “แล้วเราได้ปล่อยมันเมื่อไรล่ะ”  

“ ฉันคิดว่าไม่ใช่ของเรา”  

“ ไม่ใช่ของเราหรือ นายหมายความว่าอะไร”  

“ ฉันหมายความว่าผู้อยู่อาศัยแห่งดาว นิบิรุ ไม่ได้สร้างหรือปล่อยมัน”  

สีหน้าของเพทรีกำลังเกิดความงุนงงขึ้นเรื่อยๆ “นายหมายความว่าอะไร อย่าบอกฉันนะว่านายเชื่อเรื่องโกหกเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวเหมือนกัน”  

“ สิ่งที่ฉันรู้แน่คือ บนดาวของเราไม่เคยสร้างอะไรแบบนี้ ฉันตรวจสอบหอจดหมายเหตุ จีซีเอส แล้วและไม่มีอะไรสอดคล้องกับวัตถุที่ เรามีอยู่ตรงนี้ ไม่แม้แต่ในบรรดาแผนสำหรับโครงการที่ไม่เคยเป็นจริง”  

“ มันเป็นไปไม่ได้!” เพทรีร้อง “ เอ็น ^ คอม นั่นของนายต้อง เกิดการแยกเฟสแน่ ตรวจสอบอีกครั้งซิ ”  

“ เสียใจด้วยเพทรี ฉันตรวจสอบสองครั้งแล้ว และฉันแน่ใจสุดๆ ว่านี่ไม่ใช่ผลงานของเรา”  

ระบบมองดูภาพระยะใกล้สร้างภาพสามมิติของวัตถุโดยประกอบทุกรายละเอียดปลีกย่อยขึ้นใหม่อย่างพิถีพิถัน ภาพสามมิติลอยอยู่กลางห้องควบคุมโดยลอยเหนือพื้นครึ่งเมตร  

 

ด้วยการขยับมือขวา เพทรีเริ่มหมุนภาพอย่างช้าๆ โดยตรวจสอบทุกรายละเอียดอย่างใกล้ชิด  

“ ดูเหมือนมันทำมาจากโลหะผสมความหนาแน่นต่ำ” เพทรีตั้งข้อสังเกตด้วยน้ำเสียงเชิงเทคนิคกว่าที่ใช้ก่อนหน้านี้เมื่อตนถูกความทึ่งเข้าครอบงำอย่างชัดเจน “กลีบสามกลีบนั้นต้องให้กำลังแก่เครื่องยนต์แน่ ดูเหมือนปกคลุมด้วยวัสดุที่ไวต่อแสงบางประเภท” เพทรีเริ่มง่วนกับการควบคุมระบบในที่สุด “เกสรเพศเมียต้องเป็นสายอากาศวิทยุบางประเภท และผลึกหกเหลี่ยมเป็น “สมอง” ของเจ้าสิ่งนี้อย่างแน่นอน”  

เพทรีกำลังขยับภาพสามมิติอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ โดยพลิกภาพทุกทิศทาง ทันใดนั้นเพทรีก็หยุดและตะโกนว่า “ดูตรงนี้ นายคิดว่านี่คืออะไร” เพทรีถามโดยขยายภาพเข้าใกล้บริเวณเล็กๆ  

แอซากิสขยับเข้าใกล้ให้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ “ดูเหมือนเป็นสัญลักษณ์”  

“ ฉันคงพูดว่าสองสัญลักษณ์” เพทรีแก้ไขเพื่อน “หรือดีกว่านั้นอีก ภาพวาดหนึ่งภาพและสี่สัญลักษณ์ใกล้กัน”  

แอซากิสยังคงค้นหาบน เอ็น ^ คอม อย่างกระตือรือร้นโดยพยายามหาบางสิ่งบางอย่างบนระบบจีซีเอส แม้กระนั้นก็ไม่มีสิ่งใดเลยที่ตรงกับวัตถุตรงหน้าทั้งสองคน  

 

ภาพวาดเป็นสี่เหลี่ยมที่ประกอบด้วยริ้วสีแดงและขาวแนวนอนสิบห้าเส้น ตรงมุมบนซ้ายเป็นสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินอีกรูปหนึ่งที่มีดาวห้าแฉกสีขาวห้าสิบดวงเป็นส่วนประกอบ ทางขวาของภาพวาดนี้เป็นสัญลักษณ์สี่ตัว:  

 

JUNO [จูโน ]  

 

“ ดูเหมือนตัวหนังสือบางอย่าง” แอซากิสเดา “สัญลักษณ์อาจเป็นชื่อของคนที่สร้างหัวตรวจ”  

“ หรือนั่นอาจเป็นชื่อของหัวตรวจ” เพทรีเถียง “หัวตรวจเรียกว่า “ JUNO ” และสี่เหลี่ยมสีๆ เป็นสัญลักษณ์ของผู้สร้าง”  

“ เป็นอะไรก็ตาม เราก็ไม่ได้สร้าง” แอซากิสประกาศ “นายคิดว่าอาจมีสิ่งมีชีวิตบางรูปแบบข้างในนั้นได้ไหม”  

“ ฉันไม่คิดว่าอย่างนั้นเลย อย่างน้อยก็ไม่ใช่รูปแบบไหนที่เรารู้จัก ที่เดียวที่อาจมีบางสิ่งบางอย่างอยู่ได้คือแคปซูลด้านหลัง และนั่นก็เล็กเกินกว่าจะเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิต”  

แม้ขณะที่พูด เพทรีก็เริ่มกราดภาพหัวตรวจแล้วโดยมองหาสัญญาณของชีวิตบางอย่างข้างในนั้น หลังจากสักพัก สัญลักษณ์ชุดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนจอ และเพทรีก็พยายามแปลสัญลักษณ์เหล่านี้ให้เพื่อนฟังอย่างรวดเร็ว  

“ ตามเซนเซอร์ ไม่มีอะไรที่มีชีวิตอยู่ข้างใน ดูเหมือนไม่มีอาวุธประเภทไหนด้วย จากการวิเคราะห์เบื้องต้นฉันคงพูดว่าเจ้านี้เป็นยานสำรวจที่สำรวจส่วนกลางของระบบสุริยะ ค้นหาอะไรที่ใครจะไปรู้”  

“ อาจเป็นได้” แอซากิสเห็นด้วย “แต่คำถามที่เราควรถามคือ: ใครส่งออกมา”  

“ เอ่อ” เพทรีกล่าว “ถ้าเราตัดเรื่องการมีมนุษย์ต่างดาวลึกลับออกไป ฉันคงพูดว่าคนกลุ่มเดียวที่สามารถสร้างอะไรบางอย่างแบบนี้คงเป็น “เพื่อนเดินดิน” ของเรา”  

“ แต่นายกำลังพูดอะไร ครั้งสุดท้ายที่เราทิ้งพวกเขามา พวกเขายังเดินทางบนหลังม้าอยู่เลย พวกเขาจะมาถึงพัฒนาการขั้นนี้ในเวลาสั้นขนาดนั้นได้ยังไง การส่งหัวตรวจออกมา ล่องลอยในอวกาศไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ”  

“ เวลาสั้น หรือ ” เพทรีกล่าวโดยมองสบตาอย่างขึงขัง “อย่าลืมว่า สำหรับพวกเขา เวลาผ่านไปแล้วเกือบ 3,600 ปีตั้งแต่ตอนนั้น ถ้าพิจารณาว่าอายุขัยเฉลี่ยของพวกเขาอยู่ที่ห้าสิบหกสิบปีอย่างมาก อย่างน้อยก็ผ่านไปหกสิบรุ่นแล้ว พวกเขาอาจเกิดฉลาดกว่าที่เราจินตนาการไว้มากแล้ว”  

“ และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ ผู้เฒ่า กังวลเรื่องภารกิจนี้จัง” แอซากิสเพิ่มเติมโดยพยายามคล้อยตามเหตุผลของเพื่อน พวกเขาคาดหวังนี่หรืออย่างน้อยก็พิจารณาว่าเป็นไปได้ไว้แล้ว  

“ เอ่อ พวกเขาน่าจะพูดอะไรกับเราบ้างนะ พอเห็นเจ้านี่ หลอดเลือดในสมองฉันเกือบแตก”  

“ นี่เป็นแค่การคาดเดา” แอซากิสกล่าวโดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ถูคางของตน “แต่ดูเหมือนมีเหตุผลอยู่ ฉันจะพยายามติดต่อผู้เฒ่าดู พยายามให้ได้ข้อมูลจากพวกเขามากกว่านี้บ้างถ้ามี ในระหว่างนี้นายพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้านี่ให้มากขึ้น วิเคราะห์เส้นทาง ความเร็ว มวลและอื่นๆ ในปัจจุบันของมัน และพยายามทำนายจุดหมายปลายทางของมัน ออกเดินทางเมื่อไร และข้อมูลอะไรก็ตามที่มันบันทึกไว้แล้ว ฉันอยากรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ว่าอะไรกำลังรอเราอยู่ที่นั่นบ้าง ”  

“ ตกลง แซ็ก” เพทรีเห็นด้วยในขณะที่ภาพสามมิติอันเต็มไปด้วยสีสันพร้อมกับตัวเลขและสูตรจำนวนอนันต์โฉบไปมาในอากาศรอบตัว  

“ และอย่าลืมวิเคราะห์ส่วนที่นายระบุว่าเป็นสายอากาศ ถ้าเป็นอย่างที่นายพูดจริงๆ มันจะสามารถส่งและรับได้ ฉันคงไม่มีความสุขถ้าสิ่งที่เราเจอได้สื่อสารไปถึงใครก็ตามที่ส่งหัวตรวจนั่นออกมาแล้ว”  

เมื่อได้กล่าวเช่นนั้นแล้วแอซากิสก็มุ่งหน้าไปยังห้อง เอช ^ คอม ซึ่งเป็นสถานที่เดียวบนยานที่ครบครันด้วยอุปกรณ์การสื่อสารระยะไกล ตั้งอยู่ระหว่างประตูสิบแปดกับสิบเก้าของมอดูลโอนย้ายภายใน ประตูเปิดพร้อมด้วยเสียงเอี๊ยดเล็กน้อย และแอซากิสก็แทรกตัวเข้าไปในห้องแคบนั้น  

ใครจะทราบว่าทำไมเจ้านี่จึงสร้างมาเล็กเหลือเกิน ... แอซากิสสงสัยพร้อมกับพยายามนั่งลงบนที่นั่งที่แคบพอกันซึ่งลดระดับลงโดยอัตโนมัติ พวกเขาอาจไม่ต้องการให้เราใช้บ่อยเกินไป...  

ในขณะที่ประตูปิดอีกครั้งด้านหลัง แอซากิสก็เริ่มสร้างชุดคำสั่งบนโต๊ะควบคุมตรงหน้า ใช้เวลาหลายวินาทีกว่าสัญญาณจะเสถียร ทันใดนั้นในจอแสดงภาพสามมิติที่คล้ายกับที่แอซากิสมีในห้องของตน โครงหน้าของ ผู้เฒ่า ผู้บังคับบัญชาก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น  

“ แอซากิส” ชายผู้นั้นกล่าวโดยยิ้มและยกมือผอมๆ ขึ้นอย่างช้าๆ เป็นการทักทาย “อะไรทำให้เจ้าติดต่อคนแก่อย่างรีบร้อนอย่างนี้”  

แอซากิสไม่เคยหาคำตอบได้ว่าผู้บังคับบัญชามีอายุเท่าใดแน่ ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ทราบข้อมูลส่วนบุคคลเช่นนั้นเกี่ยวกับ ผู้เฒ่า พวกเขาได้เห็นการโคจรรอบดวงอาทิตย์หลายครั้งแล้ว ถึงอย่างนั้นดวงตาของผู้เฒ่ากลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจากซ้ายไปขวาด้วยความมีชีวิตชีวามากกว่าที่แอซากิสมีเองเสียอีก  

“ เราได้ติดต่อกับบางอย่างที่น่าประหลาดใจ อย่างน้อยก็น่าประหลาดใจสำหรับเรา” แอซากิสเริ่มต้นโดยโปรยอารัมภบทก่อนพร้อมกับพยายามมองตาของอีกฝ่ายหนึ่งตรงๆ “เราเกือบชนกับวัตถุ ที่ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร” แอซากิสกล่าวต่อไปพร้อมกับศึกษาสีหน้าของ ผู้เฒ่า  

“ วัตถุเหรอ เล่าอีกสิลูก”  

“ เพทรียังวิเคราะห์มันอยู่ แต่เราคิดว่ามันอาจเป็นหัวตรวจประเภทหนึ่ง และเราแน่ใจว่ามันไม่ใช่ของเรา ” ตาของ ผู้เฒ่า เบิ่งกว้าง แม้แต่ผู้เฒ่าก็ดูเหมือนประหลาดใจ  

“ เราพบสัญลักษณ์แปลกๆ หลายตัว สลักอยู่บนลำตัวมันเป็นภาษาที่เราไม่รู้จัก ” แอซากิสเพิ่มเติม “ผมกำลังส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้”  

ผู้เฒ่า ดูใจลอยไปชั่วครู่หนึ่ง วิเคราะห์ข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามาโดยใช้ โอ ^ คอม ของตน  

 

หลังจากผ่านไปค่อนข้างนาน ดวงตาของเขากลับมามองดูแอซากิส ในที่สุดเขาตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่สะกดอารมณ์ใดๆ ว่า “เราจะเรียกประชุมสภา ผู้เฒ่า ฉุกเฉิน สิ่งบ่งชี้ทั้งหมดคือการอนุมานเบื้องต้นของเจ้านั้นถูกต้องแม่นยำ ถ้าเป็นจริง เราจำเป็นจะต้องทบทวนแผนทันที ”  

“ ผมจะรอคำสั่ง” แอซากิสตัดการสื่อสารหลังจากกล่าวดังนั้น  

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status