หนิงเจียวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าวบริเวณใบหน้าเป็นอย่างยิ่ง นางค่อย ๆ ลุกขึ้นมานั่งก่อนจะมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตามึนงง
ที่นี่ที่ไหนกันนะ ดูแล้วไม่ใช่ที่โรงพยาบาล หรือว่าพวกโจรมันจะลักพาตัวเธอมาไว้ที่นอกเมือง
"เจียวเอ๋อร์ลูกรักของแม่!!! เจ้าฟื้นแล้ว"
หนิงเจียวหันไปมองก่อนจะพบกับสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่ง สวมชุดลวดลายสีสันงดงามตา ริมฝีปากสีแดงสด ใบหน้าที่ดูงดงามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มกำลังเดินเข้ามาหานางด้วยท่าทางดีอกดีใจ
ลูก? ลูกใครอะ?
ฮูหยินรองลูบผมของหนิงเจียวด้วยความรักและเอ็นดู ก่อนจะสำรวจดูตามร่างกายของนางด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
"โชคดีที่เจ้าปลอดภัย หนิงเซียนก็ช่างรนหาที่ยิ่งนัก นางวางยาเจ้ากับสวีจิ้งเทียน หวังให้เจ้าไปแต่งงานแทน เพื่อลบล้างความชั่วช้าที่นางก่อเอาไว้!!!"
"แต่งงาน?"
"จ้ะลูก"
"แต่งกับใครคะ?"
"สวีจิ้งเทียน ชายหนุ่มในดวงใจของเจ้าอย่างไรเล่า"
หนิงเจียวเริ่มรู้สึกปวดที่ศีรษะอย่างรุนแรง ภาพความทรงจำของร่างเดิม ปรากฏขึ้นมาในหัวของนางไม่หยุด
"เจียวเอ๋อร์เจ้าต้องช่วยพี่ แต่งงานแทนพี่ด้วย!!!"
"เจียวเอ๋อร์ เจ้าต้องล้างแค้นให้พี่ ตามหาคุณชาย...ให้พบ แล้วพาเขามาหมอบกราบที่หลุมฝังศพของพี่ให้ได้นะ!!!"
ภาพสตรีผู้หนึ่งวนเวียนไปมาจนนางตาลายไปหมด นางจำได้ว่าสตรีผู้นี้เป็นคนนำขนมกุ้ยฮวากับชาอย่างดีมาให้นาง นางก็กินมันจนหมดก่อนที่นางจะหมดสติไปและพบว่าสตรีในกระจกก็คือตัวนาง แต่การแต่งกายช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
"เจียวเอ๋อร์!!! เจ้าเป็นอะไรลูก? เด็ก ๆ ไปตามหมอมาเร็วเข้า!!!"
หนิงเจียวมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา โชคชะตาช่างเล่นตลกเหลือเกิน ตายไปแล้วคิดว่าจะได้ไปสบาย กลับต้องมาเกิดในโลกโบราณเช่นนี้
เอาเถอะ!!! ไหน ๆ ก็มาเกิดใหม่แล้ว จะโวยวายคร่ำครวญไปมันก็ไม่เกิดผลดีขึ้นมา โชคยังดีที่เกิดมาในร่างของสตรีที่หน้าเหมือนตนเอง แล้วชื่อก็ยังเหมือนกันอีกด้วย
แต่น่าเสียดายอาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านความเสียวของนางเหลือเกิน การมาอยู่ในสถานที่ที่ไร้ซึ่งโลกออนไลน์เช่นนี้ จะไปทำมาหากินอะไรได้!!!
เสียงดังตึกตักวิ่งเข้ามาจากหน้าประตูเรือน หนิงเจียวจึงหันไปมอง ฮูหยินรองกระชับเสื้อคลุมให้หนิงเจียวเพราะตอนนี้ชุดนอนของนางช่างบางเบา อาจจะทำให้ไม่สบายเอาได้
"คารวะฮูหยินรอง คุณหนูรอง"
"ท่านหมอลูกสาวของข้ามีอาการกระสับกระส่าย ท่านมาดูหน่อยเถิด!!!" ท่านหมอก้าวเข้ามา ก่อนจะใช้ผ้าคลุมที่ข้อมือของหนิงเจียว และตรวจจับชีพจรของนางอย่างละเอียด
"คุณหนูรอง รู้สึกปวดร้าวที่ใบหน้าหรือไม่ขอรับ?"
"เอ่อ เจ้าค่ะ"
"คุณหนูรอง โปรดยิ้มให้ข้าน้อยดูหน่อยเถิดขอรับ"
หนิงเจียวพยักหน้าน้อย ๆ ด้วยความสงสัยแต่ก็ยอมทำตาม
โอ๊ะ!!! เหตุใดนางจึงยิ้มไม่ได้เล่า
"ท่านหมอ ใบหน้าข้าทำไมมันรู้สึกตึง ๆ เล่าเจ้าคะ?"
หนิงเจียวเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยราวกับคนไม่มีความรู้สึก ท่านหมอถอนหายใจออกมาอย่างอับจนปัญญา
"คุณหนูถูกผลกระทบจากยานอนหลับที่แรงจนเกินไป ทำให้ใบหน้าเป็นอัมพาตชั่วคราวขอรับ"
อัมพาตชั่วคราว!!! โว้ยยยยย ซวยซ้ำซวยซ้อนจริง ๆ เกิดใหม่แล้วมาเป็นแบบนี้ อย่าให้มาเกิดเลยให้ตาย ๆ ไปยังจะดีซะกว่า สภาพพพพ!!!
"ท่านหมอ!!! จะมีทางรักษาให้หายได้หรือไม่เจ้าคะ?"
"คาดว่าคงจะใช้เวลาอย่างเร็วครึ่งปีขอรับ ช้าสุดก็คงจะหนึ่งปี ระหว่างนี้ให้ดื่มยาคลายเส้นที่ใบหน้าลดอาการตึงของเส้นเอ็น แล้วข้าน้อยจะจัดเทียบยา มาให้ทานสามวันครั้งนะขอรับ"
ฮูหยินรองมองบุตรสาวด้วยแววตาสงสาร นางปวดใจเหลือเกิน นึกสาปแช่งก่นด่าหนิงเซียนในใจ เพราะนางแท้ ๆ หนิงเจียวจึงต้องมีชะตากรรมเช่นนี้
"เจ็บมากไหมลูก?"
"เจ็บเจ้าค่ะ"
แม้จะบอกว่าเจ็บเหลือเกิน แต่ใบหน้าของหนิงเจียวกลับไร้ความรู้สึกเช่นเดิม ราวกับว่านางไม่มีความรู้สึกนึกคิดใดใดทั้งนั้น
ฮูหยินใหญ่ที่สูญเสียบุตรสาวไป ก็เศร้าโศกจนไม่ยอมกินข้าวกินปลา ส่วนศพของหนิงเซียนถูกฝังไว้ที่สุสานนอกจวนตระกูลหนิง เพราะนางทำผิดกฎ ด้วยการลอบมีสัมพันธ์กับชายหนุ่มจนตั้งครรภ์ สร้างความเสื่อมเสียอับอายต่อบรรพบุรุษไม่สามารถจะฝังอยู่ร่วมกับคนในตระกูลได้
ราชเลขาหนิงซานเพียงเอ่ยต่อผู้ที่มาสอบถามว่าหนิงเซียนตายเพราะโรคเก่ากำเริบ เขาจะไม่ยอมให้เรื่องที่หนิงเซียนผูกคอตายเพราะตั้งครรภ์แพร่สะพัดออกไปเป็นอันขาด จนกว่าจะถึงวันแต่งงานของหนิงเจียว
เมื่อไม่มีหนิงเซียนแล้ว ความรักทั้งหมดก็ตกมาอยู่ที่หนิงเจียว ไม่มีผู้ใดในจวนกล่าวโทษนาง เพราะต่างรู้กันดีว่านางคือผู้ที่กำลังจะต้องรับชะตากรรมแทนหนิงเซียน
"ท่านพี่ ท่านจะส่งเจียวเอ๋อร์เข้าไปเป็นภรรยาของสวีจิ้งเทียนที่จวนเสนาบดีสวีจริงหรือเจ้าคะ?"
ฮูหยินใหญ่เอ่ยถามราชเลขาหนิงซานด้วยสายตาเป็นกังวล นางพอจะรู้มาบ้างว่าตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น สวีจิ้งเทียนก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก นางเองก็เลี้ยงดูหนิงเจียวมาพร้อมกับหนิงเซียน ถึงแม้จะไม่ใช่บุตรสาวแท้ ๆ แต่นางก็รักและห่วงใยหนิงเจียวไม่น้อย
นางจะทนเห็นหนิงเจียวต้องไปทนทุกข์ได้เช่นไรกัน ฮูหยินรองเองก็คงจะคิดเช่นเดียวกันกับนางเป็นแน่
ราชเลขาหนิงซาน ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เขาเองก็จนปัญญากับเรื่องนี้ หากปล่อยไปไม่ยอมจัดการให้มันจบสิ้น คนที่จะเสียหายที่สุดก็คือหนิงเจียว
แม้จุดพรหมจรรย์ของนางจะยังอยู่ครบถ้วนดี แต่ทว่านางก็ได้เปลื้องผ้านอนกอดกับบุรุษไปเสียแล้ว คงจะต้องยอมส่งนางไปเป็นภรรยาของสวีจิ้งเทียน จึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด อย่างน้อยก็ยังได้แต่งเป็นภรรยาเอกที่มีหน้ามีตา ดีกว่าไปเป็นภรรยารองหรืออนุอุ่นเตียงเหล่านั้น
จวนตระกูลสวี
สวีจิ้งเทียนกลับเข้ามาที่จวนตระกูลสวีด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม หลังจากเข้าไปคารวะท่านย่าและท่านแม่แล้ว เขาก็กลับไปที่เรือนนอนของตนเอง
"คารวะคุณชายใหญ่เจ้าค่ะ"
สาวน้อยใบหน้างดงามราวกับเทพธิดา ต่างวิ่งเข้ามาห้อมล้อมเขาด้วยสายตายั่วยวน
สวีจิ้งเทียนมองพวกนางด้วยสายตาเอือมระอา พวกนางคือสาวใช้ทงฝังที่ท่านย่ากับท่านแม่หามาให้เขา ด้วยกังวลว่าเขาจะเกิดปัญหาในตอนแต่งงาน
ภายนอกเขาเป็นบุรุษที่กำยำแข็งแรง เป็นถึงท่านรองแม่ทัพผู้สง่างาม ท่านพ่อของเขาก็เป็นถึงท่านเสนาบดีกรมกลาโหม ควบคุมบัญชาการกองกำลังทหารทั้งหมด
แต่สวีจิ้งเทียนกลับมีโรคประหลาดที่ไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้
เขาไม่กล้าแตะต้องสตรี เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นเช่นไร เรื่องนี้คือปัญหาที่เขากังวลมาตลอดว่าถ้าหากวันหนึ่งเขาต้องแต่งหนิงเซียนเข้ามาในจวน นางจะยอมรับพฤติกรรมเหล่านี้ของเขาได้หรือไม่
แต่ช่างปะไร!!! ตอนนี้นางไม่ใช่คนที่เขาจะมีใจรักอีกต่อไปแล้ว ส่วนหนิงเจียว เขาจะทำให้นางหวาดกลัวเหมือนตายทั้งเป็นไปชั่วชีวิต
สวีจิ้งเทียนที่คิดสิ่งใดไปเรื่อยเปื่อย พลันรับรู้ได้ถึงความแข็งชูชัน ที่มันดุนดันบริเวณหว่างขาของเขา
ต้องจัดการเสียหน่อยแล้ว!
สวีจิ้งเทียนเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนจะลงกลอนอย่างแน่นหนา เขาถอดเสื้อผ้าออกจนหมดเผยให้เห็นแผงอกที่แน่นบึกบึน เขาเดินไปยืนที่หน้ากระจก จ้องมองแท่งมังกรผงาดที่แข็งชูชันของเขาด้วยสายตาพึงพอใจ
"โอว์ ซี้ดดดด!!!"
สวีจิ้งเทียนใช้มือกำรอบแท่งมังกรผงาดของเขา ค่อย ๆ รูดขึ้นลงจนสุดโคน หลังจากนั้นก็เร่งจังหวะมือขยับขึ้นลงอย่างชำนาญ พลางส่งเสียงครวญครางด้วยความเสียวกระสัน
สวีจิ้งเทียนยกขาข้างหนึ่งขึ้นไปเหยียบที่โต๊ะตรงหน้ากระจก ก่อนจะใช้แรงมือขยับขึ้นลง รูดลำแท่งมังกรผงาดด้วยความเร็วแรงขึ้นเรื่อย ๆ แรงจนตัวเขากระตุก ปลายเท้าสั่นเกร็ง ใบหน้ามีเหงื่อผุดขึ้นมาเป็นเม็ดเล็ก ๆ
"อ่าห์!!! โอวววว"
ไม่นานนักน้ำสวรรค์สีขาวขุ่นก็พุ่งกระจายราวหยดน้ำค้างจากสรวงสวรรค์ ลอยละล่องเป็นสายงดงามราวกับภาพวาด
เขาหอบหายใจด้วยความโล่งเบาสบาย นี่คือรสนิยมทางเพศที่สวีจิ้งเทียนชื่นชอบมากที่สุด การได้ปลดปล่อยตนเองเช่นนี้ ช่างทำให้เขาสบายตัวไม่น้อย
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็ล้มตัวลงนอนพักผ่อนเอาแรง มุมปากผุดรอยยิ้มที่ชั่วร้ายขึ้นมา
หนิงเจียว คืนเข้าหอของเรา เจ้าจะต้องจดจำไปจนชั่วชีวิต!!!
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชุดแต่งงานของหนิงเจียวก็ตัดเย็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว
นางไม่เคยพบหน้าสวีจิ้งเทียนเลย มีเพียงของหมั้นหมายและสินสมรสเท่าขี้ตาแมวที่เขาส่งมาให้นาง
ราชเลขาหนิงซานขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธแค้น นี่ไม่เท่ากับจวนตระกูลสวีดูแคลนบุตรสาวของเขาหรอกหรือ สินสอดเพียงแค่ไม่กี่หีบ มีเครื่องประดับเพียงไม่กี่ชิ้น ผ้าแพรก็เป็นของดาษดื่นทั่วไปหาได้ตามท้องตลาดเพียงเท่านั้น
หนิงเจียวลอบสาปแช่งสวีจิ้งเทียนอยู่ในใจ ดูแล้วไอ้บ้าคนนั้นคงจะเป็นคนที่นิสัยไม่ดีเป็นแน่!!!
"เจียวเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องเสียใจไปนะ แม่ใหญ่จะนำสินสมรสของจวนเราติดตัวเจ้าไปให้มากกว่าเดิมอีกสักหน่อย"
"ไม่ใช่เพราะบุตรสาวของฮูหยินใหญ่หรือเจ้าคะ ที่ทำให้เจียวเอ๋อร์ต้องมารับกรรมเช่นนี้!!!"
"ท่านแม่!!!"
หนิงเจียวที่ใบหน้าเป็นอัมพาต หันไปส่งเสียงปรามฮูหยินรองด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แต่ทว่าใบหน้ายังคงไร้ความรู้สึก
อยากตัดหัวทิ้งจริง ๆ เมื่อใดโรคบ้านี่มันจะหายสักที!!!
หนึ่งเดือนที่หนิงเจียวใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ นางเองก็เริ่มปรับตัวได้บ้างแล้ว และนางเองก็ชอบฮูหยินใหญ่มากกว่าฮูหยินรองแม่ของนางเสียด้วยซ้ำ ตั้งแต่หนิงเซียนตายไป ฮูหยินใหญ่ก็หันมาทุ่มเทความสนใจให้นาง คอยสอนนางเรื่องกฎระเบียบที่สตรีพึงมี รวมถึงทำของอร่อย ๆ ให้นางกิน
"แม่ใหญ่ไม่ต้องเพิ่มแล้วเจ้าค่ะ หากเขาไม่ดีต่อข้า ข้าก็จะกลับจวนเราเจ้าค่ะ จะมาอยู่กับแม่ใหญ่นะเจ้าคะ"
"นี่เจียวเอ๋อร์!!! แม่เจ้าอยู่นี่!!!"
ฮูหยินรองดึงเจียวเอ๋อร์ไปกอดเอาไว้ ฮูหยินใหญ่เองก็ไม่ถือสา เพียงยกยิ้มน้อย ๆ ราชเลขาเดินเข้าไปลูบผมบุตรสาว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"เจ้าพูดถูก หากคนตระกูลสวีรังแกเจ้า เจ้าก็กลับมาจวนเรา พ่อกับแม่ ๆ ของเจ้า รอเจ้าเสมอ เจ้าไม่ต้องกลัว พ่อจะให้ท่านหมอประจำตระกูลของเราตามเจ้าไปด้วย รักษาโรคของเจ้าให้หายในเร็ววันนะลูก"
จวนตระกูลหนิงและจวนตระกูลสวี ต่างประดับประดาด้วยผ้าสีแดง นั่นเพราะกำลังจะมีงานมงคลของทั้งสองตระกูลเกิดขึ้นหนิงเจียวถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาแต่งตัวรอตั้งแต่เช้าตรู่ นางยังคงรู้สึกงัวเงียและง่วงนอนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองต่างช่วยกันตระเตรียมชุดแต่งงานให้หนิงเจียว อีกทั้งยังช่วยผัดแป้งแต่งหน้าให้นางอีกด้วยหนิงเจียวในวัยสิบแปดปี ใบหน้าดูงดงามอ่อนหวาน ดวงตาเรียวระหง พวงแก้มสีชมพูอ่อน ริมฝีปากแดงระเรื่อ ช่างดูงดงามชวนหลงใหลสมกับสาววัยแรกแย้ม นางมีอายุน้อยกว่าหนิงเซียนเพียงหนึ่งปี ท่านแม่ใหญ่บอกกับนางว่า เพราะสวีจิ้งเทียนต้องไปทำศึกที่ชายแดน ทำให้ต้องเลื่อนงานแต่งงานเรื่อยมา จนกระทั่งหนิงเซียนมีอายุสิบเก้าปีราชเลขาหนิงซานรักลูกสาวทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่เคยเร่งรัดให้บุตรสาวทั้งสองต้องรีบออกเรือนแต่งงาน ตระกูลหนิงร่ำรวยมหาศาล และเขาเองก็ไม่ได้หัวโบราณจนเกินไป จึงคิดว่าหากลูกสาวไร้สามี อย่างไรเสียสมบัติที่เขามีก็สามารถเลี้ยงดูพวกนางไปจนแก่เฒ่าได้เพิ่งจะข้ามเวลามาเกิดใหม่ ก็ถูกจับให้แต่งงานเสียแล้ว ช่วงซวยซ้ำซวยซ้อนเสียจริง แม้แต่เจ้าบ่าวก็ยังไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ หนิงเจียว
หลังจากสวีจิ้งเทียนออกไปแล้ว หนิงเจียวก็ไปที่ห้องครัวใหญ่ เพื่อทำน้ำขิงหอม ๆ กับขนมเปี๊ยะแป้งบาง นำไปให้คนในจวนได้ลองทานกันดูหนิงเจียวเป็นคนที่ชอบกินมาก นางจึงชอบทำอาหารไปในตัวด้วย ทั้งขนม ของคาวหวาน อาหารต่าง ๆ นางก็ทำได้หมด เพราะมันคือความชอบของนาง"ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ฮูหยินน้อยขอเข้าพบเจ้าค่ะ""ให้นางเข้ามาเถิด"ไม่นานหนิงเจียวก็เดินเข้ามาพร้อมกับไป๋เฉียน"คารวะท่านย่า คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ"หนิงเจียวเพิ่งสังเกตเห็นว่าฮูหยินใหญ่สวีก็อยู่ที่นี่ด้วย นางจึงพยักหน้าให้ไป๋เฉียนนำน้ำขิงกับขนมเปี๊ยะแป้งนิ่มไปมอบให้ทั้งสองท่านฮูหยินผู้เฒ่ายกถ้วยน้ำขิงขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ฮูหยินใหญ่สวีเองก็ยิ่งชมชอบลูกสะใภ้มากขึ้นไปอีก"มานั่งข้างย่าเร็ว"หนิงเจียวพยักหน้า ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่า"เป็นวาสนาของจิ้งเอ๋อร์ที่ได้แต่งเจ้าเป็นภรรยา เห็นเจ้าใส่ใจคนในจวนเช่นนี้ย่าก็วางใจ จริงหรือไม่ฮูหยินใหญ่สวี""เจ้าค่ะท่านแม่ จิ้งเอ๋อร์โตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วแต่ห่วงงานในวังเป็นอย่างยิ่ง มิยอมแต่งงานเสียที ข้าเองก็หนักใจ วันนี้เห็นเขามีภรรยาที่ดี ใส่ใจคนในจวนเช่นนี้ก็วางใจไ
สวีจิ้งเทียนที่ถูกหนิงเจียวปลุกให้ตื่น เขาลืมตาขึ้นมาด้วยลมหายใจที่เหนื่อยหอบ หัวใจสั่นระรัว ก่อนจะหันไปพบกับหนิงเจียวที่นั่งมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า"เหตุใดเจ้าจึงใส่เสื้อผ้าเร็วยิ่งนัก?"หนิงเจียวขมวดคิ้วมองสวีจิ้งเทียนด้วยความหวาดกลัวในจิตใจ โรคจิตกำเริบหรืออย่างไร อยู่ดีดีมาถามว่าทำไมนางถึงใส่เสื้อผ้าเร็ว นางก็ใส่อยู่ไม่ได้ถอดมันออกเสียหน่อย!!!"ข้าก็ใส่มันอยู่ตลอด เหตุใดท่านจึงถามเช่นนี้เล่าเจ้าคะ!?"สวีจิ้งเทียนรีบตั้งสติ เขาปัดมือของหนิงเจียวที่จับไหล่ของเขาเอาไว้ออกด้วยความรังเกียจ ก่อนจะมองสำรวจร่างกายตนเองอย่างถี่ถ้วนให้ตายสิ!!! ฝันหรอกหรือ ช่างฝันอุบาทว์เสียจริง!!!"สวีจิ้งเทียน ท่านจะรับสำรับเช้าเลยหรือไม่เจ้าคะ?"หนิงเจียวยื่นหน้ามาถามสวีจิ้งเทียน เขาที่กำลังตื่นนอนยังอยู่ในอาการงัวเงียจึงหันมามองนางก่อนจะพบกับ เนินอกอวบอิ่มที่ล้นทะลักใหญ่มหึมานั้นอีกครั้ง"ข้าอยากรับนม""นม? นมอะไรเจ้าคะ?""นมจากเต้า?!!! หุบปากเดี๋ยวนี้นะ ไสหัวไปสตรีไร้มารยาท!!!"สวีจิ้งเทียนที่รู้ตัวว่าตนเองพูดสิ่งใดออกไปนั้น ก็รู้สึกกระดากอายเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงตะคอกใส่หนิงเจียวเพื่อระบายอารมณ์เก้อเขิ
หนิงเจียวเริ่มควบคุมสติตนเองไม่ได้ อารมณ์แห่งความปรารถนาเริ่มจู่โจมนางอย่างหยุดยั้งเอาไว้ไม่อยู่ มือขาวราวหยกงามค่อย ๆ ยื่นไปสัมผัสกับแผงอกที่แน่นบึกบึนของคนร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะค่อย ๆ ลูบไล้จนต่ำลง ต่ำลง อุ๊ย!!! อุ๊ย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ มันช่าง? มันช่าง ใหญ่เสียเหลือเกิน ใหญ่เสียจนมือน้อย ๆ ของนางยังกำได้ไม่รอบสวีจิ้งเทียนหรี่ตามองมือขาวเนียนของหนิงเจียวที่กำลังลูบ ๆ คลำ ๆ อยู่ที่หว่างขาของเขาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาผละออกจากริมฝีปากของหนิงเจียว ก่อนจะผลักนางให้ล้มลงไปนอนบนเตียงสวีจิ้งเทียนปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาออกจนหมด ก่อนจะเดินตรงมาที่หนิงเจียว แท่งมังกรผงาดที่ถูกปลุกขึ้นมา กำลังชี้โด่เด่มาที่ใบหน้าของหนิงเจียวเอื๊อก!!!หนิงเจียวลอบกลืนน้ำลาย แต่ยังคงไม่ไว้วางใจ นี่เขากำลังคิดจะหลอกให้นางเกิดความต้องการ แล้วก็หันไปช่วยตนเองที่หน้ากระจกต่อใช่หรือไม่?สวีจิ้งเทียนมองหนิงเจียวด้วยแววตาราวกับหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่จ้องมองแกะน้อยผู้ตกเป็นเหยื่อ"วันนี้เจ้าค่อนข้างควบคุมอารมณ์ต่อหน้าบ่าวไพร่ได้ดี คืนนี้ข้าจะให้รางวัลเจ้า ให้เจ้าเล่นกับมันได้ทั้งคืน"หนิงเจียวยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่
“คุณชายใหญ่สวี ข้าอยากกินอันนั้นเจ้าค่ะ"หนิงเจียวยื่นมือชี้ไปที่เกาลัดคั่วน้ำตาล ก่อนจะวิ่งไปด้วยท่าทางตื่นเต้น"เถ้าแก่ เอาถุงหนึ่ง""ได้ขอรับ"สวีจิ้งเทียนคอยเดินตามหลังจ่ายเงินให้นาง เขามองนางด้วยสายตาที่อ่อนโยนลงบ้างเล็กน้อยคล้ายมีบางอย่างในตัวนางที่เปลี่ยนไป แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไรที่เปลี่ยนไปกันแน่?"ใจคอเจ้าจะแวะร้านของกินทุกร้านเลยหรือไร?""อีกร้านเดียวเจ้าค่ะ ข้าจะไปกินบะหมี่ตรงนั้น โอ๊ะ!!!"หนิงเจียวเดินนำสวีจิ้งเทียนไปที่ร้านบะหมี่ แต่นางกลับวิ่งไปชนกับใครคนหนึ่งเข้า"โอ๊ะ!!! แม่นาง เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?""ไม่เจ้าค่ะ""คุณชายเหยากวง""อ้าว คุณชายสวี ท่านมาเดินตลาดหรือ?"สวีจิ้งเทียนมองหนิงเจียวที่ถูกเหยากวงประคองเอาไว้ด้วยสายตาไม่พอใจ เมื่อได้เห็นเนินอกที่ล้นทะลักของนาง ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นไปอีกเสื้อผ้าดีดีไม่มีใส่หรือไร!!! ใส่เสื้อผ้าตัวเล็ก ๆ จะโชว์ให้ใครดูกัน!!!"ข้าพาภรรยามาซื้อของ"ไม่พูดเปล่า สวีจิ้งเทียนดึงแขนหนิงเจียวให้เข้ามาหาเขา ก่อนจะสอดมือเข้าไปโอบกอดที่เอวบางระหงของนาง เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ"อ้อ ที่แท้ก็ฮูหยินน้อยของท่านนี่เอง ช่างงามเหลือเก
หนิงเจียวเดินกลับมาที่เรือนด้วยความเหนื่อยล้า นางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงไม่สนใจสิ่งใดแม้แต่น้อย สวีจิ้งเทียนที่เดินตามเข้ามา เขาคิดจะถามนางเรื่องการทำคลอดเมื่อครู่ ก็ต้องหยุดความคิดเอาไว้ เมื่อได้เห็นนาง กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนเขาเดินเข้าไปทิ้งกายนั่งลงที่ข้างเตียง มองดูนางกำลังนอนหลับตาพริ้มด้วยสายตาที่ล้ำลึกใบหน้าขาวนวลเนียน กำลังหลับใหลอย่างไม่รับรู้สิ่งใด สวีจิ้งเทียนค่อย ๆ โน้มใบหน้าลงไป แต่สตรีตรงหน้ากลับพลิกตัวหันหลังให้เขาเสียก่อนสองวันต่อมา เป็นวันที่สวีจิ้งเทียนและหนิงเจียวจะต้องกลับไปเยี่ยมจวนตระกูลหนิงหลังจากแต่งงานกันแล้ว และเตรียมของขวัญไปมอบให้แก่ผู้อาวุโสที่จวนด้วย"เจ้าไปเรียนรู้วิธีทำคลอดสตรีมาจากที่ใดกัน?"สวีจิ้งเทียนเอ่ยถามหนิงเจียว ในขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่บนรถม้า เพื่อเดินทางไปจวนตระกูลหนิง"ข้าเคยอ่านเจอในตำราน่ะเจ้าค่ะ จึงลองทำดู ปรากฏว่าได้ผลจริง ๆ"หนิงเจียวเอ่ยตอบไปด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยเช่นเดิม นางเป็นถึงหมอสูตินรีเวช ทำคลอดให้หญิงสาวมาตั้งมากมาย เหตุใดนางจะทำคลอดให้ท่านแม่ของสวีอวี้ไม่ได้กันเล่าแต่เรื่องนี้คงไม่สามารถอธิบายให้คนสมองกลวงอย่างเขาเ
สวีจิ้งเทียนยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ เมื่อได้ยินหนิงเจียวเอ่ยร้องขอเขาด้วยสายตาที่ปรารถนา น้ำเสียงที่หวานหยาดเยิ้ม ทำให้เขาราวกับตกอยู่ในไฟสวาทที่แผดเผาเขาโน้มใบหน้าลงไปบดบี้กับริมฝีปากสีแดงสดของนางอีกครั้งอย่างดูดดื่ม ก่อนจะใช้มือแยกขาเรียวงามของนางออกจากกัน แล้วค่อย ๆ สอดใส่ท่อนเอ็นร้อนแทรกเข้าไปในร่องสวาทของนาง"อื้อ!!! เจ็บเจ้าค่ะ!!!"ความรู้สึกเจ็บเจียนขาดใจแต่ปนความเสียวซ่านนี้ ทำให้หนิงเจียวลืมสังเกตไปว่าใบหน้าของนางได้กลับคืนสู่ความปกติดังเดิมแล้วใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด สวีจิ้งเทียนมองกลีบดอกไม้สีชมพูฉ่ำแฉะที่ค่อย ๆ ผลิดอกจนบานสะพรั่งด้วยสายตาที่เร่าร้อน"โอว!!! ซี้ดส์!!! ช่างแน่นเหลือเกิน!!!"อ่าห์!!! อะ อะ ๆ!!!"สวีจิ้งเทียนค่อย ๆ ขยับแก่นกายเข้าออกอย่างช้า ๆ เนิบนาบ ก่อนจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นมาเรื่อย ๆ จนหนิงเจียวร่างกายขยับขึ้นลงตามแรงกระแทกกระทั้นของเขา"เรียกชื่อข้า โอว์!!! เรียกชื่อของข้า!!!""อื้ออ!!! จิ้ง!!! อ๊าห์!!! เทียน!!!"ตับตับตับเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะตามแรงกระแทกของสวีจิ้งเทียน แก่นกายขยับเข้าออกพร้อมกับมือหนาใหญ่ที่บีบขยำเคล้นคลึ
หนิงเจียวเป็นไข้ นางตัวร้อนทั้งคืน สวีจิ้งเทียนเป็นคนเช็ดตัวและคอยป้อนยาให้กับนาง เช้านี้เขามีงานในวังหลวงจึงให้ไป๋เฉียนอยู่ดูแลนางแทนเขาไปก่อน"ฮูหยินน้อย ดีขึ้นรึไม่เจ้าคะ?"ไป๋เฉียนที่คอยเช็ดตัวให้หนิงเจียวเช้านี้ เอ่ยถามนางด้วยความห่วงใย หนิงเจียวพยักหน้า ไข้ของนางลดลงแล้ว แต่ยังคงรู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไม่น้อย"คุณชายใหญ่เฝ้าไข้ฮูหยินน้อยทั้งคืนเลยนะเจ้าคะ แล้วก็ฝากบ่าวให้นำยามาทา เอ่อ...""ยาอะไรรึ?"หนิงเจียวมองไป๋เฉียนที่ใบหน้าแดงก่ำด้วยสายตาสงสัย ไป๋เฉียนกำยาในมือบิดไปมาด้วยความเขินอาย"ยาทาที่ตรงนั้น...เอ่อ คิกคิก บรรเทาอาการบวมแดงเจ้าค่ะ"หนิงเจียวที่ได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความอับอาย บ้าจริง!!!ทำไมเขาไม่เอามามอบให้นางด้วยตนเองกันนะ"เอาวางไว้ตรงนั้นละ เดี๋ยวข้าจัดการเอง""ให้ข้าทาให้เถิดเจ้าค่ะ""ไม่ต้อง!!! ข้าทำเองได้"ให้ตายสิ!!! อยู่ดีดีจะให้นางนอนแหวกขาให้สาวใช้มาใส่ยาให้มันใช่เรื่องไหมเล่า นางเคยเป็นหมอตรวจให้ผู้อื่นมามาก แต่จะให้ใครมาเห็นของนางเช่นนี้ นางก็ทำหน้าไม่ถูก"เจ้าออกไปเถิด ฮูหยินคงอยากให้ข้าที่เป็นสามีช่วยทายาให้มากกว่า""เจ้าค่ะ"หนิงเจียวห
วันคืนล่วงเลยผ่านมานานเป็นเวลาสิบกว่าปี จนกระทั่งลูก ๆ ของทั้งคู่เริ่มโตขึ้นมาในวัยหนุ่มสาวกันหมดแล้วอาเหยาเจริญรอยตามผู้เป็นบิดา เขาเป็นถึงท่านรองแม่ทัพผู้สง่างามและเก่งกาจ และเขายังมีงานอดิเรกที่สวีจิ้งเทียนและหนิงเจียวเพิ่งจะค้นพบ นั่นก็คืออาเหยาชอบช่วยตนเองหน้ากระจก!!!หนิงเจียวส่ายหน้าไปมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะคิดในใจช่างเหมือนกับสวีจิ้งเทียนไม่มีผิด นางจำคืนเข้าหอครั้งแรกได้ขึ้นใจให้ดูแต่ไม่ให้จับ โอว์ ซี้ดดด!!!สวีฟง เป็นบัณฑิตหนุ่มรูปงาม เขาชอบศึกษาตำราและท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่าง ๆ งานอดิเรกของเขาคือการชวนสวีหลานน้องชายคนเล็กไปดูเนินนมของสาวคณิกาที่หอนางโลมส่วนบุตรสาวทั้งสองของนางนั้น สวีชิงชิง เป็นสตรีที่เรียบร้อย ใบหน้างดงามคล้ายหนิงเจียวเป็นอย่างมาก เป็นสตรีที่บุรุษต่างหมายปอง นางมีฝีมือเย็บปักถักร้อยงดงามเช่นเดียวกับหนิงเจียวและบุตรสาวคนที่สอง สวีหมิงลี่สวีหมิงลี่นั้น นับวันยิ่งโตขึ้น ใบหน้าก็ยิ่งละม้ายคล้ายกับหนิงเซียนไม่มีผิดเพี้ยน อีกทั้งยังมีความสามารถที่เก่งกาจในทุก ๆ ด้าน เป็นสตรีอันดับหนึ่งของเมืองหลวง เป็นที่หมายตาของบุรุษทั้งหลายหนิงเจียวยิ้มปริ่มในใจ นางเชื่อ
ท้องที่สามของหนิงเจียวนั้นนางได้บุตรสาว สร้างความยินดีต่อคนในจวนตระกูลสวีอีกครั้ง นี่เป็นบุตรคนที่สี่ของพวกเขา ชื่อว่า สวีหมิงลี่หนิงเจียวเองก็ได้พักรักษาตัวจนหายดีหลังจากคลอดบุตรแล้ว คงเพราะว่าให้กำเนิดบุตรติดต่อกันถี่เกินไป ร่างกายนางจึงอ่อนล้าไม่น้อย"เจียวจ๋า ได้เวลาดื่มยาบำรุงแล้วจ้ะ"หนิงเจียวหันไปมองสวีจิ้งเทียนที่กำลังถือถ้วยยาบำรุงตรงเข้ามาหานางด้วยท่าทีกระตือรือร้น"ขอบคุณเจ้าค่ะ""เจ้ารีบรักษาตัวให้หายดีเถิด ข้าอยากจะได้บุตรชายอีกสักคนพรวดดดหนิงเจียวพ่นยาที่กำลังกินในปากใส่ใบหน้าของสวีจิ้งเทียนเต็ม ๆ ใบหน้าของสวีจิ้งเทียนตอนนี้จึงมียาเปื้อนเลอะเต็มใบหน้า"หนิงเจียว เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้?""ข้าจะมีแค่สี่คนก็พอเจ้าค่ะ ข้าเหนื่อยแล้ว""แต่ข้าอยากได้อีกคนนี่นา!!!"หนิงเจียวปรายตามองสวีจิ้งเทียนด้วยสายตาอำมหิต จนสวีจิ้งเทียนต้องก้มหน้างุด ก่อนจะยื่นมือไปบีบนวดตามลำตัวให้ภรรยาที่รัก"ท่านต้องดื่มน้ำแกงคุมกำเนิด ห้ามหยุดกินหากไม่ได้รับคำสั่งจากข้า!!!""โธ่!!! เจียวจ๋า""ท่านเป็นพวกหื่นกาม ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่ ท่านจะผลิตลูกมาสร้างทีมเตะลูกหนังหรือเจ้าคะ?""ก็ได้ ก็ได้ ข้าพอ
หนิงเจียวรู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปหมด สวีจิ้งเทียนพักนี้ชอบนัวเนียอยู่กับนางตลอดเวลา จนนางรู้สึกราวกับมีวิญญาณมาสิงสู่ ตามติดจนบางครั้งนางเองก็รู้สึกเบื่อหน่ายเขาไม่น้อยจึก จึก!!!หนิงเจียวหันไปมองสวีจิ้งเทียนที่ยื่นนิ้วชี้หนาใหญ่ของเขามาจิ้มที่ท่อนแขนเรียวงามของนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ หนิงเจียวลอบสบถด่าทอสวีจิ้งเทียนในใจอีกครั้ง"เจียวจ๋าาา!!!""ท่านไม่ปวดเอวบ้างหรือเจ้าคะ นี่รอบที่สามแล้วนะเจ้าคะ ข้าปวดร้าวที่เอวไปหมดแล้ว""ครั้งนี้ข้าจะค่อย ๆ กระแทก""ท่านไปทำงานเถิดเจ้าค่ะ เห็นว่าฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้กลับเข้าวังหลวงแล้วไม่ใช่หรือ?""เจ้าไล่ข้าหรือ?"สวีจิ้งเทียนทำหน้างอง้ำ ก่อนจะหันหลังให้นางด้วยความโกรธเคือง เขาอุตส่าห์ตามใจนาง นางอยากได้สิ่งใดเขาก็หามาให้ แต่นางกลับผลักไสให้เขาไปที่อื่น"จิ้งเทียน""......""จะหันมาดีดีหรือจะให้ข้าถีบท่านตกเตียงเจ้าคะ?"สวีจิ้งเทียนหันกลับมามองหนิงเจียวด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม ก่อนจะซุกใบหน้าลงไปที่ซอกอกอวบอิ่มของนางด้วยความรักใคร่สามวันก่อน ฮ่องเต้ทรงมีพระราชโองการให้เขากลับเข้าไปรับราชการในวังหลวง แต่เขายังคงครุ่นคิดอยู่ไม่น้อย ช่วงเวลาที่เขา
เถ้ากระดูกของหนิงเซียนถูกขุดย้ายกลับเข้ามาฝังในศาลบรรพชน เพราะนางไม่ได้ทำเรื่องน่าอับอายที่ผิดต่อตระกูลหนิงอีกแล้ว หนิงเจียวเองยืนจับมือแม่ใหญ่ที่ร้องไห้จนหมดเรี่ยวแรงด้วยความสงสารจับใจ"ท่านพี่ไร้มลทินแล้วนะเจ้าคะแม่ใหญ่""แม่ใหญ่ขอบใจเจ้ามากนะ ก่อนจะกลับเจ้าแวะไปเยี่ยมท่านแม่ของเจ้าด้วยเล่า นางกำลังตั้งครรภ์ คงอยากจะพบหน้าเจ้า"หนิงเจียวพยักหน้า มารดาของนางตั้งครรภ์ได้สามเดือนกว่า ๆ แล้ว สร้างความดีใจแก่คนในจวนตระกูลหนิงไม่น้อยหนิงเจียวแวะมาเยี่ยมมารดาของตนเอง เอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบกับนางอยู่ครึ่งค่อนวัน ก่อนจะกลับจวนตระกูลสวีตั้งแต่เกิดเรื่องในวันนั้นอาเหยาก็ติดนางเป็นอย่างมาก เขาหวาดกลัวกับการที่ต้องอยู่ห่างจากนาง เพราะกลัวว่าจะนางจะหายไปจากเขา หนิงเจียวต้องปลอบบุตรชายอยู่นานกว่าเขาจะหายงอแงท้องของนางเริ่มโตขึ้นจนเดินเหินไม่สะดวก สวีจิ้งเทียนเองก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งท่านรองแม่ทัพเพราะละเลยจากหน้าที่เฝ้าระวังชายแดน แต่เขากลับไม่สนใจไยดีสิ่งใด นอกจากวัน ๆ เอาแต่ขลุกอยู่กับนาง"โอ๊ว์!!! ซี้ดดดด หนิงเจียวครางให้ข้าฟังเร็วเข้า!!! ข้าจวนจะถึงยอดเขาแล้ว อ่าส์!!!"ตั้งแต่สวีจิ้งเทียนออกจ
เหยากวงและหนิงเจียว ถูกองค์หญิงหย่งชิงและองค์รัชทายาทมู่ฉีล้อมตัวเอาไว้จนหมดหนทางที่จะหนีรอด ทั้งสองหันหลังชนกัน คอยระแวดระวังความปลอดภัยให้แก่กันหย่งชิงปรายตามองหน้าท้องที่นูนใหญ่ของหนิงเจียวด้วยสายตาเกลียดชัง สตรีที่ควรมีสิทธิ์ให้กำเนิดบุตรของสวีจิ้งเทียน ควรจะมีเพียงแค่นางเท่านั้น"หนิงเจียว ข้าจำได้ว่า สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับหลุมฝังศพของพี่สาวเจ้า เช่นนั้น ให้ข้าส่งเจ้ากับลูกในท้อง ไปนอนเล่นกับพี่สาวของเจ้าดีหรือไม่?"หนิงเจียวส่งเสียงเฮอะในลำคอ นางจ้องมองหย่งชิงด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม หย่งชิงเองก็จ้องมองนางอย่างไม่ละสายตาเช่นกัน"เหตุใดจึงไม่ตอบเล่า? กลัวตายขึ้นมาแล้วหรือ? ไม่ต้องกลัวไป ข้าจะทำให้เจ้าตายเร็วที่สุด หลังจากนั้นข้าก็จะผ่าท้องของเจ้า ควักลูกของเจ้าออกมาโยนทิ้งเล่น ๆ ฮ่าาา ๆ ๆ ๆ""จิตใจของพระองค์ช่างต่ำตมจริง ๆ เพคะ"เพียะ!!!"กล้าดีอย่างไรมาพูดจาดูถูกข้า? ข้าคือองค์หญิงมีสถานะสูงส่งกว่าเจ้าหลายเท่านัก"หย่งชิงฟาดฝ่ามือลงไปที่ใบหน้าขาวนวลเนียนของหนิงเจียวจนเกิดรอยแดงขึ้นมาห้านิ้ว เพียะ!!!"นี่เจ้า!!!"หนิงเจียวเองก็ฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของหย่งชิงเช่นกัน นางอดทนได้
เป็นเวลาร่วมเดือนแล้วที่สวีจิ้งเทียนจากไปไกลถึงชายแดน เขาไม่ได้ส่งจดหมายมาหานางเลยแม้แต่ฉบับเดียว นางเองก็เข้าใจดี ด้วยหนทางที่ค่อนข้างลำบากและห่างไกล เขาคงจะไม่สะดวกเท่าใดนัก นางเองเชื่อใจสวีจิ้งเทียนอย่างที่สุด"ท่านแม่ วันนี้ท่านจะพาข้าไปซื้อของเล่นที่นอกจวนหรือไม่ขอรับ"หนิงเจียวมองอาเหยาที่พูดจาออดอ้อนนางอย่างรักใคร่เอ็นดู อาเหยาอยากออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกจวน นางเองก็ต้องการจะออกไปหาซื้อผ้าอย่างดีเอามาไว้ทำเสื้อผ้าให้ลูก ๆ ได้สวมใส่ยามนี้นางท้องหกเดือนแล้ว ท้องนี้ค่อนข้างใหญ่โตไม่น้อย แต่หนิงเจียวเองก็ยังคงเดินไปเดินมาอยู่บ่อยครั้ง การเดินออกกำลังกายบ้างจะช่วยให้นางคลอดง่ายยิ่งขึ้น"ให้บ่าวไพร่ไปก็ได้ ไยเจ้าจะต้องไปเองเล่า ยิ่งท้องโตมิใช่น้อย"ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเตือนหนิงเจียวด้วยความห่วงใย"ไปเพียงครู่เดียวเจ้าค่ะท่านย่า ให้บ่าวไพร่ไปเลือกเองก็กลัวจะไม่ถูกใจเจ้าค่ะ""เอาเถิด พาคนไปคอยรับใช้หลาย ๆ คนเถิด มู่จิน เจ้าไปคอยดูแลฮูหยินน้อยกับคุณชายน้อยให้ดี""ขอรับฮูหยินผู้เฒ่า"อาเหยาค่อนข้างอารมณ์ดีและเบิกบานไม่น้อยที่จะได้ออกไปเที่ยวนอกจวน เขาชอบท่องเที่ยวและเรียนรู้เหมือนกับนางเป็นอ
เพล้ง!!!"ไสหัวออกไปให้หมด!!!"องค์หญิงหย่งชิงอาละวาดด่าทอทุบตีนางกำนัลด้วยโทสะที่เดือดดาล นางเฝ้าวาดหวังว่าสวีจิ้งเทียนจะต้องตกเป็นสามีของนางเป็นแน่ แต่ทว่าเขากลับไปหาหนิงเจียว แล้วยังแต่งนางเข้าจวนอย่างใหญ่โต นางเกลียดชังสตรีหน้าหนาผู้นี้ยิ่งนัก เหตุใดมันจึงไม่ตกตายไปเสีย!!!"เจ้าอาละวาดไปก็ไม่ได้สิ่งใดขึ้นมา หักใจแล้วเตรียมตัวอภิเษกกับองค์ชายต่างแคว้นสักพระองค์เถิด"หย่งชิงปรายตามองมู่ฉี พี่ชายของตนเองด้วยสายตาขุ่นเคือง"ข้าไม่แต่ง ข้าจะแต่งกับสวีจิ้งเทียนเพียงผู้เดียว""แต่เขากลับไปใช้ชีวิตอยู่กับหนิงเจียวแล้ว""ท่านพี่ ท่านช่วยข้าอีกสักครั้งเถิด!!!""เพ่ยเพ่ย ข้าได้ยินมาว่าคู่หมั้นของท่านบัณฑิตเฟิ่ง ตกตายอย่างกะทันหัน เป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่?"หย่งชิงไม่เอ่ยสิ่งใด นางเพียงยกถ้วยชาร้อนขึ้นมาจิบอย่างอารมณ์ดี"เมื่อคืน ท่านบัณฑิตเฟิ่งช่างร้อนแรงมากเจ้าค่ะ""เพ่ยเพ่ย!!!""รู้แล้วจะถามทำไม!!! รู้แล้วจะจับข้าส่งทางการหรือ? ข้าเป็นถึงองค์หญิงนะเพคะ""เจ้ามันไม่ใช่คน!!!""แล้วท่านพี่เล่าเพคะ ดีนักหรือ? หลงรักคู่หมั้นของผู้อื่น""เพ่ยเพ่ย!!!""ท่านพี่ต้องช่วยข้า!!!"มู่ฉีไม่เอ่ยสิ่งใด
สวีจิ้งเทียนจ้องมองใบหน้าเรียวงามของหนิงเจียวด้วยสายตาที่ร้อนแรง หนิงเจียวเองก็รู้ใจเขาเป็นอย่างยิ่ง นางจึงค่อย ๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์บนร่างกายออกจนหมดด้วยท่าทีเย้ายวนพร้อมกับส่งสายตามองไปที่เขาอย่างเชิญชวนสวีจิ้งเทียนโอบกอดร่างบางระหงให้ล้มลงนอนไปบนเตียง แล้วจึงส่งลิ้นอุ่นร้อนบดเบียดแทรกซึมเข้าไปในริมฝีปากบางของนาง เกี่ยวกระหวัดลิ้นพัวพันกันไปมา ช่วงชิงความหวานจากริมฝีปากของกันและกันอย่างดูดดื่มเขาใช้ลิ้นโลมเลียไปตามใบหูขาวเนียนของนาง ก่อนจะจุมพิตเรื่อยลงมาที่ซอกคอ ขบเม้มจนคอบางระหงเกิดเป็นรอยแดงจ๊วบ จ๊วบ"อูยยยย ซี้ดดดดด!!!"สวีจิ้งเทียนใช้ลิ้นม้วนดูดเลียยอดจุกบัวสีชมพูที่บานชูช่อเต่งตึง ทำให้หนิงเจียวต้องแอ่นอกตอบรับด้วยความเสียวซ่าน สองมือหนาใหญ่เข้าไปกอบกุมบีบขยำเคล้นคลึงช่อดอกบัวงามอย่างเอาแต่ใจเหมือนจะใหญ่ขึ้นใช่หรือไม่!!!จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เคลื่อนใบหน้าลงมาบริเวณเนินสวาทที่มีเส้นไหมสีดำปกคลุม ก่อนจะใช้มือแยกเรียวขางามให้อ้าออกจนกว้าง เผยให้เห็นกลีบดอกไม้สีชมพูที่ผลิบานเล็กน้อย กำลังรอให้เขาเข้ามาสัมผัสนิ้วร้อนค่อย ๆ แหวกกลีบดอกไม้งามให้แยกบานออก แล้วจึงครอบริมฝีปากดูดดึงขบเม
สวีจิ้งเทียนกลับมาเก็บของที่เรือนของเขาทันที เขานำไปเพียงเสื้อผ้าสิ่งของที่จำเป็น และตั๋วเงินหลายหีบที่เขาหามาได้ด้วยตนเอง เขาจะไปใช้ชีวิตอยู่กับหนิงเจียวและลูกของเขา และจะไม่ยอมสูญเสียนางไปอีก"จิ้งเอ๋อร์""ท่านพ่อ"เสนาบดีสวีมองบุตรชายของตนเองด้วยสายตารักใคร่ แต่ไหนแต่ไรมา สวีจิ้งเทียนคือความหวังทั้งหมดของเขา เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวที่จะสามารถสานต่อเจตนารมณ์ของเขาได้"เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนเถิด พ่อเองได้ตักเตือนท่านย่ากับท่านแม่ของเจ้าไปแล้ว เรื่องนี้เป็นจวนตระกูลสวีที่ทำผิดต่อจวนตระกูลหนิง พ่อเองก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้""ลูกจะแต่งงานกับหนิงเจียวเพียงผู้เดียวเท่านั้น ลูกจะไม่รับสตรีอื่นอีกแม้แต่คนเดียว หากท่านพ่อยังอยากเห็นหน้าลูก ยังอยากให้ลูกเจริญรอยตามสิ่งที่ท่านพ่อวาดหวังเอาไว้ ได้โปรดเข้าใจลูกด้วย""เอาเถิด พ่อจะยกจวนหลังใหญ่ฝั่งนั้นให้แก่เจ้า เจ้าจะได้สบายใจ ส่วนเรื่องแต่งงาน พ่อจะไปเจรจาสู่ขอหนิงเจียวอีกครั้ง เราจะสู่ขอนางอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติ""ขอบพระคุณท่านพ่อขอรับ"สวีจิ้งเทียนหันไปมองจวนหลังใหญ่ฝั่งตรงข้ามที่เชื่อมต่อกับจวนตระกูลสวี เป็นสมบัติเก่าแก่ตกทอดมาหลายชั่วอายุคน เดิมที