เมื่อเด็กสาวที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตลอดยี่สิบเอ็ดปีโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง เขาจึงตัดสินใจหนี... แต่สุดท้ายแล้วเขาหรือจะหนีหัวใจตัวเองพ้น ยิ่งได้รับรู้ว่า ‘ลูกพุทรา’ กำลังจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ‘พ่อเลี้ยง’ ที่หลงรักเธอมาตลอดหรือจะยอมปล่อยนกน้อยให้หลุดจากกรงทอง! -ซีรีส์พ่อเลี้ยงเลขาฯ- คนนี้... พ่อเลี้ยงขอ! พ่ายรักนายเลขาฯเถื่อน
View Moreร่างอ้อนแอ้นอรชรในชุดนักศึกษากระโปรงพลีทจีบรอบความยาวคลุมข้อเท้า ปกปิดเรียวขาขาวไว้อย่างมิดชิดย่ำก้าวไปข้างหน้า นัยน์ตาคู่สวยเศร้าหมองมองพื้นหินอ่อนบนทางเดินที่เชื่อมต่อกันระหว่างตึกเรียงราย
มือเย็นเฉียบทั้งสองของเธอกำลังกอดกุมอุปกรณ์การเรียนอิเล็กทรอนิกส์และกระเป๋าผ้าใบโปรดไว้แน่น ๆ เพื่อซึมซับความสดใสร่าเริงของสาววัยใสไว้ให้มากที่สุดในเวลาที่เธอยังอยู่ในสถานที่แห่งนี้
มหาวิทยาลัย...
เมื่อใดที่ก้าวขาออกไปแล้วคงไม่ได้มีชีวิตเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ไม่ได้เที่ยวเล่น เดินห้างสรรพสินค้า หรือไปรวมกลุ่มกับใคร เพราะเธอดันมีธุระประปรังที่นับว่าเป็นเรื่องจุกจิกอยู่มากมาย...
ใช่ว่าเธอไม่มีเวลาขนาดนั้นเมื่อธุรกิจกำลังไปได้สวย ปรายลดาแค่กำลังสนใจเรื่องหาเงินมากกว่าเรื่องเรียน จึงตั้งใจจะตรงกลับบ้านไปทำงานของตนต่อ ไม่ทันได้รู้ตัวว่ามีบางคนกำลังตามหาตัวเธออย่างบ้าคลั่ง
“พุทรา! แกจะไปไหน?” เสียงแหลมปรี้ด รองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดจึงหยุดก้าวลงแล้วหันกลับไปหาเพื่อนที่ดึงรั้งต้นแขนของเธอไว้เบา ๆ ด้วยสีหน้าขุ่นเคืองใจ
“งานของหญิงแย้ม แกทำเสร็จหรือยัง?”
“เดี๋ยววันนี้ฉันทำให้นะปริม” ในน้ำเสียงแผ่วลงตอบหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน ความเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาล เธอรู้ว่านัชชาไม่ได้อยากมาจิก เพราะเพื่อนคนนี้มีอะไรก็ช่วยเหลือกันมาตลอด
“อาทิตย์ที่แล้วแกก็พูดแบบนี้ แกผลัดไปเรื่อย ๆ กี่ทีละ”
“ฉันก็ทำไปบ้างแล้วป่ะ แค่ยังไม่เสร็จ อย่าเร่งสิ”
“ไม่เร่งแล้วมันจะเสร็จไหมล่ะ? งานเดดไลน์พรุ่งนี้นะ ไม่งั้นหญิงแย้มเอาตาย แกก็รู้ว่าแม่ไม่หักคะแนนอย่างเดียว จะได้ทำเพิ่มอีกสามเล่มไปเป็นของไหว้ท่านแม่ แล้วฉันจะไม่มีเวลาไปช้อปปิ้งด้วย”
คำสั่งเรื่องเวลาส่งงานอาจารย์สุดโหดผู้ได้รับฉายาว่า ‘คุณหญิงแย้ม’ คือคำขาดบาดคอตาย! นักศึกษาระดับชั้นปีที่สามเทอมสุดท้ายคงไม่มีใครอยากถูกตัดคะแนนแล้วยังต้องทำงานเพิ่ม ใช่เพียงเท่านั้น ใคร ๆ ก็อยากจะได้ใบปริญญาตัวเลขสวย ๆ ไปให้พ่อแม่ที่บ้านได้ชื่นชมในเร็ววัน
“ฉันทำงานด้วยนะเว้ย เห็นใจบ้างดิปริม บ้านฉันไม่ได้รวยอย่างแก อยากได้อะไรก็ได้ ขนาดมาเรียนฉันยังต้องนั่งรถเมล์มา”
“แกก็พูดไปเรื่อย พูดยังกับว่าฉันรวยคับฟ้า ขับพอร์ชมาเรียนงั้นแหละ”
“แกไม่ได้ขับพอร์ช แต่แกขับบีเอ็มสปอร์ตมาเรียน... คงไม่ต่างมั้งเพื่อน” เบ้ปากประชด ปรายลดาไม่ได้นึกอิจฉาลูกเศรษฐีอย่างนัชชาที่มีคุณแม่เป็นถึงเจ้าแม่ปลากระป๋อง ทั้งขายในประเทศ ส่งออก มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกันแล้วทั้งชีวิตของเธอไม่มีวันหาได้
“นั่นมันรถแม่ฉันป่ะ ฉันอุตส่าห์กราบงาม ๆ ขอมาเพื่อขับไปรับไปส่งแก แหม... จะมาทำบ่นอะไร”
“คราวหน้าจะไม่นั่งแล้วล่ะ ฉันว่า... ฉันจะเลิกกินปลากระป๋องไปทั้งชีวิตด้วย”
นัชชาหัวเราะออกมา ยกมือขึ้นป้องปาก รอยยิ้มเลือนหายไปในอีกครู่ “แกเลิกกินปลากระป๋องไม่ได้หรอก ตราบใดที่แกยังไม่รวย... แล้วฉันจะบอกอะไรให้อย่าง ฉันจะไปทำงานกับแก ไปวันนี้ เดี๋ยวนี้ ตอนนี้เลย เพราะฉะนั้น รายงานกลุ่มของเราต้องเสร็จ!”
คำขู่ฟ่อนั้นว่าทำแน่ ปรายลดาถึงกับอ้าปากค้าง เพราะการที่จะให้ลูกผู้ดีอย่างนัชชามาทำงานของเธอคือไลฟ์ขายของ! มันคงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นยะ ฉันเป็นเพื่อนแก ฉันก็ต้องเห็นใจแกสิ... ไปกันเถอะ ฉันอยากช่วยแกทำงานเต็มแก่ ทำรายงานเสร็จแล้ววันนี้จะได้แต่งตัวสวยสะบัด ขายของเต็มหน้าฟี้ด cf cf เงินเด้งรัว ๆ ให้มือถือมันพังไปเลย”
นัชชายกมือขึ้นหยิกแก้มเพื่อนแรง ๆ จนเจ้าตัวยกมือขึ้นลูบหน้าตาเหยเก แก้มขาวนวลกลายเป็นสีแดงขับใบหน้างามหมดจดให้ดูน่ารักยิ่งขึ้นไปอีก
พูดถึงความสวยของปรายลดาก็คงจะระดับดาวคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการการตลาด ผิวขาวผ่องนวลเนียนละเอียดไปทั้งตัวไม่มีแม้รอยแผลเป็น ทรวดทรงองเอวสะโอดสะอง จมูกโด่งเป็นสันงามตามแบบฉบับดารา ริมฝีปากบางกระจับอมแดงชมพูทำให้เธอเปล่งประกายได้ในทุกย่างก้าวเข้ารั้วมหาวิทยาลัย
เบ้าหน้าใสกิ๊ก! แม้ไม่ใช่เด็กเฟรชชี่ปีหนึ่ง... อันที่จริงเด็กปีหนึ่งหลาย ๆ คนดูมีอายุมากกว่าเธอที่อยู่ปีสามเสียอีก
“เออ ไปก็ไป แต่แกต้องเอาส่วนแบ่งของแกไปด้วยนะ ไม่ใช่มาทำงานให้ฉันฟรี ๆ”
“ไม่มีปัญหา ฉันเก็บไว้ทำบุญกับแก ไว้เป็นค่ารายงาน ค่าออกอีเว้นท์งานหน้า” นัชชาผุดรอยยิ้มกว้างเต็มวงหน้า ยกมือขึ้นคล้องควงแขนกันเดินไป
นักศึกษาสาวดาวเดือนประจำคณะไม่มีใครแพ้ใคร คนหนึ่งมีความโฉบเฉี่ยวในตัวด้วยเครื่องสำอางอ่อนรับลิปสติกสีเชอรี่ ขณะที่อีกคนนั้นสวยใสไร้เครื่องสำอาง แค่รองพื้นกันแดดมาเรียน เพราะไม่มีเวลาจะแต่งหน้าแต่งตาเหมือนใครเขา
มันดันไปเสียเวลาตรงที่ต้องใช้ความพยายามในการปกปิดขอบตาคล้ำจัดเพราะอดนอนด้วยรองพื้นอย่างดี เมื่อเด็กปีสามอย่างปรายลดาใช้ชีวิตเหมือนสาววัยสามสิบ! เลิกงานกลับบ้านทำงานบ้านทุกอย่าง ยังต้องทำงานที่เป็นธุรกิจของเธอเอง แม้ว่าจะมีคนส่งเสียงเงินให้โดยไม่มีความจำเป็นต้องทำงานอะไรเลย
นัชชายังชอบที่จะว่าเธออยู่บ่อย ๆ
“ชีวิตปรายลดาอนาถแท้ บ้านก็ไม่ได้จนไม่รู้จะขยันทำงานไปทำไม” บ่นอุบอิบพลางส่ายหน้าไปมา ขณะที่อีกคนไม่ได้ตอบอะไรแต่เพียงเดินเคียงข้างกันไปเงียบ ๆ
ในมหาวิทยาลัยกว้างขวาง นักศึกษาทยอยกันเดินทางกลับบ้าน จำนวนหนึ่งมีรถยนต์ส่วนตัวใช้ บางคนก็มีพ่อแม่มารับ การจราจรจึงเริ่มติดขัด หากวันไหนปรายลดาไม่ได้ติดรถยนต์เพื่อนกลับบ้าน ก็จะต้องนั่งรถเมล์กลับเอง
พักหลังมานี้เธอได้มีโอกาสรู้จักกับรุ่นพี่คนหนึ่ง กลับบ้านทางเดียวกันอยู่บ่อย ๆ เป็นพี่รหัสนิสัยดี มันจึงไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยกับเธอที่ไม่ได้เป็นคนกลับบ้านดึกดื่นอะไร ปัญหาอยู่ตรงที่นัชชาไม่ชอบขี้หน้ารุ่นพี่นี่แหละ...
“เออ... ปริม ฉันมีเรื่องจะ...”
“หลงทางหรือจ๊ะ? สาว ๆ” เสียงทุ้มดังขึ้น ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาขวางหน้าไว้ ให้เพื่อนสาวที่เดินอยู่ข้าง ๆ กันมีสีหน้าไม่พอใจ
“ขอโทษนะคะ พี่ธาม วันนี้พุทราไม่ว่างนะ เพราะว่าปริมจอง วันนี้เป็นวันของปริม เชิญป้ายหน้านะคะ คุณพี่ธาม”
“ไปไหนกัน ให้พี่ไปด้วยสิ?” ถามหน้าระรื่น ตาคมจับจ้องอยู่บนวงหน้าหวานด้วยแววตามากความหมาย เป็นเวลาเดือนกว่า ๆ แล้วที่ธามไทไม่ได้เป็นแค่รุ่นพี่กับปรายลดา ท่าทางอีกคนนั้นจะยังคงไม่รู้
“ไม่ได้ไปกินชาบูแน่ ๆ ค่ะ มันไม่ใช่เรื่องของพี่รหัสด้วยนะคะ”
“มันเป็นเรื่องของพี่รหัสนะครับ ตราบใดที่น้องรหัสเดือดร้อน ไม่สบายใจ แล้วนี่... แฟนพี่ พี่ต้องได้สิทธิ์นั้นก่อน ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก” ในท่าทีว่าได้รับชัยชนะ ร่างสูงแทรกตัวเข้าระหว่างกลางจนแขนที่คล้องควงของคนทั้งสองหลุดออกจากกัน เพื่อที่เขาจะดึงมือของปรายลดามาจับเอาไว้แทน
นัชชาหน้าซีดเผือดเมื่อพบว่าเรื่องที่ได้ยินนั้นเป็นความจริง จากอาการประหม่าของเพื่อนสาวที่ไม่ปฏิเสธมือของชายหนุ่ม
“พุทรา...! อย่าบอกนะว่าแกกับพี่ธาม...”
“ครับ ทำไมครับ?”
เป็นเรื่องทำร้ายจิตใจเพื่อนสนิทที่สุด ตลอดระยะเวลาที่คบกันมาตั้งแต่อนุบาลสองจนเข้ามหาวิทยาลัย! ไม่มีเรื่องใดของปรายลดาที่นัชชาไม่รู้ นัชชาเองก็ไม่เคยปิดบังเรื่องส่วนตัวกับปรายลดา
ริมฝีปากบางเฉียบที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงเชอรี่เม้มเข้าหากันสนิทแน่น หากไม่เป็นเพราะใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่าทรงเอขยับตัวลำบากไปสักหน่อย คงจะได้มีหัวร้างข้างแตกกันไปข้าง!
“ไอ้พี่ธาม นังเพื่อนทรยศ แกมีความลับกับฉันได้ยังไง?”
“คือฉัน... เปล่านะแก ก็กำลังจะบอก... แก” ปรายลดาอึก ๆ อัก ๆ กลืนน้ำลายลงคออย่างหวั่นกลัว เมื่อแววตาคู่สวยประกายจัดปรากฎเพลิงโทสะลูกใหญ่ ไม่ต่างไปจากอีกคน
ธามไทไม่เคยชอบขี้หน้าลูกเศรษฐีเอาแต่ใจ อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนคนบ้า เพื่อน ๆ ในกลุ่มเขายังเรียกหล่อนว่า ‘อีปริม’ ลับหลังด้วยซ้ำ มุมปากหนาหยักยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“ปริมจะมีปัญญาทำอะไรพี่ได้ล่ะครับ...?”
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!” สิ้นคำเท่านั้น นัชชาเบิกตากว้างมองคนทั้งสองอย่างโกรธแค้น กระแทกส้นสูงปึงปังไป มือหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายงานแบรนด์เนมออกมาเพื่อส่งข้อความอย่างไม่มีลังเลใจแม้แต่น้อย
‘พุทรามีแฟนแล้วนะคะ พ่อเลี้ยง...’
-----------------------------------
“พ่อกินข้าวมารึยัง?” เสียงหวานถามอย่างดีอกดีใจ หลังพ่อปองกานต์ก้าวผ่านประตูบ้านมาได้ไม่กี่ก้าวเท่านั้นตาคมหลุบมองหน้าท้องเนินนูนของลูกสาวที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเก่า ไม่อวบอ้วนจนเกินไป หน้าตาสดใสมีความสุขดี“ยังเลย มีอะไรให้พ่อกินบ้างล่ะ?”“กับข้าวเต็มโต๊ะเลยพ่อ พี่เปาซื้อมา พ่ออาบน้ำ โกนหนวดก่อนไหมคะ? หรือพ่อจะกินข้าวก่อน” ทั้งน้ำเสียงและแววตาแลดูเป็นห่วงเป็นใยพ่อเสียเหลือเกิน แม้แต่คนที่เดินข้างกันเข้าบ้านแล้วยังรู้สึกได้ตั้งแต่ปองกานต์ทิ้งบ้านไปตอนลูกสาวอายุได้ประมาณห้าขวบ จะกลับมาก็แค่ปีละหนสองหน ยังไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน แม้ไม่ได้มีความผูกพันอะไรกันทางสายเลือดหรืออยู่ด้วยกันตลอด มีหลาย ๆ ครั้งที่ปรายลดาคิดถึงพ่อพอคนพ่อเดินตามไปถึงห้องรับประทานอาหาร ติดห้องรับแขกกว้างขวาง ลูกสาวตักข้าวร้อน ๆ ให้ใส่จาน“เป็นยังไงบ้างล่ะ? ปวดขา ปวดหลังไหม ลูกดิ้นหรือยัง?”“ดิ้นแล้ว... ชอบดิ้นตอนกลางคืน ปวดขา ปวดหลังค่ะ แต่ว่ามีคนนวดให้” วงหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ ก้มหน้าเอียงอายมองทัพพีในมือเหมือนข้าวในหม้อจะโรยน้ำตาล“ไม่ได้เรื่องหรอก พ่อนวดเก่งกว่าเยอะ เดี๋ยวพ่อกินข้าวเสร็จ พ่อนวดเท้าให้ลูกดีไหม?
“แม่จัดการหนี้ให้หมดแล้ว อย่าไปก่อเรื่องอีกล่ะ มีพ่อที่ไหนเขาต้องให้ลูกเลี้ยงอายุแค่ยี่สิบกว่า ๆ มาโอนเงินให้ตลอด เหล้าน่ะกินมันเข้าไป ไว้หนวดไว้เครายังกับโจร เมื่อไรแกจะทำตัวเป็นผู้เป็นคนสักที” อนงค์บ่นน้ำไหลไฟดับ ก้าวฉับ ๆ เดินฝ่าแดดร้อนจัดข้างชายที่อยู่ในสภาพเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเก่า ๆ ต่างกันกับตัวเธอ การแต่งตัวนั้นก็ออกไปทางวัยรุ่น ด้วยกางเกงยีนส์เสื้อยืด ไม่ได้นุ่งผ้าซิ่นแบบคนเฒ่าหากพูดเรื่องความกระฉับกระเฉงของสาววัยเจ็ดสิบสองที่ดูแลตัวเองสม่ำเสมอเป็นคนละเรื่องกับลูกชายวัยห้าสิบปี เขาดันดูแก่กว่าแม่เสียอีก“เรื่องของผมเปล่าแม่...”คนได้ยินมองขวับตาขวาง โทสะเดือดพล่านขึ้นมาในทันที “เรื่องของแก มันเป็นปัญหาของฉันไหมล่ะ? ไอ้ที่ต้องมาโรงพักเพราะเจ้าหนี้มันจะฟ้องฉ้อโกง มันไม่ใช่เรื่องของฉันตรงไหน.. ฮะ”“ผมหมายถึงเรื่องหนวด... มันหนวดผม” ปองกานต์ชี้ไปที่หนวดแล้วก็ทำเมินเฉย ปล่อยให้แม่โมโหอยู่อย่างนั้นทีแรกเขาก็นึกว่าพวก ‘เฮียซ้ง’ จะจ้างคนมาทำร้ายหรือไปรังควานลูกสาวของเขา กลายเป็นลากมาขึ้นโรงพักลงบันทึกประจำวัน ยื่นฟ้องฐานฉ้อโกง เพื่อเอาครอบครัวเข้ามาเอี่ยว คู่กรณีอย่างเขาจึงต้องจ่ายเ
‘ผู้หญิงของเจ้านายคุณน่ะ ระวังตัวไว้ดี ๆ ก็แล้วกัน ฉันโทรมาเตือนครั้งสุดท้าย’คำขู่ของหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยความริษยาในตัวลูกเลี้ยงเมื่อหลายวันก่อนทำให้เขาไม่สบายใจอลันทำการสืบสาวเรื่องราวบางอย่างมาได้สักพักว่ามีอะไรแปลก ๆ เกี่ยวกับปิ่นแก้ว และรายงานเจ้านายไปก่อนหน้านี้ นอกจากเรื่องที่เธอไปหาปองกานต์ ยังไปยุ่งวุ่นวายกับพวกกู้หนี้นอกระบบ บ่อน ซึ่งเขาได้สั่งให้ลูกน้องแอบตามไปสัญชาติญาณเลขาฯ ไฟแรงเขาคงอยากลุกขึ้นมาสะสางปัญหาเรื่องผู้หญิงของเจ้านายให้เรียบร้อย คนที่หยุดปลายเท้าลงข้างเตียงดันทักขึ้นเสียก่อน“คุณอลัน... กินข้าวต้ม กินยาให้ครบ ไม่ไหวก็ไม่ต้องลุก เดี๋ยวฉันจะกลับแล้วนะ” ในน้ำเสียงกึ่งสั่ง ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวราวกระดาษมองกลับไปยังร่างบางในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นงานแบรนด์สมฐานะคุณหนูนัชชาถึงเป็นเด็กปากร้ายไปสักหน่อย เธอกลับรับผิดชอบในการกระทำ ตั้งแต่นอนเฝ้าไข้เขาอยู่ข้างเตียงคนป่วยในโรงพยาบาล ขับรถยนต์ให้แทนเพื่อพาเขากลับมาส่งถึงคอนโดฯ ยังคอยดูแลเรื่องยาและอาหารให้ไม่แปลกที่ฝรั่งไร้ญาติจะเกิดความรู้สึกเศร้าเสียดาย จู่ ๆ เขาซึ่งอยู่คนเดียวมาตลอดดันอยากให้เธออยู่ด้วยกันเรื่อย ๆ
ตั้งแต่ทุกคนออกจากบ้านไปแล้วหญิงสาวกลับมาแค่สองคน ได้เรื่องว่าเลขาฯ หนุ่มโดนหมอจับล้างท้องจนไม่เหลือเรี่ยวแรงยังต้องนอนหยอดน้ำเกลือ เขาคงจะต้องโมโห จึงพยายามติดต่อเจ้าตัวซึ่งหายเข้ากลีบเมฆ ยังไม่รับสายหลังก่อเรื่องเอาไว้ทันทีที่ประตูบ้านปิดลงพร้อมการจากไปของนัชชาซึ่งรับปากว่าจะไปดูแลอลัน ให้แทน เนื่องจากว่าลูกครึ่งหนุ่มบราซิลไม่มีญาติที่ไหนร่างสูงในชุดทำงานก้าวพรวดไปสอดลำแขนเข้าประคองเอวเล็ก สัดส่วนโค้งเข้าพอดี หน้าท้องเนินนูนเพียงเล็กน้อยตามอายุครรภ์เพียง 13 สัปดาห์ ปรายลดาเริ่มใส่เดรสของคนท้องบ้างในบางวันยังติดเข็มกลัดไว้ตามที่แม่อนงค์บอก“พุทรา... พวกเขาไปกันหมดแล้ว หมดเรื่องแล้ว พุดไม่ต้องกังวลนะ พี่ไม่อยู่เฉย ๆ กับเรื่องนี้แน่” ปลายเสียงเด็ดขาด แน่ว่าเขาจะต้องเอาเรื่องในภายหลัง หล่อนไม่มีวันได้มาเหยียบบ้านของเขาอีก!ตอนนี้เขายังคิดอยู่ว่าถ้าสตรีมีครรภ์รับประทานยาปลุกเซ็กส์เข้าไป ตามฉลากห้ามรับประทาน เด็กในท้องคงได้รับอันตราย ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเป็นพวกมักมากอย่างเขาที่โดนกับคนอื่นก็คงจะทนไหว แต่กับสาวน้อยในความดูแลแล้วเท่าไรคงไม่พอ...“พี่ไม่ได้เจอเมียมาเป็นอาทิตย์แหนะ”“แล้ว
“กรี๊ด!”ต่างคนปิดยกมือขึ้นปิดหูแม้กระทั่งคนกรี๊ดเอง เว้นแค่ปรายลดาที่ยืนหัวเราะเพื่อน เห็นอยู่ว่านัชชาจงใจตะเบ็งเสียงคอแทบแตกใส่หน้าปิ่นแก้ว ก่อนที่เจ้าตัวจะทำหน้าเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“โดนตัดออกจากกองมรดกแล้วค่ะ ปริมแค่แวะมาบอก โตแล้วเนอะจะไปไหนก็ได้นี่ ไปกันดีกว่า พุด...”“พุด... รอไปพร้อมพี่” ชายหนุ่มแทรกขึ้นมาแล้วเดินไปคว้ามือเรียวไว ๆ แต่ก็ถูกสะบัดออกด้วยสีหน้าดื้อรั้นซึ่งเลือนหายไปในอีกครู่ เป็นรอยยิ้มใส ๆ“พุดไปกับปริมดีกว่าค่ะ พุดรีบ เดี๋ยวไปไม่ทัน วันนี้อาจารย์หมอมาด้วย พุดมีคำถามตั้งเยอะแยะ พี่ทำงานไปก่อนเถอะ เรื่องลูกเมื่อไรก็ได้” พูดแล้วก็คว้ามือเพื่อนสาว รีบเดินหนีเจ้าของบ้านไป ปรายลดาโมโหอย่างไรยังสำรวมกริยา ถึงเธออยากจะกรี๊ดใส่หน้าใครสักคนให้ได้อย่างนัชชาสักแค่ไหนคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังหัวใจกระตุกวูบ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว และเขาก็ไม่อยากจะทำงานต่อ“เดี๋ยวผมให้วิศวกรดูหน้างานอีกที สระว่ายน้ำกับร้านอาหาร ผนังต้องให้ลูกค้าเลือกก่อนว่าจะเอาผนังปูนเปลือย บล็อกอิฐแก้ว หรือกระจก คุณเป็นหัวหน้างานสถาปนิกคุมทีมก่อสร้าง มีอะไรคุณตัดสินใจไปเลยละกัน”เพราะคำว่า ‘หัวหน
ปรเมษฐ์ มาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นพร้อมปิ่นแก้วที่หอบงานโปรเจคใหญ่กลับมาทำต่อ มันเป็นงานที่จะต้องทำร่วมกันเป็นทีม ซึ่งเจ้าของบ้านก็ให้เกียรติภรรยา ไม่พาผู้หญิงเข้าห้องทำงานส่วนตัว ใช้สถานที่ในห้องรับแขกโปร่งโล่ง เปิดกระจกไว้ทุกบาน สำหรับวางกระดานแบบงานอันใหญ่ใต้ร่มไม้ของม้านั่งหินในสวนหย่อมหน้าบ้าน ดวงตาคู่สวยจ้องเขม็งผ่านขอบจอโน๊ตบุ๊คไปยังบุคคลทั้งสองในบ้าน พวกเขากำลังยืนอยู่หน้ากระดานแบบงานหน้าบ้านหน้าตาคร่ำเครียด“ฉันกลับมาขายเสื้อกับแกต่อได้มั้ย?” คนถามนั่งเท้าคางอย่างเซ็ง ๆ ขณะที่ปรายลดาไม่ตอบอะไรฮอร์โมนคนท้องทำให้เธอกลายเป็นคนอารมณ์แปรปรวน ยังหงุดหงิดตลอดวัน ดีหน่อยตรงที่ไม่แพ้ท้องมาก นัชชายังอยู่เป็นเพื่อนตลอด หลังจากที่เจ้าตัวไม่มีไข้แล้ว อาการดีขึ้นตามลำดับเรียกได้ว่าเกือบหายดี“แกไม่ฟังที่ฉันพูดเลย หึงผัวล่ะสิ ให้ฉันจัดการเหอะ”“ไม่เป็นไร... ขอบใจนะ ปริม แกเอาตัวแกเองให้รอดเหอะ” ย้อนคำคนที่มีกำลังปัญหาความรักและชีวิตครอบครัวขนาดว่าไม่ยอมกลับบ้าน ก่อนจะหันมองใบหน้าสดสวยสลดเศร้าลงจนต้องถาม“ตกลงแกทะเลาะอะไรกับพี่ธาม ร้องไห้จนหลับ ไม่เห็นเล่าให้ฉันฟังสักอย่าง”“เรื่องมันยาวอ่ะ
ในรุ่งเช้าเวลาเจ็ดโมงกว่า นัยน์สีฟ้าครามเข้มเบิกโพล่งตะลึงตื่นจากนิทรา พลันผลักผ้านวมหนาที่คลุมห่มตัวอยู่อย่างงุนงง เมื่อคืนที่หลับไปทั้งชุดทำงานเขาไม่ได้หยิบจับอะไรสักอย่าง ผ้าห่มลายตุ๊กตาน่ารักจะเป็นฝีมือใครหากไม่ใช่เมียเจ้าของบ้าน!ร่างสูงในเชิ้ตสีดำยับยู่ยี่หยัดกายลุกขึ้นนั่ง พอดีกับที่โทรศัพท์สั่นดังจากข้างหมอน สายจากปรเมษฐ์โทรมาถามสารทุกข์สุขดิบของลูกเมีย และงานเฝ้าของเขาว่าเรียบร้อยดีไหม พร้อมส่งข่าวมาว่ากำลังจะกลับในวันพรุ่งนี้ทำให้ตื่นเต็มตาได้ไม่ยากทว่าพอวางสายจากเจ้านายหนุ่ม อลันมีความคิดบางอย่างเมื่อเหลือบมองตามบันไดทางขึ้นไปชั้นสองของบ้านสไตล์โมเดิร์นโทนสีเทาอบอุ่นทำไมบ้านเงียบ? พุทราก็ไม่มาเรียกเขาสักคำเพราะนิสัยของปรายลดาเป็นคนช่างห่วง ยังดูแลทุกคนรอบตัวเป็นอย่างดี เขาไม่ลังเลที่จะถือวิสาสะบุกห้องนอนตามหน้าที่ ก้าวขายาว ๆ เหยียบย่องขึ้นบันไดไปชั้นสองมีสามห้องนอน ห้องโถงกลาง และห้องนอนสำหรับเล่นสนุกซุกซนของเจ้านาย ซึ่งคนเป็นเลขาฯ มานานถึงสิบปีต้องรู้ความลับเรื่องรสนิยมทางเพศของปรเมษฐ์เป็นอย่างดี ถึงเจ้าตัวจะเลิกราจากคู่ขาประหลาด ๆ ไปเพราะความรักในตัวลูกเลี้ยงห้องนอน
ใคร ๆ ต่างก็ว่านัชชาเป็นลูกผู้ดีตีนแดงที่มีนิสัยก้าวร้าว เอาแต่ใจตัวเอง รวมไปถึงอลันซึ่งไม่เคยชอบขี้หน้าเธอเลยเหตุการณ์ทั้งหมดมันเริ่มต้นเมื่อนานมาแล้ว เมื่อเด็กสาววัยสิบเอ็ดขวบ แต่งตัวแก่แดดเกินวัย ทาปากแดงเป็นผู้ใหญ่ เปรยคำหนึ่งขึ้นมาลอย ๆ ว่า ‘เด็กเส้น’ ตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มทำงานให้ปรเมษฐ์มันเป็นเรื่องจริงด้วยว่าหนุ่มวัยยี่สิบปีกำลังฝึกงานไป เรียนไป ทางด้านสายงานบริหารฯ ใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในรัฐแคลิฟอร์เนียร์ คงยุ่งรัดตัวและไม่มีประสบการณ์มากพอ ไม่อาจเป็นเลขาฯ ให้เจ้าของรีสอร์ตระดับห้าดาว สถาปนิกหนุ่มคนดังได้ หากไม่ใช่เพราะบารมีของคุณปู่ฝากฝังให้ช่วยงานคนรู้จักกันเด็กน้อยที่มีกริยามารยาทดี มีกาลเทศะรู้ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด“โตขึ้นเยอะนะเรา มาหาพุทรา มีแผนจะพากันไปไหนล่ะ?” เสียงเข้มทัก อลันทำตัวเหมือนเป็นบ้านตัวเอง เพราะมาบ้านเจ้านายอยู่บ่อย ๆ ปรายลดาเอาผ้าเช็ดตัว ผ้านวมมาให้เพื่อนคลายหนาวร่างสั่นเทาจึงรับผ้าขนหนูสีชมพูผืนโตมาเช็ดผมเป็นอย่างแรก โดยไม่ได้สนใจคำถามของเขาเลยสักนิด นัชชาเพิ่งตั้งสติได้ว่าไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่จะต้องหวาดกลัวฝรั่งยักษ์อีกต่อไปชาย
‘หนูสบายดีนะคะ... แม่ไม่ต้องห่วงนะ...’คำพูดผ่านใบหน้าระบายยิ้มจาง ๆ คงส่งไปถึงเถ้ากระดูกของหญิงสาวคนหนึ่งในโกศตรงหน้าวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของแม่ ถึงแม่จะจากเธอไปนานแล้ว ในวัยที่ยังจำความอะไรไม่ได้มาก รอยยิ้มหวาน ๆ ของแม่ยังอยู่ในห้วงความทรงจำมาเสมอ อาจจะเป็นความผิดของแม่ที่หลอกพ่อปองกานต์ เธอกลับไม่เคยคิดว่าแม่เป็นคนผิด และเธอไม่เคยโกรธพ่อพ่อผู้แสนดีของเธอได้ตายจากโลกนี้ไปนานแล้ว เช่นเดียวกันกับพ่อแท้ ๆ ผู้ให้กำเนิดเธอที่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ร่างบางในชุดนักศึกษาผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะหยิบร่มในกระเป๋าสะพายผ้าใบโปรดมากางออก เมื่อเม็ดฝนเริ่มโปรยปรายซึ่งเธอเพิ่งรู้สึกมันได้ไม่นาน เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยหญ้ารกรุงรังบนพื้นที่ก้าวย่ำเหยียบอย่างระวัง ต้องใช้เวลาสักครู่กว่าจะไปถึงที่จอดรถยนต์ ด้านหลังวัดมีโกศรายเรียงอยู่มากมาย คนขับรถประจำตัวกำลังรออยู่ เขาทำหน้ายุ่งมองเธอที่ก้าวขึ้นรถนั่งที่ข้างคนขับ“ฝนตกทำไมไม่เรียกผมล่ะครับ?”“ไม่ได้ตกหนักค่ะ คุณอลัน แค่ปรอย ๆ รถอยู่ใกล้แค่นี้เอง” เหตุผลของเธอพอฟังขึ้นอยู่ หากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้านายกำชับเรื่องบางอย่างไว้“แต่คราวหน้า
Comments