"พ่อไม่ไปนะ!" จู่ ๆ เซี่ยเทาก็แผดเสียงร้องพลางกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหลัง! เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายตอบสนองว่องไว! เพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวพลางจับเขากดลงกับพื้นแล้วบังคับสวมกุญแจมือ สิบนาทีต่อมา ภายในห้องสอบสวน เสี่ยวอิ๋งนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยความคิดมากมาย ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูวิดีโอแล้วถามว่า "เท่าที่พวกเราทราบมา คนที่อยู่ในวิดีโอคือเซี่ยเทาพ่อของคุณ ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้าง ๆ คุณจะอธิบายสิ่งที่เขาพูดว่ายังไงล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งสูดลมหายใจลึก ๆ พลางผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงไม่ถามเขาเองล่ะคะ?" "แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องถามเขาอยู่แล้ว แต่คุณเป็นลูกสาวของเขา คุณจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวเหรอ?" เซี่ยอิ่งลูบคางพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยสิ! ดูเหมือนเขาจะเคยบอกว่าทำความผิดร้ายแรงบางอย่างแล้วอยากจะหนีไป! ฉันถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยแถมยังบอกว่ายิ่งฉันรู้ให้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี! วันหน้าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดี ๆ..." "พูดต่อไปสิ" "จากนั้น
"คุณเป็นพ่อที่แย่ที่สุดในโลกเลย! หนูเกลียดพ่อ!" "เป็นเพราะพ่อนั่นแหละที่ทำให้โต้วโต่วถูกเรียกว่านังเด็กไม่มีพ่อ แถมพ่อยังทำให้แม่ถูกพวกมันทุบตีอยู่ทุกวัน มีเลือดออกตั้งเยอะเลยด้วย" "พวกมันบอกว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป แม่จะต้องตาย โต้วโต่วไม่เอานะ! โต้วโต่วไม่อยากไร้พ่อขาดแม่อีกแล้ว..." "พ่อบ้า โต้วโต่วกลัวมาก ๆ เลย! มาช่วยแม่ของหนูทีเถอะ ได้โปรด..." กองบัญชาการอสูรรัตติกาล ณ เกาะร้างนอกประเทศ หลี่ชิงเฟิงมองดูจดหมายที่อยู่ในมือ มันเป็นจดหมายที่ส่งมาจากต้าเซี่ย ลายมือบนจดหมายเห็นได้ชัดว่าเป็นเด็กเขียนมา เพราะตัวอักษรขยุกขยิกและบางคำยังแทนที่ด้วยตัวอักษรพินอิน[1] หลังจากเห็นจดหมายฉบับนี้ หลี่ชิงเฟิงก็ใจสั่นระรัว! "เย่เซียว! เย่เซียว!" หลี่ชิงเฟิงลุกพรวดแล้วตะโกนไปทางประตูสองครั้ง เงาร่างสายหนึ่งวูบผ่านประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว! "พี่ใหญ่ ผมมาแล้ว" เย่เซียวพูดเสียงเบา หลี่ชิงเฟิงกำจดหมายเอาไว้แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "จดหมายฉบับนี้เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ? ฉะ... ฉันมีลูกสาว?" เย่เซียวผงกศีรษะ "ลูกน้องของผมเพิ่งจะส่งคนมายืนยันว่าเธอเป็นลูกสาวของพี่จริง ๆ เธอชื่อว่าห
ก่อนที่โต้วโต่วจะทันได้พูดให้จบ จู่ ๆ เธอก็ขมวดคิ้วและรอยยิ้มก็เลือนหายไปจากใบหน้า! ดูเหมือนว่าจะอึดอัดมากทีเดียว... เมื่อเซี่ยเซียนอินเห็นเช่นนี้เข้า เธอก็รีบลูบหลังลูกสาวของเธอแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า "โต้วโต่ว? เป็นอะไรงั้นเหรอ?" "แม่คะ หนู...แค่ก แค่ก แค่ก! แม่..." "แม่คะ หนูรู้สึกอึดอัดจังเลย แค่ก..." โต้วโต่วอาการทุเลาลงได้ชั่วอึดใจ แต่อีกไม่กี่วินาทีต่อมาก็เริ่มไอเสียงดังพลางอ้าปากหายใจหอบและใบหน้าเหยเก! ราวกับว่าหายใจไม่ออก! หมั่นโถวที่อยู่ในมือของเธอตกลงพื้น เซี่ยเซียนอินใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที! ตอนที่โต้วโต่วเกิดมา หมอบอกว่าเด็กเป็นโรคหอบหืดขั้นรุนแรง! ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด! ทว่ายามนั้นเธอถูกขับไล่ออกจากตระกูลเซี่ย มิหนำซ้ำยังขาดการติดต่อกับพ่อแม่ของตัวเองจนต้องออกจากบ้านไป แถมเธอยังมีเงินในมือไม่พอที่จะผ่าตัดโต้วโต่ว ดังนั้นจึงได้แต่ใช้ยารักษาไปตามอาการ แต่ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้ เธอไม่มีเงินพอที่จะซื้อยาเลย... โต้วโต่วอาศัยอยู่ในเล้าหมูที่มีอากาศไม่ถ่ายเทและมีกลิ่นเหม็น อาการหอบหืดของเธอจะไม่กำเริบได้ยังไงกัน? โต้วโต่ว แม่ขอโทษ เป็นความผ
ในเวลานั้นเอง ณ โรงแรมหอแปดเซียน เซี่ยเซียนอินมาถึงห้องส่วนตัวในโรงแรม พอเปิดประตูก็ได้กลิ่นเหล้าคละคลุ้ง ด้านในมีชายร่างกำยำหลายสิบคนกำลังสังสรรค์กันเสียงดังหนวกหู พวกเขาทั้งชนแก้วและร้องรำทำเพลง! "พี่หู่! นี่ไง ๆ!" ชายหนุ่มเอ่ยกระเซ้า เซี่ยเซียนอินเดินเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว จากนั้นสายตาทุกคู่ก็ทอดมองมาที่เธอด้วยแววหื่นกระหายอยู่บ้าง... ถึงเซี่ยเซียนอินจะแต่งตัวเรียบ ๆ แต่ก็ยากจะปกปิดเสน่ห์อันเย้ายวนของเธอได้ ชายหัวโล้นที่นั่งอยู่ตำแหน่งประธานยิ้มพลางกล่าวว่า "เธอคงจะเป็นเซี่ยเซียนอินสินะ มานั่งตรงนี้กับฉันแล้วดื่มกับพวกพี่ ๆ น้อง ๆ สักสองสามแก้วสิ" เซี่ยเซียนอินก้มหน้าแล้วพูดว่า "พี่หู่ ฉันไม่ดื่มหรอกค่ะ วันนี้ฉันมาหาพี่เพราะต้องการเงินสามหมื่นหยวน..." พี่หู่เกาศีรษะพลางยิ้ม "ก็แค่สามหมื่นหยวนไม่ใช่รึไง? มาดื่มด้วยกันสิแล้วฉันจะให้เธอห้าหมื่นหยวน" "ไม่ค่ะ ฉันต้องการแค่สามหมื่นหยวน..." พี่หู่สีหน้าหม่นคล้ำพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "สามหมื่นหยวนของเธองั้นรึ? ทำไมฉันฟังแล้วมันทะแม่ง ๆ ยังไงชอบกล?" "เงินเป็นของฉันต้าหู่!" เซี่ยเซียนอินดวงตาแดงก่ำและน้ำเสีย
เปรี้ยง——! ! ! หลี่ชิงเฟิงโรยตัวลงมาด้วยความว่องไวสุดขีด! ราวกับดาวตกที่ชักนำให้เกิดภาพตามติดขึ้นกลางอากาศ! ในที่สุดเมื่อเขาร่อนลงสู่พื้นแล้ว พื้นซีเมนต์ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็พลันแตกเป็นเสี่ยง ๆ! เศษหินร่วงกราวไปทั่วทุกหนแห่ง! ชวนให้ผู้สัญจรไปมาถึงกับกรีดร้อง! ชั่วเสี้ยววินาทีสุดท้ายที่หลี่ชิงเฟิงมาถึง! เขาก็เอื้อมมือไปคว้าตัวเซี่ยเซียนอินแล้วกอดเธอเอาไว้แน่น ตอนนี้เซี่ยเซียนอินที่หายใจรวยริน หลงเหลือสติสัมปชัญญะเพียงราง ๆ คนที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าคือหลี่ชิงเฟิงจริง ๆ ใช่ไหม? ในช่วงเวลานั้น เธอก็ยิ้มออกมา... ว่ากันว่าคนเราจะได้เห็นคนที่พวกเขาคิดถึงมากที่สุดก่อนตาย ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริงเสียด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นภาพลวงตา ฉันก็มีความสุขเหลือเกินที่ได้พบผู้ชายคนนี้อีกครั้ง ต่อให้เขาจะตายไปแล้วก็เถอะ... "ชิงเฟิง..." "ถ้าเป็นเรื่องจริงก็คงจะดี...." หลี่ชิงเฟิงดวงตาแดงก่ำ เขาไม่นึกเลยว่าตนเองจะได้กลับมาพบกับผู้หญิงที่ตรึงติดอยู่ในใจมานานถึงหกปีภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น... "เซียนอิน เป็นผมจริง ๆ! ผมกลับมาแล้ว!" ทว่าเซี่ยเซียนอินกลับไม่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ เพราะหล
ต้าหู่สติพร่าเลือนนับครั้งไม่ถ้วน หลังจากร่วงตกลงมาก็ทำให้แขนของเขาบิดเบี้ยวผิดรูปจนเขาอยากจะตายเสียให้พ้น ๆ ไป แต่เจ้าคนที่ราวกับปีศาจมารร้ายผู้นั้นกลับไม่ยอมปล่อยเขาไป! หลี่ชิงเฟิงเหลือบมองเขาแล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า "ปลุกให้มันตื่น" เย่เซียวผงกศีรษะแล้วหยิบเข็มออกมาจากกระเป๋าคาดเอว ข้างในเป็นยาสูตรลับของอสูรรัตติกาล การต่อสู้ในสนามรบแถบโพ้นทะเลตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้นักรบของอสูรรัตติกาลทุกคนจะต้องเตรียมของพวกนี้เพื่อใช้สู้ตายกับศัตรูในสถานการณ์เข้าตาจน! เมื่อแทงเข็มเล่มนี้ลงไป! ต้าหู่ก็ฟื้นตื่นขึ้นมา! เขาสูดหายใจลึก ๆ พร้อมอ้าปากกว้าง! ดวงตากลัดเลือดกลับถูกปลุกกระตุ้นจนถึงขีดสุด! ยาสูตรลับตำรับนี้สามารถกระตุ้นพลกำลังของคนได้! ต่อให้เป็นคนใกล้จะตายที่เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติอยู่ได้ทั้งวัน! พูดง่าย ๆ ก็คือต้าหู่จะไม่ตายเดี๋ยวนี้ แต่เขาจะรู้สึกเจ็บปวด! นอกจากนั้นความเจ็บปวดเช่นนี้ก็จะขยายวงกว้างอีกหลายเท่าตัวเพราะเส้นประสาทถูกกระตุ้น! "พี่ใหญ่! ผมผิดไปแล้วจริง ๆ! ปล่อยผมไปเถอะนะ!" ต้าหู่ทั้งเจ็บปวดและตื่นตระหนก หลอดเลือดและเส้นประ
หลังจากชายชราพูดจบก็หยิบไม้เท้าขึ้นมาจากเล้าหมูแล้วถีบประตูรั้วให้เปิดอีกครั้ง โต้วโต่วที่กำลังนอนอยู่บนลอมฟางรู้สึกหวาดกลัวมากเสียจนร่างเล็ก ๆ สั่นสะท้านและดวงตาเบิกกว้าง นั่นมันแววตาแบบไหนกัน! ม่านตาดำสนิทเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและอับจนหนทางที่ไม่ควรจะเป็นของเด็กในวัยนี้เลย! หลี่ชิงเฟิงรู้สึกใจสั่นระรัว เขาค่อย ๆ หลับตาลง เมื่อเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งชวนให้หายใจไม่ออกขึ้นมาอีกครั้งว่า "เย่เซียว นายคิดว่าทุกอย่างที่ฉันทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาคุ้มค่าหรือเปล่า?" เย่เซียวตัวสั่นสะท้านรุนแรง ตลอดห้าปีที่ผ่านมา เขาคอยติดตาม "จอมราชันย์" และตกอยู่ในอันตรายมาหลายครั้งหลายครา แต่เขาไม่เคยได้ยิน "จอมราชันย์" เกิดความกังขาหรือยอมแพ้ให้กับตัวเองเลยสักครั้ง ทว่ายามนี้! "จอมราชันย์" กลับเริ่มตั้งคำถามกับตนเองเพราะไอ้พวกมดปลวกเช่นนี้! อย่างไรเสียเขาก็เข้าใจความรู้สึกของ "จอมราชันย์" ในตอนนี้ดี ในขณะที่ "จอมราชันย์" ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อปกป้องประเทศให้มั่นคงและปกป้องผู้คนให้ได้มีชีวิตอยู่กันอย่างสงบสันติ ลูกเมียของเขากลับต้องทนทุกข์ทรมานอยู่เบื้องหลัง! ต้องถูกเรียกว่าห
อีกสองชั่วโมงให้หลัง ภายในห้องส่วนตัวของภัตตาคารแถวหน้า สวีอู่ที่สวมใส่ชุดลำลองบุรุษแบบยุคสาธารณรัฐยิ้มพลางยกแก้วไวน์ขึ้นหมายจะดื่มอย่างสุขสันต์ ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องดังอยู่ข้างนอกซึ่งทำให้เขาสะดุ้งตกใจแล้วเอ่ยเสียงเบาขึ้นมาว่า "นี่มันสภาพอากาศบ้าบออะไรกัน? ทำไมถึงได้มีฟ้าร้องได้ล่ะ?" คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาเป็นหญิงสาวผู้งดงามอ่อนเยาว์ ทว่าตรงหว่างคิ้วกลับแฝงเจตนาร้ายอยู่บ้าง "นายท่านอู่! คราวนี้คุณช่วยตระกูลเซี่ยของพวกเราเอาไว้ได้เยอะเลย! คุณย่ามีความสุขมากเชียวล่ะ! ฉันขอดื่มอวยพรให้คุณในนามของท่านเองค่ะ!" หลังจากหญิงสาวพูดจบ เธอก็ดื่มไวน์แดงไปแก้วหนึ่งด้วยความสบายอกสบายใจ สวีอู่ยิ้มพลางกล่าวว่า "เซี่ยอิ่ง คุณพูดจารื่นหูจริง ๆ มิน่าล่ะนายหญิงผู้เฒ่าแห่งตระกูลเซี่ยถึงได้รักคุณมาก ไม่ใช่เซี่ยเซียนอินคนนั้น" เซี่ยอิ่งหัวเราะเยาะ "นายท่านอู่ คุณเอาฉันไปเปรียบเทียบกับนังคนขี้แพ้นั่นได้ยังไงกัน? ว่าแต่ว่าพอเอ่ยถึงนังคนขี้แพ้นั่นแล้ว หล่อนเป็นยังไงบ้างล่ะ?" สวีอู่ยิ้มพลางกล่าวว่า "อย่าห่วงไปเลย ตระกูลเซี่ยของคุณให้เงินผมมาตั้งเยอะขนาดนั้น ตลอดหกปีที่ผ่านมานี้ผมก็เลยทำใ