“หรืออาจจะไม่ เพราะเฟรยาบอกว่าตระกูลโจนส์ลำเอียง”“ตกลง ฉันจะตรวจสอบอีกที”ด้วยความหงุดหงิด จากนั้นฌอนจึงโทรหาเฮดลีย์อีกครั้ง “ค้นหาว่าแคทเธอรีนปรากฏตัวครั้งสุดท้ายที่ไหน”หนึ่งชั่วโมงต่อมา เฮดลีย์จึงนำข่าวมารายงานกับเขา“คุณโจนส์ไปที่คฤหาสน์ตระกูลโจนส์เมื่อสามวันที่แล้วครับ หลังจากที่เธอเข้าไปในบ้าน ไม่นาน ตระกูลโจนส์ก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านเก่าที่ตั้งอยู่ในเมืองเพนนิงตัน เธอน่าจะอยู่ที่นั่นครับ”“นายหมายความว่าเธออาจจะถูกขังเอาไว้อย่างนั้นเหรอ?”“มีความเป็นไปได้สูงมากครับ พวกตระกูลโจนส์จะไม่ไปที่นั่น นอกเสียจากไปเคารพบรรพบุรุษ ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่นั้นยังห่างไกลและรกร้างอีกด้วยครับ”ฌอนกำโทรศัพท์ของเขาแน่น “มารับฉัน ฉันจะไปที่นั่นด้วยตัวเอง”...เมื่อพิจารณาดูแล้วเพนนิงตันอยู่ไกลออกไปมาก เฮดลีย์ใช้เวลาขับรถกว่าสามชั่วโมงก่อนจะไปถึงที่นั่นเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วในตอนนั้น เมื่อฌอนลงจากรถเท่านั้น เขาจึงรู้ได้ว่าสถานที่นี้รกร้างจนน่าขนลุก มันถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาและไม่มีแม้แต่แสงสว่างบ้านเก่าหลังนี้เป็นของตระกูลโจนส์ที่สร้างขึ้นในลักษณะการปิดล้อม จากประตูหลัก ดูเหมือนว่าบ้าน
ฌอนพาแคทเธอรีนไปส่งที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเขากำมือแน่นขณะที่รอเธออยู่นอกห้องฉุกเฉิน ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา คุณหมอก็ออกมาจากห้องฉุกเฉินและแจ้งว่า “เธอถูกลักพาตัวมาเหรอครับ? ถ้าพาเธอมาส่งช้ากว่านี้ แม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถจะช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ได้”“เธอไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมครับ?” ฌอนถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ราวกับยกภูเขาออกจากอกของเขาไปแล้ว“ครับผม แต่ระบบการทำของร่างกายของเธอยังไม่เป็นปกตินะครับ นอกจากนี้เธอยังคงมีไข้อยู่บ้าง” หมอขมวดคิ้วขณะที่พูดเสริมขึ้น “เธอขาดน้ำอย่างน้อยสามวัน และอาจจะไม่ได้ทานอาหารมากด้วย ยิ่งไปกว่านั้น อาหารที่เธอทานเข้าไปส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเก็บค้างเป็นเวลานาน อาจจะต้องใช้เวลาครึ่งเดือนในการฟื้นตัว”ไม่เพียงแค่ฌอนที่ตกใจเท่านั้น แม้แต่เฮดลีย์เองก็ยังตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น “พวกโจนส์ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”ใบหน้าอันหล่อเหลาของฌอนนิ่งขรึม “แจ้งพวกนักข่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เพื่อให้ทุกคนได้รู้ธาตุแท้ของพวกตระกูลโจนส์”“รับทราบครับ”...แคทเธอรีนฝันว่าเธอเกือบตายแล้ว อย่างไรก็ตาม เธอได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นจากใครบางคนที่ไม่ยอมปล่อยเธอไปเป็นเพรา
“ดีแล้วที่คุณคิดได้ ผมคิดว่าคุณโง่เสียอีก”ฌอนรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อเห็นว่าแคทเธอรีนผอมจนเหลือแต่กระดูก คำพูดทำร้ายจิตใจจึงหลุดออกจากปากของเขา “ผมไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างสงบเลยตั้งแต่แต่งงานกับคุณ ผมไม่อยากถูกตำรวจสอบสวน ถ้าวันหนึ่งคุณเกิดตายขึ้นมา เข้าใจไหม?”“ฉันจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ” เธอกัดริมฝีปากที่ซีดเผือดเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาอาบแก้มของเธอความผิดหวังถาโถมเข้าใส่เขา เขาไม่อยากจะบ่นเธออีกแล้ว แต่เธอต้องเลิกทำเรื่องผิดพลาดโง่ ๆ แบบนี้“โทรศัพท์ที่ผมซื้อให้คุณอยู่ที่ไหน? ทำไมมันถึงถูกทิ้งเอาไว้ที่คฤหาสน์ตระกูลโจนส์?”“คุณแม่หลอกให้ฉันส่งโทรศัพท์ให้เธอค่ะ”“คุณนี่มันไม่มีสมองจริง ๆ”“คุณพูดถูก นับจากนี้เป็นต้นไป ช่วยเรียกฉันว่าคุณหนูโจนส์ผู้ไร้สมอง”“...”เสียงหัวเราะถูกกลั้นเอาไว้ไม่ให้หลุดออมาจากปากของเชส ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดในห้องพักผู้ป่วยผ่อนคลายลง“พอแล้วฌอน เลิกตอกย้ำเธอสักที ไม่มีใครคาดถึงหรอกว่าต้องเจอกับความโหดร้ายแบบนี้จากครอบครัวผู้ให้กำเนิดตัวเอง”แคทเธอรีนตัวสั่นเทาเมื่อเห็นเช่นนั้น ฌอนก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน “อยู่ให้ห่างจากครอบครัวของคุณเ
อีธานทำหน้าตื่นตกใจ อย่างไรก็ตาม หัวใจของเขากลับเป็นเย็นชาอีกครั้งเมื่อคิดถึงสิ่งที่แคทเธอรีนทำลงไปเขายอมรับว่าเขาเคยรักเธอ ทว่าผู้หญิงคนนี้ไม่สมควรได้รับความเสียสละของเขาอีกต่อไปแล้ว“ลุงจะหาวิธี” เจฟฟี่พูดขึ้น...แคทเธอรีนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเป็นเวลาสามวัน เธอไม่สามารถทนอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไปหลังจากที่ใช้เวลาอยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้มาแล้วเมื่อกลับมาที่เจไดต์ เบย์ เธอรู้สึกแปลกใจที่เห็นว่าเจ้าฟัดจ์น้ำหนักเพิ่มขึ้น เธอคิดว่าปกติแล้วแมวจะเริ่มผอมลงเมื่อไม่มีคนดูแลเป็นอย่างดีหลังจากที่ผ่านไปหลายวันเมื่อฌอนกลับมาที่บ้านในตอนกลางคืน เขาได้ยินเสียงเธอบ่นขณะที่กำลังให้อาหารแมว “ฟัดจ์ แกต้องเลิกกินอาหารเยอะ ๆ แล้วนะ ดูขนาดท้องของแกสิ มันเหมือนกับแกกำลังท้องเลยนะ”มุมปากของเขายกขึ้น ท้องของเจ้าฟัดจ์เริ่มใหญ่ขึ้นจากการตั้งท้องเมื่อเวลาผ่านไป เขาคงจะไม่สามารถเก็บความลับเรื่องนี้เอาไว้ได้นานนักอย่างไรเสีย มันก็ยังดีที่มีบางคนกลับบ้านมาเขาเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ ในขณะที่แคทเธอรีนได้จัดโต๊ะอาหารค่ำไว้เรียบร้อยแล้ว เธอเตรียมอาหารเลิศรสที่ประกอบไปด้วยอาหารจานโปรดของเขาอย่างรวดเ
ก่อนที่แคทเธอรีนจะทันได้พูดจบประโยคของเธอ จู่ ๆ มือใหญ่ก็เอื้อมมาปิดปากของเธอเอาไว้มือของฌอนกลิ่นเหมือนไม้สนแห้ง กลิ่นหอมจาง ๆนี้ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างประหลาดที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น มือของเขาอบอุ่นมาก!“หุบปากไปเลย” ดวงตาของชายคนนั้นเป็นประกายภายใต้เลนส์แว่นตาของเขาเธอเองก็รู้สึกว่าแก้มของเธอเห่อร้อนขึ้นเช่นกัน หลังจากที่เขาเอามือออกแล้ว เธอจึงวางชามข้าวโอ๊ตต้มลงบนโต๊ะ “ฉันพนันได้เลยว่าคุณต้องหิวหลังจากที่ทำงานมาทั้งคืน”เขามองไปที่ข้าวโอ๊ตต้มที่โรยด้วยซินนามอน มันดูน่ารับประทานเป็นอย่างมาก“แคทเธอรีน นี่คุณกำลังพยายามทำให้ผมอ้วนขึ้นใช่ไหม หื้ม?”“ไม่ใช่นะคะ รูปร่างของคุณยังเยี่ยมยอดที่สุดค่ะ” เธอทำหน้ามุ่ย “ฉันไม่สนใจหรอกถึงคุณจะอ้วน บางทีคุณอาจจะเห็นใจฉันขึ้นมาบ้าง ถ้าไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบคุณอีกแล้ว”เขามองไปที่เธอ มุมปากของเขายกขึ้นยิ้มเยาะ “เมินซะเถอะ ผมดูแลผู้หญิงที่เข้าโรงพยาบาลไม่เว้นแต่ละวันไม่ได้หรอก”“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เดี๋ยวฉันจะออกไปทำงานหาเงินเลี้ยงดูคุณเองค่ะ” เธอสัญญา“ผมไม่กล้าไว้ใจคุณหรอก ผมอาจจะตายก่อนที่เกิดเรื่องนั้นขึ้นด้วยซ้ำ”ฌอนคนข้าวโอ๊ตต้
“จำคำสัญญาของคุณเอาไว้ให้ดี” ฌอนกลับไปที่เตียงของเขาอย่างไม่สนใจใยดีเมื่อได้รับอนุญาตจากเขา แคทเธอรีนจึงรีบปูผ้าห่มลงบนพื้นข้างเตียงของเขาทันทีชายคนนั้นสนใจหญิงสาวอยู่ช่วงเวลาสั้น ๆ ทว่าเพียงไม่นานเขาก็ผล็อยหลับไปอย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาเสียงร้องของหญิงสาวก็ปลุกเขาให้ตื่นขึ้น “เปิดประตู... ได้โปรด... ฉันหนาว... มันมืดมาก... ฉันกลัว...”เขาลุกขึ้นจากเตียง แสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาสะท้อนแสงเป็นเงาอยู่บนพื้น หญิงสาวกำลังขดตัวราวกับลูกบอลพลางปิดหูของเธอเอาไว้แน่น ร่างของเธอสั่นสะท้านไปด้วยความ“แคทเธอรีน ตื่น มันเป็นเพียงฝันร้าย” ฌอนก้าวลงจากเตียงเพื่อแกะมือของเธอออกอย่างไรก็ตาม เธอยังถูกดูดกลืนให้อยู่ในฝันร้าย ใบหน้าที่ฉายความหวาดกลัวออกมาขาวซีดราวกับกระดาษเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาดึงเธอเข้าไปปะทะกับแผ่นอกพลางลูบหลังของเธออย่างแผ่วเบา“ไม่เป็นไรแล้วนะ ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว”เสียงของผู้ชายคนนั้นทำให้หญิงสาวสงบลง ร่างกายที่เกร็งขนัดของเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายลงอย่างช้า ๆ ใบหน้าเรียวของเธอซบลงกับแผ่นอกแกร่งของเขา เรือนผมสีเข้มเป็นมันเงาของเธอตกลงที่ไหล่บาง โดยมีลูกผมระอยู
“พอแล้วค่ะ คุณสามารถต่อว่าฉันได้ แต่ไม่ใช่กับผู้หญิงทุกคนนะคะ” “เป็นผมแล้วอย่างไร?” ฌอนถามกลับพลางมองแคทเธอรีนด้วยสายตาดูถูก“คุณ...” ด้วยความอึดอัดใจ เธอพุ่งไปข้างหน้าแล้วโอบรัดรอบคอของเขาเอาไว้เขาตกใจจริง ๆ กับการกระทำที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนี้ของเธอนี่ผู้หญิงคนนี้กำลังพยายามจะบังคับให้เขาจูบหรือเปล่า? ภาพริมฝีปากอวบอิ่มนุ่มนิ่มของเธอผุดขึ้นในความคิดของเขา เขาสองจิตสองใจอยู่สองสามวินาที ก่อนที่เขาจะรู้สึกเจ็บที่แก้มของเขาขึ้นมาทันทีเธอเพิ่งกัดเขาเขาผลักเธออย่างแรง ขณะที่มือของเขาปิดบริเวณที่โดนเธอกัดนี่เธอเป็นหมาหรืออย่างไร? มันโคตรเจ็บเลยนะ“คุณกล้าดีอย่างไรแคทเธอรีน? อย่าคิดนะว่าผมจะไม่เอาคืนคุณเรื่องนี้นะ”ดวงตาของชายคนนั้นเหมือนเปลวไฟที่ลุกโชน แคทเธอรีนหัวเราะจนตัวสั่นไปหมดเมื่อเธอรู้ว่าสิ่งที่เธอทำไปก่อนหน้านี้น่าหัวเราะแค่ไหน“เอ่อ... ฉันอธิบายเรื่องนี้ได้นะคะ มันเป็นเพราะ...ฉันรักคุณมากอย่างไรล่ะคะ” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกินจริง “คุณไม่เคยเห็นในภาพยนตร์มาก่อนเหรอคะ? นางเอกชอบกัดผู้ชายที่เธอรักมาก ฉันแค่ลองฝากรอยประทับเอาไว้ที่แก้มของคุณแค่นั้นเองค่ะ”ฌอนก้าวไปข้า
เชสทำให้โจทก์ผ่อนคลายลงด้วยการเลี้ยงกาแฟ “ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ความแปลกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฌอน“ไม่เอาน่า วันนี้ฉันมีคดีความในห้องพิจารณาคดี 2 นายสนใจฉันบ้างไหมเนี่ย?” เชสบ่นออกมา “เออนี่ ทำไมนายถึงสวมหน้ากากมาล่ะ? นายป่วยเหรอ?”“...”ฌอนไม่ได้ตอบอะไรกลับไป“เอ่อ มันก็ดีนะที่นายนึกถึงคนอื่นแล้วสวมหน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส ฌอน นายเป็นคนรอบคอบขึ้นมากตั้งแต่ย้ายมาที่เมลเบิร์น” เชสชื่นชมเขาสิบนาทีต่อมา การพิจารณาคดีกำลังจะเริ่มขึ้น กาแฟแทบจะพุ่งออกมาจากปากของเชสเมื่อฌอนถอดหน้ากากออกและเผยให้เห็นรอยฟันที่อยู่บนแก้มของเขา“เกิดอะไรขึ้นกับนาย...”“โดนหมากัดมา” ฌอนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่เจือด้วยความข่มขู่ เขาก้าวยาว ๆ ไปยังห้องพิจารณาคดีเชสหัวเราะออกมาเสียงดัง นี่ฌอนคิดว่าจะหลอกเขาได้อย่างนั้นเหรอ? เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนั้นถูกภรรยากัดมาไม่ใช่ทุกวันที่เขาจะได้เห็นฌอนรู้สึกอับอายแบบนี้มาก่อน เขาต้องแอบถ่ายรูปนั้นเก็บเอาไว้เป็นความลับเพื่อแบ่งปันลงในกลุ่มแชท...แคทเธอรีนพักอยู่ที่บ้านเป็นเวลาหลายวัน เพื่อรอให้รอยฟันหายไปก่อนที่จะออกไปหางานใหม่แต่กลับกลา