“ขอบคุณที่เลี้ยงพุดมานะคะ พ่อเลี้ยง พุดลาพ่อนะ...” ปรายรดาระบายลมหายใจสั่น ๆ หยดน้ำใสบดบังวิสัยทัศเบื้องหน้าให้พร่าเลือนลง ยามเชยหน้าขึ้นมองตู้ไม้สักที่เต็มไปด้วยของสะสมโบราณ
ข้างบนนั้นมีภาพถ่ายครอบครัว เด็กสาววัยห้าขวบดูสดใสร่าเริงยืนหัวเราะร่าเคียงข้างหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา นัยน์ตาสีฟ้าครามรับจมูกโด่งเป็นสันคม รูปร่างกำยำเป็นล่ำสัน เพราะรักการออกกำลังกายและเข้าฟิตเนสเป็นประจำ ต้นตระกูลของปรเมษฐ์ผสมปนเปไปหลายเชื้อชาติ ทั้งไทย อังกฤษ จีน แขกมอญ ผิวพรรณของหนุ่มวัยสี่สิบสองปีจึงออกไปทางสีน้ำผึ้ง สูงชะรูดหุ่นนายแบบกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ถึงเขาออกจะเป็นคนเงียบขรึมสักหน่อย ในหมู่เพื่อนฝูงก็ยังป็อบปูลาร์ เรียกได้ว่าพ่อเลี้ยงชี้สาวคนไหนในยามท่องราตรี ผู้หญิงมากหน้าหลายตาต่างยินยอมพร้อมใจที่จะกระโจนกายขึ้นเตียงของเขา... เมื่อนานมาแล้วในสมัยที่ยังเป็นเด็กสาววัยสิบกว่าขวบ เธอเคยเห็นเขาพาผู้หญิงมาบ่อย ๆ หายเข้าไปในห้องหลายนาน... ห้องที่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปแม้กระทั่งทำความสะอาด เสียงสุขสมของผู้หญิงเหล่านั้นที่ดังลอดผ่านประตูออกมาสร้างความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสให้เธอทุกครั้ง ขอบตาแดงช้ำบนใบหน้าซีดขาว ร่างกายที่ผ่ายผอมลงและอาการเจ็บป่วยเกิดขึ้นเมื่อความรักของเขาห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งอาจไม่มีเหลือแม้เยื่อใย 58 วัน 5 ชั่วโมง... ไม่มีสักวันที่เธอจะนั่งกินข้าวบนโต๊ะในบ้านได้โดยไม่ร้องไห้ ไม่มีแม้สักครั้งที่เธอจะไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจ้องมันอย่างลังเล แล้วจบลงที่ดูรูปของเธอและเขา เพราะคิดถึง... ต่อแต่นี้ไปเธอจะทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่... ที่ ๆ เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายเหลือเกิน เกินกว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอจะรับไหว วันนี้เธอลุกมาเก็บกระเป๋าแต่เช้าตรู่ ซักผ้า รีดผ้า เก็บกวาดบ้านให้เรียบร้อยดี ทำอาหารจานโปรดของพ่อวางไว้บนโต๊ะ พ่อเลี้ยงที่เป็นเหมือนพี่ชาย เป็นเพื่อน เป็นคุณอาที่น่ารัก เป็นโลกทั้งใบของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเธอเลยก็ตาม “พุดไปนะคะ พี่เปา” นัยน์ตาชอกช้ำเจิ่งนองหยดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มไม่ขาดสาย กระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ในมือถูกลากออกไปด้วยย่างก้าวที่มั่นคง เมื่อบีเอ็มดับบลิวสปอร์ตสีขาวมาจอดรถอยู่หน้าบ้าน นัชชารับรู้อาการอกหักช้ำรักของเพื่อนเป็นอย่างดี ยกมือขึ้นวางบนบ่าอย่างให้กำลังใจ “แกยังมีฉันนะ พุด... ต่อให้คนทั้งโลกทิ้งแก ฉันจะไม่ไปไหน” “ขอบใจมากนะ ปริม...” ตอบพลันปรี่เข้าไปกอดเอวของเพื่อนเอาไว้อย่างแสนรัก ใบหน้าระทมทุกข์จับจ้องไปที่ประตูรั้วสีดำสนิทอีกครั้ง ก่อนจะยกกระเป๋าขึ้นท้ายรถยนต์ โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนที่ดีที่สุด “ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนแก ช่วยเก็บของทุกอย่างเลยไม่ต้องห่วง” “ช่วยเก็บหรือช่วยรื้อยะ” เธอบ่นแต่ก็ก้าวไปขึ้นรถยนต์ โดยไม่หันหลังกลับไปมองบ้านที่ห่างคล้อยออกไป เธอจะต้องเข้มแข็ง... รักตัวเองให้มาก ๆ ปรายลดาบอกกับตัวเองอีกครั้ง เมื่อการกระทำของเขาบอกชัดเจนว่าต้องการตัดเนื้อร้ายอย่างเธอออกไปมีชีวิตของตัวเอง “ฉันตื่นเต้นแทนเพื่อนอ่ะ บ้านหลังแรกตอนอายุยี่สิบเอ็ดปี เก่งเวอร์ ฉันยังแบมือขอเงินแม่อยู่เลย” คนพูดเหยียบคันเร่งเบา ๆ เพื่อที่จะสนทนาได้สะดวก วงหน้าหวานระรื่นมองคนข้าง ๆ สลับมองทาง ภาคภูมิใจในตัวเพื่อน ขณะที่อีกคนกลับคิดว่ามันไม่ใช่ความสำเร็จของเธอคนเดียว “ถ้าฉันไม่มีแก ฉันคงจะกู้คอนโดฯ ไม่ผ่าน ฉันเก่ง ยัยปริมก็เก่ง ไม่รู้จะขอบคุณแกกี่ร้อยล้านรอบดี” คอนโดฯ มีเนียมริมชานเมืองในราคาล้านต้น ๆ ถึงจะเป็นห้องสตูดิโอแค่ยี่สิบแปดตารางเมตร ปรายลดาก็หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรง เก็บหอมรอมริบเงินทีละเล็กทีละน้อยมาด้วยความขยัน ทำงานหามรุ่งหามค่ำในเวลาเลิกเรียน ทีแรกนั้นแค่ตั้งใจว่าจะปล่อยเช่าหรือไว้เก็งกำไรเป็นทรัพย์สินส่วนตัว หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าอยู่บ้านหลังนี้ต่อไปไม่ไหว “แกใช้วิชาการตลาดที่เรียนมาหาเงินได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องมาขอบคุณอะไรฉันหรอก” “ไม่ขอบคุณก็ไม่ขอบคุณ แต่ห้องนี้ของเราสองคนนะ กุญแจพวงนี้ของแก มาได้ตลอด” ปรายลดาล้วงหากุญแจน่ารักเล็ก ๆ ในกระเป๋าสะพายผ้า วางไว้ตรงกลาง คนขับรถส่วนตัวก็รีบหยิบมันไปเก็บเอาไว้ในทันที ในรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันจะย่องไปดึก ๆ ระวังให้ดี” “กลัวที่ไหน... มาสิ จะใช้แกเฝ้าเพจตอบคำถามลูกค้า รับออเดอร์แทนแอดมินซะให้เข็ด” คนได้ยินมองขวับหน้าตื่นตะลึงเพราะเคยทำอยู่ มันเป็นงานที่แสนน่าเบื่อและนัชชาไม่ชอบมันเลยสักนิด “ไม่ไหว ฉันไม่ชอบคุยกับลูกค้า จุกจิกเรื่องมาก ยิ่งมนุษย์ป้าบางคนนะ ถามไซส์อยู่ได้ บอกแล้วบอกอีก ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องหรือยังไง บางคนยัดตัวเข้าไปไม่ลงชุด บอกไปก็ไม่ยอมฟัง สรุปต้องเปลี่ยนใหม่ เปลี่ยนไปเป็นมา เสียค่าส่งอีก” “มันก็เป็นงานป่ะ เงินดีด้วย เราสองคนซื้อบ้านได้หลังเลยนะ” เสียงหวานแย้ง เป็นเวลาสามปีกว่า ปรายลดาใช้วิชาที่เรียนมาเปิดตลาดด้านธุรกิจออนไลน์ ขายเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ นาฬิกา มีหน้าร้านในโลกโซเชียล จากหน้าร้านเล็ก ๆ กลายเป็นที่โด่งดังในหมู่สาว ๆ เพราะมีไฮโซตัวแม่ยอดฟอลโลวหลักหมื่น รวมกับตัวของเธอเองที่ใช้ความสวยในการขายของสวย ๆ งาม ๆ “ก็แน่ล่ะ แกขาดฉันไม่ได้หรอก หึหึ” หัวเราะในลำคอ นัชชานึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้ “แล้วแกจะบอกพี่ธามไหม? เรื่องห้อง...” “ไม่มีใครรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ แกไม่ต้องบอกใครนะ” ในสีหน้านิ่งเรียบบอกในความหมายว่าเธออยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ “ไม่มีปัญหาจ้ะ” คนขับรถยนต์ยกยิ้มมีนัย ก่อนที่จะปรับเบาะเอนนอนให้เพื่อนเสร็จสรรพ “นอนซะหน่อยนะ หน้าตาดูไม่ได้ ตาเป็นหมีแพนด้าแบบนี้ เดี๋ยวจะได้เปลี่ยนไปขายครีมบำรุงหน้า” คำหยอกล้อของเพื่อนไม่ได้ทำให้เธอมีอารมณ์ขันเหมือนเคย กระบอกตาร้อนผ่าวค่อย ๆ ปิดลง พร้อมความเศร้าหมองที่เอ่อล้นอยู่ภายใน รถยนต์ที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำเคียงข้างเพื่อนรักทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาบ้าง นับว่าเป็นโชคดีที่ไม่ต้องตรอมใจตายคาบ้านหลังนี้ สองเดือนไม่ต่างจากสิบปี... พ่อเลี้ยงไม่รับสายของเธอ ไม่ส่งข้อความมาหา มีแค่เงินโอนเข้ามาในบัญชีซึ่งเธอได้ให้แม่อนงค์ไว้ เพราะหาเงินได้ด้วยตัวเองแล้ว “ถ้านอนไม่ได้ เรียกฉันนะ ฉันจะชวนคุย” น้ำเสียงแผ่วลง คนขับนั่งตัวเกร็งมือจับพวงมาลัยแน่นคอยลอบมองคนข้างกายอยู่เป็นระยะ ๆ ด้วยความสงสาร ปรายลดารักพ่อเลี้ยงมานานแล้ว... แต่ก่อนนั้นสมัยยังเรียนประถมศึกษามาด้วยกัน นัชชาเคยคิดว่ามันเป็นความรักในแบบของเด็ก ๆ พอโตมาถึงได้รู้ว่าเพื่อนไม่เคยเปลี่ยนใจ แม้จะมีหนุ่ม ๆ มาทอดสะพานให้อยู่มากมายเท่าไร สายตาของพ่อเลี้ยงที่มองปรายลดาก็ไม่ต่าง... หล่อนแน่ใจในเรื่องนั้นจึงได้สร้างเรื่องส่งข้อความไป ประกอบกับที่โมโหธามไท ดวงหน้าแดงก่ำของคนที่พริ้มตาหลับอยู่เงียบ ๆ ยังมีน้ำตารินไหลไม่ขาดสาย และสถานการณ์ก็ไม่เป็นใจ... ‘ขีดเส้นใต้เอาไว้... ว่าเธอไม่รัก ขีดลงบนกระดานดำ ตามด้วยกระทิงแดงหนึ่งขวด’ “ดีเจช่องนี้มันยิงมุกอะไรเนี่ย!” เสียงหวานกร้าวว่าพลางหลุบตามองคนที่ดูอาการไม่ค่อยดี รีบเปลี่ยนเพลงที่มาจากพื้นที่ส่วนตัวของเธอในไดร์ฟอันเล็ก ๆ ซึ่งมันคงมีแต่เพลงแด็นซ์กระจาย ทว่าคงไม่ทันการ... “ฮือ... ปริม..” เสียงคร่ำครวญดังระลอกใหญ่หลังจากที่เธอเก็บมันเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ถึงปรายลดาจะมีความเป็นผู้ใหญ่ในตัวเอง เป็นคนตลกโปกฮาประสาแม่ค้าออนไลน์ แต่หากว่าได้ร้องไห้แล้วล่ะก็! โรงละครโอเปร่ายังต้องกราบ... ไม่ต่างจากหมูในโรงฆ่าสัตว์ที่กำลังจะโดนเชือด... สองมือสั่นเทายกขึ้นปิดหน้าสะอึกสะอื้นไห้ จากนั้นเธอก็จัดฉากเปิดโรงมหรสพน้ำตาและน้ำเสียงชุดใหญ่ เมื่อไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าของชีวิตเธอโดยไม่มีเขาจะเป็นอย่างไร“พ่อกินข้าวมารึยัง?” เสียงหวานถามอย่างดีอกดีใจ หลังพ่อปองกานต์ก้าวผ่านประตูบ้านมาได้ไม่กี่ก้าวเท่านั้นตาคมหลุบมองหน้าท้องเนินนูนของลูกสาวที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเก่า ไม่อวบอ้วนจนเกินไป หน้าตาสดใสมีความสุขดี“ยังเลย มีอะไรให้พ่อกินบ้างล่ะ?”“กับข้าวเต็มโต๊ะเลยพ่อ พี่เปาซื้อมา พ่ออาบน้ำ โกนหนวดก่อนไหมคะ? หรือพ่อจะกินข้าวก่อน” ทั้งน้ำเสียงและแววตาแลดูเป็นห่วงเป็นใยพ่อเสียเหลือเกิน แม้แต่คนที่เดินข้างกันเข้าบ้านแล้วยังรู้สึกได้ตั้งแต่ปองกานต์ทิ้งบ้านไปตอนลูกสาวอายุได้ประมาณห้าขวบ จะกลับมาก็แค่ปีละหนสองหน ยังไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน แม้ไม่ได้มีความผูกพันอะไรกันทางสายเลือดหรืออยู่ด้วยกันตลอด มีหลาย ๆ ครั้งที่ปรายลดาคิดถึงพ่อพอคนพ่อเดินตามไปถึงห้องรับประทานอาหาร ติดห้องรับแขกกว้างขวาง ลูกสาวตักข้าวร้อน ๆ ให้ใส่จาน“เป็นยังไงบ้างล่ะ? ปวดขา ปวดหลังไหม ลูกดิ้นหรือยัง?”“ดิ้นแล้ว... ชอบดิ้นตอนกลางคืน ปวดขา ปวดหลังค่ะ แต่ว่ามีคนนวดให้” วงหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ ก้มหน้าเอียงอายมองทัพพีในมือเหมือนข้าวในหม้อจะโรยน้ำตาล“ไม่ได้เรื่องหรอก พ่อนวดเก่งกว่าเยอะ เดี๋ยวพ่อกินข้าวเสร็จ พ่อนวดเท้าให้ลูกดีไหม?
“แม่จัดการหนี้ให้หมดแล้ว อย่าไปก่อเรื่องอีกล่ะ มีพ่อที่ไหนเขาต้องให้ลูกเลี้ยงอายุแค่ยี่สิบกว่า ๆ มาโอนเงินให้ตลอด เหล้าน่ะกินมันเข้าไป ไว้หนวดไว้เครายังกับโจร เมื่อไรแกจะทำตัวเป็นผู้เป็นคนสักที” อนงค์บ่นน้ำไหลไฟดับ ก้าวฉับ ๆ เดินฝ่าแดดร้อนจัดข้างชายที่อยู่ในสภาพเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเก่า ๆ ต่างกันกับตัวเธอ การแต่งตัวนั้นก็ออกไปทางวัยรุ่น ด้วยกางเกงยีนส์เสื้อยืด ไม่ได้นุ่งผ้าซิ่นแบบคนเฒ่าหากพูดเรื่องความกระฉับกระเฉงของสาววัยเจ็ดสิบสองที่ดูแลตัวเองสม่ำเสมอเป็นคนละเรื่องกับลูกชายวัยห้าสิบปี เขาดันดูแก่กว่าแม่เสียอีก“เรื่องของผมเปล่าแม่...”คนได้ยินมองขวับตาขวาง โทสะเดือดพล่านขึ้นมาในทันที “เรื่องของแก มันเป็นปัญหาของฉันไหมล่ะ? ไอ้ที่ต้องมาโรงพักเพราะเจ้าหนี้มันจะฟ้องฉ้อโกง มันไม่ใช่เรื่องของฉันตรงไหน.. ฮะ”“ผมหมายถึงเรื่องหนวด... มันหนวดผม” ปองกานต์ชี้ไปที่หนวดแล้วก็ทำเมินเฉย ปล่อยให้แม่โมโหอยู่อย่างนั้นทีแรกเขาก็นึกว่าพวก ‘เฮียซ้ง’ จะจ้างคนมาทำร้ายหรือไปรังควานลูกสาวของเขา กลายเป็นลากมาขึ้นโรงพักลงบันทึกประจำวัน ยื่นฟ้องฐานฉ้อโกง เพื่อเอาครอบครัวเข้ามาเอี่ยว คู่กรณีอย่างเขาจึงต้องจ่ายเ
‘ผู้หญิงของเจ้านายคุณน่ะ ระวังตัวไว้ดี ๆ ก็แล้วกัน ฉันโทรมาเตือนครั้งสุดท้าย’คำขู่ของหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยความริษยาในตัวลูกเลี้ยงเมื่อหลายวันก่อนทำให้เขาไม่สบายใจอลันทำการสืบสาวเรื่องราวบางอย่างมาได้สักพักว่ามีอะไรแปลก ๆ เกี่ยวกับปิ่นแก้ว และรายงานเจ้านายไปก่อนหน้านี้ นอกจากเรื่องที่เธอไปหาปองกานต์ ยังไปยุ่งวุ่นวายกับพวกกู้หนี้นอกระบบ บ่อน ซึ่งเขาได้สั่งให้ลูกน้องแอบตามไปสัญชาติญาณเลขาฯ ไฟแรงเขาคงอยากลุกขึ้นมาสะสางปัญหาเรื่องผู้หญิงของเจ้านายให้เรียบร้อย คนที่หยุดปลายเท้าลงข้างเตียงดันทักขึ้นเสียก่อน“คุณอลัน... กินข้าวต้ม กินยาให้ครบ ไม่ไหวก็ไม่ต้องลุก เดี๋ยวฉันจะกลับแล้วนะ” ในน้ำเสียงกึ่งสั่ง ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวราวกระดาษมองกลับไปยังร่างบางในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นงานแบรนด์สมฐานะคุณหนูนัชชาถึงเป็นเด็กปากร้ายไปสักหน่อย เธอกลับรับผิดชอบในการกระทำ ตั้งแต่นอนเฝ้าไข้เขาอยู่ข้างเตียงคนป่วยในโรงพยาบาล ขับรถยนต์ให้แทนเพื่อพาเขากลับมาส่งถึงคอนโดฯ ยังคอยดูแลเรื่องยาและอาหารให้ไม่แปลกที่ฝรั่งไร้ญาติจะเกิดความรู้สึกเศร้าเสียดาย จู่ ๆ เขาซึ่งอยู่คนเดียวมาตลอดดันอยากให้เธออยู่ด้วยกันเรื่อย ๆ
ตั้งแต่ทุกคนออกจากบ้านไปแล้วหญิงสาวกลับมาแค่สองคน ได้เรื่องว่าเลขาฯ หนุ่มโดนหมอจับล้างท้องจนไม่เหลือเรี่ยวแรงยังต้องนอนหยอดน้ำเกลือ เขาคงจะต้องโมโห จึงพยายามติดต่อเจ้าตัวซึ่งหายเข้ากลีบเมฆ ยังไม่รับสายหลังก่อเรื่องเอาไว้ทันทีที่ประตูบ้านปิดลงพร้อมการจากไปของนัชชาซึ่งรับปากว่าจะไปดูแลอลัน ให้แทน เนื่องจากว่าลูกครึ่งหนุ่มบราซิลไม่มีญาติที่ไหนร่างสูงในชุดทำงานก้าวพรวดไปสอดลำแขนเข้าประคองเอวเล็ก สัดส่วนโค้งเข้าพอดี หน้าท้องเนินนูนเพียงเล็กน้อยตามอายุครรภ์เพียง 13 สัปดาห์ ปรายลดาเริ่มใส่เดรสของคนท้องบ้างในบางวันยังติดเข็มกลัดไว้ตามที่แม่อนงค์บอก“พุทรา... พวกเขาไปกันหมดแล้ว หมดเรื่องแล้ว พุดไม่ต้องกังวลนะ พี่ไม่อยู่เฉย ๆ กับเรื่องนี้แน่” ปลายเสียงเด็ดขาด แน่ว่าเขาจะต้องเอาเรื่องในภายหลัง หล่อนไม่มีวันได้มาเหยียบบ้านของเขาอีก!ตอนนี้เขายังคิดอยู่ว่าถ้าสตรีมีครรภ์รับประทานยาปลุกเซ็กส์เข้าไป ตามฉลากห้ามรับประทาน เด็กในท้องคงได้รับอันตราย ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเป็นพวกมักมากอย่างเขาที่โดนกับคนอื่นก็คงจะทนไหว แต่กับสาวน้อยในความดูแลแล้วเท่าไรคงไม่พอ...“พี่ไม่ได้เจอเมียมาเป็นอาทิตย์แหนะ”“แล้ว
“กรี๊ด!”ต่างคนปิดยกมือขึ้นปิดหูแม้กระทั่งคนกรี๊ดเอง เว้นแค่ปรายลดาที่ยืนหัวเราะเพื่อน เห็นอยู่ว่านัชชาจงใจตะเบ็งเสียงคอแทบแตกใส่หน้าปิ่นแก้ว ก่อนที่เจ้าตัวจะทำหน้าเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“โดนตัดออกจากกองมรดกแล้วค่ะ ปริมแค่แวะมาบอก โตแล้วเนอะจะไปไหนก็ได้นี่ ไปกันดีกว่า พุด...”“พุด... รอไปพร้อมพี่” ชายหนุ่มแทรกขึ้นมาแล้วเดินไปคว้ามือเรียวไว ๆ แต่ก็ถูกสะบัดออกด้วยสีหน้าดื้อรั้นซึ่งเลือนหายไปในอีกครู่ เป็นรอยยิ้มใส ๆ“พุดไปกับปริมดีกว่าค่ะ พุดรีบ เดี๋ยวไปไม่ทัน วันนี้อาจารย์หมอมาด้วย พุดมีคำถามตั้งเยอะแยะ พี่ทำงานไปก่อนเถอะ เรื่องลูกเมื่อไรก็ได้” พูดแล้วก็คว้ามือเพื่อนสาว รีบเดินหนีเจ้าของบ้านไป ปรายลดาโมโหอย่างไรยังสำรวมกริยา ถึงเธออยากจะกรี๊ดใส่หน้าใครสักคนให้ได้อย่างนัชชาสักแค่ไหนคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังหัวใจกระตุกวูบ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว และเขาก็ไม่อยากจะทำงานต่อ“เดี๋ยวผมให้วิศวกรดูหน้างานอีกที สระว่ายน้ำกับร้านอาหาร ผนังต้องให้ลูกค้าเลือกก่อนว่าจะเอาผนังปูนเปลือย บล็อกอิฐแก้ว หรือกระจก คุณเป็นหัวหน้างานสถาปนิกคุมทีมก่อสร้าง มีอะไรคุณตัดสินใจไปเลยละกัน”เพราะคำว่า ‘หัวหน
ปรเมษฐ์ มาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นพร้อมปิ่นแก้วที่หอบงานโปรเจคใหญ่กลับมาทำต่อ มันเป็นงานที่จะต้องทำร่วมกันเป็นทีม ซึ่งเจ้าของบ้านก็ให้เกียรติภรรยา ไม่พาผู้หญิงเข้าห้องทำงานส่วนตัว ใช้สถานที่ในห้องรับแขกโปร่งโล่ง เปิดกระจกไว้ทุกบาน สำหรับวางกระดานแบบงานอันใหญ่ใต้ร่มไม้ของม้านั่งหินในสวนหย่อมหน้าบ้าน ดวงตาคู่สวยจ้องเขม็งผ่านขอบจอโน๊ตบุ๊คไปยังบุคคลทั้งสองในบ้าน พวกเขากำลังยืนอยู่หน้ากระดานแบบงานหน้าบ้านหน้าตาคร่ำเครียด“ฉันกลับมาขายเสื้อกับแกต่อได้มั้ย?” คนถามนั่งเท้าคางอย่างเซ็ง ๆ ขณะที่ปรายลดาไม่ตอบอะไรฮอร์โมนคนท้องทำให้เธอกลายเป็นคนอารมณ์แปรปรวน ยังหงุดหงิดตลอดวัน ดีหน่อยตรงที่ไม่แพ้ท้องมาก นัชชายังอยู่เป็นเพื่อนตลอด หลังจากที่เจ้าตัวไม่มีไข้แล้ว อาการดีขึ้นตามลำดับเรียกได้ว่าเกือบหายดี“แกไม่ฟังที่ฉันพูดเลย หึงผัวล่ะสิ ให้ฉันจัดการเหอะ”“ไม่เป็นไร... ขอบใจนะ ปริม แกเอาตัวแกเองให้รอดเหอะ” ย้อนคำคนที่มีกำลังปัญหาความรักและชีวิตครอบครัวขนาดว่าไม่ยอมกลับบ้าน ก่อนจะหันมองใบหน้าสดสวยสลดเศร้าลงจนต้องถาม“ตกลงแกทะเลาะอะไรกับพี่ธาม ร้องไห้จนหลับ ไม่เห็นเล่าให้ฉันฟังสักอย่าง”“เรื่องมันยาวอ่ะ