เมื่อเคลียร์เฟอร์นิเจอร์เก่าที่ไม่จำเป็นออกจากบ้านไปแล้วช่วงบ่ายน่านนทีก็พาอรณิชามายังร้านเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ของใช้ภายในบ้านขนาดใหญ่
“คุณน่านคะอีฟอยากได้เตียงนอนหลังนี้มันจะเข้าประตูบ้านของอีฟได้มั๊ย”
“เข้าได้ไม่มีปัญหาแต่ผมว่ามันหลังเล็กไปหน่อยหรือเปล่า คุณน่าจะเลือกใช้ที่นอนหกฟุตดีกว่านะห้าฟุตถ้านอนสองคนมันจะอึดอัด”
“ก็อีฟจะนอนคนเดียวนี่คะ ใจจริงอยากจะได้สามฟุตเลยด้วยซ้ำไปคะ”
“แต่ถ้าวันหนึ่งคุณอยากจะเปลี่ยนเป็นหกฟุตจะไม่เสียดายเงินแย่เหรอราคามันต่างกันไม่มาก”
“มันก็จริงค่ะ แต่อีฟก็ยังลังเลอยู่ดี”
“คุณลองคิดดูนะถ้าวันนี้คุณซื้อห้าฟุตไปแล้วเกิดเปลี่ยนใจอย่างได้หกฟุตขึ้นมาก็เท่ากับต้องทิ้งเตียงอีกหลังหนึ่งไปเลยนะ”
น่านนทีรู้สึกแปลกใจว่าทำไมอรณิชาถึงอยากจะเลือกเตียงนอนขนาดเล็กทั้งที่เธอแต่งงานมีครอบครัวแล้ว สามีของเธอก็น่าจะมีโอกาสกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้บ้างชายหนุ่มได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจเพราะไม่อยากจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอ
เขายังไม่มีโอกาสถามอรณิชาว่ามีเหตุผลอะไรที่เธอทิ้งเขาไปเมื่อหลายปีก่อนชายหนุ่มคิดว่าจะหาโอกาสเหมาะๆ คุยกับเธอเรื่องนี้เพราะเขาไม่อยากให้มันค้างคาใจอีกแล้ว
ถ้าตอนนี้เธอแต่งงานมีครอบครัวที่อบอุ่นน่านนทีก็ไม่อยากเข้าไปแทรกกลางหรือทำลายครอบครัวของใคร เขาจะถอยออกมาเงียบๆ และคิดว่าครั้งนี้ตนเองจะตัดใจจากเธอได้อย่างแน่นอน
“จริงด้วยค่ะราคามันต่างกันไม่มากถ้างั้นอีฟเอาหกฟุตแล้วเอาตู้ข้างเตียงเข้าไปด้วยคุณน่านคิดว่าห้องมันจะเล็กไปไหม”
“ไม่หรอกห้องนั้นกว้างมาก”
“ของพวกนี้เขาจะเอาไปส่งเราวันนี้เลยหรือเปล่า”
“ตอนนี้มันบ่ายแล้ว เดี๋ยวผมขอถามพนักงานก่อนนะว่าได้คิวรถตอนไหน” ชายหนุ่มเดินไปถามพนักงานก่อนจะกลับมาบอกกับอรณิชาที่เดินไปเลือกโซฟารับแขกอยู่
“จริงๆ เขาจะไปส่งพรุ่งนี้ถ้าเราอยากให้เขาไปส่งวันนี้ก็จ่ายพิเศษผมเลยตกลงเพราะถ้าเขาไม่ไปส่งคืนนี้คงคุณคงได้ปูผ้าห่มนอนบนพื้นแน่”
“ขอบคุณนะคะ แล้วถ้าฉันอยากซื้อชุดโซฟาตัวนี้ด้วยล่ะเขาไปส่งพร้อมกันทีเดียวเลยไหม”
“ได้สิแต่ผมว่าสีนี้มันไม่เข้าบ้านกลับบ้านของคุณเลยนะ บ้านของคุณออกมาโทนสว่างโซฟาก็น่าจะเป็นสีอ่อนกว่านี้ สีที่คุณเลือกมันเข้มไป” ชายหนุ่มถ่ายรูปโซฟาสองสีจากนั้นก็เปิดแอปพลิเคชันแต่งภาพในโทรศัพท์แล้วลองเอาโซฟาทั้งสองตัวไปวางในห้องรับแขกแล้วเปรียบเทียบสีของโซฟาให้หญิงสาวดู
“จริงด้วยค่ะ ถ้างั้นฉันเอาสีนี้ดีกว่ามันดูเข้ากันดีขอบคุณนะคะคุณน่านถ้าให้อีฟเลือกเองเฟอร์นิเจอร์ก็คงจะออกไปคนละทิศคนละทางแน่”
“คุณอยากได้อาร์มแชร์ไว้อ่านหนังสือสักตัวไหม ห้องคุณค่อนข้างกว้างแล้วจะพอมีที่ว่างอยู่”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ คุณน่านพาอีฟไปเลือกหน่อย”
เขาพสอรณิชามาเลือกอาร์มแชร์สำหรับนั่งอ่านหนังสือ แต่ไม่มีสีที่ถูกใจสุดท้ายหญิงสาวก็เลยเลือกโซฟาเบดขนาด 3 ฟุตไปแทนเพราะบางทีอาจจะเปลี่ยนบรรยากาศมานอนอ่านหนังสือบนนั้นก็เป็นได้
นอกจากของชิ้นใหญ่แล้วหญิงสาวยังเลือกโคมไฟกระถางต้นไม้พลาสติกและของตกแต่งอย่างอื่นอีกหลายอย่างกว่าจะออกจากร้านมาก็เป็นเวลาเย็นพอดี
พนักงานของร้านขับรถตามไปที่บ้านจากนั้นก็ช่วยกันยกของใช้เวลาไม่นานบ้านของหญิงสาวก็เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่
“ขอบคุณมากนะคะคุณน่านวันนี้คุณช่วยอีฟได้เยอะเลยค่ะ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อน”
“เดี๋ยวสิคะมีอะไรหรือเปล่า”
“วันนี้อีฟใช้งานคุณมาทั้งวันเลย ถ้ายังไงเย็นนี้ให้อีฟเลี้ยงข้าวไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกครับผมเกรงใจ”
“อย่าเกรงใจเลยค่ะตอนนี้อีฟเองก็หิวมากๆ แล้วก็ไม่มีเพื่อนทานข้าว คุณพอจะมีร้านไหนแนะนำไหม”
“คุณอยากกินอาหารประเภทไหนล่ะ”
“ขอเป็นอาหารไทยรสจัดๆ ก็แล้วกันนะคะ”
“ก็ได้ครับ”
แล้วน่านนทีก็พาหญิงสาวไปยังร้านอาหารไทยที่อยู่ห่างออกมาไม่ไกล
ระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟหญิงสาวก็ชวนเขาคุย
“ปกติคุณน่านมาทานอาหารที่นี่บ่อยเหรอคะ”
“ไม่หรอกนานๆ ครั้งถึงจะมาแต่ส่วนใหญ่ก็จะมากับลูกค้า”
“พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์คุณน่านว่างไหม อีฟมีเรื่องจะรบกวนคุณอีกอย่างหนึ่ง”
“อะไรครับ”
“วันนี้อีฟซื้อแต่เฟอร์นิเจอร์แต่ยังไม่ได้ซื้อผ้าม่านเลย คุณพาอีฟไปร้านผ้าม่านได้ไหมอีฟอยากได้ผ้าม่านที่มันเข้ากับบ้าน แต่ไปซื้อเองก็กลัวจะเลือกมาไม่เข้ากับบ้านเหมือนอย่างตอนที่อีฟเลือกโซฟาวันนี้ แต่ถ้าคุณน่านไม่ว่างอีฟก็รอได้”
“พรุ่งนี้ผมมีธุระนิดหน่อย น่าจะว่างช่วงบ่าย”
“อีฟรอได้ค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะคะ” หญิงสาวพูดแล้วยิ้มรอยยิ้มของเธอมันเหมือนกับรอยยิ้มในอดีตมากๆ และมันทำให้หัวใจของชายหนุ่มกระตุกวูบจนต้องหันไปมองทางอื่น
เมื่ออาหารของทางร้านมาเสิร์ฟเขากับเธอก็นั่งรับประทานอาหารกันอย่างเงียบๆ สอบถามสารทุกข์สุกดิบกันเพียงนิดหน่อยก่อนที่ชายหนุ่มจะขับรถมาส่งหญิงสาวที่บ้าน
“ขอบคุณนะคะคุณน่าน”
“ไม่เป็นไรครับผมกลับก่อนนะ”
“จะไม่เข้าไปดื่มกาแฟหน่อยเหรอคะ”
“ดึกขนาดนี้ใครเขาดื่มกาแฟกันน่ะ”
“ถ้างั้นเข้าไปนั่งคุยกับอีฟก่อนได้ไหมมันยังไม่ดึกมากเท่าไหร่”
“ผมว่าคงไม่เหมาะมั้งครับ”
“ทำไมล่ะหรือคุณน่านมีอะไรในใจถึงไม่กล้าเข้าไปคุยกับอีฟข้างใน”
“ไม่มีอะไรหรอกถ้าคุณอยากให้ผมเข้าไปผมก็จะเข้าไป” น่านนทีคิดว่าวันนี้น่าจะเป็นโอกาสที่เขาจะคุยกับอรณิชาอย่างจริงจัง
พรุ่งนี้ก็จะครบหนึ่งปีตามที่น่านนทีในสัญญาไว้กับกษิดิศแล้ววันนี้ชายหนุ่มเลยเข้ามาที่บ้านของอรณิชาอีกครั้งในเวลาค่ำเขาคิดว่าคืนนี้จะนอนค้างที่นี่หนึ่งคืนจากนั้นก็จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเขาจะตัดใจเพราะคิดแล้วว่ายื้อต่อไปหรือรอต่อไปหญิงสาวก็คงไม่มีทางกลับมาหาชายหนุ่มถึงบ้านในเวลาหกโมงเย็นแต่เขายังไม่เปิดประตูเข้าไป ในบ้านเพราะคิดว่าจะรดน้ำต้นไม้บริเวณรอบๆ ก่อนที่มันจะมืดไปกว่านี้ใช้เวลารดน้ำต้นไม้ไม่นานก็เรียบร้อยน่านนทีเปิดประตูเข้าไปด้านในและใช้ห้องน้ำเล็กอาบน้ำก่อนจะมานอนอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขก คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะมานอนค้างที่นี่ปกติแล้วก็จะมานอนบนโซฟาอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่อรณิชากลับไปเพราะเขาคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยได้ใช้ชีวิตกับหญิงสาวในบ้านหลังนี้เนื่องจากทำงานหนักมาตลอดทั้งอาทิตย์ พอนอนไปสักพักน่านนทีก็เลยหลับลงด้วยความเหนื่อยแล้วน่านนทีก็รู้สึกตัวตื่นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดประตูชายหนุ่มลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืด หัวใจเขาเต้นแรงเมื่อเห็นแสงไฟออกมาจากห้องนอนของอรณิชา เขาไม่รู้ว่านี่เป็นความฝันหรือความจริงกันแน่ชายหนุ่มพยายามรวบรวมสติและเพ่งมองไปรอบๆ บ้า
ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังจากอรณิชากลับไปอเมริกา ตั้งแต่นั้นน่านนทีไม่ได้ข่าวคราวของเธออีกเลย แต่เขาก็เข้าไปที่บ้านของหญิงสาวอาทิตย์ละครั้งเพื่อเข้าไปทำความสะอาดบ้านรดน้ำต้นไม้และดูแลความเรียบร้อยต่างๆ แม้ว่าอรณิชาจะไม่ได้สั่งไว้แต่เขาก็อยากทำให้บ้านมันน่าอยู่เผื่อวันในวันหนึ่งเธอกลับมาแล้วจะได้มีความสุขกับบ้านที่เขาตั้งใจดูแลให้เธอเป็นอย่างดีน่านนทีอยากจะโทรศัพท์ไปคุยกับเธออยากจะถามว่าเธอสบายดีไหมแต่ชายหนุ่มก็ไม่กล้าเพราะกลัวหญิงสาวจะโกรธ แต่ถ้าจะส่งข้อความหรือไลน์ไปก็รู้สึกเกรงใจ เขากลัวว่าการติดต่อไปของตนเองจะทำให้หญิงสาวมีปัญหากับสามี น่านนทีจึงได้แค่เฝ้ารอคอยให้เธอติดต่อมา แต่ก็ไม่มีวี่แววคงเธอเลยสักนิดชายหนุ่มคิดว่าตอนนี้อรณิชาแล้วจะลืมเรื่องระหว่างเธอกับเขาไปหมดแล้วแต่สำหรับเขามันทำใจให้ลืมเรื่องราวเรานั้นไม่ได้เลยสักนิดเขาคิดถึงใบหน้าหวานเวลาส่งยิ้มมาให้มันก็ทำให้เขาลืมเธอไม่ลงวันนี้น่านนทีมาทานข้าวกับลูกค้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากท่านเสร็จแล้วก็เดินมาที่ลานจอดรถชายหนุ่มดีใจมากเมื่อบังเอิญเห็นกิ่งกาญจน์กำลังเดินมาพอดี“สวัสดีครับกิ่ง”“สวัสดีน่าน มากินข้าวที่นี่เหมือนกันเหร
หญิงสาวมองหน้าบิดามารดาสลับกันไปมาก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่ตนเองแอบไปมีความสัมพันธ์กับน่านนทีที่เมืองไทยด้วยความรู้สึกผิดคุณอลิษามองหน้าลูกสาวแล้วถอนหายใจอย่างหนักเพราะไม่คิดว่าลูกสาวคนเดียวของเธอจะทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ เธออยากต่อว่าลูกสาวที่ทำตัวไร้ค่ามากแต่พอนึกถึงเรื่องที่อรณิชาเพิ่งเจอมาในวันนี้ก็เปลี่ยนใจเพราะฟังดูแล้วทั้งอรณิชาและอเล็กซ์ก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ เธอไม่ได้เข้าข้างลูกสาวจนเกินไปแต่เรื่องที่อรณิชานอกใจอเล็กซ์มันเกิดขึ้นไม่นานผิดกับอเล็กซ์ที่ทำเรื่องแบบนั้นมานานถึงหนึ่งปีครึ่ง“แม่คะหนูรู้ว่าสิ่งที่หนูทำมันผิดต่อเล็กมากๆ แต่หนูก็ยอมรับอย่างไม่อายเลยค่ะว่าช่วงเวลาที่หนูใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่เมืองไทยมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ” อรณิชาสารภาพทุกอย่างออกมาเพราะถ้าทนเก็บไว้คนเดียวก็คงจะอึดอัดมาก“ที่หนูบอกว่ากลับมาจะหย่ากับอเล็กซ์เพราะหนูคิดว่าจะกลับใช้ชีวิตกับเขาที่นั่นเหรอลูก”“เปล่าค่ะแม่หนูบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องรอหนู ให้เขาเดินหน้าใช้ชีวิตของเขาต่อไปและมองหาผู้หญิงที่เหมาะสมกับเขา”“อ้าว ในเมื่อหนูบอกว่าหนูรักเขาแล้วเขารักหนูทำไมหนูถึงไม่คิดจะกลับไปหาเขาล่ะ แม่ไม่ว่าอ
อรณิชาเช็ดน้ำตาออกจนแห้งสนิทก่อนจะเดินเข้าไปทางด้านหลังร้านอาหารไทยซึ่งตอนนี้พนักงานกำลังทยอยกันกลับบ้านหญิงสาวกล่าวทักทายกับทุกคนและยิ้มให้เล็กน้อย เธอรอจนกระทั่งทุกคนกลับไปหมดก็เดินเข้าไปหาบิดามารดาที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงิน“พ่อคะแม่คะหนูกลับมาแล้วค่ะ” หญิงสาวโผกอดบิดามารดาพร้อมทั้งสะอื้นเล็กๆ ทำให้มารดาของเธอรู้สึกแปลกใจมาก“อีฟหนูเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมร้องไห้แบบนี้ล่ะลูก”“หนูคิดถึงพ่อกับแม่นี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งหนึ่งเดือน”“แต่แม่ว่ามันผิดปกติมากๆ นะหนูไม่เคยร้องไห้เพราะคิดถึงแม่แบบนี้มาก่อนเลยนะลูก หนูเป็นอะไรหรือเปล่า”“หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะก็แค่คิดถึงพ่อกับแม่จริงๆ ค่ะ”“แต่แม่ว่าไม่น่าจะใช่นะลูก”“หนูไปเมืองไทยนานตั้งหนึ่งเดือนก็เลยคิดถึงมากกว่าทุกครั้ง แล้วพ่อกับแม่คิดถึงหนูมั้ยคะ”“คิดถึงสิแต่แม่ว่าหนูนั่นแหละไม่เคยคิดถึงพ่อแม่เลย ตั้งแต่ไปเมืองไม่ค่อยโทรหาแม่มัวแต่เที่ยวจนสนุกเลยใช่ไหม”“หนูยอมรับเลยค่ะแม่ว่ากันกลับไปเมืองไทยครั้งนี้หนูมีความสุขมากๆ จนแทบจะไม่อยากกลับมาที่นี่อีกเลย” หญิงสาวพูดด้วยเสียงสั่นเครือเมื่อนึกถึงความสุขที่ตัวเองมีร่วมกับน่านนทีตอนที่อยู่เมือง
บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบสนิทเพราะอเล็กซ์ไม่ยอมพูดอะไรส่วนอรณิชาก็จ้องหน้าเขาด้วยความโกรธเพราะไม่คิดว่าเรื่องที่เคยได้ยินในร้านซักผ้าตอนอยู่เมืองไทยจะเกิดขึ้นกับตนเอง“ถ้าคุณไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ายังไงรีน่าจะเป็นคนเล่าให้คุณอีฟฟังเองก็ได้ค่ะ ว่าแต่คุณพร้อมที่จะฟังจริงๆ แล้วใช่ไหมคะ” มารีน่าคิดว่าถ้าหากอเล็กซ์ยังเอาแต่นั่งเงียบแบบนี้เรื่องก็คงไม่จบง่ายๆ และคนที่เสียหายจะต้องเป็นตัวเองที่ท้องเริ่มโตมากขึ้นทุกวัน“อีฟก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”แล้วมารีน่าก็เล่าเรื่องของตนเองกับอเล็กซ์ให้อรณิชาฟังอย่างละเอียดว่าเริ่มคบกันตั้งแต่ตอนไหนและใช้ชีวิตอยู่กันยังไงในเวลาหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา รวมไปถึงเรื่องที่ตอนนี้เธอกำลังท้องและก่อนหน้าที่อรณิชาจะกลับมาอเล็กซ์ได้สัญญาว่าจะหย่ากับอรณิชาและจะมาสร้างครอบครัวกับมารีน่า“เป็นอย่างที่คุณรีน่าพูดใช่ไหมอเล็กซ์” อรณิชาหันไปถามชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งเงียบอเล็กซ์พยักหน้าแต่ไม่กล้าสบตากับอรณิชาเพราะตอนนี้เขาเองรู้สึกผิดมากๆ ที่นอกใจภรรยาหลังจากแต่งงานได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น“ทำไมคุณไม่พูดกับฉันตรงๆ ล่ะคะอเล็กซ์ ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าคุณหมดรักฉันแ
อรณิชามาถึงสนามบินในเวลาบ่าย เมื่อรับกระเป๋าก็รีบเปลี่ยนซิมโทรศัพท์จากนั้นก็ไลน์ไปบอกน่านนทีและกิ่งกาญจน์ว่าเธอมาถึงอเมริกาอย่างปลอดภัยแล้วจากนั้นหญิงสาวก็เรียกรถให้ไปส่งที่บ้านและอดแปลกใจไม่ได้ว่าที่เห็นรถยนต์ของอเล็กซ์จอดอยู่ในบ้านซึ่งปกติเวลานี้ชายหนุ่มน่าจะอยู่ที่บริษัทมากกว่า หญิงสาวบอกเขาแล้วบอกเขาว่าเธอจะมาถึงวันพรุ่งนี้เพราะจำวันที่ผิด แต่ก็รู้สึกดีใจที่กลับมาแล้วเจอเขาอยู่ที่บ้านเธอหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโหมดวิดีโอเพื่อจะถ่ายสีหน้าของเขาเมื่อเห็นเธอมาถึงบ้านก่อนเวลา เธอเปิดประตูพร้อมกับลากกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาในบ้านแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้ในห้องรับแขกมีเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมดมีทั้งเสื้อผ้าผู้หญิงผู้ชาย หญิงสาวตัวชาหน้าซีดและก้าวขาแทบไม่ออกเมื่อคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นในห้องรับแขกเธอยังคงถือกล้องถ่ายไว้ขณะที่เดินเข้ามาใกล้ห้องนอนของตนเองจนได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ด้านใน เธอจำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะมันเป็นเสียงของอเล็กซ์ส่วนอีกเสียงนั้นเธอไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกคุ้นเหมือนเคยได้ยินที่ไหนใจหนึ่งอยากจะหนีออกไปจากที่นี่เพราะไม่อยากรับรู้ว่าภายในห้องนอนนั้นเ