"พี่สะใภ้ พี่อยากกินอะไรที่อร่อยไหม?""คุณจะเลี้ยงเหรอ?" ทัง โรลชูว ถามคำถามกลับเซิน โมเฟย หยุดชั่วขณะก่อนที่จะพูดว่า "ใช่"ทัง โรลชูว หันมาและยิ้มให้ ลู ชินจิน "ฉันอยากกินอาหารแบบส่วนตัวที่บ้านน่ะ"...ณ สวนไผ่...ที่นี่เป็นร้านอาหารสไตล์โบราณที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความโบราณ มันแตกต่างอย่างมากกับถนนที่แออัดในบริเวณโดยรอบ ภายในร้านเงียบและสงบเป็นพิเศษ"ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้เลย ว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ในเมือง"มันเป็นเหมือนประสบการณ์ใหม่สำหรับ ทัง โรลชูว เธอรู้สึกประหลาดใจในตอนที่เห็นร้านนี้เป็นครั้งแรก“พี่สะใภ้ มันเป็นเรื่องปกติที่คุณจะไม่รู้ เพราะที่นี่มีแค่คนจากสี่ตระกูลใหญ่เท่านั้นที่มาได้”“เฉพาะคนที่อยู่ในสี่ตระกูลใหญ่เท่านั้นที่มาที่นี่ได้?” ทัง โรลชูว เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจและหันไปมอง ลู ชินจิน ด้วยสายตาที่สับสนคนหลังพยักหน้าเล็กน้อย “ร้านอาหารนี้เปิดโดยพี่สาวคนโตของ ชู หยวน และให้บริการเฉพาะสี่ตระกูลใหญ่เท่านั้น”ทัง โรลชูว พยักหน้า “แล้วทำไม...แล้วทำไม โมเฟยถึงเข้ามาได้ล่ะ?”“เพราะฉันหล่อ!”เซิน โมเฟย ให้คำตอบที่ดูหลงตัวเองมากทัง โรลชูว หัวเราะให้เขา จากนั้น
ทัง โรลชูว ค่อย ๆ นั่งลง และสังเกตไปทั่วทั้งห้องเล็ก ๆ นี้ มันเป็นสไตล์เดียวกับห้องโถงชั้นล่างที่ตกแต่งอย่างดั้งเดิมและเงียบสงบในเวลานี้รูปถ่ายที่แขวนอยู่บนผนังกำลังดึงดูดความสนใจของเธอเป็นอย่างมากเธอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ เธอก็เห็นได้ว่ามันเป็นภาพหมู่"นี่..." ทัง โรลชูว นับได้เจ็ดคนในรูปถ่ายนั้น พวกเขาทั้งหมดอยู่ในช่วงเด็ก ซึ่งดูเด็กมากเธอดูภาพถ่ายอย่างละเอียดก่อนจะหันหน้าไปมอง ลู ชินจิน และถามว่า "นี่คือรูปถ่ายของคุณหรือเปล่าคะ?""ใช่" ลู ชินจิน พยักหน้าเล็กน้อยเธอเลิกคิ้วและถามอีกครั้ง "ผู้หญิงคนสวยที่อยู่ตรงกลาง เป็นเจ้าของร้านอาหารนี้งั้นเหรอ?"ลู ชินจิน ไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มของเขาได้ "คุณรู้ได้ไง?"“นั่นเป็นเพราะเธอแก่กว่าคุณอย่างเห็นได้ชัด”“พี่สะใภ้ รู้ไหมว่าคนไหนคือพี่ชายของผม?” เซิน โมเฟย ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น"แน่นอน!" ทัง โรลชูว ชี้ไปที่เด็กชายที่อยู่ทางซ้ายสุด "ทุกคนในรูปถ่ายยิ้มกันหมด ใครจะมีท่าทางที่เย็นชาแบบเขาคนนี้ได้ล่ะ?”"ฉันไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมเขาต้องทำตัวนิ่ง ๆ เวลาถ่ายรูปด้วย" สีหน้าของ ทัง โรลชูว เต็มไปด้วยความขัดแย้ง สงสัย เธออดไม่ได้ที่จะจินตนา
ทัง โรลชูว เห็น เซิน โมเฟย ที่กำลังหดหู่อยู่ เธอกลั้นหัวเราะไม่อยู่แล้วเผลอหัวเราะออกมาชู เซีย ขมวดคิ้ว “ฉันพูดอะไรตลก ๆ เหรอ?”ทัง โรลชูว เงยหน้าขึ้นมองเธอก่อนจะยิ้มเจื่อน "ไม่ ไม่""เธอเป็นภรรยาของชินจินใช่ไหม?" ชู เซีย ถาม"ค่ะ"ทัง โรลชูว ไม่ได้ตั้งตัว เธอรู้สึกว่าคนสวยคนนี้ กำลังกดดันเธอนิดหน่อย ซึ่งทำให้เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อยชู เซีย เลิกคิ้วและหันไปมอง ลู ชินจิน “ลุงลู รู้เรื่องนี้ไหม?”ลู ชินจิน หลับตาลงเล็กน้อย ความรู้สึกเย็นเยียบกระพริบไปทั่วดวงตาของเขา “นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ”ทัง โรลชูว รู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบ ๆ ตัวของเขาเขาเริ่มสั่นคลอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ชู เซีย พูดถึง "ลุงลู"จากปากของ ลู เซียวเหยา เธอได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ของตระกูลลู เธอรู้ว่าในขณะที่ครอบครัวชนชั้นสูงที่ดูหรูหราสำหรับคนอื่น ๆ แต่ก็มีความเน่าเฟะซ่อนอยู่ภายในเธอเชื่อว่า เขาต้องเกลียดพ่อของเขาเองแน่ ๆเช่นเดียวกันกับเธอเธอจับมือเขาอย่างช่วยไม่ได้ เขาหันกลับไปมองเธอด้วยความประหลาดใจเธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน นัยน์ตาของเขามีแต่ความห่วงใย และเข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ความรักปะทุขึ้นภายในร
เพราะพวกเขาดื่มแอลกอฮอล์ ลู ชินจิน เลยเรียกคนขับรถของเขามา เขานั่งที่เบาะหลังกับ ทัง โรลชูวพอขึ้นรถ เขาก็นอนลงในทันที เมื่อเห็นเช่นนั้น ทัง โรลชูว ถามด้วยความกังวล "คุณไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะ?"ลู ชินจิน หันศีรษะไปเพื่อมองหน้าเธอ “เปล่า ผมแค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”ในช่วงเวลานี้เขาไม่เพียงแต่ต้องจัดการกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ธันเดอร์โบลท์ เอนเตอร์เทรนเมนต์ กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังต้องเกี่ยวข้องกับธุรกิจของตระกูลลู ด้วย เขาคงเหนื่อยเล็กน้อย เพราะต้องจัดการหลายเรื่องดูเหมือนเขาจะเหนื่อยมาก ทัง โรลชูว เห็นอย่างนั้นแล้ว จึงหันไปนวดขมับของเขาด้วยความเป็นห่วงสายตาของ ลู ชินจิน จ้องมองใบหน้าสวยงามของเธอที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน"พักผ่อนเถอะค่ะ เมื่อถึงบ้านฉันจะปลุกคุณเอง"ทัง โรลชูว พูดเบา ๆ ในขณะที่เธอขยับปลายนิ้วช้า ๆ และเบา ๆ ราวกับว่าเธอกำลังบรรเลงเพลงที่ชวนให้หลงใหล ซึ่งสามารถทำให้คนอื่นเข้านอนได้เขาจะแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเธอเท่านั้นความเหนื่อยล้าคืบคลานเข้ามาอย่างช้า ๆ เขามองเห็นใบหน้าของเธอไม่ค่อยชัดและค่อย ๆ เบลอไปในที่สุด เขาหลับไปแล้วทัง โรลชูว ขอให้คนขับรถขับช้าลง
ตำรวจอธิบายกับเขาแบบนั้น เมื่อ เซิน โมเฟย ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ทำให้ตาของเขาเปิดกว้างและตื่นเต็มที่ในเวลานี้ หลังจากครุ่นคิดสักพักเขาก็ค่อย ๆ เปิดปาก "ทำไมคุณต้องให้เธออยู่ที่นี่ในเมื่อยังไม่รู้เลยว่าเธอบาดเจ็บขนาดไหน?”ตำรวจพลิกเปิดบันทึกบนโต๊ะและทวนคำข้างใน "นางสาวหยางผู้เป็นเหยื่อบอกว่า เธอกำลังมีปากเสียงกับนางสาวซอง และด้วยความโกรธนางสาวซองจึงเขวี้ยงจานใส่เธอจนหัวแตก"“หัวแตก?” เซิน โมเฟย หัวเราะและดวงตาของเขามีแต่ความเย้ยหยัน “หัวเธอแตกนี่คำให้การของเธอชัดเจนแค่ไหน? เธอคงไม่ได้สติแตกอยู่ใช่ไหม?”นายตำรวจยิ้มเจื่อน "คุณหยางอะไรนั่นก็แค่มีรอยที่หัวและเลือดออก"เธออยากจะฟ้อง เพราะบาดเจ็บแค่นี้?!เซิน โมเฟย พบว่าสถานการณ์นี้น่าตลกมาก เซิน โมเฟย หันหน้าไปตรวจสอบร่างเพรียวบางที่นั่งอยู่ไม่ไกล เธอจ้องมองตรงไปข้างหน้าอย่างไร้ความรู้สึก ดวงตาของเธอจ้องมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่าโดยไม่มีการโฟกัสใด ๆความเศร้าของเธอ ทำให้คนที่อยู่ข้าง ๆ เธอสัมผัสได้ถึงความหดหู่ทำไมภรรยาพี่เขาถึงมีเพื่อนสนิทอย่างเธอได้นะเซิน โมเฟย เม้มริมฝีปากและอธิบายให้ตำรวจฟัง "ผมจะประกันต
ก่อนที่จะไปทำงาน ทัง โรลชูว โทรหา ซอง อันยี เธออยากจะไปหา อันยี ก่อนไปทำงานแต่ก็ติดต่อเธอไม่ได้เลย เธอรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เธอกังวลว่าอันยีจะทำอะไรโง่ ๆหลังจากคิดได้สักพัก เธอก็ตัดสินใจโทรไปที่หมายเลขของ เซิน โมเฟย"หมายเลขที่คุณเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้…”"ทำไมทั้งสองคนถึงไม่สามารถติดต่อได้"ลู ชินจิน เดินลงมาจากชั้นบน เมื่อเห็นภรรยาของเขาจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ของเธออย่างกระวนกระวาย เขาก็ขมวดคิ้วและเดินไปถามเธอเบา ๆ ว่า "เกิดอะไรขึ้น?"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทัง โรลชูว ก็เงยหน้าขึ้น เธอกล่าวอย่างเคร่งขรึม "โมเฟยและอันยี ไม่สามารถติดต่อได้""เขาทั้งคู่?" เขาคิดว่า "ทำไมมันบังเอิญขนาดนี้""ใช่" ทัง โรลชูว พยักหน้า มีความกังวลเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าของเธอ “ฉันกังวลว่าอันยีจะทำอะไรโง่ ๆ”“เธอไม่ใช่คนที่บอบบาง และอ่อนแอขนาดนั้นหรอก” ลู ชินจิน ยิ้มให้เพื่อให้เธอสบายใจ "ไปทำงานก่อนเถอะ ผมจะขอให้ มู หลิง ตรวจสอบที่อยู่ของโมเฟย บางทีโมเฟยอาจเป็นห่วงเธอ และพาเธอกลับบ้านไปด้วย"ทัง โรลชูว คิดถึงความเป็นไปได้ เธอจึงพยักหน้า "ได้โปรด ขอให้ มู หลิง ช่วยตรวจสอบเร็ว ๆ ด้วยนะ"“ได้เลย
ทัง โรลชูว ยิ้มเมื่อเธอพูดเสร็จ ดวงตาของเธอเย็นชาราวกับหิมะในเดือนธันวาคมผู้หญิงเหล่านั้นที่ล้อมรอบ ลู เส้าหลิน รู้สึกรำคาญกับการดูถูกของเธอในทันทีพวกเขาเดินไปหา ทัง โรลชูว ทีละคน "ทัง โรลชูว เธอหมายความว่าไง?""ทัง โรลชูว อย่าคิดว่าเธอจะทำอะไรก็ได้เพียงเพราะซีอีโอชอบเธอ!""เกือบลืมไปเลยว่าผู้หญิงที่เดทกับคู่หมั้นของพี่สาวเธอเป็นใคร เธอกล้าพูดได้ยังไงว่าคนอื่นหยิ่งและฝันกลางวัน ช่างกล้าจริง ๆ!""...”พวกเขาพูดทีละคน ทัง โรลชูว ยิ้มอย่างใจเย็นและไม่แสดงอาการโกรธอะไรทั้งนั้น "เธอ..."ซอง อันยี โกรธเกรี้ยวแตกต่างจาก ทัง โรล ชูวที่สงบทัง โรลชู ตบไหล่ของเธอ และขอให้เธอใจเย็น ๆเมื่อเธอเห็นความสงบของโรลชูว ความโกรธที่ร้อนแรงของ ซอง อันยี ก็ค่อย ๆ หายไปนั่นเป็นเพราะเธอรู้ว่าโรลชูว จะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงที่เสียงดังเหล่านั้นได้หลุดมือไปง่ายๆ อันที่จริง ทัง โรลชูว คว้าถ้วยน้ำชาบนโต๊ะและสาดไปที่ ลู เส้าหลิน และผู้หญิงคนอื่น ๆ“กรี๊ดด!”ทันใดนั้นในห้องทำงานขนาดใหญ่ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น “น่าเสียดายที่นี่เป็นเพียงถ้วย ไม่ใช่ถังขยะ!”ทัง โรลชูว จ้องไปที่ถ้วยน้ำชาที่เธอถือ แล
"โรลชูว แกว่าไหม ผู้จัดการของเราเป็นคนดีจริง ๆ"หลังจากพวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ ซอง อันยี ก็พูดขึ้นมา ลู เส้าหลิน ต้องการใส่ร้ายและทำร้ายโรลชูวหลายครั้งก่อนหน้านี้ ถ้าผู้จัดการของพวกเขาโง่เหมือน ลู เส้าหลิน โรลชูวก็คงจะออกจากบริษัทข่าวบันเทิงไทม์ไปแล้ว“หลี่ น่า สวยดีนะ” ทัง โรลชูว รู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของ หลี่ น่าเธอควรถือโอกาสบอกให้ โมเฟย โปรโมท หลี่ น่า“เธอจะพาฉันไปไหน?” ซอง อันยี มองออกไปนอกหน้าต่างรถและถาม"โรงพยาบาล"“โรงพยาบาล?” ซอง อันยี ร้องเสียงดัง แต่เธอเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น “เพื่อไปเยี่ยม หยาง เฉียนเฉียน งั้นเหรอ?”"ใช่ เสี่ยวเซียว ก็ไปเหมือนกัน เราจะไปเจอกันที่หน้าโรงพยาบาล"ซอง อันยี รู้ว่าพวกเธอกำลังจะไปแก้แค้นให้เธอ น้ำตาจึงเอ่อคลอในดวงตาของเธอ ขณะที่จมูกของเธอเริ่มมีน้ำมูก"ขอบใจนะ" เธอสะอื้นเมื่อเห็นว่าดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง ทัง โรลชูว ก็อยากจะร้องไห้เช่นกัน เธอพยายามห้ามมันไว้"เราเป็นเพื่อนกันนี่นา เสี่ยวเซียว และฉัน จะทนได้ไง เมื่อแกถูกรังแก"ทัง โรลชูว เช็ดน้ำตาออกจากแก้มของเพื่อน และแนะนำเธอ "อย่าร้องไห้ต่อหน้าคนพวกนั้น เราต้องเข้ม