“ไปกันเถอะวิ” แพรทองลากวิมาลาออกไปจากกลุ่มสนทนา ทั้งนาคินทร์และอัคนีมองตามอย่างเสียดาย จนหญิงสาวอีกคนรู้สึกไม่พอใจ เพราะจับได้ทันทีว่าสองหนุ่มสนใจสาวๆพวกนั้น
“พี่คินขา จะไปกันได้รึยังคะ ป่านนี้พิธีเริ่มแล้วมั้ง มัวแต่ชะเง้อเป็นยีราฟกันอยู่ได้ ก็แค่...ผู้หญิงหน้าแปลก!” สาวิตรีจึงทำหน้าที่คู่หมั้น ด้วยการดึงนาคินทร์ให้เดินตามเจ้าหล่อนไปทันที
“ไอ้คิน! เดี๋ยวเหอะมึง” อัคนีที่รั้งท้ายสุด รีบเดินตามทุกคนไป ไม่ใช่เพราะเขาอยากไปร่วมอวยพรบ่าวสาว หากแต่ต้องการใกล้ชิดกับเพื่อนเจ้าสาวแสนสวยให้หนำใจต่างหาก
ไม่นานนัก...พิธีแต่งงานระหว่างวันวิสาและชาญวุฒิก็เสร็จสิ้นลง โดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ตามที่หลายคนคาดการณ์ เพราะอัคนีตัวร้ายประจำอำเภอ ซึ่งตามจีบวันวิสามาหลายปี ไม่มีทีท่าจะป่วนงาน ตามข่าวลือที่สะพัดมาสักพัก...เกิดอะไรขึ้น ทำไมหมอนั่นถึงเปลี่ยนใจ!!!
“ขอบใจเธอทั้งสองคนมากนะที่มาร่วมงานแต่งของฉัน” วันวิสากอดวิมาลาและแพรทองด้วยความซาบซึ้งใจ “พวกเธอสองคนแต่งงานเมื่อไหร่ รับรองฉันไปเป็นแม่งานแน่นอน”
“ว่าแต่ จะไม่อยู่เที่ยวก่อนจริงๆหรือครับ” เจ้าบ่าวหมาดๆถามสองสาวอีกครั้ง ตัววิมาลานั้นอยากอยู่จนตัวสั่น แต่แพรทองนี่สิ
“เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่าค่ะ ขอกลับไปเคลียร์งานก่อน ไว้ลาหยุดประจำปีได้ จะมาพักฟรีกินฟรีที่นี่ให้หนำใจเลย”
“แล้วงานที่ฉันเสนอล่ะ”
“ฉันอยากทำนะ!!!” วิมาลาพูดแทรกขึ้น ขณะสายตาหันไปจับจ้องนาคินทร์ที่ยืนคุยอยู่กับผู้หลักผู้ใหญ่ของอำเภอ โดยมีสาวิตรีควงแขนไม่ห่าง “บางที กลับไปคราวนี้อาจจะยื่นใบลาออกเลยก็ได้”
“ลาออกเลยครับ” เสียงนั้นดังมาจากด้านหลัง เป็นเสียงของอัคนีนั่นเอง เขาเดินเข้ามา พร้อมรอยยิ้ม ซึ่งทำให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวแปลกใจมาก หมอนี่มาแบบเป็นมิตรจริงๆหรือ “ที่อำเภอของเราจะได้มีสาวสวยเพิ่มขึ้น”
แต่สายตาของอัคนีกลับจ้องไปที่แพรทองคนเดียว
“ขอบคุณนะคะคุณอัคนี ที่มาร่วมงานของฉัน”
“แน่นอนสิ เพื่อนรักแต่งงานทั้งที จะไม่มาร่วมแสดงความยินดีได้ยังไง ดีใจด้วยนะครับคุณชาญวุฒิ หวังว่าพวกคุณสองคนจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข” เขายกแก้วไวน์ในมือขึ้น ก่อนจะดื่มรวดเดียวหมด
“งั้นพวกฉันกลับห้องพักก่อนดีกว่า” แพรทองบอกเจ้าสาว “จะได้เตรียมตัวสำหรับปาร์ตี้คืนนี้”
“ดีจ้ะ แต่งตัวสวยๆนะ แต่ห้ามสวยกว่าเจ้าสาว”
“โอ๊ย ไม่กล้าหรอกค่า” แพรทองรับคำเพื่อนก่อนบอกลา แล้วดึงวิมาลาให้เดินไปกับเธอ โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของสองหนุ่มมองตามไปด้วย
อัคนีแทบอยากจะเดินตามเธอไปเดี๋ยวนี้!!
ส่วนนาคินทร์ซึ่งยังยืนคุยกับนายอำเภอและปลัดคนปัจจุบันตามประสาคนสนิท เขาคอยลอบมองมาทางแพรทองตลอดเวลา นั่นเพราะเขารู้สึกเป็นห่วงเธอ เมื่อรู้ว่าอัคนีพยายามจะเข้าใกล้เธอตลอดเวลา
ด้วยเขารู้ว่าอัคนีได้ก่อเรื่องร้ายแรงอะไรเอาไว้เมื่อคืนนี้ แต่เขาบอกใครไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐาน ซึ่งเขามั่นใจว่าตัวหญิงสาวเองก็คงไม่รู้เช่นกันว่าใครคือคนร้าย
ไม่อย่างนั้น เจ้าหล่อนก็คงโวยวายไปแล้ว!!!
ใต้ต้นไม้ใหญ่ระหว่างทางเดินไปเรือนพัก...
“ทำไมแกรีบกลับห้องจังวะ น่าจะอยู่คุยกับยัยสาต่ออีกสักหน่อย”
“น่า กลับมานอนเอาแรงไง คืนนี้แกจะดิ้นไม่ใช่เหรอ”
“เออ แต่เรามีเวลาทั้งวันเลยนะ แกจะมัวมานอนอยู่ในห้องทำไม ออกไปเที่ยวในตัวอำเภอ หรือน้ำตกใกล้ๆไม่ดีกว่าเหรอ”
“ถ้าแกอยากไปก็ไปเถอะ แต่ฉันไม่ไปนะ”
“ทำไมวะ”
“ก็เพราะ...” ก็เพราะเธอรู้สึกกลัวน่ะสิ เมื่อคืนเธอเพิ่งโดนฉุด โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไร และสิ่งที่เธออยากทำที่สุดในเวลานี้ก็คือ รีบกลับกรุงเทพฯให้เร็วที่สุด “ฉันปวดหัวน่ะ อยากนอนมากกว่า”
“แกเนี่ยนะปวดหัว” วิมาลามองเพื่อนอย่างสงสัย “ฉันว่าแกต้องมีอะไรแน่ๆเลย บอกมาว่าแกเป็นอะไร หรือว่าแกแอบชอบใครอยู่ ฮั่นแน่ แกกำลังหนีอะไรรึเปล่า????”
“เปล่า!!! ฉันไม่ได้หนี และฉันก็ไม่ได้แอบชอบใครทั้งนั้น” แพรทองพูดฉะฉานจริงจัง ก่อนจะทำหน้ากังวล “ฉันเล่าแกได้ แต่แกห้ามบอกใครนะ”
“แม้แต่ยัยสาเหรอ”
“อืม เพราะฉันจะเล่ายัยสาเอง เพราะมันเป็นเรื่องที่ยัยสาต้องจัดการ”
“อะไรวะ ท่าทางไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เล่ามาๆ”
“เออสิ ก็ยัยสาวิตรีน่ะมันชอบคินมาตั้งแต่เด็กแล้ว พอโตขึ้นมันก็ร้องจะฆ่าตัวตายถ้าไม่ให้มันแต่งงานกับคิน”“ว๊ายตาย อยากมีผัวจนตัวสั่นเลยเหรอ”“แล้วทำไมเขาตกลงล่ะ” แพรทองเองที่อยากรู้ “หรือว่าตอนนั้นก็แอบมีใจให้ยัยนั่นอยู่เหมือนกัน”“ฉันว่าไม่ใช่ เดาว่าคินทำตามที่พ่อต้องการ และตอนนั้นเขาก็ไม่ได้มีใครด้วย ไม่เหมือนตอนนี้...”วินาทีนั้นเองที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น...ก่อนชายหนุ่มจะก้าวเข้ามาในห้อง ด้วยท่าทีตื่นเต้นดีใจ“วุฒิ กลับมาแล้วหรือคะ”“ใช่ ผมได้หลักฐานมาแล้วนะ แล้วก็จัดการส่งให้ตำรวจแล้ว ตอนนี้นายอัคนีถูกเรียกไปสอบสวนแล้ว”ทั้งสามสาวพากันดีใจเฮละโล “แล้วภาพจากกล้องวงจรปิดที่รีสอร์ทเราล่ะ?”“แน่นอน” ชาญวุฒิหมายมั่นปั้นมือ “ภาพจากกล้องวงจรปิดมัดตัวนายอัคนีแบบดิ้นไม่หลุดเลยล่ะ”“อะไรนะ นี่มีภาพจากกล้องวงจรปิดด้วยเหรอ” แพรทองถามอย่างตื่นเต้น “จริงเหรอยัยสา?”“ใช่ ไม่ต้องห่วงนะ ถึงพ่อมันจะใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าหลักฐานมันชัดขนาดนี้ มันก็หนีคุกหนีตะรางไม่พ้นหรอก” วันวิสาพูดด้วยความสะใจ “โทษฐานที่มันล้วงคองูเห่า”ใครบอกว่าล้วงคองูเห่า...มันล้วงคองูจงอางต่างหาก!!!“อ้อ สาจ๊ะ ได้ข่าวเรื่องบ
เธอลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างโหยหา “อะไรคะ”“ถ้าเราสองคนอยู่ด้วยกันในคืนพระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์จะล้างคำสาปในตัวผมจนหมดสิ้น แล้วผมจะกลายเป็นมนุษย์เต็มตัว ไม่ต้องเป็นงูอีกแล้ว”“หืม...” หญิงสาวรู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก “จริงหรือคะ?”“จริง คุณจะช่วยล้างคำสาปให้ผมรึเปล่า”“ช่วยสิคะ แล้วฉันต้องทำยังไง”“คุณก็แค่รักผมให้มากๆ และยอมให้ผมทำอะไรกับคุณก็ได้ในคืนนั้น”“ทำอะไรก็ได้ หมายถึงกัดรึคะ” เจ้าหล่อนยิ้มยั่ว“มั้ง” เขายิ้มพรายก่อนก้มลงจุมพิตที่ปลายจมูกสวยของหญิงสาว “แต่อีกตั้งเดือนกว่าจะถึงวันเพ็ญ คุณก็ต้องยอมเป็นเมียงูไปก่อนนะ”“ใครบอกคะ ฉันลาพักร้อนได้แค่สิบห้าวันเท่านั้น แล้วตอนนี้ก็ใช้ไปตั้งสามวันแล้วนะคะ ฉันคงต้องกลับกรุงเทพฯก่อนถึงวันเพ็ญ”“ผมไม่ยอมให้คุณไปไหนหรอก”“ก็คอยดูว่าฉันจะไปได้รึเปล่า ฉันไม่ได้มีคู่หมั้นอย่างใครบางคนนี่คะ” เจ้าหล่อนแสร้งพูดเรื่องนี้อีกครั้ง เพื่อเตือนความจำของเขา“พรุ่งนี้ผมกูกถอนหมั้นแล้วคุณ”หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น “เหรอ?”เขายิ้มร่า ดูกะล่อนไม่เบา “ไม่เชื่อคุณก็คอยดูแล้วกัน”“อืม....อ้า!!!...” เขาใช้จังหวะที่หญิงสาวเผลอ ก้าวล้ำเข้าไปภายในของเจ้า
วันวิสาและวิมาลามองหน้ากัน รู้สึกทะแม่งๆกับท่าทางของเพื่อนสาวที่ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนมาก่อน“อ๊ะๆ ทำไมห่วงนายคินขนาดนั้นยะ มีอะไรในกอไผ่รึเปล่าเนี่ยคู่นี้” วันวิสาแซว แพรทองทำหน้าแทบไม่ถูก เธอหันไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียง อย่างรู้สึกสำนึกผิด“วิ แกอย่าโกรธฉันนะ”วิมาลาจ้องแพรทองนิ่ง ก่อนเอ่ยเสียงขรึม “ไปถึงไหนกันแล้วล่ะ”แพรทองก้มหน้านิดๆ เธอจะพูดอย่างไรดี ให้เพื่อนเสียใจน้อยที่สุด และไม่เกลียดโกรธเธอที่แย่งผู้ชายที่เธอหมายปองไปแต่เจ้าหล่อนไม่ทันจะตอบเพื่อน เสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อน วันวิสาเป็นคนเดินไปเปิดประตูให้แขกที่ทุกคนกำลังรอคอย“นาคินทร์!!!” เขากลับมาแล้ว ในสภาพที่ปกติ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด “ทุกอย่างเรียบร้อย คลิปของคุณถูกทำลายแล้ว ตอนนี้สองคนนั้นอยู่ที่โรงพักแล้ว ยอมออกไปมอบตัวด้วยตัวเอง”“จริงหรือคะ!!!” วิมาลาดีใจจนเกือบจะกรี๊ดออกมา “ขอบคุณนะคะคุณคิน คุณนี่ทั้งหล่อทั้งเก่งเลยค่ะ แล้ววิจะเลี้ยงข้าวนะคะ”“แล้วคินทำยังไงให้พวกนั้นมันยอมมอบตัวได้” วันวิสาถามอย่างใคร่รู้นาคินทร์หันมองหญิงสาวที่กุมความลับเขาไว้ เธอยิ้มนิดๆให้เขา“ก็ไม่ได้ทำอะไร พวกมันคงสำนึกผิดเองมั้ง”“
“คุณอย่าชะล่าใจนะ หมองูคนนั้นท่าทางน่ากลัวจะตายไป บางทีเขาอาจจะมีคาถาอาคมแก่กล้าจนคุณนึกไม่ถึงก็ได้”เขาหัวเราะ “เอาเป็นว่า เรามาคอยดูกันคืนนี้ดีมั้ย ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะเก่งสักแค่ไหน”“คุณนี่นะ ยังจะปากดีอีก ฉันว่าคืนนี้คุณอย่าอยู่ที่เมืองนี้เลย ไปไหนก็ได้ ให้มันไกลๆ เชียงใหม่เชียงราย หรือ...”“ไม่ ผมจะอยู่ที่นี่” เขาจับมือเธอแล้วบีบแน่น “ผมวางแผนจะออกไปเล่นงานลูกน้องไอ้อัคนีคืนนี้ ผมนัดแนะกับงูตัวอื่นๆไว้แล้ว พวกเขาเตรียมตัวกันหมดแล้ว ผมไปไหนไม่ได้หรอก”“คุณนี่ดื้อจริงๆเลย” เธอเริ่มจะหัวเสียแล้ว “เออ อยากทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว ขอตัวก่อน เดี๋ยวยัยสาจะมารับไปเยี่ยมยัยวิที่โรงพยาบาล”เจ้าหล่อนหมุนตัวหันหลังให้ชายหนุ่ม เขาคว้าข้อมือเธอไว้“ผมไม่ยอมตายง่ายๆหรอกนะคุณ มีเมียสวยขนาดนี้จะทิ้งให้เป็นหม้ายได้ยังไง คืนนี้รอฟังข่าวดีนะ”ในที่สุดเธอก็แพ้เขา ยอมปล่อยเขาไป ตามที่เขาต้องการ เธอกลับมาอาบน้ำแต่งตัวที่บ้านพักเรียบร้อย ไม่นานนัก วันวิสาก็โทรศัพท์ให้เธอออกไปรอที่ลานจอดรถด้านหน้ารีสอร์ทขณะเดินออกจากเรือนพัก เธอเห็นหมองู เสี่ยอาทรและลูกน้องสามสี่คน กำลังจัดเตรี
“ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่สบายใจอยู่ดี”ชายหนุ่มคว้ามือเธอมาจูบแน่น ก่อนเงยหน้ามองด้วยสายตาออดอ้อน “ผมรักคุณนะ รักคุณมากจริงๆ อดทนอีกนิด แล้วผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย รับรองว่าสาวิตรีจะทิ้งผมทันทีเลย”เธอหน้าตื่น “คุณจะทำยังไงคะ หรือว่าคุณจะเผยตัวตน”เขาส่ายหน้า “มันมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น”ขณะนั้นเอง บริเวณด้านหน้าของตัวอาคารกลางของรีสอร์ท ได้มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมา หนึ่งในนั้น มีบิดามารดาของวันวิสา และเสี่ยอาทร บิดาของอัคนีและสาวิตรีเดินมาด้วยกัน ดูจากสีหน้าท่าทางของทุกคน เหมือนมีเรื่องกังวลใจหนักหนา“มีเรื่องอะไรรึเปล่า เสี่ยอาทรถึงมาที่นี่”“ใครคะ”“โน่น พ่อของนายอัคนีตัวแสบ”“อ่อ ว่าที่พ่อตาคุณ”“เอ๊ะนั่น!” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเสี่ยอาทรเท่ากับชายชราอีกคน ที่สวมชุดขาวทั้งตัวและมีหนาวเคราขาวรกรุงรัง “หมองู”“ว่าไงนะคะ” เจ้าหล่อนหันไปมองตามสายตาของชายหนุ่มทันที “หมายความว่าไงคะ เสี่ยอาทรพาหมองูมาที่นี่ทำไมคะ”“คุณจะกลับห้องพักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ ลงไปได้แล้ว เดี๋ยวผมจะไปคุยกับพวกเขาหน่อย เผื่อมีอะไรจะช่วยได้”หญิงสาวรู้สึกเป็นห่วงเขา แต่ก็ยอมทำตามที่เขาสั่ง เธอลงจากรถไปด้
“แต่พี่ชายตรียังอยู่โรงพยาบาลอยู่เลยนะครับ”“พี่หินฟื้นแล้วค่ะ พ้นขีดอันตรายแล้วด้วย ตรีบอกป๊ากับม๊าแล้ว ท่านทั้งสองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรนะคะ”แต่คนที่ขัดข้องคือว่าที่เจ้าบ่าวนี่แหละ เขายิ้มแทบไม่ออก ที่ยอมหมั้นในเวลานั้นก็เพราะบิดาใกล้เสียชีวิต อยากให้ท่านมีความสุขและสบายใจที่ลูกชายกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดขนาดนี้“ไหนๆก็หมั้นกันมาตั้งหลายปีแล้ว แต่งกันสักที จะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้านเขา แม่ว่าจะไปสู่ขอน้องตรีอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ลูกคิดว่าไงจ๊ะ”“ผมยังไม่พร้อมครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาคมดุหันมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า เจ้าหล่อนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทันที“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อมล่ะลูก นี่ลูกพูดแบบนี้มาหลายครั้งแล้วนะ น้องตรีเสียหายมากนะลูก ถูกคนเขาเม้าท์ไปทั่วว่าลูกไม่เอา...”“คุณน้าคะ...” เจ้าหล่อนสะอื้นฮึกฮักขึ้นมาจนทำให้มารดาของชายหนุ่มสงสาร คว้ามากอดแนบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ตรีรอได้ นานแค่ไหนก็จะรอ”“ไม่เอานะลูก ไม่ร้องนะหนูตรี ยังไงพี่คินก็ต้องแต่งกับหนูตรีนะ”นาคินทร์ลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาควรต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะคนที่เ