ลูเซียร์เดินตามแรงจูงของเพื่อนสาวคนสนิทเข้ามาในไนต์คลับที่ดังกระหึ่มไปด้วยเสียงเพลงจังหวะสนุก แสงไฟจากสปอร์ตไลท์ที่สาดส่องไปมาทำให้หญิงสาวมองทุกอย่างได้อย่างเลือนราง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้
"ที่นี่คือที่ไหนเหรอปันปัน" "มาเวลล์คลับ ทำไมแกทำหน้าแบบนั้น อย่าบอกนะว่าไม่เคยเที่ยวผับเลยตอนอยู่เมืองนอก" "ไม่เคย" "เพื่อนฝรั่งไม่เคยชวนแกไปเที่ยวผับเลยรึยังไง" "ก็มีชวนบ้าง แต่ทุกครั้งที่พวกเขาชวน ฉันชอบไม่ว่าง" "คิดซะว่านี่เป็นครั้งแรกที่แกได้ออกมาเปิดโลกก็แล้วกัน" ปันปันพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะจูงมือพาลูเซียร์มายังโต๊ะของโซนวีไอพี ซึ่งมีเพื่อนสนิทอีกสองคนมานั่งรอก่อนหน้านี้อยู่แล้ว "แม่บาร์บี้น้อยของฉันมาแล้ว ยัยเซียร์ มานั่งข้างฉัน" ลูเซียร์อดยิ้มกับท่าทางตื่นเต้นดีใจของชมพูไม่ได้ เธอเข้ามานั่งลงข้างกายเจ้าของประโยคนั้นที่เอ่ยชักชวน "ฉันซื้อของขวัญต้อนรับกลับไทยไว้ให้แกด้วยนะ แต่ดันลืมเอามา" "ไว้วันหลังค่อยเอามาให้ก็ได้" เธอตอบกลับนิวเยียร์ เพื่อนสาวคนสนิทอีกคน "แล้วนี่แกกลับไทยคนเดียวหรือมากับครอบครัว" "มาคนเดียว" ครอบครัวเธอให้บินกลับไทยล่วงหน้าก่อนถึงพิธีวิวาห์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพราะอยากให้กลับมาสานความสัมพันธ์กับอังเดร แต่ดูทรงแล้วคงยาก เพราะอีกฝ่ายหยิ่งทะนงตนเหลือเกิน แถมยังเย็นชาใส่เธอเหมือนตอนเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้คู่หมั้นเห็นเธออยู่ในสายตา "มาคนเดียวแล้วแกพักที่ไหน โรงแรมเหรอ?" "เปล่า ฉันพักกับพี่เดย์" "พี่เดย์ พี่เดย์ที่เป็นคู่หมั้นแกอะนะ?" "ใช่ ที่ฉันต้องบินกลับมา เพราะครอบครัวอยากให้กลับมาสานความพันธ์ระหว่างเขาและฉัน" "จากที่เคยฟังแกเล่าเรื่องเขาในกลุ่มให้ฟังบ่อยๆ ฉันว่าน่าจะยาก" ปันปันพูด อีกทั้งเวลาที่พวกเธอมาเที่ยวมาเวลล์คลับ มักเห็นคู่หมั้นลูเซียร์นั่งดื่มกับแก๊งเพื่อนแถมยังมีผู้หญิงมานั่งประกบข้าง นัวเนียร์กันต่อหน้าแก๊งเพื่อนก็มี แต่พวกเธอไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ลูเซียร์ฟัง เพราะกลัวเพื่อนจะเสียใจ ให้ค่อยๆ เรียนรู้ด้วยตัวเองไปดีกว่า "ลองไหม?" นิวเยียร์ถามพร้อมยื่นแก้วเครื่องดื่มให้ลูเซียร์ "มันคืออะไรเหรอ?" "น้ำวิเศษ" เธอรับเครื่องดื่มที่นิวเยียร์ยื่นให้มาถือไว้ ก่อนจะค่อยๆ ยกขึ้นดมกลิ่น กลิ่นของมันไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร "ลองชิมดูสิ รับรองแกจะติดใจจนต้องขอเพิ่ม" ชมพูแล้วก็ยกดื่มเครื่องดื่มในมือตัวเอง ลูเซียร์ดึงสายตากลับมามองแก้วในมือ ก่อนจะค่อยๆ ยกขึ้นชิมตามที่เพื่อนแนะนำ "อื้อ! ขมปี๋เลย" "ตอนพวกฉันลองแรกๆ ก็อารมณ์เดียวกับแกเลย แต่พอได้ลองบ่อยๆ จนชินปาก มันก็จะอร่อยไปเอง" "พวกเธอดื่มเข้าไปอึกใหญ่ได้ยังไงกัน" "แกก็ดื่มบ่อยๆ สิจะได้ชิน" "ใช่ แกใกล้จะแต่งงานแล้วนะ ดื่มไม่เป็นได้ยังไง หัดดื่มเข้าไว้จะได้ชิน มา ชนแก้วกันดีกว่า" ปันปันยื่นแก้วมา ก่อนที่คนอื่นๆ จะยื่นแก้วในมือตัวเองไปชนจนเกิดเสียง สี่สาวนั่งดื่มและพูดคุยกันตามประสาผู้หญิง ส่วนมากจะคุยเรื่องการใช้ชีวิตในต่างประเทศของลูเซียร์ เวลาล่วงเลยมาเกือบสามชั่วโมงที่ลูเซียร์นั่งดื่มกับเพื่อนจนเริ่มรู้สึกกรึ่มๆ ถึงจะดื่มไปเพียงสองแก้วก็ตาม "ห้องน้ำไปทางไหนเหรอ?" "เดินตรงไปทางนี้แล้วเลี้ยวขวา จะเจอห้องน้ำ" "ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวมานะ" เธอเอ่ยพูดกับเพื่อน ก่อนจะดึงตัวเองที่อยู่ในอาการมึนหัวขึ้น ตวัดเท้าไปตามทางเดินที่ชมพูได้บอกไว้ เธอเปิดประตูห้องน้ำออกมาล้างมือหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก่อนจะเดินออกมาแล้วต้องชะงัก เมื่อสายตาปะทะเข้ากับเจ้าของใบหน้าเย็นชาคุ้นเคย "พี่เดย์" เธอเอ่ยเรียกคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่ "เธอดื่มมาเหรอ" "นิดหน่อยค่ะ แล้วพี่เดย์จะไปไหนเหรอคะ" "เรื่องของฉัน" พูดจบก็เดินออกไปทันที ลูเซียร์ทำหน้ามุ่ยลง เป็นอีกครั้งที่อังเดรทำตัวเย็นชาใส่ เธอมองตามเขาซึ่งเดินหายไปมุมหนึ่งของไนต์คลับ ก่อนจะตัดสินใจเดินตามเพราะอยากรู้ว่าเขาจะไปไหน เธอยืนเกาะขอบประตูมองอังเดรที่เดินลงมายังสถานที่หนึ่งภายในไนต์คลับ โดยในห้องนั้นมีชายคนหนึ่งซึ่งถูกมัดติดกับเก้าอี้ ไม่รู้ว่าคู่หมั้นตัวเองพูดอะไรกับชายคนนั้น เพราะในเวลาต่อมา อังเดรได้ยกปืนขึ้นจ่อหน้าอีกฝ่าย นั่นทำให้เธอเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ปัง! เสียงปืนที่ดังขึ้น ทำให้ลูเซียร์ซึ่งยืนมองเหตุการณ์ดังกล่าวพลอยสะดุ้งตามแล้วใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ไม่อยากเชื่อว่าคู่หมั้นเธอจะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ แม้กระทั่งเพื่อนมนุษย์ด้วยกันยังไม่เว้น... ครืด ครืด~ "ซวยแล้ว" เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้อังเดรหมุนตัวกลับไปมองยังจุดเนิดเสียง ริมฝีปากหยักได้รูปเหยียดโค้งไปด้านข้างพร้อมเสียงในลำคอที่ดังออกมาเบาๆ เมื่อได้สบตากับคู่หมั้นสาวเข้าพอดี ลูเซียร์รีบเดินออกจากตรงนั้น หลังจากโดนจับได้ว่าแอบดูเหตุการณ์นั้น โทรศัพท์เจ้ากรรมดังขึ้นมาอะไรตอนนี้ เธอรีบหยิบออกมาหมายจะปิดเครื่อง แต่ทว่า... หมับ "อ๊ะ!" แรงกระชากมหาศาลทำให้โทรศัพท์เครื่องหรูหล่นตกพื้นจนหน้าจอแตก วินาทีที่ได้สบตากับเจ้าของนัยน์ตาดำขลับเย็นชา หัวใจดวงเล็กก็พลันไหววูบ "พี่เดย์..โอ๊ย!" เขาจับเธอเหวี่ยงใส่ผนังปูนซีเมนต์จนรู้สึกเจ็บแผ่นหลัง เขายังคงมีนิสัยรุนแรงและป่าเถื่อนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร" "พี่เดย์ทำอะไรก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ แล้วมาถามเซียร์ทำไมว่าเห็นอะไร" "ต่อปากต่อคำ?" "พี่เดย์ไม่ได้ความจำเสื่อมสักหน่อย ทำอะไรก็น่าจะรู้..." คำพูดทุกคำค่อยๆ หายไป เมื่ออังเดรยกปืนที่ใช้ปลิดชีพผู้ชายคนนั้นมาจ่อขมับบางของเธอ ความกลัวที่ครอบงำทำให้เธอแทบลืมหายใจ เขาชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว นี่หรือคือสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อคู่หมั้นตัวเอง "อย่าปากดีให้มันมาก ฉันไม่ได้ใจดีกับทุกคนขนาดนั้น" "พี่เดย์กล้ายิงเซียร์เหรอคะ" เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมเอ่ยถามอย่างไม่เกรงกลัว "เป็นแค่คู่หมั้นที่ฉันไม่ต้องการ อย่าคิดว่าฉันจะไม่กล้าทำอะไร" ลูเซียร์แอบใจกระตุกไปกับประโยคนั้นของคู่หมั้นหนุ่มคนที่ตัวเองมีใจให้ตั้งแต่ยังเด็ก "ถ้าทำให้ฉันหมดความอดทนกับเธอเมื่อไหร่ เธออาจจะมีจุดจบเหมือนไอ้คนเมื่อกี้ก็ได้" "เซียร์เชื่อว่าพี่เดย์ไม่กล้าทำอะไรเซียร์" "อย่ามั่นใจให้มันมาก" "อย่าลืมสิคะ ว่าเซียร์เป็นลูกสาวเพื่อนคนสนิทของคุณพ่อพี่เดย์ ถ้าพี่เดย์ทำอะไรเซียร์ เท่ากับพี่เดย์ประกาศสงครามกับครอบครัวเซียร์" "หึ ปากเก่งขนาดนี้ อยากรู้จริงๆ ว่าเวลาโดนฉันเอา จะครางเก่งขนาดไหน" เขาไม่พูดเปล่า พลางเลื่อนหลังมือขึ้นลูบไล้กรอบหน้าจิ้มลิ้มของลูเซียร์ จนกระทั่งมาถึงลำคอระหง นัยน์ตาดำขลับมองต่ำไปที่ร่องอกซึ่งโผล่พ้นคอเสื้อออกมา "พะ...พี่เดย์มองอะไร" เธอยกมือปิดหน้าอกตัวเอง เมื่อโดนอีกฝ่ายมอง "ระวังตัวไว้ให้ดี อย่าเผลอก็แล้วกัน" คู่หมั้นหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเก็บปืนแล้วเดินออกไป การกระทำของอังเดรเมื่อกี้ทำให้เธอรู้สึกร้อนฉ่าที่ใบหน้า พอยกมือขึ้นทาบอกซ้าย พบว่าก้อนเนื้อข้างในกำลังเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งจนแทบหลุดออกมาหนึ่งอาทิตย์ต่อมาหมับลูเซียร์เดินเข้ามากอดคนรักซึ่งกำลังยืนทำอาหารเช้าในห้องครัว "หอมจัง..." "ตื่นแล้วเหรอ" เขาหันไปพูดกับลูเซียร์ด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ก่อนจะดึงสายตากลับมามองข้าวต้มกุ้งซึ่งเป็นของโปรดคนข้างหลัง"ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกเซียร์ล่ะคะ""เห็นเซียร์กำลังหลับสบายเลยไม่อยากกวน"เธอไม่ตอบอะไรอีกฝ่ายกลับ ยืนชะโงกใบหน้ามองข้าวต้มกุ้งที่อังเดรกำลังทำอย่างตั้งใจเงียบๆ ระหว่างนั้นก็แอบลอบมองใบหน้าหล่อเหลาของคนรักเป็นระยะด้วยความหลงใหลเธออยากเก็บเขาไว้ดูแบบนี้คนเดียว เวลาเห็นผู้หญิงมองเขาอย่างให้ความสนใจ เธอก็อดเกิดอาการหวงขึ้นมาไม่ได้"เซียร์ไปนั่งรอที่โต๊ะนะ เดี๋ยวพี่ยกข้าวต้มไปให้""เซียร์อยากช่วยถือ""ไปนั่งรอ เดี๋ยวพี่ทำเอง" "กลัวเซียร์ซุ่มซ่ามทำถ้วยข้าวต้มหลุดมือเหรอคะ" "หึ...เปล่า แค่ไม่อยากให้ทำเพราะพี่อยากทำให้ ตอนนี้เซียร์กำลังท้องอยู่ อุ้มท้องอย่างเดียวก็พอ เดี๋ยวอย่างอื่นพี่ทำให้เอง""น่ารักจัง" เธอพูดด้วยรอยยิ้ม อังเดรหมุนตัวกลับมาหาคนตัวเล็ก มองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปหาแล้วประทับริมฝีปากลงหน้าผากบาง สัมผัสอ่อนโยนจากมาเฟียหนุ่มพล
หลายวันต่อมา@บริษัทอังเดรแกร๊กลูเซียร์เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของอังเดรหลังจากที่ขอเขาลงไปซื้อของกิน ริมฝีปากสีระเรื่อเตรียมขยับเพื่อทักทายคนรัก แต่ทว่าต้องชะงักเมื่อสายตามองเห็นเขากำลังนั่งคุยกับอนาคินคนเป็นพ่อ จากที่ต้องทักทายอังเดร กลับกลายเป็นทักทายพ่อคนรักแทน"สวัสดีค่ะคุณละ...เอ่อ..คุณพ่อ" เธอเกือบพลั้งปากเรียกอนาคินว่า 'คุณลุง' อย่างที่เคยเรียกชินปาก ดีที่ดึงสติกลับมาได้ทันจึงไม่ได้เอ่ยคำๆ นั้นออกมา"หนูเซียร์ก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ""ค่ะ พอดีว่าเซียร์ลงไปซื้อของกินมาน่ะค่ะ""อืม ได้ยินอังเดรบอกว่าทั้งสองคนคืนดีกันแล้วเหรอ""ใช่ค่ะ พี่เดย์เขาบินไปง้อเซียร์ถึงนิวยอร์กเลย""อะแฮ่ม.." เขากระแอมในลำคอเพื่อปรามไม่ให้ลูเซียร์พูดถึงเรื่องนั้น แต่คงไม่ทันการณ์เสียแล้ว"หนูเซียร์มานั่งเล่าตอนเจ้าเดย์ง้อให้พ่อฟังทีสิ นานๆ ทีจะเห็นลูกชายง้อผู้หญิง""ได้ค่ะ" เธอยิ้มและตอบรับอย่างไม่ปฏิเสธโดยไม่สนใจสีหน้าที่กำลังไม่พอใจของอังเดร ในอดีตเขาทำกับเธอไว้เยอะ คราวนี้ตาเธอเอาคืนแล้ว"ถ้าพ่อหมดธุระกับผมแล้วก็กลับไปได้แล้ว""ฉันยังไม่อยากกลับ นานๆ ทีจะมาบริษัทแก ขออยู่นานๆ ก่อนสิ" อนาคินหันไปมองลู
วันต่อมาลูเซียร์นั่งมองคนเป็นพ่อซึ่งกำลังเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์กับคนรักใหม่ด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์และรู้สึกเสียดาย การหย่าร้างของพ่อแม่ในครั้งนี้ แม้ว่าทั้งสองคนจะตกลงว่ายังคงทำหน้าที่พ่อและแม่ให้เธอเหมือนเดิม มาฉลองด้วยกันทุกเทศกาลและวันสำคัญของเธอ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรู้สึกเสียดายช่วงเวลาดีๆ ที่ครอบครัวเคยทำด้วยกันและเกิดความคิดไม่อยากให้พ่อแต่งงานใหม่ เธอรู้ดีว่าพ่อแม่แต่งงานกันเพราะถูกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจับคลุมถุงชน ทั้งสองคนอาจมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ใช่ว่าจะรักกันเหมือนคู่รักอื่นๆ ใครบอกว่าความใกล้ชิดเป็นบ่อเกิดของความรัก น้อยคนนักที่จะโชคดีดังคำพูดนั้นแต่ก็นะ...ในเมื่อพ่อเจอความสุขของตัวเองแล้ว เธอก็ควรยินดีและยอมรับในการตัดสินใจของพ่อ "คุณแม่ไม่รู้สึกเสียดายคุณพ่อเหรอคะ?" เธอเอ่ยถามคนเป็นแม่ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้า"แม่เคารพการตัดสินใจของพ่อ อีกอย่าง ต่อให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันเหมือนเดิมก็พลอยแต่จะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายนึงไม่มีความสุขเปล่าๆ""....""แม่รู้ว่าเซียร์เสียใจ พวกเราสองคนเองก็เสียใจที่ต้องให้ลูกรู้ว่าพวกเราไม่สามารถไปต่อกันได้อีกแล้ว""นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่เซียร์เห็นคุณพ
อังเดรและลูเซียร์เดินจูงมือกันเข้ามายังร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งของตัวเมืองนิวยอร์กในช่วงหนึ่งทุ่ม ทั้งสองคนเดินมาถึงห้องอาหารสำหรับวีไอพีโดยมีชายชุดดำสองคนยืนเฝ้า เมื่อชายชุดดำเห็นอังเดรและลูเซียร์มาถึงจึงเปิดประตูออกให้ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องอาหารวีไอพีซึ่งมีครอบครัวของลูเซียร์นั่งคอยอยู่ ความจริงเลยเวลานัดมาหลายนาทีแล้ว แต่อังเดรเกิดมีอาการคลื่นไว้อาเจียนขึ้นมากะทันหันทำให้มาเลทจากเวลานัดราวยี่สิบนาที"สวัสดีครับ" เขาเอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้พ่อและแม่ของลูเซียร์ เคยเจอครอบครัวลูเซียร์มาก็หลายครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้เขากลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย"ขอโทษที่มาช้านะคะ""ไม่เป็นไร พ่อกับแม่ก็เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เหมือนกัน" พ่อของลูเซียร์เป็นคนเอ่ยพูด "สั่งอาหารกันแล้วเหรอคะ?""ยังเลย กะจะรอสั่งตอนเซียร์และเดย์มาถึงแล้ว" แม่ของลูเซียร์ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเห็นลูกสาวและอังเดรอยู่ด้วยกันแบบนี้เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาระดับหนึ่ง เพราะก่อนหน้านั้นลูเซียร์บอกว่าอยากถอนหมั้น และหลังจากจบจากงานแต่งคนเป็นพ่อ ลูเซียร์ก็จะบินไปที่ปารีสทันที แต่เหมือนว่าตอนนี้ลูกสาวเธอจะเปลี่ยนใจแล้ว...ทั้งสี่คนเริ
หมับมาเฟียหนุ่มเดินมาสวมกอดลูเซียร์ที่กำลังยืนรับลมชมวิวอยู่ระเบียงที่พักจากข้างหลัง หญิงสาวแอบสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ เพราะอีกฝ่ายมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง "คิดอะไรอยู่เหรอ""ไม่ได้คิดอะไรค่ะ แค่เห็นว่าตรงนี้วิวสวยดีเลยออกมาดู" ไออุ่นจากอ้อมกอดเขาพลอยทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่อังเดรกอดเธอด้วยความอ่อนโยนแบบนี้"กลับไทยเมื่อไหร่ เดี๋ยวพาไปฝากครรภ์นะ""ค่ะ" เธอตอบรับสั้นๆ ก่อนจะก้มมองมือหนาที่เลื่อนมาสัมผัสหน้าท้องแบนราบของเธอราวกับกำลังทักทายอีกหนึ่งชีวิตในท้อง"คิดไม่ถึงเลยว่าวันนึงจะมีลูกเป็นของตัวเอง จากเคยได้ยินลูกของตินและแม็กซ์เรียกพวกมันสองคนว่าพ่อ ใครจะคิดล่ะว่าวันนึงตัวของฉันเองก็กำลัง...กลายเป็นพ่อคนแล้วเหมือนกัน""พี่เดย์รู้สึกยังไงบ้างคะตอนที่รู้ว่ากำลังกลายเป็นพ่อคน""ทั้งอึ้งและช็อก แต่หลังจากนั้นก็ดีใจและตื่นเต้นที่ตัวเองกำลังมีลูก""ตอนแรกเซียร์คิดว่าพี่เดย์จะรับไม่ได้ที่มีลูกกับเซียร์ซะอีก" เธอพูดออกมาเสียงแผ่ว ก่อนหน้าที่เขาพาเธอไปโรงพยาบาล เธอแอบกลัวว่าถ้าผลออกมาว่าเธอท้อง อังเดรอาจจะรับไม่ได้ คงทิ้งเธอและลูกไป แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ใช่อย
"ความจริงแล้วเธอไม่เคยรักฉันข้างเดียวเลยนะ"กึก...สิ่งที่อังเดรได้เอื้อนเอ่ยออกมาทำให้ลูเซียร์ที่กำลังร้องไห้อย่างบ้าคลั่งชะงักลงไปอัตโนมัติ ใบหน้าสวยหวานเปื้อนเขรอะด้วยน้ำตาเคลื่อนมามองคู่หมั้นหนุ่มพร้อมหัวใจที่เริ่มเต้นแรงเธอไม่อยากคาดหวังอะไรจากคำพูดนั้นของเขาเลย แต่ในขณะที่อีกใจก็เผลอคาดหวังไปแล้ว แววตาที่เขากำลังมองมาต่างไปจากทุกวันโดยสิ้นเชิง จากเคยมีแค่ความว่างเปล่าและเดาอะไรไม่ได้ ตอนนี้กลับมีอีกความรู้สึกจุดประกายออกมาอย่างไม่ปิดบัง"เธอไม่เคยรักฉันแค่ข้างเดียวเลยนะลูเซียร์""มะ...หมายความว่ายังไงคะ" ตอนแรกเธอเผื่อใจเอาไว้ พยายามไม่คาดหวังมากเกินไป แต่พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ออกมา เธอกลับคาดหวังไปมากจนไม่สามารถเผื่อใจเอาไว้ได้"จอดรถก่อน" เขาหันไปสั่งไทจิไทจิเมื่อได้รับคำสั่งก็ตบไฟเลี้ยวเพื่อหาที่จอดรถ ไทจิและโซลเปิดประตูลงไปรอเจ้านายนอกรถ ปล่อยให้อังเดรและลูเซียร์ได้คุยกันตามลำพัง"จำตอนเด็กๆ ที่เธอบอกว่าอยากแต่งงานกับฉันได้ไหม""จำได้ค่ะ""หลังจากเธอกลับบ้านไป ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันไปบอกพ่อกับแม่ ว่าโตขึ้นอยากแต่งงานกับเธอ อยากใช้ชีวิตคู่กับเธอไปจนกว่าจะตายกันไปข้างนึง"เธอนั่