น่านนทีเดินตามเจ้าของบ้านเข้ามานั่งในห้องรับแขกขณะที่หญิงสาวเดินไปหยิบเครื่องดื่มและผลไม้ในตู้เย็นมาวางให้กับเขาตรงหน้าก่อนจะนั่งโซฟาอีกตัวหนึ่ง
“อีฟคงไม่รบกวนเวลาคุณใช่ไหมคะ”
“ไม่หรอกครับ ผมเองก็มีเรื่องจะคุยกับคุณเหมือนกันค่ะ”
“คุณน่านจะคุยอะไรกับอีฟเหรอคะ” อรณิชาถามพลางมองหน้าชายหนุ่ม เธอกำลังกลัวว่าเขาจะพูดเรื่องในอดีตเพราะเธอไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าการกลับมาเมืองไทยครั้งนี้จะมาเจอกับเขา
“เราจะคุยกันแบบนี้จริงๆ ใช่ไหมอีฟ”
“คุณหมายถึงอะไรคะ”
“ผมว่าคุณรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร ทำไมต้องทำเหมือนไม่เคยรู้จักกับผมก่อนทั้งที่แต่ก่อนก็เคยสนิทกันมาก”
“ก็นั่นมันเป็นเรื่องในอดีตค่ะ คุณน่านอย่าพูดถึงมันอีกเลยนะคะ”
“ถ้าไม่อยากให้ผมพูดถึงมันคุณก็บอกเหตุผลมาก่อนสิว่าทำไมถึงทิ้งผมไปมันคาใจผมมากที่จู่ๆ คุณก็หายไปจากชีวิตผมโดยไม่บอกอะไรเลย”
“เรื่องมันผ่านมาแล้วคุณจะถามให้มันได้อะไรขึ้นมาเหรอคะ”
“คุณช่วยบอกผมได้ไหมล่ะว่าผมทำอะไรผิดพลาดหรือไม่ดีตรงไหนคุณถึงทิ้งผมไปแบบนั้น อธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยได้ไหม”
“เรื่องมันผ่านมาแปดปีแล้วอีฟไม่อยากรื้อฟื้นอดีตหรอกค่ะ”
“คุณใจร้ายเกินไปแล้วนะ คุณจากไปโดยไม่บอกลาแล้วกลับมาอีกครั้งเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นเหมือนเราไม่เคยคบกันไม่เคยรักกันหรือเวลาหนึ่งปีที่นี่เราคุยกันมันไม่มีความหมายสำหรับคุณเลย”
“มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะตอนที่เราคบกันเรายังเด็กมาก อีฟก็แค่ย้ายตามพ่อแม่ไปอยู่ต่างประเทศมันก็แค่นั้น”
“จริงๆ เหรอ”
“ก็จริงสิ”
“แล้วทำไมถึงไม่ติดต่อกลับมาล่ะ หรือไปอยู่ที่นู่นคุณก็ลืมเรื่องของเลยเหรออีฟ คุณลืมมันง่ายๆ เลยเหรอ”
“มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะลืมง่ายหรอกนะคะแต่อีฟคิดว่าติดต่อมามันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ยังไงอีฟก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นกับพ่อแม่แล้วเราจะคบกันต่อได้ยังไง”
“คุณก็เลยเลือกใช้วิธีเงียบหายไปโดยไม่บอกอะไรเหรอ”
“แล้วคุณจะให้อีฟทำยังไง”
“คุณก็น่าจะติดต่อผมมาบ้างบอกผมว่าอยู่ที่ไหนสบายดีหรือเปล่าไม่ใช่เงียบหายไปแบบนั้น”
“ตอนไปถึงอเมริกาแรกๆ อีฟก็อยากจะติดต่อคุณมาหรอกนะ แต่อีฟทำซิมการ์ดหายและไม่รู้จะไปขอเบอร์คุณจากใครเพราะการคบกันของเรามันเป็นความลับ”
“แต่ก็ยังมีโซเชียลนะอีฟ เหตุผลของคุณมันฟังไม่ขึ้นเลยผมว่าคุณน่าจะอยากเลิกกับผมมากๆ เลยใช้โอกาสที่ย้ายไปอยู่กับพ่อแม่ตัดความสัมพันธ์ของผมใช่ไหม” น่านนทีไม่เชื่อเหตุผลที่หญิงสาวบอกเลยสักนิด เขาคิดว่ามันต้องมีเหตุผลอื่นเพียงแต่เธอไม่ยอมพูดความจริงกับเขา
“คุณอยากจะคิดอะไรก็คิดไปเถอะค่ะคุณน่าน เพราะยังไงตอนนี้เราสองคนก็เลิกกันแล้วเรื่องนั้นมันเป็นอดีตและฉันไม่อยากจะพูดถึงมันอีก”
“ผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องในอดีตสำหรับผมมันลืมยากมากนะ ผมพยายามจะลืมแต่พอคุณกลับมามันก็เลยทำให้ผมกลับไปนึกถึงเรื่องเก่า”
“คุณน่านคะ อีฟว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่เราจะพูดถึงเรื่องนั้นอีก ตอนนี้อีฟแต่งงานละมีครอบครัวไปแล้ว และหวังว่าคุณจะลืมทุกอย่างได้และเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน”
“ผมก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น แต่ระหว่างที่คุณกลับมาอยู่เมืองไทยเราสองคนจะคุยกันได้ใช่ไหม”
“ได้คะเรามาเริ่มต้นรู้จักกันใหม่ในฐานะที่ฉันเป็นลูกค้าส่วนคุณก็เป็นเจ้าของบริษัทดีกว่าไหม”
“ถ้าคุณคิดแบบนั้นผมก็ตกลงตามนั้น หวังว่าระหว่างที่คุณกลับมาอยู่เมืองไทยเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะเราจะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตเพราะฉันเองก็อยากจะลืมเรื่องนั้นเหมือนกัน”
“คุณบอกว่าอยากจะลืมแสดงว่าตอนนี้คุณยังไม่ลืมใช่ไหมล่ะ บอกผมมาสิอีฟว่าคุณไม่เคยลืมเรื่องของเราคุณยังรู้สึกกับผมเหมือนเดิมใช่ไหม”
“คุณคิดเข้าข้างตัวเองเกินไปแล้วคุณน่านฉันจะไปรู้สึกอะไรกับคุณได้ยังไงฉันแต่งงานมีครอบครัวแล้วนะ” หญิงสาวย้ำคำว่าครอบครัวเพราะอยากจะให้น่านนทีตัดใจ
“นั่นสินะผมคงบ้าไปเองที่คิดว่าคุณยังไม่ลืมเรื่องของเราทั้งที่มันผ่านมานานมากแล้ว ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะ”
“ขอบคุณมากนะคะสำหรับความช่วยเหลือในวันนี้”
อรณิชาเดินตามมาส่งเขาที่จากนั้นล็อกประตูรั้วก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านตอนนี้เธอรู้สึกสับสนมากๆ เพราะไม่คิดมาก่อนเลยว่าการได้กลับมาเจอกับอดีตคนรักอีกครั้งการเจอหน้าครั้งแรกในรอบแปดปีทำให้รู้สึกหวั่นไหว
เรื่องระหว่างเธอกับเขาตอนที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกนั้นอรณิชายังจำได้ดีทุกอย่างมันเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขมากในทุกวันหญิงสาวอยากจะตื่นเช้าเพื่อไปโรงเรียนและไปเจอกับเขาทั้งสองแอบคบกันโดยไม่มีใครรู้และมักจะนัดไปอ่านหนังสือด้วยกันที่ห้องสมุดต่างฝ่ายต่างเป็นกำลังใจให้กันและกัน
ในวันที่เขารู้ตัวว่าสอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์หญิงสาวดีใจกับเขามากๆ และเขาก็สัญญากับเธอว่าถ้าหากเรียนจบแล้วจะออกแบบบ้านในฝันและถามเธอว่าต้องการบ้านแบบไหนตอนนั้นอรณิชาก็อธิบายไปตามที่ตนเองอยากจะได้ แต่ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มยังจะจำทุกอย่างและเขาก็ทำมันได้สำเร็จแม้จะไม่ใช่บ้านหลังใหม่ที่สร้างขึ้นแต่ทุกอย่างมันก็เป็นเหมือนที่เธอฝันไว้ ส่วนตัวเธอยอมรับว่าทำผิดกับน่านนทีค่อนข้างมากในตอนนั้นเธอรู้ว่าตัวเองจะต้องย้ายมาเรียนต่อกับบิดามารดาที่อเมริกาแต่ก็ไม่ได้บอกเขา
เหตุผลที่ไม่ยอมบอกเพราะเธอกลัวเขาจะเสียสมาธิกับการตั้งใจสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแต่พอรู้ว่าเขาสอบได้แล้วเธอก็ยังไม่กล้าบอก หญิงสาวคิดไปเองว่าเมื่อตนเองย้ายกลับไปอยู่กับบิดามารดาแล้วชายหนุ่มจะลืมเธอได้และเธอเองก็จะลืมเขาได้เหมือนกัน
ระยะเวลาผ่านไปนานถึงแปดปีอรณิชาคิดว่าตัวเองลืมผู้ชายคนนี้ได้แล้ว เธอไปใช้ชีวิตไปแต่งงานสร้างครอบครัวใหม่แต่ในใจลึกๆ ก็ยังคิดถึงวันเก่าๆ และยิ่งได้มาเจอกันแบบนี้มันก็ทำให้อรณิชารู้ ว่าตัวเองไม่เคยลืมน่านนทีได้เลย แต่เรื่องระหว่างเธอกับเขามันก็เป็นไปมากกว่าเพื่อนไม่ได้ในเมื่อเธอแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว
ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้อรณิชาก็คงเลือกเรียนอยู่ที่เมืองไทยแต่ตอนนั้นเธอเลือกได้ไม่มากนักเพราะคุณยายจะต้องย้ายกลับไปอยู่กับคุณน้าที่ต่างจังหวัดเนื่องจากท่านแก่มากแล้วและสุขภาพไม่ค่อยดีและอรณิชาคงดูแลท่านคนเดียวไม่ไหว บิดามารดาของเธอจึงมารับเธอไปเรียนต่อที่อเมริกา
ตอนนั้นเธออยากจะบอกลาเขามากๆ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดเธอคิดว่าระยะเวลาที่ห่างกันน่าจะทำให้ทุกอย่างมันเลือนหายไปแต่มันกลับตรงกันข้าม ยิ่งได้กลับมาเจอกันแบบนี้ภาพความทรงจำในอดีตมันก็ชัดเจนมากขึ้นจนแทบอยากจะย้อนเวลากลับไปจุดเดิม
แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนั้นไม่ได้อรณิชาเลยคิดว่าจากนี้จะมองเขาเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งและจะต้องลืมเรื่องในอดีตให้หมดแม้ว่ามันจะยากแต่เธอก็จะพยายามทำเพราะถ้าหากยังคิดกับเขามากกว่าเพื่อนมันก็เหมือนกับเธอกำลังทรยศกับอเล็กซ์ผู้เป็นสามี
พรุ่งนี้ก็จะครบหนึ่งปีตามที่น่านนทีในสัญญาไว้กับกษิดิศแล้ววันนี้ชายหนุ่มเลยเข้ามาที่บ้านของอรณิชาอีกครั้งในเวลาค่ำเขาคิดว่าคืนนี้จะนอนค้างที่นี่หนึ่งคืนจากนั้นก็จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเขาจะตัดใจเพราะคิดแล้วว่ายื้อต่อไปหรือรอต่อไปหญิงสาวก็คงไม่มีทางกลับมาหาชายหนุ่มถึงบ้านในเวลาหกโมงเย็นแต่เขายังไม่เปิดประตูเข้าไป ในบ้านเพราะคิดว่าจะรดน้ำต้นไม้บริเวณรอบๆ ก่อนที่มันจะมืดไปกว่านี้ใช้เวลารดน้ำต้นไม้ไม่นานก็เรียบร้อยน่านนทีเปิดประตูเข้าไปด้านในและใช้ห้องน้ำเล็กอาบน้ำก่อนจะมานอนอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขก คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะมานอนค้างที่นี่ปกติแล้วก็จะมานอนบนโซฟาอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่อรณิชากลับไปเพราะเขาคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยได้ใช้ชีวิตกับหญิงสาวในบ้านหลังนี้เนื่องจากทำงานหนักมาตลอดทั้งอาทิตย์ พอนอนไปสักพักน่านนทีก็เลยหลับลงด้วยความเหนื่อยแล้วน่านนทีก็รู้สึกตัวตื่นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดประตูชายหนุ่มลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืด หัวใจเขาเต้นแรงเมื่อเห็นแสงไฟออกมาจากห้องนอนของอรณิชา เขาไม่รู้ว่านี่เป็นความฝันหรือความจริงกันแน่ชายหนุ่มพยายามรวบรวมสติและเพ่งมองไปรอบๆ บ้า
ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังจากอรณิชากลับไปอเมริกา ตั้งแต่นั้นน่านนทีไม่ได้ข่าวคราวของเธออีกเลย แต่เขาก็เข้าไปที่บ้านของหญิงสาวอาทิตย์ละครั้งเพื่อเข้าไปทำความสะอาดบ้านรดน้ำต้นไม้และดูแลความเรียบร้อยต่างๆ แม้ว่าอรณิชาจะไม่ได้สั่งไว้แต่เขาก็อยากทำให้บ้านมันน่าอยู่เผื่อวันในวันหนึ่งเธอกลับมาแล้วจะได้มีความสุขกับบ้านที่เขาตั้งใจดูแลให้เธอเป็นอย่างดีน่านนทีอยากจะโทรศัพท์ไปคุยกับเธออยากจะถามว่าเธอสบายดีไหมแต่ชายหนุ่มก็ไม่กล้าเพราะกลัวหญิงสาวจะโกรธ แต่ถ้าจะส่งข้อความหรือไลน์ไปก็รู้สึกเกรงใจ เขากลัวว่าการติดต่อไปของตนเองจะทำให้หญิงสาวมีปัญหากับสามี น่านนทีจึงได้แค่เฝ้ารอคอยให้เธอติดต่อมา แต่ก็ไม่มีวี่แววคงเธอเลยสักนิดชายหนุ่มคิดว่าตอนนี้อรณิชาแล้วจะลืมเรื่องระหว่างเธอกับเขาไปหมดแล้วแต่สำหรับเขามันทำใจให้ลืมเรื่องราวเรานั้นไม่ได้เลยสักนิดเขาคิดถึงใบหน้าหวานเวลาส่งยิ้มมาให้มันก็ทำให้เขาลืมเธอไม่ลงวันนี้น่านนทีมาทานข้าวกับลูกค้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากท่านเสร็จแล้วก็เดินมาที่ลานจอดรถชายหนุ่มดีใจมากเมื่อบังเอิญเห็นกิ่งกาญจน์กำลังเดินมาพอดี“สวัสดีครับกิ่ง”“สวัสดีน่าน มากินข้าวที่นี่เหมือนกันเหร
หญิงสาวมองหน้าบิดามารดาสลับกันไปมาก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่ตนเองแอบไปมีความสัมพันธ์กับน่านนทีที่เมืองไทยด้วยความรู้สึกผิดคุณอลิษามองหน้าลูกสาวแล้วถอนหายใจอย่างหนักเพราะไม่คิดว่าลูกสาวคนเดียวของเธอจะทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ เธออยากต่อว่าลูกสาวที่ทำตัวไร้ค่ามากแต่พอนึกถึงเรื่องที่อรณิชาเพิ่งเจอมาในวันนี้ก็เปลี่ยนใจเพราะฟังดูแล้วทั้งอรณิชาและอเล็กซ์ก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ เธอไม่ได้เข้าข้างลูกสาวจนเกินไปแต่เรื่องที่อรณิชานอกใจอเล็กซ์มันเกิดขึ้นไม่นานผิดกับอเล็กซ์ที่ทำเรื่องแบบนั้นมานานถึงหนึ่งปีครึ่ง“แม่คะหนูรู้ว่าสิ่งที่หนูทำมันผิดต่อเล็กมากๆ แต่หนูก็ยอมรับอย่างไม่อายเลยค่ะว่าช่วงเวลาที่หนูใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่เมืองไทยมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ” อรณิชาสารภาพทุกอย่างออกมาเพราะถ้าทนเก็บไว้คนเดียวก็คงจะอึดอัดมาก“ที่หนูบอกว่ากลับมาจะหย่ากับอเล็กซ์เพราะหนูคิดว่าจะกลับใช้ชีวิตกับเขาที่นั่นเหรอลูก”“เปล่าค่ะแม่หนูบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องรอหนู ให้เขาเดินหน้าใช้ชีวิตของเขาต่อไปและมองหาผู้หญิงที่เหมาะสมกับเขา”“อ้าว ในเมื่อหนูบอกว่าหนูรักเขาแล้วเขารักหนูทำไมหนูถึงไม่คิดจะกลับไปหาเขาล่ะ แม่ไม่ว่าอ
อรณิชาเช็ดน้ำตาออกจนแห้งสนิทก่อนจะเดินเข้าไปทางด้านหลังร้านอาหารไทยซึ่งตอนนี้พนักงานกำลังทยอยกันกลับบ้านหญิงสาวกล่าวทักทายกับทุกคนและยิ้มให้เล็กน้อย เธอรอจนกระทั่งทุกคนกลับไปหมดก็เดินเข้าไปหาบิดามารดาที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงิน“พ่อคะแม่คะหนูกลับมาแล้วค่ะ” หญิงสาวโผกอดบิดามารดาพร้อมทั้งสะอื้นเล็กๆ ทำให้มารดาของเธอรู้สึกแปลกใจมาก“อีฟหนูเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมร้องไห้แบบนี้ล่ะลูก”“หนูคิดถึงพ่อกับแม่นี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งหนึ่งเดือน”“แต่แม่ว่ามันผิดปกติมากๆ นะหนูไม่เคยร้องไห้เพราะคิดถึงแม่แบบนี้มาก่อนเลยนะลูก หนูเป็นอะไรหรือเปล่า”“หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะก็แค่คิดถึงพ่อกับแม่จริงๆ ค่ะ”“แต่แม่ว่าไม่น่าจะใช่นะลูก”“หนูไปเมืองไทยนานตั้งหนึ่งเดือนก็เลยคิดถึงมากกว่าทุกครั้ง แล้วพ่อกับแม่คิดถึงหนูมั้ยคะ”“คิดถึงสิแต่แม่ว่าหนูนั่นแหละไม่เคยคิดถึงพ่อแม่เลย ตั้งแต่ไปเมืองไม่ค่อยโทรหาแม่มัวแต่เที่ยวจนสนุกเลยใช่ไหม”“หนูยอมรับเลยค่ะแม่ว่ากันกลับไปเมืองไทยครั้งนี้หนูมีความสุขมากๆ จนแทบจะไม่อยากกลับมาที่นี่อีกเลย” หญิงสาวพูดด้วยเสียงสั่นเครือเมื่อนึกถึงความสุขที่ตัวเองมีร่วมกับน่านนทีตอนที่อยู่เมือง
บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบสนิทเพราะอเล็กซ์ไม่ยอมพูดอะไรส่วนอรณิชาก็จ้องหน้าเขาด้วยความโกรธเพราะไม่คิดว่าเรื่องที่เคยได้ยินในร้านซักผ้าตอนอยู่เมืองไทยจะเกิดขึ้นกับตนเอง“ถ้าคุณไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ายังไงรีน่าจะเป็นคนเล่าให้คุณอีฟฟังเองก็ได้ค่ะ ว่าแต่คุณพร้อมที่จะฟังจริงๆ แล้วใช่ไหมคะ” มารีน่าคิดว่าถ้าหากอเล็กซ์ยังเอาแต่นั่งเงียบแบบนี้เรื่องก็คงไม่จบง่ายๆ และคนที่เสียหายจะต้องเป็นตัวเองที่ท้องเริ่มโตมากขึ้นทุกวัน“อีฟก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”แล้วมารีน่าก็เล่าเรื่องของตนเองกับอเล็กซ์ให้อรณิชาฟังอย่างละเอียดว่าเริ่มคบกันตั้งแต่ตอนไหนและใช้ชีวิตอยู่กันยังไงในเวลาหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา รวมไปถึงเรื่องที่ตอนนี้เธอกำลังท้องและก่อนหน้าที่อรณิชาจะกลับมาอเล็กซ์ได้สัญญาว่าจะหย่ากับอรณิชาและจะมาสร้างครอบครัวกับมารีน่า“เป็นอย่างที่คุณรีน่าพูดใช่ไหมอเล็กซ์” อรณิชาหันไปถามชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งเงียบอเล็กซ์พยักหน้าแต่ไม่กล้าสบตากับอรณิชาเพราะตอนนี้เขาเองรู้สึกผิดมากๆ ที่นอกใจภรรยาหลังจากแต่งงานได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น“ทำไมคุณไม่พูดกับฉันตรงๆ ล่ะคะอเล็กซ์ ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าคุณหมดรักฉันแ
อรณิชามาถึงสนามบินในเวลาบ่าย เมื่อรับกระเป๋าก็รีบเปลี่ยนซิมโทรศัพท์จากนั้นก็ไลน์ไปบอกน่านนทีและกิ่งกาญจน์ว่าเธอมาถึงอเมริกาอย่างปลอดภัยแล้วจากนั้นหญิงสาวก็เรียกรถให้ไปส่งที่บ้านและอดแปลกใจไม่ได้ว่าที่เห็นรถยนต์ของอเล็กซ์จอดอยู่ในบ้านซึ่งปกติเวลานี้ชายหนุ่มน่าจะอยู่ที่บริษัทมากกว่า หญิงสาวบอกเขาแล้วบอกเขาว่าเธอจะมาถึงวันพรุ่งนี้เพราะจำวันที่ผิด แต่ก็รู้สึกดีใจที่กลับมาแล้วเจอเขาอยู่ที่บ้านเธอหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโหมดวิดีโอเพื่อจะถ่ายสีหน้าของเขาเมื่อเห็นเธอมาถึงบ้านก่อนเวลา เธอเปิดประตูพร้อมกับลากกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาในบ้านแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้ในห้องรับแขกมีเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมดมีทั้งเสื้อผ้าผู้หญิงผู้ชาย หญิงสาวตัวชาหน้าซีดและก้าวขาแทบไม่ออกเมื่อคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นในห้องรับแขกเธอยังคงถือกล้องถ่ายไว้ขณะที่เดินเข้ามาใกล้ห้องนอนของตนเองจนได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ด้านใน เธอจำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะมันเป็นเสียงของอเล็กซ์ส่วนอีกเสียงนั้นเธอไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกคุ้นเหมือนเคยได้ยินที่ไหนใจหนึ่งอยากจะหนีออกไปจากที่นี่เพราะไม่อยากรับรู้ว่าภายในห้องนอนนั้นเ