"พอดีข้าได้ยินว่าเจ้าจะเข้าวังหลวงพรุ่งนี้ เลยอยากจะมาทักทายเสียหน่อย" คลาสเริ่มทำสงครามประสาททันที เนื่องจากเป็นความถนัดของแฝดผู้พี่ที่มักใจเย็นและสุขุมมากกว่าแฝดน้อง
"แต่ข้าดันควบคุมพลังไม่ได้เพราะหวงพี่สะใภ้ก็เลยพลั้งมือทำกระจกบ้านเจ้าแตกจนหมด เดี๋ยวจะชดเชยค่าเสียหายให้หลังจากคุยเสร็จ" ครอสราดน้ำมันต่อจากแฝดผู้พี่ทันทีเพราะตนไม่ใช่คนใจเย็นจึงเปิดประเด็นไม่เก่งเท่าไหร่นัก เรียกว่าความแฝดนรกนี้น้อยคนที่จะแยกออกเพราะพวกเขาชอบแต่งตัวและทำท่าทางเหมือนกันตลอดเวลา ถึงจะทำงานกันคนละที่แต่การแต่งตัวยังไม่เปลี่ยนไปเลย
"ล้อหม่อมฉันเล่นหรือเปล่าพะยะค่ะ มีหรือที่หนึ่งในอันดับราชวงศ์ที่มีความสามารถของพวกท่านจะพลั้งมือ หากบอกว่าเป็นความตั้งใจจะน่าเชื่อถือกว่าเลย"
"ใช่! ข้าจงใจทำเองเพราะหมั่นไส้ ไม่รู้จักหาของตัวเองหรือไงถึงได้มาแย่งของคนอื่น" ครอสเริ่มตีฝีปากทันทีเพราะยังไงก็ยอมรับไปแล้วว่าจงใจทำ ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอะไรทั้งนั้น ก็แค่อยากเห็นสีหน้าของราชวงศ์ที่กลัวจนตัวสั่นบ้างก็เท่านั้นเอง
"ข้าจะชวนเจ้าไปวังหลวงพร้อมกันเลย น่าจะมีอะไรสนุกๆ รอพวกเราอยู่"
"ทำไมเจ้าต้องไปชวนมันด้วยคลาส ไหนบอกว่าพวกเรามาป่วนเฉยๆ ไง"
"ไปด้วยกันนี่ล่ะ ข้าว่าพี่สะใภ้ต้องมีอะไรที่คาดไม่ถึงมากกว่านี้อีกแน่นอน"
ณ วังหลวง
หลังจากทราบข่าวการมาของริคและคีย์ทางวังหลวงก็เตรียมการต้อนรับเป็นอย่างดี และยังไม่ลืมที่จะเชิญหัวหน้าตระกูลริคมาด้วยเพื่อให้รู้จักสมาชิกใหม่ล่าสุดที่จะต้องมาแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วัน ทำให้วุ่นวายกันไปทั้งวังหลวงมีทั้งคนที่เห็นด้วยและคนที่ไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งขององค์จักรพรรดินี การดำเนินงานภายในทั้งหมดเป็นหน้าที่ของจักรพรรดินีแม้บุคคลที่อยู่สูงสุดอย่างจักรพรรดิก็ไม่อาจเข้าไปยุ่งสักอย่าง
"ท่านจักรพรรดินีทำไมถึงจัดงานใหญ่โตขนาดนี้ ข้าประหลาดใจยิ่งนัก" ดยุคตระกูลริคเอ่ยถามทันทีเพราะน้องสาวของคนไม่ค่อยโปรดปรานใครง่ายๆ คนที่ทำให้พึงพอใจได้นั้นต้องเป็นคนที่น่าสนใจมากพอสมควร
"ท่านพี่ก็พูดเกินไป ข้าไม่ได้ทำถึงขนาดนั้นหรอก" เพราะข้าทำมากกว่านั้นต่างหาก
"แต่เจ้าเอานามสกุลของตระกูลข้าไปให้มนุษย์ที่ไหนก็ไม่รู้ แบบนี้ข้าควรทำเช่นไรดี น้องสาวของข้า" ดยุคถึงกับหน้าถอดสีเมื่อมองไปยังใบหน้าของผู้เป็นน้องสาวของตนเอง ในเวลานี้ช่างน่ากลัวเหนือสิ่งอื่นใดยิ่งนัก นานมากแล้วที่ไม่เห็นแววตาและรังสีอำมหิตแบบนี้ต่อหน้าเขา แผ่นดินไหวไปทั่ววังหลวง กระจกแตกเป็นเสี่ยง ข้าวของเครื่องใช้ต่างหล่นลงมาโดยไม่ได้นัดหมาย
"ท่านจักรพรรดินี ข้าผิดไปแล้ว...อย่าเพิ่งโกรธกันเลยนะ" เสียงของชาร์คไม่สามารถเข้าไปในโสตประสาทของนีน่าได้เลย เพราะร่างกายของนีน่าเริ่มขยับเข้ามาหมายจะต่อสู้ด้วย แต่ทว่า
แอ๊ด!
"เกิดอะไรขึ้นครับ! ทำไมข้าวของหล่นแบบนี้ ท่านจักรพรรดินีบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าพะยะค่ะ" ร่างสูงโปร่งรีบถลาเข้ามาประคององค์จักรพรรดินีด้วยสีหน้าตกใจ ใบหน้าหวานปานผู้หญิง น้ำเสียงอ่อนโยนราวกับเด็ก ท่าทางทะมัดทะแมงแบบนี้ดูยังไงก็ไม่รู้จะบอกว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิงกันแน่
"แม่ไม่เป็นไรนะหนูไวท์ เจ้าเป็นอะไรไหม" ทำไมท่าทีของน้องสาวเขาถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้ เด็กคนนี้เป็นใครกัน
"ไม่ครับ...แต่ผมเห็นทุกคนล้มลงหมดเลยแม้แต่พี่คีย์ก็ด้วย ผมเลยรีบวิ่งมาดูว่าท่านจักรพรรดินีจะเป็นอะไรหรือเปล่า" หมายความว่ายังไง เขางงไปหมดแล้ว เป็นดยุคมาหลายร้อยปีไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิตเลย
"แล้วหนูไวท์ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยเหรอลูก เจ็บตรงไหนไหม"
"ไม่ครับ ยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมทุกคนถึงล้มไปกันหมด"
"อาจจะเป็นเพราะสายเลือดของหนูไวท์ก็ได้นะลูก"
"ที่ว่าผมเป็นลูกครี่งระหว่างเทพกับมนุษย์เหรอครับ"
ดยุคริคได้แต่มองหน้าน้องสาวตนเองสลับกับเด็กหนุ่มหน้าหวานแปลกหน้าไปมาด้วยความสงสัย ทำไมมนุษย์ถึงไม่ได้รับผลกระทบจากเลือดบริสุทธ ยังไม่รวมเรื่องท่าทีที่เปลี่ยนไปนั่นอีก ไหนจะเรื่องลูกครึ่งเทพ เขาควรจะเริ่มถามจากตรงไหนก่อนดีนะ
ปึง!
"กระรอกน้อย! เจ้าบาดเจ็บตรงไหนไหม" คีย์วิ่งเข้ามาถามด้วยอาการเหนื่อยหอบ ไม่ผิดแน่! แรงกดดันมหาศาลเมื่อกี้จะต้องมาจากท่านแม่อย่างแน่นอน ไม่งั้นเขาคงจะไม่ล้มลงกับพื้นแบบนั้นแต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ได้ผลกับคนตรงหน้า มือหนาจับร่างสูงโปร่งหมุนไปมา สำรวจอย่างละเอียดจนแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรถึงได้วางใจ
"ผมไม่เป็นอะไรครับพี่คีย์ ใจเย็นๆ นะ" มือขาวหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหยดเหงื่อที่ไหลอยู่ใบหน้าหล่อเหลาออกพลางตบไหล่เบาๆ เป็นการปลอบให้อีกฝ่ายสงบใจลงให้มากกว่านี้
"มีใครสามารถอธิบายให้ข้าฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น ข้างงไปหมดแล้ว" ดยุคตระกูลริคทนกับสถานการณ์ที่เหมือนครอบครัวสุขสันต์ไม่ไหวจนต้องรีบเบรคเสียก่อน เขาไม่ได้เข้าวังหลวงแค่ไม่กี่เดือนทำไมถึงมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้ เมื่อทั้งสามคนมาสนใจบุคคลที่เรียกหาก็เริ่มรู้แล้วว่ามีคนมองอยู่ ทั้งที่ความจริงมีคนมองทั้งท้องพระโรงเลยนั่นแหละ
"เดี๋ยวข้าจะแนะนำให้ท่านพี่รู้จักเอง เด็กคนนี้ชื่อริค ไวท์ หรือก็คือบุตรชายบุญธรรมที่ข้าตั้งแต่งให้อย่างไม่เป็นทางการเมื่อไม่กี่วันก่อน และเป็นลูกครึ่งมนุษย์กับเทพ"
"ก็เลยเอานามสกุลตระกูลพวกเราไปตั้งให้เด็กคนนี้เนี่ยนะ! " รัชทายาทเห็นท่าไม่ดีเลยโบกมือไล่คนรับใช้และทหารในท้องพระโรงออกไปจนหมดตั้งแต่ที่ดยุคริคเริ่มสงสัยในตัวกระรอกน้อยแล้ว
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม เจ้ามีปัญหาอะไรงั้นรึชาร์ค” สีหน้าของจักรพรรดินีไม่ได้สะทกสะท้านกับสิ่งที่ตนเองพูดออกไปเลยแม้แต่น้อย เด็กคนนี้เป็นใครกัน! ทำไมถึงสามารถเปลี่ยนดำเป็นขาวและขาวเป็นดำได้ขนาดนี้ จะต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอน ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลล่ะก็...เขาไม่มีทางยอมอย่างแน่นอน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“เข้ามา”“ท่านพี่ พวกเราจะกลับเขตปกครองของพวกเราสองคนแล้ว เลิกจะมาลาพะยะค่ะ” คลาสบอกพลางทำความเคารพ“ใช่พะยะค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราขอตัว” ครอสบอกแล้วทำความเคารพเช่นกัน“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าได้คำตอบของหัวใจจากคนที่ตนเองรักแล้วจะไปเริ่มต้นใหม่หรอกหรือ” เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาแล้วเงยหน้ามองฝาแฝดด้วยสายตาเรียบนิ่ง“พะยะค่ะ ข้าได้คำตอบจากคนที่ข้ารักแล้ว / พะยะค่ะ ข้าได้สิ่งนั้นมาแล้ว” ทั้งสองตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เจ้าชายทั้งสามต่างพยักหน้าให้กันแล้วต่างคนต่างไปทำหน้าที่ของตนเองต่อไป ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสวนหลังวังเขาจะไม่รับรู้ แต่มันเป็นเรื่องที่ไวท์จะต้องพูดและตัดสินใจด้วยตนเองจากนี้ไปทั้งคลาส ครอส น่าจะเริ่มเข้าใจและตัดใจได้ในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ไวท์พูดค่อนข้างเด็ดขาดและชัดเจน ไม่มีช่องว่างให้คนอื่นแทรกเข้าไปได้เลยตอนที่ได้ยินคำพูดออกจา
“เป็นการตรวจสอบภายในก็จริงแต่ต้องส่งเข้าวังหลวงภายในสิบสี่วันขอรับ”“เข้าใจแล้ว ผมจะทำตามที่บอกและเขียนรายละเอียดไว้ให้ด้วยครับบนโต๊ะทำงานของผม” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางออกกำลังกายด้วยตนเองต่อไป สายตาของเมล์มองด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเหมือนตาแก่มากขนาดนี้“มีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นมองนานแล้ว ผมยังออกกำลังกายไม่เสร็จ”“ไม่ขอรับ ข้าขอตัวก่อน”“ครับ”ณ ห้องทำงาน“จะทำยังไงกันต่อขอรับ รัชทายาทยังนอนอยู่ที่โซฟาอยู่เลย” เฟลิกซ์ถามด้วยความสงสัยเพราะว่าเจ้านายของตนเรียกทุกคนมารวมกันที่นี่หมดเลย แต่ว่าถ้าพูดคุยกันที่นี่จะไม่ทำให้รัชทายาทตื่นขึ้นมาเหรอ“ผมเชื่อว่าคนไม่ได้นอนมาหลายวันไม่ตื่นง่ายหรอกครับ มาคุยเรื่องงานกันดีกว่า”“กองงานทั้งหมดส่วนนี้คือการช่วยกันตรวจดูเอกสารงบประมาณภายในวังว่าครบถ้วนหรือไม่ มีอะไรขาดตกบกพร่องตรงไหน และจะต้องเส
“พี่คีย์ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะครับ เคี้ยวอาหารแบบนี้เหมือนเด็กเลยครับ” เสียงทุ้มนุ่มพูดพลางหัวเราะเบา ๆ เพิ่งเคยเห็นท่าทางแบบนี้ของคนอายุมากกว่าหลายร้อยปี เป็นภาพที่น่ามองไปอีกแบบเหมือนกัน“ข้าว่าเหมือนคนไม่สำรวมมากกว่าขอรับ ท่านไวท์” เมล์บอกพลางถอนหายใจ ไม่คิดว่าจะกินแบบนั้นจนลืมเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร จะกินเร็วเกินไปแล้ว“ตอนนี้ไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเรา งดสำรวมหนึ่งวันแล้วจะรีบกินให้หมดจะได้มานั่งทำงานต่อสักที”หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาก็เห็นรัชทายาทหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน จากการมาหาสภาพไม่ต่างจากคนทำงานหามรุ่งหามค่ำและไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว ถ้าทำเครื่องดื่มที่ทำให้รู้สึกสดชื่นน่าจะช่วยได้พอสมควร มาลองคิดเรื่องเครื่องดื่มที่จะทำให้รู้สดชื่นกันก่อนดีกว่ามือขาวหยิบกระดาษและปากกาขนนกขึ้นมาเพื่อเริ่มไล่รายการเครื่องดื่มที่ทำให้สดชื่นและสามารถทำงานต่อไปได้ในระยะยาวโดยไม่ได้สนใจว่ามีสายตาของแวมไพร์ทั้งสองคู่กำลังมองอยู่ว่าทำอะไร ทำไมดูเคร่งเครียดขนาดนั้น จะเข้าไปช่วยก
“มองอะไรกันครับ ไม่กินข้าวล่ะครับ” ไวท์ถามด้วยความสงสัย“ตอนที่เจ้ากินแบบนี้ดูน่ารักดี เลยเผลอมองนานไปหน่อย ขอโทษด้วย” คีย์ตอบพลางกินอาหารต่อแต่คนที่เหมือนจะกินช้าลงกลายเป็นใบหน้าหวานแทนเพราะทำตัวไม่ถูกกับคำชมของอีกฝ่ายที่ตรงไปตรงมาแบบนี้เสมอ“พูดอะไรครับพี่..” เสียงของไวท์ขาดหายไปแล้วเริ่มก้มหน้าก้มตากินเหมือนเดิม ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่มีเด็กคนนี้เข้ามาทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ตอนนั้นจนวันนี้ สายตาของแต่ละคนก็ยังมีความให้อ่อนโยนให้เหมือนเดิมซึ่งการที่แต่ละคนต่างมีใจให้กับไวท์ก็เป็นสิ่งที่คีย์รู้มานานแล้ว แต่ว่าหลังจากการหมั้นทุกคนก็มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะไม่ทำอะไรให้เกิดความเสียหายขึ้นมา“ไวท์ ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า” คลาสบอกพลางเดินออกไปทางสวนหลังวัง“ครับ” เขาขานรับสั้น ๆ และเดินตามไปแต่โดยดีณ สวนหลังวัง“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ผมยังมีอะไรที่
อพอลโลตัดสินใจที่จะเดินทางมาโลกมนุษย์หลายเดือน จึงคิดเตรียมการหลายอย่างเพื่อให้ตนเองมีเวลาว่างมากพอที่จะสืบเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งหมด ระยะเวลาที่นานขนาดนี้ในโลกมนุษย์จะสามารถตามหาอะไรได้อีกหรือเปล่า ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะรับรู้อะไรได้บ้างณ ดินแดนมังกร“มีอะไรหรือท่านจักรพรรดินี”“เหมือนจะถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับไปหาไข่มังกรแล้วสินะ” เธอเอ่ยออกมาเสียงเรียบพลางใช้พลังมองดูบุตรของตนที่กำลังจะเติบโตขึ้นอีกขั้น“ฝากตาแก่ไว้นานแล้ว ถึงเวลาที่ต้องไปรับกลับมาเสียที”“ท่านจะไปที่ใดกัน”“โลกมนุษย์”“ท่านว่ายังไงนะ!”“วางใจเถอะ ไม่ใช่ในตอนนี้หรอก” คนรับใช้ถอนหายใจอย่างโล่งอก“แต่อีกไม่นานจะต้องเตรียมตัวเพื่อไปพบบุตรของข้า”“แต่ท่านมีบุตรอยู่ที่นี่แล้วถึงสี่พระองค์พะยะค่ะ จะมีบุตรที่ใดกันอีก
“ท่านไวท์เดินตัวตรงหน่อยขอรับ จะล้มแล้ว” คัสซัสร้องทักเพราะเข้ามาชงชายามเช้าให้รับประทานแต่เห็นผู้เป็นนายยังไม่ลืมตาเลยแม้ว่ากำลังจะหยิบถ้วยชาก็ตาม“ช่วงนี้สงสัยข้าเรียนหนักเกินไปถึงได้เหนื่อยล้าแบบนี้ น่าจะลดบทเรียนลงบ้างสักเล็กน้อย” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางลืมตาขึ้นมาดั่งเดิมพลังเริ่มทั้งสองสีภายในร่างสูงโปร่งกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้มือขาวปล่อยมือออกจากถ้วยชา หลับตาลงแล้วร่างลอยขึ้นมาเหนือเตียงและมีรังสีของพลังวนอยู่รอบ ๆ คัสซัสไม่เคยเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนจึงรีบวิ่งมารายงานให้องค์รัชทายาททราบทันที“รัชทายาทพะยะค่ะ พลังของท่านไวท์มาโอบล้อมไว้ทั้งร่างจนตอนนี้เหมือนไม่ได้สติเลยพะยะค่ะ” คัสซัสรีบวิ่งมาบอกหน้าตาตื่นเพราะไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน“เจ้าว่ายังไงนะ!” รัชทายาทอุทานด้วยความตกใจ“ท่านไวท์ไม่ได้สติเลยพะยะค่ะ”“เมล์เจ้ารีบไปแจ้งข่าวแก่วังหลวง คัสซัสเจ้าไปบอกเฟลิกซ์ให้ส่งจดหมายไปหาหน่วยพลังเวทย์มนตร์ของจักรวรรดิ&rdq