ฉินเป่ยลูบไปที่มือของอวี่เจียวหรงเบา ๆ พูดด้วยความปลอบโยน “อย่ากังวลใจไปเลย ให้ฉันจัดการเอง!”พูดจบ ฉินเป่ยก็สวมกอดอวี่เจียงหรงที่ด้านหลัง สายตาที่มุ่งไปทางหลี่อวี่ฉี พูดเน้นทุกน้ำเสียง “คุณป้า ผมชื่อฉินเป่ย ขอโทษอย่างมากที่ใช้สถานที่นี้และวิธีอย่างนี้มาเจอกับคุณ!”“การทำอย่างนี้ผมรู้ว่าไม่ถูกต้อง ผมขอโทษคุณแต่ผมกับหลงเอ๋อร์ได้หมั้นหมายกันแล้ว เราทั้งสองได้ตกลงกันและกันแล้ว ผมหวังว่าคุณจะเห็นด้วย ถึงเรื่องสินสอดคุณบอกตัวเลขได้เลย เท่าไรผมก็ให้ได้!”พูดกันตามมารยาท ถึงอย่างไรก็เป็นแม่ของอวี่เจียวหรง ฉินเป่ยไม่อยากทำให้อวี่เจียวหรงต้องลำบากใจ ไม่อย่างนั้นคงต้องอิงคำพูดของเธอเมื่อครู่ ตอนนี้เธอได้เป็นร่างที่ไร้วิญญาณแล้ว”พอได้ยินคำพูดของฉินเป่ย หลี่อวี่ฉีก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น แม้แต่จะมองเขาสักนิดยังไม่มีแต่หันไปโยนเงินสดนั่นทิ้ง พูดด้วยน้ำเสียงรวดร้าว “ฉันไม่สนว่าคุณเป็นใคร คุณไม่มีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉัน เอาเงินบ้า ๆ พวกนี้ไปซะและอย่าได้มาอยู่ข้างกายลูกสาวของฉันอีก!”“มิเช่นนั้นตาย!”“แม่ ฉันไม่อนุญาตให้แม่ดูถูกฉินเป่ยอย่างนี้ ชีวิตนี้ของหนูจะแต่งแค่กับเขาคนเดียวเท่านั้น!”บนตัว
จ้าวเทียนจี๋ และคนอื่น ๆ หน้าตาดูย่ำแย่มาก!เมื่อกี้พวกเขาหยิ่งผยองมากเท่าไร ตอนนี้เขาก็เจ็บหน้ามากเท่านั้น!โดยเฉพาะหลี่อวี่ฉี เธอจ้องมองไปที่อันหนิงแล้วพูดว่า “ยัยเด็กน้อย เธอนี่กล้าหาญไม่เบาเลยนะ หากทำให้นายน้อยจ้าวขุ่นเคือง เธอมีกี่หัวให้ตัดกันล่ะ!”“เธอคิดว่าที่เธอทำไปก็เพื่อลูกสาวของฉันเหรอ เธอคิดผิดแล้ว เธอกำลังทำร้ายเธอ เธอนี่มันเลวทรามจริง ๆ!”“คุณชายจ้าว ฉันตัดสินใจแล้วว่าคุณจะเป็นลูกเขยของฉัน ต่อให้ราชาแห่งสวรรค์มาที่นี่ก็เปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ไม่ได้!”หลังจากได้ยินคำพูดของหลี่อวี่ฉี สีหน้าของจ้าวเทียนจี๋ก็ดีขึ้นมาก เขามองไปที่ฉินเป่ยซึ่งยังคงรักษาหยางโหวเซิ่งอยู่ด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไอ้เปี๊ยก กูก็นึกว่ามึงจะมีความสามารถอะไรซะอีก ที่แท้ก็ทำได้แค่หลบอยู่หลังผู้หญิง!”“มึงกล้ามาสู้กับกูไหมล่ะ ถ้ากูแพ้ กูสัญญาเลยว่าจะไม่รบกวนเจียวหรงนับจากนี้ แต่ถ้ามึงแพ้ มึงต้องคุกเข่าลงและประกาศว่ามึงเป็นแค่สวะและไม่คู่ควรกับเจียวหรง!”จ้าวเทียนจี๋กำลังสังเกตฉินเป่ยและไม่รู้สึกถึงความผันผวนของรัศมีนักรบในร่างกายของเขา ดังนั้นเขาจึงสรุปว่าฉินเป่ยเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น!“ค
อวี่เจียวหรงคนนี้ช่างดูผู้ชายไม่ผิดไปเลยจริง ๆ !แม้ว่าเธอจะไม่เคยรู้สึกถึงลมปราณจอมยุทธจากฉินเป่ยตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางความหลงใหลผู้หญิงคนหนึ่งอย่างอวี่เจียวหรง เธอมองดูฉินเป่ยอย่างหลงใหลราวกับว่าหัวใจของเธออาบไปด้วยน้ำผึ้ง!“เป็นไปได้ยังไง?”“นี่แกไอ้เปี๊ยก แกเป็นจอมยุทธ์เหรอ? แกเป็นระดับฝึกตนไหนกันแน่?”“รนหาที่ตาย ปล่อยนายน้อยตระกูลเราไปเดี๋ยวนี้!”ผู้คุ้มกันของตระกูลจ้าวรีบวิ่งเข้ามาทีละคน แต่พวกเขาก็หยุดอยู่กับที่เพราะหวาดกลัวกับคำพูดของฉินเป่ย“ถ้าคุณไม่ต้องการให้นายน้อยของคุณพิการ ก็อย่าขยับ!”หลังจากพูดพูดจบ ฉินเป่ยก็ตบหน้าจ้าวเทียนจี๋“ตระกูลจ้าวของคุณแข็งแกร่งและยอดเยี่ยมมากเลยเหรอ?” “ตระกูลจ้าว ของคุณร่ำรวยก็เลยมีอำนาจมากเหรอ? แค่เงินหนึ่งหมื่นล้านที่ผมสกุลฉินคนนี้ต้องการก็จ่ายไม่ไหวแล้วเหรอ คุณมีสิทธิ์อะไรมาโอ้อวดตนเบื้องหน้าผมอย่างนั้นเหรอ?”ผัวะ!ฉินเป่ยตบหน้าจ้าวเทียนจี๋อีกหลายครั้ง จากนั้นก็เดินไปหาหลี่อวี่ฉีซึ่งหน้าซีดด้วยความตกใจอยู่แล้วหยิบบัตรธนาคารออกมาแล้วยื่นให้เธอพร้อมกับพูดว่า “บัตรธนาคารใบนี้มีเงินหมื่นล้านพอดี เอาไปช่วยให้ตระกูลอวี่ข้ามผ่า
“เหล่าจาง นี่คุณทำร้ายผมได้เหรอเนี่ย คุณนี่เจ๋งจริง ๆ !”แม้คำพูดนี้จะมิได้ผิดเพี้ยนอะไร แต่กลับชวนให้คนฟังนึกอยากกำหมัดชกคนตรงหน้าขึ้นมาเสียได้ในเวลานี้เอง เหล่าจางเหม่อมองฉินเป่ยด้วยความตื่นตะลึง แม้แต่จ้าวเทียนจี๋ที่อยู่ข้าง ๆ และบรรดาบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ก็พากันออกอาการงุนงงท่ามกลางความเงียบที่ก่อตัวขึ้นชั่วขณะ จนผ่านไปชั่วครู่จึงได้ยินเสียงเหล่าจางเอ่ยขึ้นอย่างบ้าคลั่ง “แก... นี่แกรับหมัดของฉันได้ยังไงกัน ระดับบำเพ็ญของแกคืออะไรกันแน่”“หรือว่าแกต่อสู้ข้ามระดับได้”เมื่อนึกถึงจุดนี้ ร่างของเหล่าจางก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที ในวิถียุทธแห่งนี้มีปีศาจบางคนที่สามารถต่อสู้ข้ามระดับได้อยู่จริง ข้ามได้กระทั่งระดับพลังที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวหากฉินเป่ยที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ได้ปกปิดระดับพลังของตนเอง ก็แปลว่าเขาคือยอดปีศาจของเหล่าปีศาจอย่างนั้นหรือ !เหล่าจางมองความเป็นไปได้ในข้อนี้มากกว่าจนทำให้เขานึกเกรงกลัวขึ้นมาเสียแล้ว ส่วนจ้าวเทียนจี๋เองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้เช่นกันจนทั้งสองคนต่างก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา นั่นก็คือไม่อาจเก็บฉินเป่ยไว้ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นจะเป็นภัยต่อตนเองในวัน
ยังมีใครที่ไม่ยอมอีก ก้าวออกมาได้เลย !น้ำเสียงของฉินเป่ยยังคงราบเรียบดังเคย หากแต่คราวนี้กลับไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาแม้เพียงนิดเดียวเพราะพวกเขาทุกคนต่างก็รับรู้ได้ถึงความกดดันอันน่ากลัวที่ผิดแผกไปจากปกติของชายหนุ่ม กดพวกเขาเสียจนแทบจะหายใจไม่ออกโจวเทียนเป่ยและหวังเป่ยซานคุกเข่าลงกับพื้น พยายามที่จะเงยหน้าขึ้น แต่กลับไม่กล้าจ้องตาฉินเป่ยโดยตรง ลึก ๆ ในใจชายหนุ่มทั้งสองแทบคลั่ง เมื่อฉินเป่ยดูคล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไอสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวของชายหนุ่มทำให้พวกเขาหวาดกลัว !“ดูท่าแล้วพวกคุณดูไม่ค่อยอยากยอมเลยนะ ก็ได้ ผมจะให้โอกาสพวกคุณ โทรไปเรียกคนมาช่วยได้เลย”“เรียกคนที่ฝีมือดีที่สุดของพวกคุณมาซะ !”ฉินเป่ยมองไปยังผู้คนที่อยู่โดยรอบ แม้สวะพวกนี้ไม่อาจทำให้เขานึกกลัวเกรงขึ้นมาได้ แต่ก็ทำให้เขานึกขยะแขยงไม่ต่างจากตอนที่เห็นคางคกจนทำให้เขาหงุดหงิด จนตัดสินใจว่าคืนนี้จะต้องจัดการให้จบสิ้นในคราเดียว !โจวเทียนเป่ยกัดฟันกรอดแต่กลับไม่เอ่ยออกมาแม้เพียงคำเดียว คนที่เขาพึ่งพามากที่สุดก็คือจ้าวเทียนเจ๋อ ทว่า เวลานี้แม้แต่จ้าวเทียนเทียนจี๋ก็คุกเข่าลง แล้วเขาจะยังเหลือใครให้พึ่งพาได้ส่ว
เพียงนึกถึงอวี้เจียวหรง ไฟแค้นในใจของชายหนุ่มก็ลุกโชนจนยากที่จะควบคุมไว้ได้อยู่ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงท่าทีที่สนิทสนมระหว่างอวี้เจียวหรงและฉินเป่ย เขาก็แค้นเสียจนอยากหั่นฉินเป่ยออกเป็นพันเป็นหมื่นชิ้นเพียงครู่เดียว รถทุกคนก็มุ่งกลับสู่เมืองหยางตูทันทีในเช้าวันรุ่งขึ้น ฉินเป่ยลืมตาขึ้นแล้วพบว่าข้างกายมีอวี้เจียวหรงและหลินชิงเสียนอนทับแขนทั้งสองข้างของเขาอยู่คนละฝั่ง หญิงสาวทั้งสองคนต่างก็นอนหลับสนิทตอนนี้เองที่ชายหนุ่มเพิ่งรู้สึกได้ว่าแขนทั้งสองข้างนั้นปวดระบมไปเสียหมด เมื่อพิจารณาดูให้ดีแล้วก็พบว่าอวี้เจียวหรงกับหลินชิวเสียยังนอนน้ำลายยืดอีก เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับทำสีหน้าไม่ถูกเขาจำได้ว่าเมื่อคืนนี้ตอนที่กลับมาก็เห็นว่าอวี้เจียวหรงหลับไปแล้ว เขาจึงไปที่ห้องของหลินชิวเสียเพื่อฝังเข็มแทนหญิงสาวจากนั้นเขาก็นอนที่อีกห้องหนึ่งเพียงลำพัง แต่บัดนี้ชายหนุ่มไม่อาจรู้ได้เลยว่าตนเองมานอนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร มิหนำซ้ำยังนอนอยู่กับอวี้เจียวหรงและหลินชิวเสียด้วยเสียอีกครั้นเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจของหญิงสาวทั้งสองคนที่กำลังหลับพริ้ม สมองของฉินเป่ยก็สั่งการให้นิ่งสงบลงทันที ชายหนุ่มค่อย ๆ ดึงแขนท
“เร็วสิ คุณยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่าน่ะ”“ฉันเป็นฝ่ายรุกขนาดนี้แล้ว คุณก็เลิกชักช้าลีลาสักทีได้ไหม!”พอเห็นฉินเป่ยนิ่งอยู่กับที่ หญิงสาวก็โกรธขึ้นมาทันทีฉินเป่ยสงบจิตสงบใจในทันที ชายหนุ่มรีบเดินเข้าไปคว้าเสื้อของเธอคลุมตัวคนรักเอาไว้พลางเอ่ย “หรงเอ่อร์ คุณอย่าทำแบบนี้เลย คุณมีอะไรปิดบังผมอยู่หรือเปล่า”“เปล่านี่คะ ในเมื่อคุณไม่รุกงั้นเดี๋ยวฉันจัดเอง นอนลงสิ”อวี่เจียวหรงผลักฉินเป่ยลงอย่างเด็ดเดี่ยวและนั่งคร่อมบนตัวของชายหนุ่ม ส่งผลให้ฉินเป่ยนึกตกใจจนทำตัวไม่ถูก ในเวลานี้เองที่ริมฝีปากอันหอมหวนของอวี่เจียวหรงถูกประทับลงบนริมฝีปากของเขา ด้วยความรียร้อน ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงนวดคลึงบริเวณหลังคอของเธอเบา ๆเพียงครู่เดียว อวี่เจียวหรงก็หมดสติล้มลงบนตัวของชายหนุ่มในที่สุดฉินเป่ยก็ถอนหายใจออกมาได้ด้วยความโล่งอก เมื่อครู่นี้เขาแทบจะยั้งใจไว้ไม่ได้แล้ว แต่เพราะชายหนุ่มรู้สึกว่าคนรักของเขามีบางอย่างที่ผิดแปลกจากปกติ เพราะครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายจู่โจมอย่างดุเดือดมากเกินไปเมื่อขบคิดเรื่องนี้แล้ว ฉินเป่ยก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาแล้วโทรไปหาเลขหมายหนึ่ง“บอกมาซะ นายจะส่งเมียฉันไปที่ไหนก
ฉินเป่ยผงะไปในทันที !เหล่าสมาชิกของกองกำลังหงส์ไฟเองก็มองไปที่อวี่เจียวหรงด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่อยากเชื่อ“ทุกคน กลับหันหลัง วิ่งออกไป!”อวี่เจียวหรงออกคำสั่งโดยตรง กองกำลังหงส์ไฟจึงออกวิ่ง เมื่อเห็นไอสังหารของหญิงสาวมีหรือที่ฉินเป่ยจะกล้าลังเล เขาจุมพิตคนรักในทันที !…หนึ่งนาทีต่อมา อวี่เจียวหรงก็กระโดดขึ้นไปในอากาศ คว้าเชือกที่เฮลิคอปเตอร์ปล่อยลงมาแล้วจากไปเดิมทีฉินเป่ยต้องการจะไปกับเธอเพื่อบอกลาอันหนิง แต่หญิงสาวบอกว่าไม่ทันการเสียแล้ว ไว้เธอจะเป็นคนโทรหาอันหนิงเองฉินเป่ยมองดูเฮลิคอปเตอร์หายลับตาไปในตอนกลางคืน เขาไม่เคยคิดฝันว่า การเดินทางไปของอวี่เจียวหรงครั้งนี้อาจทำให้เขาเสี่ยงต่อการสูญเสียเธอไปในเวลานี้เองที่โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นมา จู่ๆ ก็มีข้อความจากศิษย์ของเขาพร้อมข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับเขตทะเลกุ่ยไห่และเกาะแห่งนั้นที่จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นหลังการอ่านอย่างรวดเร็ว ฉินเป่ยก็ตระหนักว่ายังมีอีกหลายสิบดินแดนที่กำลังให้ความสนใจกับเกาะนั้นอยู่ก่อนแล้ว และต่างก็กำลังส่งยอดฝีมือของตนเดินทางไปยังเกาะนี้“การเดินทางของหรงเอ่อร์ในครั้งนี้อาจจะอันตรายกว่าที่คิด”ฉินเป่ย